ติวเข้มสาวงาม ทำความรู้จักไวรัสเอดส์ โค้งสุดท้าย มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ''หมิวเองก็เคยมีคนใกล้ชิดติดโรคร้ายนี้ด้วยเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนสนิทของแม่ และก็สนิทกับหมิวด้วย ท่านรักหมิวเหมือนลูก และหมิวเองก็รักท่าน แต่ตอนนั้นหมิวเองยังเด็ก ยังไม่มีความเข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ รู้แต่ว่ามันเป็นโรคที่น่ากลัวมากๆ พ่อกับแม่ก็สั่งห้ามเด็ดขาด ว่าอย่าเข้าไปใกล้ เพราะหากเราได้รับเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้ว จะไม่มีทางรักษาให้หายได้ และต้องตายในที่สุด เชื่อมั้ยคะ...ว่าตอนนั้นหมิวฟังแล้วรู้สึกขนลุก จากวันนั้นก็ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านอีกเลย จนกระทั่งท่านเสียชีวิต'' นั่นคือคำพูดประโยคแรกของผู้เข้าประกวด หมายเลข 44 จากเวที ''มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551'' อย่าง ''น้องหมิว'' อนัญญา ชินแสงชัย สาวใสวัย 19 ปี นิสิตปี 3 จากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประสบการณ์ และความรู้สึกที่มีต่อผู้ติดเชื้อไวรัส HIV หรือที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดีในนาม ''โรคเอดส์'' โรคร้ายที่ไม่มีใครถวิลหา หรือแม้แต่ก้าวขาเข้าไปใกล้ติดเชื้อ เฉกเช่นเดียวกับเธอ แต่สุดท้ายน้องหมิวจะพูดว่าอย่างไร ต้องไปฟัง ''และพอโตขึ้น มันเหมือนเป็นชิพที่ถูกฝังไว้ในสมองของเราว่าโรคนี้น่ากลัว ห้ามเข้าใกล้ แต่พอวันเวลาผ่านไป จากที่เราได้เข้าไปศึกษาเกี่ยวกับโรคชนิดนี้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าโรคเอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆ พอย้อนกลับไปรู้สึกผิดทุกที ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านและที่สำคัญหมิวเองมีโอกาสไปเยี่ยมผู้ติดเชื้อที่วัดพระบาทน้ำพุด้วย ซึ่งทุกคนผอมมาก มีแผลตามตัว จากที่เราเคยกลัวตอนเด็ก ก็กลายเป็นความสงสาร เห็นใจ อยากจะทำให้พวกเขาเหล่านี้มีความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต หมิวก็อยากจะเชิญชวนทุกๆ คนตรงนี้เลยนะคะว่า อยากจะให้หันมาให้ความสนใจ และยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อให้มากกว่าที่เป็นอยู่ อยากจะให้พวกเขารู้ว่าสังคมไม่ได้ทอดทิ้ง เขาจะได้มีกำลังใจในการต่อสู้โรคร้ายต่อไป เพื่อเป็นการยืดเวลาบนโลกนี้ให้ได้นานที่สุดค่ะ'' เป็นที่ทราบโดยทั่วไป ว่าการประชันสวยเวทีใหญ่ อย่าง ''มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส'' ทุกๆ ปี ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ผู้ดำเนินการประกวด จะต้องมีการอบรม ให้ความรู้กับผู้เข้าประกวด เกี่ยวกับ ''โรคเอดส์'' เพราะถือว่าเป็นนโยบายหลักของบริษัทแม่ อย่าง ''มิสยูนิเวิร์ส แอลพี'' เจ้าของเวทีนางงามจักรวาล หรือ ''มิสยูนิเวิร์ส'' เพราะผู้ที่คว้ามงกุฎในแต่ละปี นอกเสียจากที่จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในจักรวาลแล้ว ภารกิจหลักที่เธอผู้นั้นจะต้องทำ คือการประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วโลก เช่นเดียวกับในปีนี้ ที่กองประกวด ''มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551'' ซึ่งดำเนินมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้ว (21 พ.ค.) แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะให้สาวๆ ได้ทำความเข้าใจ และทำความรู้จักกับไวรัส HIV ให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้พื้นที่ของห้องแกรมม่า โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ คอมเพ็กซ์ ซอยรางน้ำ ผ่านการถ่ายทอดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่าง นพ.พีระมน นิงสานนท์ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สำนักงานโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค มาเป็นผู้บรรยาย ส่วนสาวงามคนอื่นๆ หลังจากเข้ารับการอบรมเสร็จสรรพ พวกเธอจะพูดถึงเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างไร เราลองไปสุ่มฟังสาวๆ รุ่นใหม่เค้าพูดกันดีกว่า เริ่มต้นด้วย หมายเลข 43 สาวงามจากดินแดนไข่มุกอันดามัน จ.