Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 

"ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า" คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)
แม่ญากับลูกเมญ่า คู่แม่ลูกสุดเลิฟ

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)
พร้อมหน้าครอบครัว

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)
(ซ้ายไปขวา) พี่ชาย เมญ่า พี่สาว

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)
หนูน้อยเมญ่า

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ไม่มีแม่ ไม่มีเมญ่า คำเปิดใจนางงามผิวสีน้ำผึ้ง (ชมคลิป)

ทําเอาค่านิยม "ขาว = สวย" และเวทีขาอ่อนต้องสั่นสะเทือน เมื่อสาวสวยคมผิวสีแทน 'เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง' อายุ 22 ปี คว้ามงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 มาครองได้สำเร็จ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์บางส่วนที่มองว่าเธอมีรูปร่างหน้าตา และสีผิวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง แต่เชื่อว่าใครหลายคนที่กำลังอ่านอยู่นี้ คงรู้สึกเหมือนกันว่า เธอสวย และเพียบพร้อม เหมาะกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้เป็นที่สุด

ด้วยความฉลาด มาดมั่น มากความสามารถที่เธอมี การย้อนกลับไปค้นหายังสถานที่ที่สร้างเธอเติบโตขึ้นมาอย่าง "ครอบครัว" จึงเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจว่า สภาพครอบครัว และการอบรมเลี้ยงดูแบบใดที่สามารถสร้างให้คน ๆ หนึ่งสามารถมายืนอยู่ได้ ณ จุดนี้


นี่คือการสัมภาษณ์เปิดใจให้เห็นอีกด้านชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มี "คุณแม่ (ฐิตาภา)" อยู่เบื้องหลัง ทั้งความเก่ง ความน่ารัก และน่าหลงใหลจนสามารถชนะใจกรรมการมาหลายเวที ทั้งการร้องเพลง การประกวดนางงาม รวมไปความโดดเด่นบนเวทีแคทวอล์กจนผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้ง ไทย ซูเปอร์โมเดล และเอเซียน ซูเปอร์โมเดล ไทยแลนด์ ปี 2010


"เมญ่าเติบโตในครอบครัวที่มีคุณแม่เป็นหน่วยสนับสนุนทุกเรื่องค่ะ อยากจะทำอะไร ให้ทำ แต่ถ้าทำแล้วมันไม่ใช่ แม่จะบอกว่า โอเคมั้ย ไหวเหรอลูก หรือสิ่งที่ไหนที่แม่มองว่า หนูยังไม่พร้อม แม่ก็จะบอกว่า แม่ว่าน้อง (คำที่คุณแม่เรียกแทนลูกๆ) ยังไม่พร้อมนะ อย่างการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ แม่ก็บอกปีหน้าเถอะๆ แต่ใจหนูมันพร้อมแล้ว คุณแม่ก็เคารพในการตัดสินใจของหนู" เธอเริ่มเล่า


ถึงดุ แต่ก็ให้เกียรติลูกๆ

แม้จะเป็นหน่วยสนับสนุนในทุกๆ เรื่อง แต่ถ้าถามถึงความดุ เมญ่า หันไปมองคุณแม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วบอกด้วยเสียงเบาๆ ว่า "คุณแม่ดุมาก (ลากเสียงสาว)"

"คุณแม่ดุ และเข้มงวดมาก (ลากเสียงยาว) สลับกันกับคุณพ่อที่จะใจดีมาก (ลากเสียงยาว) ถ้าวันไหนคุณแม่เรียกหนูเคลียร์ วันนั้นทุกคนจะไม่ได้อยู่บ้าน เพราะคุณแม่จะต้องเคลียร์กับหนูสองคนเท่านั้น พ่อก็อยู่ไม่ได้ เหตุผลของแม่ก็คือ แม่ไม่อยากตำหนิหนูต่อหน้าคนอื่น วิธีนี้แม่จะใช้กับลูกๆ เหมือนกันหมด รักลูกเหมือนกันหมด ให้เกียรติลูกเท่ากันหมด" เธอเผย ก่อนจะบอกให้ฟังถึงสาเหตุที่คุณแม่มักจะโกรธจนถึงขั้นเรียกคุยเป็นการส่วนตัว


