Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 
อัพเดทข่าวมิสไทยแลนด์เวิลด์

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 สละสิทธิ์หรือถูกริบมงกุฎ?!

แองจี้ - อัจฉรา แมคคาย นางแบบสาวลูกครึ่ง ไทย-ออสเตรเลีย วัย 20 ปี กลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ หลังครองตำแหน่งได้เพียง 10 วัน เพราะถูกกล่าวหาว่า ถ่ายภาพวาบหวิว ไม่คู่ควรกับมงกุฎ!!


เบื้องลึกเบื้องหลังของการสละ มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ครั้งนี้ อาจซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินกว่า จะจินตนาการไปถึง เพราะฝ่ายหนึ่งคือบีอีซี-เทโร เอนเตอร์เทนเมนท์ ผู้จัดการประกวด อ้างว่าสาเหตุที่ทำให้ “แองจี้” สละมงกุฎในครั้งนี้ เป็นเพราะติดภารกิจเรียนหนังสือที่ออสเตรเลีย และมีสัญญาต้องทำงานกับโมเดลลิ่งที่สังกัดอยู่ จึงไม่สามารถแบ่งเวลามาปฏิบัติงานในตำแหน่งได้ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม ขณะที่ฝ่ายอดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ ออกมาแฉทั้งน้ำตาว่า ถูกบังคับให้เซ็นสัญญาสละตำแหน่ง เพราะตกลงเรื่องค่าตอบแทนกับบีอีซี-เทโร ไม่ลงตัว และหากไม่ยินยอม ทางบิ๊กสื่อบันเทิงขู่ว่าจะนำภาพโป๊ ของนางงามนอกคอก ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน!!

ภาพโป๊ของ “แองจี้” ถูกตีพิมพ์ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ หลายฉบับ พร้อมกับคำยืนยันจากตัวเธอว่า เป็นเพียงผลงานถ่ายแบบแนวศิลป์ และทางบีอีซี-เทโร เคยเห็นภาพเหล่านี้มาแล้วตั้งแต่วันสมัคร อย่างไรก็ดี “ไบรอัน แอล.มาร์คาร์” บอสใหญ่ของค่ายบีอีซี-เทโร ตอบโต้อย่างไม่ลดละว่า หากเห็นจริงก็ไม่มีทางยอมให้ชนะตำแหน่งแน่นอน!! หลังจากสาดโคลนกันไปมา สงครามน้ำลายได้ บานปลายไปสู่ความแตกหัก เมื่อบีอีซี-เทโร ประกาศตัดเป็นตัดตายอดีตนางงามในสังกัด พร้อมกับโทร.ขู่ว่าหากไม่พอใจข้อเสนอของกองประกวด ก็ให้ “แองจี้” ไปฟ้องร้องกับศาลเอาเอง!!



“มิสเตอร์ไบรอันโทร.มาหาเมื่อคืน (27 ก.ย.) ก่อนที่ “แองจี้ “จะเดินทางกลับออสเตรเลีย บอกว่าไม่อยากทะเลาะกับเด็กแล้ว ถ้าไม่พอใจในข้อเสนอของบีอีซี-เทโร ก็ให้ฟ้องร้องต่อศาลเอาเอง!! เขาเป็นสื่อใหญ่ขนาดนั้น “แองจี้” เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรได้ เสียใจก็แต่ตรงที่ถูกสั่งให้ต้องพูดโกหก ไม่ได้ พูดความจริง ทำให้รู้สึกผิดหวัง และอึดอัดใจมาก” อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 ระบายความอัดอั้น เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนออกเดินทางกลับออสเตรเลีย เพื่อหลบไปเลียแผลใจ!!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก?!

ใช่!! “แองจี้” ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องทำกับเด็กอย่างนี้!! เราเป็นเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่ สิ่งที่ “แองจี้” กับคุณพ่อเรียกร้องไป ก็เหมือนๆ กับของ “ซินดี้” (สิรินดา เจนเซ่น รองอันดับ 1) ขอแค่เงินเดือนเดือนละ 150,000 บาท ตลอดเวลา 18 เดือน และคอนโดฯในกรุงเทพฯ พร้อมฟิตเนส ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะเราเห็นว่าสัญญาของบีอีซี-เทโร ไม่เป็นธรรม!! แต่หลังจากเขารับข้อเสนอไป ก็ไม่ยอมเจรจา และยกเรื่องภาพถ่ายวาบหวิวของ “แองจี้” ขึ้นมาอ้าง พร้อมกับกดดันว่าถ้าไม่ยอมสละตำแหน่ง จะนำภาพพวกนี้ออกเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน!!



จริงๆแล้ว “แองจี้” ถ่ายภาพโป๊อย่างที่ตกเป็นข่าวหรือเปล่า

(ถอนใจเฮือกใหญ่) ภาพพวกนี้เป็นงานถ่าย แบบแนวศิลป์ ไม่ใช่ภาพโป๊หรือภาพสกปรก อย่างที่เขากล่าวหา “แองจี้” ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายกับใคร บีอีซี-เทโรบอกว่ารูป พวกนี้ไม่ดี คนไทยรับไม่ได้ที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ จะเป็นแบบนี้ พวกเขาจะคิดว่าเราเป็นคนสกปรก!! เพราะฉะนั้น “แองจี้” ต้องแถลง ข่าวสละตำแหน่ง บอกไปเลยว่าจะกลับไปเรียนหนังสือที่ออสเตรเลีย และไปทำงานถ่ายแบบกับโมเดลลิ่งต้นสังกัด เรื่องพวกนี้ไม่จริงทั้งนั้น!! ทำไมเขาต้องบังคับให้พูดโกหก!! บีอีซี-เทโรเห็นภาพพวกนี้ก่อนได้มงกุฎแล้ว เพราะเป็นรูปที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอ

หลายคนมองว่า “พ่อแองจี้” เรียกร้องมากเกินไป!!



