Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
เจาะใจ''หนูสิ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 พร้อมภาพกิจกรรมหลังรับตำแหน่ง



ภายในช่วงค่ำคืน จากหญิงสาวธรรมดาที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป กลับเป็นสาวงามที่คนไทยทั้งประเทศรู้จัก ในตำแหน่ง ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010'' สำหรับ ''หนูสิ'' สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ การประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ที่คัดสาวงามจากทั่วประเทศ มาจนเหลือ 30 คนสุดท้าย ทำกิจกรรมเก็บตัวมาเป็นเวลา เกือบ 1 เดือนเต็ม และแล้วเมื่อค่ำคืนของวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มาถึงรอบตัดสิน ซึ่ง ''หนูสิ'' สิริรัตน์ เรืองศรี ผู้เข้าประกวดหมายเลข 8 เป็นสาวงามที่คว้ามงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ไปครองเป็นที่สำเร็จ รวมทั้งยังมาแรง ควบอีก 2 ตำแหน่ง ทั้ง ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน และ นางงามรูปร่างดี ไปอีกด้วย

สำหรับเส้นทางของ ''หนูสิ'' กว่าจะมาถึง ณ จุดนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่างหน้าม่านที่ใครหลายคนได้เห็น เธอผ่านมาแล้วหลายเวที รวมทั้ง เวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ ก็เช่นกัน เมื่อปี 2009 หนูสิได้เข้าร่วมการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ จนสามารถเข้ารอบ 25 คนสุดท้าย แต่เธอก็ไม่ท้อถอยกับความผิดหวัง เพราะในที่สุด หนูสิก็ทำให้เห็นว่าเธอทำได้แล้วในปีนี้



สาวงามที่บอกว่า ''จะเป็นนักกฎหมายที่สวยที่สุดในประเทศไทย'' หนูสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์ คนล่าสุด เป็นสาวเหนือ จ.เชียงใหม่ อายุ 22 ปี มีพี่น้อง 3 คน เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวแถมยังเป็นคนสุดท้อง ศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 4 เธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า อยากรู้ว่าคุณพ่อของตัวเอง ทำอย่างไรถึงเป็นคนอย่างในปัจจุบันนี้ หนูสิเลยเลือกที่จะเรียนด้านกฎหมาย เพราะพ่อของเธอเป็นทนายความ เปิดสำนักงานทนายพยัคฆ์ ที่ จ.เชียงใหม่ หนูสิเลยมุ่งมั่นที่จะเป็นนักกฎหมายสาวที่พัฒนาประเทศอีกคนหนึ่ง หลังที่หนูสิได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 เธอได้กล่าวด้วยอาการตื่นเต้น และดีใจสุดๆ ว่า

''ตอนที่สิเข้ามาประกวด ก็อย่างที่สิบอก ว่าการประกวดก็เหมือนการปีนเขา คราวที่แล้วสิ พลาด ตกลงมาสิเจ็บ แต่ว่าสิก็พยายามอีกครั้ง แต่มาวันนี้สิถึงยอดแล้วค่ะ แล้วสิก็จะพยายามอย่างดีที่สุดค่ะ เพื่อที่จะเอาธงประเทศไทยไปปักบนเวทีมิสเวิลด์ค่ะ ดีใจมากๆ ที่สุดค่ะ เป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต กับทุกๆ รางวัลที่ได้รับมาค่ะ''

คิดว่ากรรมการเห็นอะไรในตัวเรา?

''เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง บุคลิกภาพ ความสวยงาม แต่สิอยากจะบอกกับทุกคนว่า สิไม่ใช่คนที่สวยที่สุด แต่ว่างามอย่างมีคุณค่าสำหรับการศึกษาของเด็กไทยค่ะ เพราะว่าสิคิดว่าเราต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างค่ะ ไม่ใช่แค่ภายนอกที่ดูดี แต่ว่าข้างในก็ต้องดีด้วย ยังไงก็จะพยายามทำให้ดีค่ะ มีแต่คนบอกว่าสิไม่ค่อยยิ้ม สิก็จะยิ้มให้มากขึ้นค่ะ''

ได้ข่าวว่าบนบานศาลกล่าวไว้เยอะ?