       "แม่พูดคำเดียวแล้วไม่ทำค่ะ แถมบางครั้งยังติดคำว่า แป๊บนึง คุณแม่ก็จะติ๊กไว้ละ ถ้าถึง 10 ขีด คุณแม่จะเรียกเข้าห้องเชือดทันที พี่ชายก็โดนค่ะ อย่างเวลาเล่นกีฬา พี่ชายหน้าไม่รับแขก คุณแม่ก็จะขีดละ 1 ครบ 10 ขีดเมื่อไรก็โดนเข้าห้องเชือดเหมือนกัน (หันไปมองคุณแม่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม)"


       ด้านคุณแม่ก็เสริมขึ้นมาว่า ที่ใช้วิธีนี้เพราะรัก และหวังดีกับลูกๆ ทุกคน


       "ยกตัวอย่างตอนไปเล่นกอล์ฟ แม่อยากให้ลูกไปร่วมก๊วนกับคนอื่นบ้าง เวลาเล่นกอล์ฟจริงๆ จะได้ไม่เกร็ง แต่น้อง (ลูกชาย) กลับทำสีหน้าไม่ชอบ ไม่รับแขก แม่ก็โอเค ไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมก๊วนใช่มั้ย เอาไป 1 ขีด พร้อมเขียนกำกับไว้ด้วยว่า ที่ขีดเพราะอะไร กลับไปบ้านจะได้ชี้แจงให้ปรับปรุง" แม่นางงามขยายความ


       เมื่อถามถึงความสนิทสนมกับคุณแม่ เธอบอกสั้นๆ ว่า ไม่มีแม่ ก็ไม่มีเมญ่า


"หนูกับแม่สนิทกันมากค่ะ ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีเมญ่า เดี๋ยวพูดแล้วร้องนะ (หันไปมองคุณแม่) หนูไม่เขินเลยที่จะบอกรัก หรือกอดหอมแม่ เพราะตอนเด็กๆ หนูบอกรัก และเข้าไปกอด หอมแม่ทุกวัน อย่างเวลาจะไปไหน หนูก็จะอ้อนให้แม่กอดหนูหน่อย หอมน้องด้วย ข้างนี้ด้วย (ทำเสียงอ้อนแม่) คุณแม่ก็จะบอกว่า มาๆ ไม่รู้ว่ารำคาญหรือเปล่านะ แต่หนูชอบ (หัวเราะ)"


แม่หนูเป็น "ซูเปอร์มัม"


       ลึกลงไปถึงต้นแบบที่น่าชื่นชมของ "คุณแม่" เมญ่าแทบจะไม่ต้องนึกนาน เพราะเป็นสิ่งที่เธอเห็น และสัมผัสได้มาโดยตลอด


"คุณแม่มีความอดทน มีความเสียสละ ตั้งแต่มีลูก ท่านจะเสียสละเวลาส่วนตัวให้ลูกหมดเลย จากที่เมื่อก่อนจะจัดเต็ม ถ้าไม่แต่งหน้านี่ไม่ออกจากบ้านเลยนะคะ (หันไปยิ้มกับคุณแม่) พูดเลยว่าคุณแม่หนูเปรี้ยวมาก ชุดนี่จะตัดส่วนตัวเลย แต่พอมีลูก คุณแม่ก็เลิกแต่งหน้า แล้วเอาเวลามาทุ่มเทกับลูกๆ แทน เช่น ตัดชุดให้ลูกใส่ ดูแลเรื่องหุ่น เรื่องผิวพรรณ พอยิ่งโต คุณแม่ก็จะเป็นต้นแบบในหลายๆ ด้าน อย่าง กีฬากอล์ฟ คุณแม่ก็จะเป็นคนสอนให้"


       ไม่เพียงแต่กีฬากอล์ฟเท่านั้น การจะลงมือทำอะไรก็ตาม หากไม่ผ่านคุณแม่ก็อย่าหวังว่าจะปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ เห็นได้จากการประกวดร้องเพลง เธอจะมีคุณแม่คอยดูแลตั้งแต่เรื่องชุด ไปจนถึงเรื่องการร้องเพลง