จะให้ทำยังไง “แองจี้” ไม่มีบ้านอยู่กรุงเทพฯ ก็เลยต้องขอคอนโดฯอยู่ ที่จริงทางบีอีซี-เทโร ก็จัดคอนโดฯไว้ให้ แต่พอไปดูแล้วสกปรกและเก่ามาก ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย “แองจี้” คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ!! ส่วนเรื่องเงินเดือนแสนห้า ก็คิดว่าเหมาะสม เพราะในสัญญาของบีอีซี-เทโร ไม่ได้พูดถึงเรื่องรายได้ บอกแต่ว่าจะเป็นคนรับงานให้ทุกอย่าง ห้ามรับงานเองจากเอเจนซี่ เขาจะป้อนงานเอง แต่ไม่ให้เงิน!! แล้ว “แองจี้” จะเอาเงินที่ไหนใช้!! เขาคิดแต่ว่าคนชนะให้ใช้เงินตัวเอง ทำให้เราต้องควักกระเป๋าเอง แล้วหลังจากหมดตำแหน่ง เราจะทำยังไงต่อไป!! ในข้อเสนอที่คุณพ่อร่างให้ ก็ระบุไว้แค่ว่าขอสมาชิกฟิตเนส, ใบขับขี่รถยนต์ และเวลานอนวันละ 8 ชั่วโมง.!! เขาคิดว่าเราเป็นตัวสร้างปัญหา แต่จริงๆ “แองจี้” แค่อยากเจรจากับเขา คุยกันเรื่องรายละเอียด อยากให้เขารับประกันว่าเราจะอยู่ได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น!! แต่ทางบีอีซี-เทโร ไม่คุยด้วย หลังยื่นข้อเสนอไป ก็เงียบไป 2-3 วัน แล้วโทร.มาบอกว่า เธอไม่มีสิทธิได้อะไรทั้งนั้น ต้องทำตามสัญญาที่กำหนดไว้!! แต่ “แองจี้” อ่านสัญญาไม่ออก เพราะเป็นภาษาไทยทั้งหมด!!

ครั้งนี้หนักที่สุดแล้วในชีวิต?!

แรกๆที่เกิดเรื่อง “แองจี้” ร้องไห้ทุกวันจน ตาบวม เพราะรู้สึกผิดหวังมากที่ถูกบังคับให้พูดโกหก!! รู้สึกเสียใจที่สุด อยากจะขอโทษคุณพ่อคุณแม่ ญาติๆ และคนไทยทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง!! แต่ “แองจี้” ไม่เคยคิดโกรธใครทั้งนั้น เพราะตอนนี้ได้พูดความจริงออกไปหมดแล้ว



จัดแถลงข่าวตอบโต้บีอีซี-เทโรอย่างนี้ ไม่กลัวมีปัญหา?!

เตรียมใจไว้แล้ว!! แต่ก็ต้องทำ เพราะอึดอัดใจมาก ถ้าไม่พูดก็คงไม่ สบายใจ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ทำให้เรารู้ว่าผู้ใหญ่ในเมืองไทยคิดไม่เหมือนกับเมืองนอก เวลาดีลธุรกิจด้วยก็ต้องอีกอย่างหนึ่ง “แองจี้” เป็นคนติดดินและตรงไปตรงมา ก็อยากให้คนอื่นตรงไปตรงมากับเราด้วย ไม่ใช่ซิกแซ็กไปเรื่อย!! ถึงวันนี้ “แองจี้” ได้บทเรียนแล้วว่า คนใหญ่ๆในบ้านเมืองนี้เขาทรีตเด็กยังไง!! ถึงจะเลวร้ายขนาดไหน แต่ก็ยังโชคดีที่ “แองจี้” มีคุณพ่อคุณแม่คอยให้กำลังใจตลอด ถ้าไม่มีพวกท่าน ก็คงผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปไม่ได้!! คุณพ่อไม่เคยบงการให้ทำโน่นทำนี่อย่างที่ทุกคนเข้าใจผิด ท่านพยายามช่วยลูกอย่างดีที่สุดมากกว่า ได้โปรดอย่าเข้าใจในตัวท่านผิดเลย!!

เข็ดหรือยังกับการประกวดนางงามและเมืองไทย

เรื่องประกวดคงไม่เอาอีกแล้ว!! แต่ “แองจี้” ยังรักและผูกพันกับเมืองไทยอยู่ อยากจะกลับมาทำงานที่เมืองไทย คิดว่าที่นี่มีโอกาสดีๆ เยอะ ยังไงก็ต้องขอบคุณคนไทยทุกคน ที่เป็นกำลังใจให้ และขอบอกว่าภูมิใจมากกับการเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ แม้จะแค่ 10 วันก็ตาม



จากนี้ไปจะทำยังไงกับอนาคตต่อ?!

ตอนนี้คงขอกลับไปพักใจที่ออสเตรเลียสักพัก กลับไปหาน้องชาย เพื่อนๆ และแฟน!! แล้วก็เตรียมจัดปาร์ตี้ฉลองวันเกิดวันที่ 6 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นก็คงเริ่มทำงานถ่ายแบบต่อไป ก่อนจะเตรียมตัวเข้าเรียนต่อที่สถาบัน NIDA ที่ซิดนีย์ ตั้งใจว่าจะเรียนด้านการออกแบบฉากละคร

ถึงจะรู้สึกเหมือนกับนางฟ้าตกสวรรค์ แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป!! “แองจี้” ไม่เคยคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด และยังภูมิใจกับผลงานทุกชิ้นที่ทำมา!! สิ่งที่เกิดขึ้นเตือนใจว่า ต่อไปเวลาทำอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คงอ่านสัญญาการประกวดให้ละเอียด เพราะถ้ารู้ว่าไม่แฟร์อย่างนี้ คงไม่เข้าประกวดแน่นอน!!


วังวน “ธุรกิจผู้หญิง” “นางงาม-นู้ด” เวทีสินค้าทางเพศ

กรณีการสละมงกุฎของ แองจี้ - อัจฉรา แมคคาย มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 ซึ่งตามมาด้วยการ “ตีแผ่แฉ” มีภาพแฟชั่น “นู้ด” ของแองจี้ปรากฏเกลื่อนอินเทอร์เน็ต และชัดเจนขึ้นในประเด็นการตกลง “ผลประโยชน์” ที่ไม่ลงตัวระหว่างผู้ได้ตำแหน่งมิสกับกองประกวดนั้น กลายเป็นปัจจัยทำให้วงการประกวดนางงามประชันขาอ่อนถูกจับจ้องในภาพลบอีกครั้ง อีกทั้งยังเกิดกรณีมองต่างมุมในเรื่อง “นู้ดนางงาม”

ทั้งนี้ จากกรณีของ “แองจี้” ไม่ว่าใครผิด - ใครถูก เมื่อยึดโยงสู่ภาพรวมวงการนางงามเมืองไทยในปัจจุบัน จากมุมมองของ “ผู้หญิงแถวหน้า” หลาย ๆ คน ถือว่ามีการสะท้อนออกมาได้อย่างน่าขบคิด...

