เพื่อหลังแปดโมงเมื่อพระฉันท์เช้าเสร็จ เราจะลองเข้าไปขอปาฎิหารย์กับหลวงพ่อใช่..หลวงพ่อรูปนี้แหละ ที่เมื่อก่อนพ่อแม่ฝากฝังไว้ให้เป็นลูกบุญธรรม
แปดโมงครึ่งกว่าเกือบเก้าโมงเช้าเราเดินถึงวัดสอบถามว่าหลวงพ่ออยู่มั้ย
ลูกศิษย์บอกพักอยู่ด้านในกำลังพาไปเข้าห้องน้ำ รอสักพัก
ขอชี้แจงก่อนว่าหลวงพ่อท่านอาพาธมาได้หลายปีแล้วเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตครึ่งล่าง ต้องนอนแต่บนเตียงคนไข้
ตัวผมเองก็ได้แต่แก้ปัญหาแต่ตัวเองติดตามข่าวสารท่านบ้าง แต่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมจริงจัง แวะมากราบแล้วก็กลับไม่ได้อยู่พูดคุยกับท่านมาก เพราะคิดว่าลูกศิษย์ลูกหาคงดูแลท่านอย่างดี
แต่ความจริงวันนี้เมื่อเปิดประตูเข้าไป เห็นหน้าท่านสิ่งที่ผมเตรียมมาพูดกับท่านมันมลายหายไปเกลี้ยงเลย
สภาพท่านที่นอนติดเตียงจากที่เคยดูอวบอิ่มสมบูรณ์ เพราะท่านโครงร่างใหญ่ วันนี้หน้าท่านแก้มดูซูบตอบมากคำถามแรกคือเป็นอย่างไรบ้าง มารถอะไร เลขทะเบียนอะไร เลขที่บ้านอะไร
เราอ้ำอี้งสักพักและก็ตอบออกไป ตามทะเบียนบัตร ทั้งๆที่ความจริงเราไม่มีสิ่งที่หลวงพ่อถามแล้วทั้งเลขทะเบียนรถ เลขที่บ้าน(เพราะเลขที่มีก็แค่ตามบัตรที่พ่อย้ายให้ไม่ได้อาศัยอยู่จริง)
ท่านบอกว่าดีๆ เลขดีอยู่แล้ว ดีทุกอย่าง แล้วก็เหมือนเดิมผมก้มหน้าไม่ให้ท่านเห็นแล้วก็มีแต่น้ำตาหยดแหมะๆ ลงบนพรมในพื้นห้องของท่านขณะที่ท่านกำลังกล่าวของท่านไปเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ได้แต่รับฟังไม่ได้พูดปัญหาให้ท่านรับฟังหรือลำบากใจเพิ่มอีก
เมื่อท่านหยุดผมจึงเอื้อมไปคว้ามือซ้ายของท่าน(เพราะผมนั่งด้านซายของท่าน)เพื่ออยากให้ท่านมาลูบหัวผม เผื่อจะปัดเป่าภยันตรายเหมือนเมื่อเราตอนเด็กๆอีกแต่ท่านร้องโอยๆ(เบาๆ) ท่านบอกว่าแขนซ้ายไม่ค่อยมีแรงแต่ท่านก็เอื้อมไปหยิบไม้พรมน้ำมนต์ มาเคาะหัวผมไปสามสี่ครั้งและบอกว่า"ช่วงนี้ไม่ต้องหวังคนสนับสนุนอีกสองสามเดือนแหละถึงจะเริ่มดีขึ้น" ผมได้แต่ยิ้มแล้วก้มลงกราบท่าน