"ชุดที่หนูใส่ประกวด คุณแม่จะเป็นคนตัดให้หนูหมดเลยทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นช่าง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าชุดเขาตัดกันอย่างไร แต่คุณแม่จะเรียนรู้ และมโนเอาเองว่ามันต้องแบบนั้น แบบนี้ (หัวเราะ) ดังนั้นเวลาถูกคุณแม่ตี หนูจะโกรธแม่ไม่ลง ภาพที่คุณแม่ทุ่มเททำอะไรต่อมิอะไรให้หนูมันผุดขึ้นมาเต็มไปหมด อีกอย่าง ที่แม่ตีเพราะแม่รักหนู เป็นห่วงหนู" เล่าจบ เธอก็หันไปมองที่คุณแม่แล้วพูดด้วยความน้ำเสียงซึ้งใจว่า

"หนูว่าแม่ของหนูคือซูเปอร์มัม เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคนหนึ่งที่เลี้ยงลูกได้ดี เพราะลูกทั้ง 3 คน ไม่มีใครนอกลู่นอกทางเลย พี่ชาย พี่สาวของหนูอายุจะ 30 แล้ว ไม่ชอบเที่ยว ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า แถมยังช่วยกันดูแลหนู ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน ดังนั้น แม่หนูเก่งนะ สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นที่ยอมรับของสังคมได้ แม้จะดุ และเข้มงวด แต่ก็ทำให้หนูมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

       อย่างเวลาไปเที่ยวไหน หนูจะไปไหนไกลไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณแม่เป็นห่วง ถ้าจะไปไหนก็ต้องบอกท่านก่อนว่า ไปที่ไหน ไปกับใคร มีเพื่อนคนไหน ชื่ออะไรไปบ้าง พอบอกแล้วคุณแม่ก็สบายใจ แม้ตัวคุณแม่จะอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็ใช้เทคโนโลยีตามตัวลูกสาวตลอด (ยิ้ม) ถ้ายังไม่กลับหอพัก พี่ชายก็จะรายงานละว่า ยังไม่กลับบ้านเลย แม่ก็ถามว่า ทำไมละ อ๋อ วันนี้น้องมีเรียนเพิ่มครับ อะไรประมาณนี้ค่ะ" เธอเล่า


       ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดของคุณแม่ ไม่แปลกที่เธอจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนใส่ใจในทุกรายละเอียด เห็นได้จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการให้ของขวัญเพื่อนสนิท


"เพื่อนที่หนูรักมากๆ หนูจะวาดรูปแล้วใส่กรอบให้เลยค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่า การที่เราให้ของขวัญโดยใช้ความสามารถของเราเอง ทุ่มเททั้งเวลา และแรงกาย นั่งวาดประติดประต่อทีละเส้นๆ หนูรู้สึกว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า" เธอเล่า ก่อนจะเปิดตัวตนที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้


       "หนูเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่งนะคะ จะพยายามหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ถ้าต้องนั่งนิ่งๆ ก็จะคิดอยู่ตลอดเวลา แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนตัวจะวางแผนกับตัวเองตลอดว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรดี หรือไปไหนดี เพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หนูจะอยู่ไม่นิ่ง พูดเก่ง เวลาไปมหาวิทยาลัย หนูชอบติดขนตาสีฟ้าไปเรียน เพื่อนๆ ก็ตั้งให้หนูเป็นมาดามมดค่ะ (หัวเราะ)


ณ ตอนนี้ ถ้าจะให้เมญ่ามองตัวเมญ่าเอง เมญ่าคือตัวแทนตัวของผู้หญิงสมัยใหม่ค่ะ เป็นนางงามสมัยใหม่ที่ไม่จำเจ และน่าเบื่อ รักความสนุกสนาน ชอบพูด ชอบคุย ชอบร้องเพลง แต่ในความเป็นสมัยใหม่ หนูจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่น้องๆ ด้วยค่ะ"