ทิชา ณ นคร เครือข่ายผู้หญิงกับรัฐธรรมนูญ พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า แม้จะมีการประกาศแทบจะทุกเวทีประกวดว่าไม่ได้เลือกเรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ถึงบทสรุปแล้วทั้งหมดก็เป็นเรื่องการ “สร้างภาพ” สร้างความชอบธรรม ทำให้เห็นว่าเวทีประกวดนางงามมีคุณค่า

“พยายามทำให้สังคมคิดว่าการเปลื้องผ้าและเปิดเผยเนื้อตัวนั้นเป็นเรื่องมีคุณค่า แต่กับกรณีที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราเห็นภาพกันชัดเจนแล้วว่าทั้งหมดก็เป็นเพียงเปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ และทุกครั้งผลประโยชน์ก็เข้ามามีส่วนโน้มน้าวให้ผู้หญิงยอมตัดสินใจเดินเข้ามาสู่เส้นทางนี้”

อย่างไรก็ตาม ทิชาก็มองเห็นข้อดีของกรณีอื้อฉาวล่าสุด โดยบอกว่า ไม่ว่าเหตุผลลึก ๆ หรือเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร แต่ก็สะท้อนให้เห็นพัฒนาการใหม่ของผู้หญิงยุคใหม่ที่กล้าลุกขึ้นมาเปิดเผยข้อมูลกับสังคม ทำให้สังคมเห็นข้อมูลสองด้าน ซึ่งก็น่าคิดว่าหากไม่ใช่นางงามลูกครึ่งเมื่อเกิดกรณีแบบนี้จะกล้าออกมาพูดหรือไม่ ?

ด้านผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง ธนวดี ท่าจีน ร่วมสะท้อน มุมมองว่า องค์กรผู้หญิงโดยรวมไม่เห็นด้วยกับการประกวดนางงามมาโดยตลอด เพราะถือเป็นการส่งเสริมให้สังคมมอง “ผู้หญิงเป็นสินค้าทางเพศ” มากขึ้น และที่สำคัญยังเหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผู้หญิงเองมองว่าการปรุงแต่ง การประกวดเรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องของผู้หญิงที่มีคุณค่า เป็นผู้หญิงเก่ง ซึ่งเป็น “ทัศนคติที่ผิดพลาด” ลักษณะแบบนี้ไม่สามารถมาบอกได้ว่ามีคุณค่า

ยิ่งประโยคที่บอกกันว่านางงามยุคปัจจุบันสวยด้วย มีมันสมองด้วย อยากรู้ว่าวัดกันตรงไหน เพราะแค่คำถามเดียวจะใช้วัดได้เลยหรือ แน่นอนมันไม่ใช่ศักยภาพที่แท้จริงของผู้หญิงที่จะใช้คำว่ามีคุณค่าได้กับคำถามในซอง

และเมื่อมองไปที่ “นู้ดนางงาม - นางงามนู้ด” ธนวดีก็ระบุว่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะลำพังการประกวดนางงามก็มีภาพลักษณ์ไม่ต่างอะไรกับการถ่ายภาพนู้ดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโชว์เนื้อหนังมังสา การถ่ายภาพเพื่อเผยแพร่สู่สายตาประชาชน ซึ่งกับกรณีนางงามที่เป็นข่าวล่าสุดก็คิดว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ ซึ่งไม่ว่าจะในฐานะนางแบบหรือนางงามก็ล้วนแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน...คือ “เป็นเรื่องของธุรกิจ”


เป็นอีกครั้งกับมุมมองเรื่อง “นางงาม” และคาบเกี่ยวถึง “นู้ด”

เป็นวังวนที่บางคนบอกว่าก็แค่ “ธุรกิจจากเรือนร่างผู้หญิง”

เป็นเวทีแสดง “สินค้าทางเพศ” ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น!





"สิรินดา เจนเซ่น" กับภารกิจเพื่อคนไทยและ"แองจี้"

อำลาเมืองไทยไปแล้วสำหรับ "แองจี้" นางสาวอัจฉรา แมคคาย ที่ก่อนกลับก็โยน "ระเบิด" ออกมาแฉว่า บริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เอาเปรียบเรื่องสัญญา เป็นผลให้รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ นางสาวสิรินดา เจนเซ่น หรือ "ซินดี้" ได้รับ "ส้มหล่น" ลูกใหญ่ รับหน้าที่รักษาการณ์เป็นตัวแทนสาวไทยไปร่วมประชันโฉมบนเวที "มิสเวิลด์" ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ท่ามกลางความคลุมเครือเรื่องตำแหน่งที่แท้จริงของเธอ

กระนั้น ไม่ว่าความชัดเจนจะเกิดขึ้นเมื่อไร มาทำความรู้จักสาวงามที่จะไปยืนบนเวทีมิสเวิลด์ กันดีกว่า

ซินดี้ วัย 21 ปี สาวสวยลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก เป็นลูกสาวคนเดียวของ นายโมนเกนส์ และ นางสุศิริ เจนเซ่น ชาวอยุธยา จบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยธุรกิจที่เมืองโคเปนเฮเกน แต่ความฝันสูงสุดของเธอคือ การได้เป็นสัตวแพทย์

แม้จะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่ซินดี้ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจเฉกเช่น พ่อแม่หลายคน ซินดี้ถูกสอนอยู่เสมอให้รู้จักคุณค่าของเงิน ดังนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นยี่ห้อดังๆ ของเธอจึงมาจากน้ำพักน้ำแรง "ค่าเหนื่อยทั้งสิ้น" ด้วยการเป็นพนักงานบัญชีให้กับกิจการโรงแรมของคุณแม่เธอเอง

"พ่อสอนอยู่เสมอว่า ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องทำงานเก็บเงินเอง ซึ่งซินดี้ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับวัยรุ่นเพราะเราควรรู้จักทำงานหาเงิน ช่วยเหลือตัวเองได้ ยามที่เราไม่มีพ่อแม่" ซินดี้บอกเป็นภาษาไทยไม่ชัดนัก

ท่ามกลางกระแสเสียงวิพากษ์ถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนสาวไทย เนื่องจากพูดไทยยังไม่ได้ แต่สำหรับซินดี้ เธอมีความเป็นอยู่ไม่น้อย แม้จะเกิดและเติบโตที่เดนมาร์ก เธอเล่าถึงความเป็นไทยของตัวเองว่า อยู่ที่เดนมาร์ก แม่เป็นคนสอนให้พูดภาษาไทย เพราะไม่อยากให้ลืมภาษาของแม่ และวันหยุดแม่มักพาซินดี้เข้าวัด ไหว้พระอยู่บ่อยๆ นั่นจึงทำให้เธอซึมซับความเป็นพุทธได้โดยไม่รู้ตัว

เช่นเดียวกับเรื่องราว "บุญหล่นทับ" นี้ ซินดี้ยอมรับว่า "ซินดี้เชื่อเรื่องกรรม ที่ซินดี้ได้ทำหน้าที่แทนแองจี้อาจเป็นเพราะพระช่วยเรา ถ้าเราทำดีผลที่ตอบแทนก็จะทำให้เรามีความสุข"

อดถามความรู้สึกวันที่เพื่อนรักที่สุดต้องจากไป ซินดี้เล่าอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกว่า วันที่แองจี้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งและรู้ว่าจะต้องทำหน้าที่แทน มีทั้งความรู้สึกเสียใจและดีใจ เพราะแองจี้คือเพื่อนที่รักมากที่สุด แต่ก็ดีใจเพราะได้รับเกียรติเป็นตัวแทนเผยแพร่ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก

"ซินดี้ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไง ใจหนึ่งเราก็รู้สึกว่าเราดีใจได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่จะไปแสดงความเป็นไทย แต่อีกใจหนึ่งมันเศร้า เสียใจที่แองจี้ไป เพราะอยู่ในกองเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาก อยู่ห้องเดียวกัน ไปเก็บตัวก็อยู่ด้วยกันตลอด เพราะทั้งหมดมีเราสองคนที่เป็นลูกครึ่งพูดภาษาอังกฤษ คุยกันรู้เรื่อง บอกตรงๆ ซินดี้เหงาตั้งแต่เกิดเรื่องโทรศัพท์คุยกันทุกวัน แต่คุยกันเรื่องไปเที่ยว ช็อปปิ้ง ไม่เคยคุยกันเรื่องงานเลย"

หาก ณ วันนี้แม้ยังไม่มีความกระจ่างใดๆ จากกองประกวด แต่ซินดี้ก็ให้สัญญาหนักแน่นว่า ไม่ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น แต่จะทำให้หน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อคนไทยทั้งประเทศเท่านั้น แต่เพื่อให้เพื่อนรักอย่าง "แองจี้" ด้วย

"ก่อนแองจี้จะขึ้นเครื่องบิน เขาบอกซินดี้ว่า ซินดี้ไปเมืองจีน สู้สู้!! นั่นทำให้ซินดี้คิดเสมอว่าอยากทำให้คนไทยและแองจี้ภูมิใจ"

คำสัญญาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนี้จะทำให้ทุกคนภูมิใจหรือไม่ คงต้องเทใจช่วยเชียร์กันแล้ว!!



ไหว้พระ ชมตลาด "ซินดี้" พาทัวร์อยุธยาบ้านเกิดคุณแม่

แม้จะเป็นส้มหล่นที่ต้องมารับตำแหน่งรักษาการมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 สำหรับ "ซินดี้" สิรินดา เจนเซ่น แต่เธอก็ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ โดยล่าสุดได้เดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดของคุณแม่ (สุศิริ เจนเซ่น) ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเดินทางมาเที่ยวบ่อยที่สุดในวัยเด็ก และเป็นอีกความทรงจำที่หล่อหลอมความเป็นไทยของซินดี้ไม่ให้จางหายไป แม้ต้องไปเติบโตที่แดนโคนมอย่างเดนมาร์กก็ตาม


การเดินทางเริ่มต้นด้วยการถวายเพล ที่วัดใหญ่ชัยมงคล พร้อมด้วยรองดันดับ 2 "กิฟท์" กนกกาญน์ อินทิม และน้าสาวของซินดี้ ยุพินธร โชติสุข ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยรับหน้าที่พาหลานสาวฟื้นความจำในวัยเยาว์

จากนั้นก็ไปไหว้พระที่วัดพนัญเชิง วัดชื่อดังที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต และเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งมีชื่อเสียงการให้พรขอความรัก รู้แบบนี้...ไม่วายลูกทัวร์ก็คะยั้นคะยอให้เหล่านางงามเสี่ยงท้ายเซียมซีขอความรักบ้าง แต่ซินดี้ส่ายหน้าบอกไม่เอา กลับขอทำบุญโลงศพดีกว่า เพราะตั้งใจอยากทำมานานแล้ว เนื่องจากเคยทำกับคุณแม่สมัยเด็กๆ แต่ที่เดนมาร์กไม่มีการทำบุญแบบนี้ แหม...ใจบุญจริงๆ สมกับเป็นนางงาม

ตลอดการเดินทางแม้ว่าแดดจะเปรี้ยงอยู่บ้าง แต่ 2 นางงามก็ไม่มีใครบ่นสักแอะ...แถมนางงามเจ้าถิ่นกลับเอ่ยปากชอบด้วยซ้ำ และไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ความสนใจกันอย่างคับคั่ง บางคนจำได้ก็รุมขอลายเซ็นและถ่ายรูปเป็นระยะๆ

โดยเฉพาะตอนบ่ายที่ชาวคณะได้มาถึงตลาดหัวรอ ซึ่งเป็นตลาดที่ซินดี้เคยแอบหนีมาเที่ยวสมัยเด็กๆ ทำเอาพ่อค้าแม่ขายเฮกันทั้งตลาด เพราะได้นางงามเป็นคนในพื้นที่มาเยี่ยม รวมถึงเมื่อซินดี้กลับไปร้านขนมที่เธอเคยอุดหนุนประจำ ทำเอาแม่ค้ายิ้มปลื้ม เพราะเกือบจำซินดี้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยจอมจุ้นไม่ได้

ก่อนจะเลี้ยวเข้าบ้านคุณตาคุณยาย ซึ่งอยู่เลยตลาดไปเล็กน้อยใน ต.หัวรอ ติดแม่น้ำลพบุรี เป็นลักษณะบ้านไม้ยกพื้นเหมือนบ้านไทยโบราณ แม้สภาพจะไม่มีใครอยู่นานแล้วก็ตาม เพราะนับตั้งแต่คุณตาคุณยายเสีย ลูกหลานก็แยกย้ายไปสร้างครอบครัวของตัวเองกันหมด แต่ภายในบ้านยังคงมีภาพเก่าสมัยเด็กของซินดี้เหลืออยู่ รวมถึงภาพแต่งงานของคุณแม่สมัยยังสาวและภาพพี่ป้าน้าอาคนอื่นๆ

"พอกลับมาที่บ้านหลังนี้ก็คิดถึงสมัยเด็กๆ ที่มาเล่นกระโดดน้ำที่นี่ ปกติซินดี้จะมาทุกปี มาทีก็มาพักเป็นเดือน คุณแม่ก็จะพาไปทำบุญที่วัด คุณแม่พยายามสอนความเป็นไทยให้ อยู่ที่เดนมาร์กก็จะพูดไทยสลับอังกฤษ เพราะคุณแม่ไม่อยากให้ลืมคนไทย" ซินดี้ฉายภาพความทรงจำวัยเด็กอย่างภูมิใจ

เมื่อย้อนกลับมาถามถึงตำแหน่งที่ได้รับจากกองประกวด ในฐานะรักษาการแทน ล่าสุดบีอีซี เทโรได้เพิ่มค่าตอบแทนด้านที่พักเป็น 2.7 หมื่นบาทต่อเดือน โดยได้มอบห้องสวีท โรงแรมแกรนด์ บิสเนส วินเทจ ย่านสุขุมวิท 11 ให้เป็นที่พักตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ส่วนกรณีตำแหน่งที่ไม่ชัดเจนของซินดี้ ยังคงอยู่ในระหว่างการพูดคุยของผู้ใหญ่