''เยอะมากค่ะ แล้วสิ่งที่สิบนไว้ คือสิจะไม่ทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตเลยค่ะ เพราะว่าสิเคยบนไว้ครั้งหนึ่ง ว่าจะไม่ทานเนื้อสัตว์ 1 ปี แล้ว สิก็ทำได้ ทุกที่บนไว้เหมือนกันว่าจะไม่ทานเนื้อสัตว์เลย แต่ที่สำคัญที่สุดคือที่เขานาคเกิด เป็นตอนที่สิไปเก็บตัวที่ภูเก็ต แล้วได้มีโอกาสไปนมัสการพระที่ทำจากหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ สิก็เลยบนท่านไว้ว่า ถ้าสิได้ตำแหน่ง สิจะกลับไปบูชาท่านค่ะ''

คิดว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้รางวัลขวัญใจสื่อมวลชน

''ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณนะคะ สิก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รางวัลนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าสิยิ้มตลอดมั้งคะ''



ต้องไปประกวดมิสเวิลด์ต่อที่ประเทศจีน จะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

''อย่างน้อยสิก็สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะเป็น อย่างน้อยเค้าก็จะรู้ว่าเราเป็นมิตรนะ ทุกอย่างสิได้รับทุกคน แต่ว่าสิ่งที่สิมีอยู่แล้วคือ ตอนนี้ใจเกินร้อยมาก ทุกๆ คนจะต้องรู้จัก แลนด์ ออฟ สไมล์ว่ามันยังไงคะ ก็พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ เรื่องบุคลิกภาพค่ะ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ ต้องพัฒนาเรื่องบุคลิกภาพค่ะ พูดจาฉะฉานมากขึ้น เพราะว่าปกติสิจะเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ''

เรื่องการเรียนเป็นยังไงบ้าง?

''สิเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่ปี 3 กำลังจะขึ้นปี 4 ค่ะ เราได้รับตำแหน่งอย่างนี้ ก็จะต้องอ่านหนังสือมากหน่อย เพราะว่า เราเองก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของมิสไทยแลนด์เวิลด์ พี่ชายและคุณพ่อก็เป็นทนายความก็จะมีติวเตอร์ดีค่ะ พ่อสิเป็นนักกฎหมายค่ะ ในความหมายสิ ก็คือ สิมีความเคารพในตัวคุณพ่อมากๆ สิคิดว่าเราคนเกิดขึ้นมาได้ แล้วมีทัศนคติในชีวิตเกิดจากการที่เราเรียนรู้ แล้วเราเรียนกับอะไร ก็จะเกิดขึ้นกับสิ่งที่เราเรียน สิอยากรู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงเป็นคนที่อยู่ในปัจจุบันนี้ สิก็เลยเรียนเหมือนที่ท่านเรียนค่ะ อนาคตก็จะเป็นนักกฎหมายที่สวยที่สุดในประเทศไทยค่ะ''

สนใจงานในวงการบันเทิงไหม?

''จริงๆ แล้ว สิยังไม่แน่ใจ เพราะว่าสิยังไม่เคยลองงานในวงการบันเทิงมาก่อน ไม่เคยเล่นละคร ไม่เคยเล่นโฆษณา แต่สิคิดว่าตัวสิเองถนัดการการเดินแบบ แต่ก็อยากลองทุกรูปแบบสำหรับงานในวงการบันเทิง ถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาสค่ะ''

หลังจากได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ไป จะทำยังไง?

''สิอยากจะเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กๆ ที่ขาดโอกาส เพราะว่าอย่างที่สิไปเก็บตัวที่จังหวัดภูเก็ต ได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ โรงเรียนบ้านแหลมทราย และสิเคยประกวดมาแล้วกับเวทีนี้ถึง 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการศึกษาของเด็กๆ ทั้งนั้น เราจะไม่รู้เลยว่าเด็กไทยมีศักยภาพขนาดไหน โตขึ้นมาเค้าอาจจะโตขึ้นมาเป็นคนสำคัญของประเทศ แต่เค้าขาดโอกาสเท่านั้นเอง กับการที่สิมาอยู่ตรงนี้ สิก็เป็นกระบอกเสียง ทำให้เสียงของเด็กๆ เหล่านั้นดังขึ้น สิว่าเราต้องช่วยเหลือเค้าเพื่อประเทศของเราค่ะ''

''ที่สำคัญที่สุดกฎหมายบอกไว้ว่า กฎหมายหมายถึงการศึกษาของเด็กไทยทุกคน ต้องได้รับการศึกษาที่เสมอภาค แต่ที่สำคัญที่สุด ไม่เสียค่าใช้จ่าย เด็กไทยก็คืออนาคตของประเทศเรา จริงๆ พวกเค้าไม่ควรขาดโอกาสทางการศึกษา เพียงเพราะเค้าไม่มีเงินค่ะ''



ถามที่มาของชื่อ ''หนูสิ'' หน่อย?