หุ่นสวย แม่ให้มา

       ส่วนเรื่องความสวย เมื่อถามว่า เมญ่าได้ความสวยมาจากใคร เธอตอบเสียงดังฟังชัดว่า "คุณแม่ค่ะ" ส่วนความสวยที่ว่านี้คืออะไร ไปฟังคำตอบของเธอกัน


"หนูได้หุ่นแม่มาเต็มๆ ค่ะ (หันไปมองคุณแม่) นอกนั้นก็จะเป็นคิ้ว จมูก และปาก แต่หนูไม่ได้ตาคุณแม่มาเลย (หัวเราะ) แม่จะตาหวานดุ ส่วนหนู ตาจะเหมือนคุณพ่อค่ะ ถ้าล้างเครื่องสำอางออก หนูไม่ต่างอะไรกับเด็กจีน คือตาเล็กๆ มีสองชั้นแต่หลบใน"


       นอกจากนั้น เมญ่า ย้ำถึงสิ่งที่เห็นได้ชัดในตัวคุณแม่ นั่นก็คือ "ออร่าแห่งความดุ" แต่ถึงดุ แต่ก็มีมุมตลกด้วยเหมือนกัน


"(มองไปที่คุณแม่) เห็นออร่าแห่งความดุค่ะ (หัวเราะ) คือ ถ้าเป็นคนอื่นจะมองว่าแม่หนูดุ แต่จริงๆ คุณแม่ยังมีมุมฮา มุมตลกจนหนูต้องบอกว่า โอ้ย แม่ (ลากเสียงยาว) อย่างบางวันหนูนอนอยู่บนเตียง พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นปากกว้างๆ ของแม่อยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ นี่เป็นวิธีที่คุณแม่กำลังจะบอกลูกว่า ฉันอยู่ตรงนี้ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว" เล่าจบก็หัวเราะยาวถึงมุมตลกของคุณแม่ ส่วนคุณแม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็อมยิ้มตามไปด้วย


ดำไม่ว่า แต่ต้องเก่ง


       แน่นอนว่า การเกิดเป็นคนผิวเข้ม ย่อมทำลายความมั่นใจของใครหลายคนไปมาก แต่สำหรับ 'เมญ่า' แม้จะมีอารมณ์น้อยใจกับกระแสสังคมบางส่วนที่โจมตีเข้ามาทั้งก่อนและหลังได้รับตำแหน่ง แต่ก็สามารถผ่านมันไปได้ เพราะมีกำลังใจดีๆ จากครอบครัว โดยเฉพาะคำสอนจากคุณแม่


"หนูเคยถามคุณแม่เล่นๆ นะว่า ทำไมไม่หาแฟนฝรั่ง หนูจะได้เป็นลูกครึ่ง (ยิ้ม) แม่ก็บอกว่า แม่เก็บหนูมาเลี้ยง หนูก็ร้องไห้ ฮือๆ เพราะขาวกันทั้งบ้าน ผิวหนูเข้มอยู่คนเดียว แม่ก็บอก ก็น้องเล่นตากแดดอยู่คนเดียว แต่จริงๆ มันไม่ใช่อ่ะ แม่โกหกน้อง (หันมาทำหน้าเศร้ากับคุณแม่)" จากนั้นก็พาเข้าสู่โหมดจริงจัง "จริงๆ คุณแม่ไม่เคยโฟกัสเรื่องนี้เลยค่ะ ท่านไม่ได้บอกว่า ดำไม่ดี  แต่ท่านจะบอกอยู่เสมอว่า เล่นกีฬาให้เก่ง เรียนให้เริ่ด เด่นความสามารถ เพราะคนจะยอมรับเรา ไม่ใช่แค่ความสวย ถ้าเราพัฒนาตัวเอง และมีความสามารถคนจะมองข้ามเรื่องเหล่านั้นไป แล้วมาชื่นชมที่ความสามารถของเราแทน"