"ซินดี้ยินดีที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ต่อไป แม้ว่าจะเหนื่อยมาก แต่ก็พอใจเรื่องที่พัก และการจัดหางานที่บีอีซีรับปากว่าจะป้อนให้ตลอดปี ส่วนเรื่องตำแหน่งจะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องให้ผู้ใหญ่คุยกันให้เสร็จก่อน ตอนนี้ก็เตรียมตัวไปประกวดมิสเวิลด์ ที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเธอและแองจี้ไม่ถูกกันนั้น ซินดี้รีบปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และยังย้ำว่า เธอเพิ่งรู้ว่าแองจี้จะสละตำแหน่งก็เมื่อวันแถลงข่าวที่อาคารมาลีนนท์ นั่นเอง

"ไม่เคยคิดมาก่อนว่าแองจี้จะลาออก เพราะตอนที่มีปัญหาเรื่องสัญญา เราก็แยกกันคุยกับคุณไบรอัน ทุกวันนี้ก็ยังคุยโทรศัพท์และส่งอีเมลหาแองจี้อยู่ คือเมื่อต้องมาทำหน้าที่แทน ทุกคนก็คาดหวังให้เหมือนแองจี้ แองจี้ก็บอกให้ซินดี้เคารพบีอีซี ซึ่งคุณไบรอันก็บอกว่าซินดี้ไม่ต้องเป็นห่วง หนูเป็นลิตเติลเกิร์ล บีอีซีจะดูแลหนูและหางานให้ ก็ทำให้ซินดี้สบายใจ" รักษาการมิสไทยแลนด์เวิลด์แก้ข่าว

งานนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ผู้ใหญ่จะตัดสินใจชะตาของซินดี้อย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าต้องดำเนินไปด้วยความรอบคอบ หลังจากเจอบทเรียนแสนเจ็บปวดมาแล้วจากแองจี้


ซินดี้ ทัวร์กรุงเก่า ไหว้พระขอพรซิวมงกุฎมิสเวิลด์

เมื่อบีอีซี-เทโรฯ ผู้จัดการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ตัดสินใจเลื่อนขั้นให้ ซินดี้-สิรินดา เจนเซ่น สาวน้อยลูกครึ่งไทย-เดนมาร์กวัย 20 ปี รองมิสไทยแลนด์เวิลด์อันดับ 1 ขึ้นรักษาการตำแหน่ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 และเป็นตัวแทนไปประกวดมิสเวิลด์ ที่ประเทศจีน “ซินดี้” เลยถือโอกาสควงเพื่อนนางงาม “กิ๊ฟ-กนกกาญจน์ อินทิม” รองมิสไทยแลนด์เวิลด์อันดับ 2 ออกท่องกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อขอบคุณสปอนเซอร์และประชาชน ที่ให้การสนับสนุนการประกวดดังกล่าว

“ซินดี้” พร้อมด้วยคุณน้า “ยุพินธร โชคสุข” และกิ๊ฟ ออกตระเวนทำบุญไหว้พระทั่วเกาะอยุธยา โดยไปถวายสังฆทานที่วัดใหญ่ชัยมงคล ปิดทองไหว้พระพุทธไตรรัตนายก และซื้อโลงบริจาคแก่ศพไร้ญาติที่วัดพนัญเชิงฯ ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวตลาดหัวรอ ตลาดเก่าแก่ของจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเกิดคุณแม่ “สุศิริ เจนเซ่น” ท่ามกลางแสงแดดและสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนชาวคณะต่างหมดเรี่ยวแรงไปตามๆกัน แต่ “ซินดี้” ยังเริงร่าโพสท่าให้ถ่ายรูป พร้อมแจกลายเซ็นให้ชาวบ้านร้านช่องแถวอยุธยา ที่กลุ้มรุมขออย่างยินดีไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด



นางงามส้มหล่น “ซินดี้” เผยความรู้สึกว่า มีความสุขมากที่ได้มาเที่ยวอยุธยาในครั้งนี้ เพราะได้มาเข้าวัดทำบุญ ไหว้พระขอพรให้ประสบความสำเร็จในการประกวดมิสเวิลด์ที่ประเทศจีน และได้ทานอาหารไทยอร่อยๆ เธอบอกว่า รักอยุธยามาก เพราะนอกจากจะเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ ยังเป็นที่ที่เธอเคยใช้ชีวิตตอนเด็ก โดยเฉพาะที่ตลาดหัวรอ เธอจะมาวิ่งเล่น และจ่ายตลาดกับคุณแม่คุณยายเป็นประจำ แต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่แล้ว ปิดทิ้งไว้เฉยๆ แต่เธอก็ยังคงมาเที่ยวเป็นประจำทุกปี

สำหรับความพร้อมในการประกวดมิสเวิลด์ “ซินดี้” ยืนยันว่า ขณะนี้มีความมั่นใจกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว คิดว่าถ้าฝึกภาษาจีนให้คล่องสักหน่อย คงจะคว้าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาฝากคนไทยได้แน่ และถ้าโชคดีคว้าตำแหน่งมิสเวิลด์มาครองสำเร็จ เธอตั้งใจว่าจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมาเป็นทุนเพื่อจัดตั้งมูลนิธิช่วยเหลือ เหยื่อผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้รอดตายจากโศกนาฏกรรมนี้เช่นกัน.


สิรินดา เจนเซ่น มิสไทยแลนด์เวิล์ด ๒๐๐๕ เป็นนางแบบแฟชั่นโชว์แบบผมในงาน Essential Looks Autumn-Winter 2005



























ภาพและบทสัมภาษณ์ของซินดี้จากเวบมิสเวิลด์

THAILAND - Sindie JENSEN


Age: 22
Occupation: Hotel Employee
Height: 170

Sindie was born in Denmark a small country with only 5 million people, a nice place to grow up in as everybody takes care of everyone else, she also considers Thailand a wonderful place to live, and her mother is Thai. Having completed one year at Business college and gaining a HHX in economy & accounting, she is currently working in a hotel, but her ambition is to: continue her studies; become a vet or to teach small children or to run a dance studio. Hobbies are: looking after animals, she has two dogs; socialising with friends; going to the movies; listening to R & B. Sporting interests are: swimming, tennis, Volleyball and dancing both standard and Latin dance, and has been ballroom dancing for 10 years. She enjoys every kind of Thai food. Personal motto would be “Believe in yourself, do your best and you will never be disappointed”.