''จริงๆ แล้วคุณพ่อตั้งชื่อว่า ''ลูกหนู'' ค่ะ แต่ว่าคุณแม่บุญธรรม สิจะเรียกว่าคุณแม่ทูนหัว ท่านไปขอชื่อกับพระ ที่จริงสิชื่อยุวเรศ แต่ท่านให้เปลี่ยนเป็นชื่อที่เบาลงคือ สิริรัตน์ แต่สิไม่อยากเปลี่ยนไงค่ะ เพราะว่าสิคิดว่าสิ่งที่พ่อแม่ตั้งมาให้คือสิ่งที่ดีที่สุด คือบัตรในประชาชนคือ ยุวเรศ แต่เอาจริงๆ คือ สิริรัตน์เป็นเหมือนชื่อเล่น ชื่อในวงการค่ะ เปลี่ยนมาได้เกือบ 2 ปีแล้วค่ะ''

ท้ายสุด คิดว่าชนะใจกรรมการได้ยังไง?

''สิคิดว่า เหมือนเราอยู่ในผู้คนที่พร้อมทุกอย่าง รูปร่าง หน้าตา ความสามารถ แต่การประกวดก็เหมือนการพรีเซนต์ ทำให้เป็นที่รู้จัก แล้วการที่จะทำให้กรรมการ 30 กว่าคน ประทับใจเราได้ เข้าถึงเราได้ขนาดไหน แต่ตัวสิ ไม่ได้ว่าฉันจะต้องได้ แต่สิตั้งใจจริงๆ ตั้งใจมากๆ พ่อแม่เคยบอกเสมอว่าสิคือความภาคภูมิใจของเค้า ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองแพ้ใคร เพราะว่าอย่างน้อย พ่อแม่ก็บอกว่าสิ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ''

งานนี้ก็ต้องติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับ ''น้องหนูสิ'' ต่อไป กับการประกวดมิสเวิลด์ ที่จะเดินทางไปเก็บตัวและร่วมประกวดที่ประเทศจีน ในวันที่ 5 ต.ค. นี้


**************************

มิสไทยแลนด์ฯเริงร่าคลายเครียด



''หนูสิ-สิริรัตน์'' มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ประเดิมกิจกรรมแรก ชวนเพื่อนสาวผ่อนคลายริมสระว่ายน้ำ ฝันเป็นนักกฎหมายสวยสุดในประเทศ เตรียมบินเก็บตัวมิสเวิลด์ต่อที่ประเทศจีน


ประกาศอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 เมื่อค่ำคืนของวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยสาวงามผู้เข้าประกวดหมายเลข 8 ''หนูสิ'' สิริรัตน์ เรืองศรี เป็นผู้คว้ามงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ไปครองได้สำเร็จ

กลายเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในประเทศไทยภายในข้ามคืน สำหรับ ''หนูสิ'' สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด ซึ่งได้รับรางวัลทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้าน 7 แสนบาท

โดยกิจกรรมแรกที่ ''หนูสิ'' มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 ปฏิบัติในวันรุ่งขึ้นหลังจากรับตำแหน่ง ก็ได้ชักชวนเพื่อน ''น้องดิววี่'' แคซแซนดรา สาริกานนท์ รองอันดับ 1, ''น้องกุ๊กเก้'' ปาณิกา วรบุญศิริ รองอันดับ 2, ''น้องลูกตาล'' ศริญญา สุขประเสริฐ รองอันดับ 3, ''น้องแก้ว'' คัทรินทร์ สิทเสรี รองอันดับ 4 และ ''น้องซาร่าห์'' สาวงามที่ได้รับรางวัลนางงามมิตรภาพ ทำกิจกรรมริมสระว่ายน้ำ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 53 ซึ่งด้าน ''หนูสิ'' มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 เผยถึงความรู้สึกหลังการประกวดเสร็จสิ้นนี้ว่า ชวนเพื่อนมาผ่อนคลายหลังประกวดเสร็จ เริ่มหน้าที่มิสไทยแลนด์เวิลด์อย่างเต็มที่