       ดังนั้น วิธีปลอบใจตัวเองในแบบ 'เมญ่า' มีอยู่สั้นๆ คือ "ต้องเก่งเกินหน้าตา" ได้ยินประโยคนี้ก็ชวนให้คิดถึงสิ่งที่ นิ้วกลม เคยเขียนถึง แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่เล่าให้ฟังไว้ในหนังสืออาจารย์ในร้านคุกกี้ว่า ความไม่หล่อก็เหมือนตุ้มเหล็กที่ติดเท้าของหงอคงตอนฝึกวิชา เราไม่ได้เริ่มต้นที่การเป็นนักร้องหน้าตาดีที่อาจจะทำให้ดังง่าย แต่เราเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องหน้าตาไม่หล่อ ทำให้ต้องหมั่นฝึกวิชา จะได้เก่งๆ เผื่อคนจะได้มองข้ามหน้าตาเราไป แล้วมาชื่นชมที่ผลงานแทน


       เช่นเดียวกับ 'เมญ่า' แม้เรื่องสีผิวในความเป็นนางงามจะไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมส่วนใหญ่ ทว่าเธอเสริมความโดดเด่นในเรื่องความสามารถจนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เธอเจ๋งจริงๆ พิสูจน์ได้จากความสามารถรอบด้านทั้งการร้องเพลง 3 ถ้วยรางวัลพระราชทานฯ ทักษะการเล่นกอล์ฟ การเดินแบบ และล่าสุดกับตำแหน่งอันทรงเกียรติ "มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014" ทั้งหมดนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือเบื้องหลังสำคัญ


       วันแม่ปีนี้ คงไม่มีเพลงอะไรที่เหมาะกับคุณแม่เท่ากับเพลง โลกของผึ้ง ซึ่งเป็นเพลงที่เธอเลือก โดยให้เหตุผลว่า สะท้อนความเป็นแม่ของเธอได้ดีที่สุด


"เพลงที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของแม่มากที่สุดคือ โลกของผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) ซึ่งสะท้อนความเป็นตัวคุณแม่ที่เป็นคนที่ทำทุกอย่างให้คนรอบข้างมีความสุข ทำทุกอย่างให้คนที่ท่านรักมีความสุข อดทนได้ทุกอย่าง แม้ว่าตัวท่านเองจะเหนื่อยแค่ไหนก็ยอม" เมญ่าเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



จากใจ "แม่ญา" ถึง "ลูกเมญ่า"


       หันมาพูดคุยกับ 'คุณแม่ญา-ฐิตาภา' คุณแม่ที่ได้ชื่อว่ารัก และหวงลูกมากที่สุด เมื่อถามถึงเมญ่าในวัยเด็ก นี่คือเรื่องราวที่เธอเล่าไป ยิ้มไป


"น้องเป็นเด็กสนุกสนาน ร่าเริง มีมนุษยสัมพันธ์ดีค่ะ ชอบคุย ชอบช่วยเหลือคนอื่น แถมยังมีมุมน่ารักเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะเสียงหวานๆ ของน้อง แม่ฟังเสียงน้องแล้วแม่หายเหนื่อย อย่างเช่น คุณแม่ขา น้องอยากได้อย่างนั้น อย่างนี้นะคะ (เลียนเสียงหวานๆ ของลูกสาว) ปกติน้องจะเป็นเด็กขี้อ้อน ชอบหอม ชอบกอดคุณแม่ตลอดเวลา ถึงตอนนี้ก็ยังหอม ยังกอดอยู่ค่ะ ทุกวันนี้เวลาน้องกลับบ้านก็ยังนอนห้องเดียวกัน นอนกอดกัน เพราะกอดน้องก็เหมือนกอดเด็ก เพราะแม่ยังรู้สึกอยู่ตลอดว่า น้องยังไม่โต ไปไหนก็ยังเป็นห่วง ขึ้นแท็กซี่ก็ยังเป็นห่วง"