ซินดี้ขึ้นปกนิตยสารสกุลไทย



สิรินดา เจนเซ่น มิสไทยแลนด์เวิล์ด ๒๐๐๕ กับความสามารถแขนงศิลปวัฒนธรรมไทยชุด "นาฏยสุรางค์"


ซินดี้-สิรินดา เจนเซ่น มิสไทยแลนด์เวิล์ด ๒๐๐๕ โชว์ลีลารำร่ายให้ผู้สื่อข่าวชมเพื่อใช้ในการแสดงความสามารถพิเศษบนเวทีมิสเวิล์ด ๒๐๐๕


บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้น จำกัด (มหาชน) ได้รับความอนุเคราะห์จาก ภาควิชา นาฏศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการสอนนาฏศิลป์ไทย เพื่อเตรียมพร้อมทางด้านความสามารถแขนงศิลปวัฒนธรรมไทย ให้กับ "ซินดี้-สิรินดา เจนเซ่น" รักษาการแทน ในตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิล์ด ๒๐๐๕ ก่อนเดินทางไปประกวด "มิสเวิล์ด ๒๐๐๕" ที่เมืองซานย่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน - ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๘


โดยภาควิชานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า "นาฏยสุรางค์" หมายถึง การร่ายรำของนางฟ้า สื่อถึงท่วงท่าลีลาที่อ่อนช้อย เป็นการผสมผสานท่าฟ้อนรำของนาฏศิลป์ภาคเหนือ ก่อให้เกิดการร่ายรำ ที่โมเดิร์นและทันสมัยมากขึ้น


พร้อมกับท่าจบของระบำ ที่สื่อถึงการไหว้ เอกลักษณ์การทักทายของไทยที่งดงาม ผ่านการฝึกสอนโดย อาจารย์ระวิวรรณ วรรณวิไชย / อาจารย์ปรารถนา คงสำราญ และ ปรวัน แพทยานนท์


ซินดี้-สิรินดา เปิดเผยว่า ใช้เวลาในการเรียนรำไทยชุด "นาฎยสุรางค์" นี้เพียง ๓ ชั่วโมง จากนั้นอาจารย์ก็ทำแผ่นซีดีให้ไปหัดรำที่บ้าน ซึ่งซินดี้ก็ใช้เวลาเกือบทั้งคืนหัดรำโดยมีคุณพ่อเป็นผู้ช่วยติชม และให้กำลังใจ


นอกจากนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า ที่เธอใช้เวลาไม่มาก แต่อาจารย์ชมว่าเก่ง เรียนได้เร็ว ก็เพราะว่าซินดี้มีพื้นฐานในการเต้นละตินอยู่แล้ว เพียงแต่การรำไทยอ่อนช้อยกว่ามาก ในการเอี้ยวตัว บิดเอวยักสะโพกจึงทำได้แบบไม่ขัดเขิน ที่สำคัญซินดี้ชอบการรำไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณแม่เคยพาไปดูโขน ซินดี้ขอจองที่นั่งแถวหน้าเลย


สำหรับเสื้อผ้าชุดไทยประยุกต์นี้ ซินดี้ก็ชอบมาก เพราะเป็นการสื่อถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยที่ชัดเจน และการแต่งก็ไม่ยุ่งยากสามารถแต่งเองได้เมื่อนำ "นาฏยสุรางค์" ชุดนี้ไปเผยแพร่ที่ประเทศจีน นอกจากนั้นแล้วส่วนที่เป็นเล็บซินดี้ก็ชอบอีก เธอบอกว่าตอนเด็ก ๆ เคยอยากจะเอามาใส่แล้วรำบ้าง เพราะดูอ่อนหวาน จึงดีใจมาก ๆ ที่ได้นำเล็บยาว ๆ นี้มาสวมใส่ในการร่ายรำให้ชมกันในวันนี้


สำหรับการเตรียมตัวด้านอื่น ๆ นั่น ซินดี้ได้ไปเรียนพูดภาษาจีนมาบ้างแล้ว และเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ไปลองเดินเล่นที่เยาวราช สามารถพูดจาโต้ตอบประโยคง่าย ๆ ได้แล้ว อีกทั้งครูที่สอนยังชมว่า สำเนียงชัดเจนดีมาก อาจเป็นเพราะคำในภาษาจีนบางคำมีคำพ้องเสียงกับภาษาเดนมาร์คที่ซินดี้ถนัดอยู่แล้วก็เป็นได้


ก่อนจะเดินทางไปเรียนทำผมที่ชลาชล ซินดี้ฝากขอให้คนไทยและแฟนนางงามช่วยโหวตให้กับซินดี้ด้วย และแน่นอนซินดี้จะตั้งใจทำหน้าที่ตัวแทนสาวไทยให้ดีที่สุด.





สิรินดา เจนเซ่น มิสไทยแลนด์เวิล์ด ๒๐๐๕ กับกิจกรรมเรียนจัดแต่งทรงผมที่ร้าน "ชลาชล"


หลังจากรำไทยให้สื่อมวลชนและช่างภาพได้ชมกันแล้ว ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ ซินดี้ได้เดินทางไปที่ร้าน "ชลาชล" เพื่อทำผมและเรียนจัดแต่งทรงผม


พอไปถึง ซินดี้ ก็สระผมเตรียมให้คุณสมศักดิ์ ชลาชล เปลี่ยนทรงผมให้ โดยขั้นแรกคุณสมศักดิ์ทำการตัดผมให้สั้นลง


เมื่อตัดผมให้สั้นลงแล้ว ก็เตรียมตัวไปดัดให้มี Volume (แปลว่าพอง ทำให้ดูหนาขึ้น)


คุณสมศักดิ์ ชลาชล กล่าวว่า ที่ต้องดัดผมซินดี้ก็เพราะว่า เส้นผมของซินดี้เป็นเส้นเล็ก การดัดจะทำให้ดูมี Volume คือดูหนาขึ้น ที่สำคัญทรงที่คุณสมศักดิ์กำลังทำให้อยู่นี้จะทำให้ซินดี้ดูเป็นสาวขึ้น เพราะโดยปรกติซินดี้เป็นคนแก้มเยอะ เวลาอยู่บนเวทีดูน่ารัก แต่ไม่ใช่ลักษณะนางงาม เลยต้องการให้ดูสาวขึ้นอีกสักนิด


ซินดี้ปรึกษาคุณสมศักดิ์ถึงการต่อผม แต่คุณสมศักดิ์ให้ความเห็นว่า การต่อผมนั้นยากที่จะดูแล ยิ่งเมื่อซินดี้มีกิจกรรมกับกองประกวดมิสเวิล์ดมากมาย อาจจะต้องซ้อมเดิน ซ้อมเต้น หรืออะไรต่าง ๆ ทำให้ต้องสระ เป่า ย่อย ๆ ดังนั้นการต่อผมไม่สะดวกแน่นอน และคิดว่าการดัดผม จะดูแลง่ายกว่า ยิ่งเมื่อซินดี้ต้องเดินทางไปประกวดคนเดียวโดยไม่มีพี่เลี้ยงไปด้วย