ภูเก็ต ''น้องเมย์'' เมทินี สิริภัทรกมล อายุ 22 ปี ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะการท่องเที่ยวการจัดการภาคบริการ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ''สำหรับเมย์เอง หลังจากได้รับความรู้เรื่องโรคเอดส์ในวันนี้แล้ว รู้สึกว่าได้เข้าใจและได้รู้จักโรคนี้ขึ้นอีกเยอะ โดยเฉพาะความรู้ใหม่ๆ อย่างการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่สามารถมีขึ้นได้ทุกเวลา และสถานการณ์ของโรคเอดส์ว่า เยาวชนและวัยรุ่นมีอัตราเพิ่มมากที่สุด เมย์เองเคยไปทำกิจกรรมที่บ้านฉุกเฉิน และมีโอกาสได้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้ที่ท้องก่อนวัย หรือแม้แต่เด็กที่ได้รับเชื้อมาจากแม่ รู้สึกว่าตัวเองแย่ หากไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้ อย่างน้อยเราก็ควรให้โอกาสและอย่าทอดทิ้งพวกเขา ให้เขาได้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติค่ะ'' ด้าน ''น้องไลลา'' ฐานิตชญา สุทธิภักดี สาววัยใสวัย 19 ปี ที่เคยผ่านเวทีนางงามน้องเล็ก มิสทีนไทยแลนด์ 2005 มาแล้ว ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ด้วยว่า ''ความรู้ที่ได้รับในวันนี้ ทำให้ไลลาสามารถนำไปปรับตัวให้เข้ากับผู้ติดเชื้อได้ โดยเฉพาะได้ทราบว่าโรคนี้มีหลายสายพันธุ์ การติดเชื้อก็มีหลายวิธี และแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน อย่างประเทศในแถบยุโรป การมีเพศสัมพันธ์ ไม่ทำให้พวกเขาได้รับเชื้อ นอกเสียจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันเท่านั้น และที่ผ่านมาไลลาเคยนั่งดูรายการทางโทรทัศน์รายการหนึ่ง ซึ่งเค้าเอาชีวิตของเด็กติดเชื้อที่ได้รับมาจากแม่ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วมาเผยแพร่ ญาติก็เอาไปฝากไว้กับหลวงพ่อที่วัด ไม่กลับมาเยี่ยมเยียนหรือดูแล ซึ่งน่าสงสารมาก วันนั้นไลลาน้ำตาไหลเลยค่ะ เลยอยากจะฝากถึงภาครัฐ ให้จัดกิจกรรม หรือให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยมากกว่าที่เป็นอยู่ หรือไม่ก็มีสวัสดิการ มีเงินเดือนให้ผู้ป่วย เพื่อเค้าจะนำไปใช้รักษา ยื้อชีวิตของตัวเองต่อไปค่ะ'' นั่นคือประสบการณ์และความรู้สึกของสาวงามส่วนหนึ่ง ที่มีต่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ และเชื่อแน่นอนว่าผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ทุกๆ คนคงคิดเช่นเดียวกันนี้ด้วย สุดท้ายผู้เขียนก็อยากจะเห็นคนในสังคมไทย ให้ความสนใจ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ผู้ป่วยเหล่านี้อย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่ใช่เพียงปากพูดว่าสงสาร แต่การกระทำกลับรังเกียจ อย่างที่เป็นอยู่ และขอฝากถึงญาติของผู้ป่วยทุกท่านด้วยว่า กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกว้าเหว่ และต้องดิ้นรน ต่อสู่กับโรคร้ายโดยลำพัง ไม่งั้นหากถึงวันที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปจริงๆ เหมือนดั่งที่ผู้เขียนต้องเสียเพื่อนรักไปแบบไม่มีวันกลับด้วยโรคร้ายชนิดนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จะได้ไม่ต้องนั่งเสียใจ และย้อนกลับไปถามตัวเองภายหลังว่า 1 เดือนที่เขารู้ตัวเองว่าติดเชื้อ เราช่วยเหลือเขาได้ดีพอแล้วหรือยัง? ''ขอให้ดวงวิญญาณพี่ท่าน จงไปสู่สุคติด้วยเทอญ'' ที่มา สยามดารา ชมภาพเพิ่มเติม //mtu.ch7.com/news/news19.html   Create Date : 22 พฤษภาคม 2551 3 comments Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 16:43:47 น. Counter : 1538 Pageviews. Share Tweet

ตอนแรกก็เชียร์นะครับ แต่เวลาคนเค้ามาบรรยายให้ฟังอะนะ ควรจะฟังและไม่ควรเอาเวลามาอ่านหนังสือพิมพ์แบบนี้อะนะ ไม่อยากจะเชียร์เลย น่าจะทำตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะหน่อยนะครับ ไม่เชียร์แล้วเบอร์ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์กันอะ   โดย: อกแหก IP: 117.47.36.245 22 พฤษภาคม 2551 16:34:00 น.

ใช่ ส่งตัวแทนแบบนี้ไป ขายหน้าต่างชาติตายอะ   โดย: รักไทย IP: 117.47.36.245 22 พฤษภาคม 2551 16:36:15 น.

เอามาให้อ่านเพื่อทำข่าวลงนสพ.น่ะค่ะ อย่าคิดมาก   โดย: ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ 23 พฤษภาคม 2551 1:44:04 น.