       สำหรับเหตุผลที่หวงลูกสาวนั้น เธอยอมรับว่า ไม่ไว้ใจสังคมที่น่ากลัวขึ้นทุกวัน


       "สังคมทุกวันนี้ใช่ว่าจะปลอดภัย ไปไหนมาไหนก็ต้องบอก เรื่องนี้แม่เข้มงวดกับลูกๆ มาก ถ้าไม่เชื่อฟังก็ต้องมีการลงโทษกันบ้าง ตั้งแต่เรียกตักเตือนไปจนถึงขั้นตี แต่สำหรับน้องเมญ่า แม่ไม่ค่อยตีตามเนื้อตามตัวสักเท่าไร เพราะรู้ว่าน้องเป็นแผลง่าย คือบางครั้งแค่บอกว่า ไม่ให้ไปโรงเรียน เขาก็กลัวแล้วค่ะ (หัวเราะ) เพราะน้องเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ถ้าไม่ให้ไปโรงเรียน เขากลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน ซึ่งเขาก็จะบอกว่า ถ้าจะลงโทษด้วยการไม่ให้ไปโรงเรียน แม่ตีหนูเลยดีกว่า" คุณแม่เล่าไปยิ้มไป แต่ก็ไม่ทิ้งความดุที่แสดงออกมาทางสายตา


       ดังนั้น ลูกทุกคนต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของคุณแม่ ไม่เฉพาะแต่เพียง 'เมญ่า' คนเดียว


"ที่แม่ดุ และเข้มงวดเพราะหวังดีกับลูก โจทย์การเลี้ยงลูกของแม่ ลูกทุกคนจะต้องไม่หลุดกรอบความมีวินัย และความดีงาม ลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งแม่พยายามปูพื้นฐานให้ลูกๆ มีความเป็นระเบียบวินัยตั้งแต่เด็ก เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องบอก แม่ต้องรู้ว่า ลูกๆ อยู่ตรงไหน กลับเวลาไหน คือต้องชัดเจน และที่สำคัญคือ ต้องประพฤติตัวอยู่ในหลักของศีลธรรม" คุณแม่นางงามขยายความ


       แม้จะยอมรับว่าหวงลูกขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง


       "ถ้ามหาวิทยาลัยอนุญาตให้แม่มานั่งดูน้องได้ แม่ก็มานะ แต่ก็ไม่มีใครเขาทำกัน (ยิ้ม) แม่ก็เลยต้องปล่อยวาง และยอมรับความจริงว่าถึงหวงลูกขนาดไหน แต่ก็ต้องรู้ว่า เวลาน้องไปเรียนก็ต้องให้เป็นเวลาของเขา แต่เวลาจะไปไหน หรือขึ้นแท็กซี่เลขทะเบียนอะไร ตรงนี้ต้องบอกค่ะ" คุณแม่เผย


       ส่วนเรื่องกระแสวิจารณ์เรื่องความสวย และสีผิวของลูกสาว เธอบอกว่า เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าเจ๋งจริงก็อย่าไปกลัว


"แม่รับได้นะ แม่ถือว่าการติชมเป็นเรื่องปกติ มันเหมือนเป็นกระจกบานใหญ่ที่ส่องให้เห็นตัวเราเองเพื่อจะได้แก้ไขในสิ่งนั้นๆ ถ้าไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คนเราก็จะไม่ได้รับการพัฒนา เมญ่าก็มีเข้ามาปรึกษาบ้าง แม่ก็จะสอนน้องว่า น้องใจเย็นๆ นะลูก น้องคิดให้นาน น้องไม่ต้องโกรธ ต้องน้องมีสมาธิ เวลาจะเขียน หรือต่อว่าใครต้องคิดให้ดีก่อน ถ้าเราเจ๋งจริง สักวันพวกเขาก็ยอมรับเราเอง" คุณแม่เผย ก่อนจะให้ทัศนะเรื่องค่านิยมความขาวเท่ากับสวย


"แม่ไม่ได้คิดให้น้องประกวดนางงาม แม่คิดเพียงแต่ให้น้องมีความสามารถ แต่ในเมื่อน้องอยากประกวด แม่ก็เคารพการตัดสินใจ แม่เคยบอกน้องว่า คนเก่ง คนสวย ไม่จำเป็นต้องผิวขาว หน้าตาสวย ผู้หญิงเราสวยได้หลายแบบ บางคนรูปลักษณ์ไม่สวยแต่การประพฤติตัวดี นี่ก็คือสวยในความรู้สึกแม่นะ