นอกจากช่างภาพสื่อมวลชนฝ่ายไทยแล้ว ยังมีนักข่าวจากเดนมาร์กตามมาร่วมสังเกตการณ์และสัมภาษณ์ซินดี้ด้วย


คุณสมศักดิ์ตัดผมซินดี้ออกไปค่อนข้างมาก ซินดี้นั้นชอบผมยาว ๆ แต่บอกว่าเชื่อใจคุณสมศักดิ์ เพราะเป็นช่างผมมือ ๑ และมีประสบการณ์ในวิชาชีพนี้มามากกว่า ๒๐ ปี ว่าแล้วก็นั่งอย่างสบายใจให้คุณสมศักดิ์และทีมงานช่วยกันจัดแต่งทรงผมให้


ให้สัมภาษณ์ช่อง ๙ ไปด้วย ขณะที่นั่งอบผม .... เครื่องสีแดง ๆ นั่นล่ะคือเครื่องอบผม ... คือ ... ห่างเหินร้านทำผมแบบสมัยใหม่ไปนาน เลยไม่ทราบว่าเครื่องแดง ๆ นั้นคือเครื่อง "อบผม" เลยต้องถามพนักงานในร้าน เค้าเลยชี้แจงว่าเป็นระบบอินฟาเรด ดีกว่าเครื่องอบผมแบบโบราณ เพราะจะไม่ร้อนมากและถนอมเส้นผมอีกด้วย


เมื่ออบผมจนได้ที่แล้วก็ใส่น้ำยาหลายชนิด จะเป็นอะไรบ้างก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าใช้น้ำยาหลายชนิดเลย แต่รวมความแล้วคงจะเป็นผลดีแก่เส้นผมทั้งสิ้น


คั่นรายการด้วยการมอบผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมให้ใช้ตลอดปีจาก Schwarczkopf


เมื่อเสร็จสรรพขั้นตอนการ ดัด และ ทรีตเม้นท์ แล้ว คุณสมศักด์แนะนำวิธีการเซ็ทผมให้เข้าทรงแก่ซินดี้


แววสวยเริ่มฉายออกมาแล้ว


ฉีดสเปรย์อีกนิดหน่อย


ดูสวยเต็มสาวเลย


ได้พักเล็กน้อย ... อาจารย์ไก่ก็มาสอนให้ซินดี้เกล้าผม โดนการเกล้าทรงแรกเป็น มวยต่ำ แบบสาวรุ่น


อาจารย์ไก่แนะว่า การเกล้าผมแบบนี้เหมาะกับชุดเสื้อผ้าที่ต้องการโชว์ลำคอ เป็นการเกล้าแบบง่าย ๆ ที่ทำเองได้ ใช้เวลาน้อย


จากนั้นก็สอนให้ซินดี้เกล้าผมในวาระที่ต้องการความสง่างาม


ทรงนี้เข้ากับใบหน้าหวาน ๆ ของซินดี้ได้เป็นอย่างดี


สำหรับด้านการเตรียมตัวนั้น ซินดี้คิดว่าพร้อมแล้ว เธอกล่าวอย่างติดตลกว่า ถ้าจะให้ขึ้นเครื่องบินไปซานย่าในวันพรุ่งนี้ ซินดี้ก็สามารถไปได้ทันที แต่ในเมื่อยังมีเวลาอีกเกือบ ๓ สัปดาห์ ก็จะฝึกฝนภาษาจีน การรำไทย และเต้นละติน รวมไปถึงแต่งหน้า+ทำผมให้คล่อง เพื่อจะได้พร้อมที่สุดสำหรับการประกวดมิสเวิล์ด ๒๐๐๕




"ซินดี้-สิรินดา" สวย...ฉลาด...ครบสูตร

ด้วยมีแววสวยตั้งแต่เด็กจึงถูกชักชวนให้เข้าเวทีประกวดนางงามอยู่เสมอๆ แต่ดูเหมือนว่าเวทีที่ สิรินดา เจนเซ่น หรือซินดี้ หญิงสาววัย 21 ปี ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์กคนนี้รอคอยคือการประกวดมิสไทยแลนด์ เวิลด์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากมีโอกาสบอกให้คนทั่วโลกรักเมืองไทยอย่างที่เธอรัก วันนี้เราลองมาจับเข่าพูดคุยกับเธอกันดีกว่า


เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่เดนมาร์กแต่ได้ข่าวว่าซินดี้ซึมซับความเป็นไทยมาเยอะมาก

ซินดี้จะอยู่กับคุณแม่เป็นส่วนใหญ่ที่บ้านจะเลี้ยงแบบไทยห้าสิบ ฝรั่งห้าสิบ เวลาอยู่ที่เดนมาร์กก็จะเลี้ยงแบบเดนมาร์ก อยู่ที่อยุธยาก็จะเลี้ยงแบบอยุธยา(หัวเราะ) จำได้ว่าซินดี้จะได้เล่นสนุกอีกแล้วเวลาได้มาเมืองไทย เราจะนอนรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่หลังจากที่คุณตาคุณยายเสียก็ไม่ได้ไปพักนานๆ แล้ว จะอยู่กรุงเทพฯ และไปเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะเที่ยวทะเล ทะเลเมืองไทยสวยมาก ซึ่งที่เดนมาร์กจะไม่มี ที่นั่นอากาศหนาวมากด้วยแต่จะคนให้ความช่วยเหลือกันเหมือนเมืองไทย


ได้ยินว่ารักการเต้นสุดๆ

ตอนสมัยอายุ 2-3 ขวบ เวลาที่บ้านเปิดเพลงซินดี้ก็จะมาเต้นๆ คุณพ่อเห็นก็ให้ซินดี้ไปเรียนเต้น เลือกเรียนละตินเพราะว่าสนุก เรียนตอนแรกยากมากต้องอดทน เรียนมา 10 ปี และเคยได้แชมป์ที่เดนมาร์ก แต่ต้องหยุดไปบ้างตอนเข้าเรียนไฮสคูลเพราะเรียนหนักมาก มาได้เต้นโชว์อีกทีตอนสมัครมิสไทยแลนด์ เวิลด์ แต่ตอนนั้นต้องเต้นเดี่ยว ก็ต้องจินตนาการว่ามีคู่เต้นด้วย สนุกมาก


ซินดี้ตัดสินใจมาประกวดได้อย่างไร

ซินดี้อยู่ที่เดนมาร์กก็เรียนและทำงานพิเศษหลายอย่างระหว่างเรียนไม่ว่าจะเป็นที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ซึ่งหลังจากเรียนจบด้านบัญชีที่ Copenhagen Business College และทำงานที่โรงแรมในเดนมาร์ก วันหนึ่งเพื่อนของคุณแม่เป็นคนไทยอยู่ที่เดนมาร์ก เขาทราบว่าซินดี้เคยประกวดและได้ตำแหน่งมิสทีนเดนมาร์กเมื่อปี 2001 จึงชวนให้มาประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ เพราะซินดี้เคยบอกแม่ว่าอยากมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย คุณแม่ก็สนับสนุน 100 เปอร์เซ็นต์