''หลังจากที่เราทำกิจกรรมเก็บตัวกับเพื่อนๆ มาเกือบ 1 เดือนเต็ม และต้องเตรียมตัวเพื่อการประกวด มีทั้งการซ้อมเดินชุดว่ายน้ำ ซ้อมเดินบนเวทีจริง กิจกรรมอะไรหลายอย่าง มาถึงวันนี้ก็ถือว่าทุกอย่างเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาผ่อนคลายกันหน่อยค่ะ วันนี้เลยชวนเพื่อนๆ มาออกกำลังกายรับแสงแดดกันที่ริมสระว่ายน้ำค่ะ เพราะว่านับจากนี้ไป มันจะเป็นการเริ่มต้นของการทำหน้าที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ที่เราได้รับค่ะ''

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการวางแผนในอนาคต โดยมิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุดบอกว่าจะปฏิบัติหน้าที่มิสไทยแลนด์เวิลด์อย่างเต็มที่ แต่ไม่ทิ้งเรื่องการเรียน เพราะจะเป็นนักกฎหมายตามรอยพ่อ

''สิคิดไว้ว่าจะเป็นนักกฎหมายเจริญรอยตามคุณพ่อค่ะ สิมีความเคารพในตัวคุณพ่อมากๆ สิอยากเป็นอย่างคุณพ่อ ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ ที่ ม.รามคำแหง ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 4 แล้วค่ะ รวมทั้งสิจะทำหน้าที่ของมิสไทยแลนด์เวิลด์อย่างเต็มที่ จะไปแสดงให้เค้ารู้ว่าเมืองไทยมีดี อย่างในบนเวทีมิสเวิลด์ที่ประเทศจีนค่ะ''

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า จะมีการเตรียมตัวไปประกวดมิสเวิลด์ต่อที่ประเทศจีนอย่างไรบ้าง ด้านหนูสิบอกว่า จะพัฒนาเรื่องบุคลิกภาพ

''สิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ ต้องพัฒนาเรื่องบุคลิกภาพค่ะ พูดจาฉะฉานมากขึ้น เพราะว่าปกติสิจะเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ ต้องแสดงให้เห็นว่าเมืองไทยมีดีกับการเป็นสยามเมืองยิ้ม จะทำให้เต็มที่ๆ สุด เต็มร้อยค่ะ'' หนูสิกล่าว

ทั้งนี้ในวันที่ 5 ต.ค. นี้ ''หนูสิ'' มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 จะเดินทางไปเก็บตัวร่วมกับเพื่อนๆ สาวงามจากประเทศอื่นๆ เพื่อประกวดมิสเวิลด์ในวันที่ 30 ต.ค. 53 โดย ''ดิววี่'' แคซแซนดรา สาริกานนท์ รองอันดับ 1 และ ''กุ๊กเก้'' ปาณิกา วรบุญศิริ รองอันดับ 2 จะปฏิบัติหน้าที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ในประเทศไทยไปก่อนจนกว่าหนูสิจะกลับมาจากการประกวดมิสเวิลด์ที่ประเทศจีน













ขอบคุณสื่อ











































ที่มา
สยามดารา
manager


Create Date : 16 สิงหาคม 2553
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 18:36:06 น. 3 comments
Counter : 2421 Pageviews.

 
เอารองอันดับ1ไปประกวดมิสยู ไปนางงามช่อง7 เหมาะมากดูดีแบบสไตล์นางงาม


โดย: 4 IP: 125.26.227.146 วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:13:24:26 น.  

 
ช่อง 7 เค้าไม่เอาหรอกค่ะ

เพราะเค้าไม่เอาลูกครึ่ง

ต้องไทยแท้เท่านั้น


โดย: สวย IP: 202.12.97.100 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:14:18:27 น.  

 
หนูสิหวานมากค่ะ ราศีจับ


โดย: งามอย่างไทย IP: 10.0.2.238, 58.8.37.217 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:21:18:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.