หรือลองจินตนาการดูว่า นักกีฬาคนหนึ่ง เก่งระดับโลก ระดับประเทศ สวย หล่อมันจะออกมาจากความสามารถของเขาเอง ตรงนี้แม่จะบอกน้องอยู่เสมอว่า ความสวยของคนเรา สวยได้หลายรูปแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกสวยแบบไหน ไม่เฉพาะความสวย หล่อที่มาจากหน้าตา ความสวยหล่อบางครั้งก็มาจากการประพฤติตัวดี มีความสามารถ สิ่งเหล่านี้ มันจะติดตัวเรา และต่อยอดอะไรได้หลายๆ อย่าง

       ดังนั้น ดำแม่ไม่ว่า แต่ผิวต้องเนียน ส่วนตัวเมญ่าไม่ค่อยรักสวยรักงามเท่าไร แม่ต้องเป็นผู้ช่วยในการดูแล ตอนที่น้องตัดสินใจลงประกวด แม้จะไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลย แม่ก็รับได้ เพราะการประกวดนางงามก็เหมือนกีฬาประเภทหนึ่ง ถ้าคิดจะลงไปต่อสู้กับเขา แพ้ ชนะ เราต้องยอมรับในสิ่งนั้น นี่คือครอบครัวนักกีฬา แม่จะบอกน้องอยู่ตลอด น้องไม่ต้องไปโทษใครนะถ้าเราไม่ได้ เช่น โทษคนนั้น คนนี้ เพราะคนนั้นสวย คนนี้ใช้เส้น


แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราดีจริง เราฉีกกระดาษขาด เราได้อยู่แล้ว บอกตรงๆ แม่เตรียมใจไว้แล้วว่า ถ้าน้องไม่เข้ารอบลึกๆ เรายังมีทางเลือกอีกเยอะแยะ ส่วนเวทีนี้ก็ถือเสียว่าไม่ใช่เวทีของเรา ปรากฎว่าน้องได้ตำแหน่ง แม่ก็ยินดีกับน้อง และภูมิใจในความตั้งใจจริงของน้องค่ะ" คุณแม่นางงามทิ้งท้าย


       เรื่อง : ASTVผู้จัดการ Lite

       ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก @maeyagirl_mtw2014


       ////////////////////////////


ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล : เมญ่า นนธวรรณ ทองเหล็ง

วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 เมษายน 1992
ส่วนสูง : 173 ซม.
น้ำหนัก : 49 กก.
สัดส่วน : 31-23-31
การศึกษา : ชั้นปีที่ 4 คณะการจัดการธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด กรุงเทพฯ
ผลงาน
เวทีร้องเพลง
    - รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2546 จากเวทีไทย
    - รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ปี 2547 (KPN junier aword & popular vote)
    - รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2548 (ยามาฮ่าลูกทุ่งคอนเทสต์ 2008)
    - ผลงานอัลบัมลูกทุ่ง ไม่อ้อร้อ (ค่ายอาร์สยาม) เพลงที่โดดเด่นในอัลบั้มคือ "จ่าดำ"
เวทีเดินแบบ
    - Asian supermodel Thailand 2010
    - Asian top model (Asian supermodel contest China 2010)
    - Top 10 model from Thai supermodel contest2007
    - Miss Beauty hair by PANTENE
    - Miss photogenic from missthaland world 2011
เวทีนางงาม
    ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2014 และยังได้รับรางวัลพิเศษอีก 2 รางวัล คือนางงามที่มีความสามารถพิเศษ กับ และนางงามที่มีทักษะด้านการเดินแบบ
ความสามารถ : ร้องเพลง เล่นกอล์ฟ เดินแบบ พิธีกร
อาชีพที่อยากทำ : แอร์โฮสเตสสายการบินเอมิเรตส์ หรือไม่ก็สิงคโปร์แอร์ไลน์




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2557
0 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 1:01:23 น.
Counter : 4027 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.