ได้ประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนจากการประกวด

ดีใจมากที่ตัดสินใจประกวด ทำให้ซินดี้ได้เพื่อนคนไทยเยอะ จากแต่ก่อนจะไม่ค่อยมี ภาษาไทยก็ดีขึ้นด้วย ตอนเก็บตัวทุกคนจะบอกว่าซินดี้เป็นคนตลก ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะ โดยเฉพาะกับแองจี้จะสนิทกัน ตอนที่แองจี้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เราไม่ได้คุยกันมาก่อน ก็รู้สึกว่าเพื่อนที่เราสนิทจะกลับบ้านแล้ว ก็เสียใจร้องไห้กันสองคน ตอนนี้แองจี้ไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้วแต่เราก็ยังโทรคุยกัน เขาก็บอกว่าสู้ๆ นะไปเมืองจีนให้สู้ๆ (หัวเราะ)


รู้สึกอย่างไรบ้างกับการจะไปประกวดครั้งนี้

...ซินดี้ไม่กลัว แต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนจากทั่วโลก และการได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย จะต้องทำอย่างดีที่สุดตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนจะออกเดินทางไปในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อยากให้คนจากทั่วโลกรู้จักคนไทยว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย และคนใจดี

...ตอนนี้ต้องรักษาการแทนตำแหน่งของแองจี้ ได้ทำงานทุกวันซึ่งสนุกมาก ได้รู้จักคนใหม่ๆ มีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งซินดี้ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสก๊อตด้วย ซึ่งดีใจมากเพราะสก๊อตเป็นบิ๊กแบรนด์ และเป็นเครื่องดื่มที่ให้ประโยชน์ อยากให้คนหันมาดูแลสุขภาพกัน เพราะซินดี้ก็ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ เนื่องจากเต้นละตินมา 10 ปีจะต้องสุขภาพดีอยู่เสมอ ก็เลยชอบเล่นกีฬาทั้งว่ายน้ำ วอลเลย์บอล เทนนิสและตีกอล์ฟ


วางแผนอย่างไรกับชีวิตในเวลานี้ไว้บ้าง

...จากนี้ต้องอยู่ที่เมืองไทย 1 ปี ซินดี้อยากทำงานหลายๆ อย่างโดยเฉพาะงานพิธีกร อยากทำงานวีเจ เพราะว่าชอบฟังเพลง แต่ร้องเพลงไม่เป็น (หัวเราะ) และก็วางแผนเรื่องเรียนต่อทางด้านสัตวแพทย์ เพราะซินดี้รักสัตว์มาก ซินดี้จะผูกพันกับสัตว์ โดยเฉพาะสุนัข ซินดี้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้ผูกพันและรักสัตว์มาก

อย่าลืมเป็นกำลังใจสาวสวย รวยเสน่ห์คนนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็นเธอโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่างแน่นอน



"ซินดี้"รำไทยประกวด"มิสเวิลด์"








รำไทย - "ซินดี้ สิรินดา เจนเซ่น" รักษาการแทนตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 เรียนนาฏศิลป์ไทย เพื่อเตรียมพร้อมความสามารถแขนงศิลปวัฒนธรรมไทย ก่อนเดินทางไปประกวด "มิสเวิลด์" ที่เมืองซานยา สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม


เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม น.ส.สิรินดา เจนเซ่น รักษาการตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 ได้เดินทางไปฝึกซ้อมนาฏศิลป์ไทย ที่ภาควิชานาฏศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ก่อนเดินทางไปประกวด "มิสเวิลด์" ที่ประเทศจีน ในระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-10 ธ.ค. 2548

มิสไทยแลนด์เวิลด์กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เรียนรำเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะมีเวลาฝึกซ้อมแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เป็นการแสดงที่ภาควิชานาฏศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้คิดท่ารำขึ้นมาใหม่เป็นการผสมผสานท่าฟ้อนรำของนาฏศิลป์ภาคเหนือ ชื่อว่า "นาฏยสุรางค์" หมายถึงการร่ายรำของนางฟ้าที่มีความทันสมัย พร้อมกับท่าจบที่สื่อถึงการไหว้











Create Date : 01 ตุลาคม 2548
Last Update : 28 ตุลาคม 2548 0:15:06 น. 2 comments
Counter : 1486 Pageviews.

 
มาอ่านนะคะ

ไม่มีความเห็นในแง่มุมของการมีประโยชน์ของการจัดประกวดนางงาม
สำหรับเราแล้วจะประกวดหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
เพราะไม่ค่อยได้ชมการประกวด การถ่ายทอด หรือข่าวมากนัก
(เพิ่งจะรู้มากๆก็จากบล็อกนี้เอง)
แต่สำหรับผู้เข้าประกวดคงต้องการอะไรหลายๆอย่าง

ซึ่งเวลาก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่า
การเป็นนางงามก็เป็นใบเบิกทางไปสู่โอกาสที่ก้าวหน้ากว่าในชีวิตของคนหลายๆคน
ก็สังคมไทยปัจจุบันเป็นสังคมที่ยอมรับความดีเด่นของการเป็นนางงาม/นักร้อง/ดารา/นางแบบ/ผู้ที่โด่งดังในทางอื่นๆนี่นา




โดย: ตามใจท่าน วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:17:42:42 น.  

 
ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอค่ะ จากบทความที่นำมาให้อ่าน ผู้ที่แสดงความเห็น ในความเห็นของลูกโป่งถือว่ามองในด้านลบเกินไป

หลายคนติดตามข่าวเพียงแค่ผิวเผิน โดยไม่มองอีกด้านว่า นางงามที่ได้ตำแหน่งพวกเธอได้ทำอะไรให้กับสังคมบ้าง 1 ปีที่อยู่ในวาระ ภารกิจของพวกเธอมีมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนแล้วแต่เป็นงานเพื่อสังคมโดยทั้งสิ้น

จริงอยู่ที่ปัจจุบันทุกอย่างล้วนเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว แม้แต่การประกวดนางงาม ซึ่งใครๆก็ต่างทราบดี คนที่เข้ามาประกวดก็เพื่อชื่อเสียง ความสำเร็จ แต่ทุกอย่างที่ได้มามันก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้อยู่อย่างเดียว

ปัจจุบันคนที่เข้ามาประกวดก็ล้วนแล้วแต่มีการศึกษา หน้าที่การงานที่ดีทั้งนั้น การมองภาพเพียงด้านเดียวแล้วไปตัดสินการประกวดนางงามว่าเหมือนกันหมด ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก


โดย: ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:19:47:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.