ก่อนจะกลับผมถามท่านว่าอยากจะบวช เพื่อพักทางโลก(ก็หนีนั่นแหละ)บวชช่วงนี้(พฤศจิกายน)ได้มั้ย ท่านว่าไม่ได้ น่าจะสะดวกช่วง 17-18 ธันวาคมให้ไปติดต่อรองเจ้าอาวาส เพื่อกำหนดวันที่แน่นอน
ผมจึงกราบลาท่านอีกหนเพื่อไปติดต่อรองเจ้าอาวาส
เมื่อผมออกมาผมเจอพระซึ่งเป็นผู้ช่วยรองเจ้าอาวาสเข้าพอดีจึงสอบถามท่านว่า รองเจ้าอาวาสอยู่กุฎิไหน ท่านจึงอาสานำไป
เมื่อไปถึงห้องของรองเจ้าอาวาสท่านถามว่าทำไมถึงอยากบวช แล้วจะบวชวันที่เท่าไร
ผมแจ้งว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสแจ้งว่าน่าจะบวชได้ 17-18 ธันวาคมท่านก็บอกว่า 18 น่าจะสะดวกกว่า ถ้าจะบวชจริงก็มาแจ้งก่อน 12ธันวาคมนะโยม และก็มีซองใส่พระอันดับ 19 รูปซื้อผ้าไตรสักสองชุด พร้อมบาตร ส่วนของอื่นๆมาทำบุญที่วัด ที่วัดมีหมดก็ใส่ซองทำบุญให้แก่ทางวัดไปและกัน" ผมนิ่งเงียบยังไม่ทันได้ตอบเพราะค่อนข้างหนักใจกับค่าใช้จ่ายในการบวช
แต่อยู่ดีๆผู้ช่วยรองเจ้าอาวาส ก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมถึงอยากบวชไปทำอะไรไม่ดีไว้มั้ย" ผมโกรธขึ้นมานิดหน่อย แต่พยายามข่มอารมณ์โกรธไว้เพราะเมื่อตอนผม อายุ 20 ผมก็บวชวัดนี้ก็รูัจักหลวงพ่อท่านหนึ่งที่ออกกิจของสงฆ์และท่านก็ได้จุนเจือปัจจัยแก่ครอบครัวของท่านซึ่งเป็นครอบครัวของท่านก่อนที่ท่านจะบวช
แล้วผมจะทำแบบหลวงพ่อรูปนั้นบ้างไม่ได้เชียวหรือ ผมคิดในใจ แต่ไม่ได้กล่าววาจาใดๆออกไป
เพราะผมรู้อยู่แก่ใจดีว่าการบวชไม่สามารถมีคดีติดตัว ไม่สามารถมีหนี้ได้ถือเป็นข้อห้ามสำหรับคนที่ต้องการจะบวชพระ(รู้สึกว่าจะมีในบทสวดตอนบวช)
แต่ผมกลับตอบไปว่า"ผมอยากบวช แต่ไม่คิดนำสิ่งไม่ดีเข้าวัดแน่นอน"
ผมจึงตั้งปณิธานว่าถ้า"ผมเคลียร์ปัญหาทางโลกได้ผมจะบวชพระตลอดชีวิต"
ซึ่งก็ยังดูไร้วี่แวว
แต่ผมก็แจ้งกับรองเจ้าวาสว่า"ถ้าผมพร้อมก่อน 12 ธันวาคมผมก็จะมายืนยันว่าจะบวช แต่ถ้าผมแก้ไม่ได้ ผมก็ไม่บวชและจะไม่นำความเสื่อมเสียมาแก่พุทธศาสนา"
แจ้งเสร็จผมจึงได้กราบลาหลวงพ่อทั้งสองรูปแล้วออกไปจากวัด
อนึ่งได้นั่งรถเมล์อีก 5 บาท เพื่อไปวัดดังอีกแห่งหนึ่งแต่ไม่สามารถเข้าพบเจ้าอาวาสได้ เนื่องจากเจ้าอาวาสติดกิจของสงฆ์ตลอดเจ็ดวันทำให้จบและเลิกคาดหวังกับปาฎิหารย์ทางศาสนา
>>>> ข้อ 4-5.