Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ : หรอยจั่งฮู้..!!สาวงามลิ้มรสหมูย่างเมืองตรัง

หรอยจั่งฮู้..!!สาวงามลิ้มรสหมูย่างเมืองตรัง

''อร่อยมากๆ ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ดาวมีโอกาสได้ทานหมูย่างเมืองตรัง อาหารที่เคยได้ยินได้ฟังมานานแล้ว ว่าที่นี่เค้าขึ้นชื่อมาก ต้องบอกว่าสมคำร่ำลือจริงๆ เพราะมันดูนุ่มลิ้น แถมหนังยังกรอบอีก

สิ้นเสียงของสาวงามผู้เข้าประกวดหมายเลข 2 ''น้องดาว''นางสาวทัดดาว ดวงจันทร์โชติ สาวจากภาคอีสาน จ.มหาสารคาม วัย 20 ปี เจ้าของส่วนสัด 33-25-35 สูง 167 ซม. น้ำหนัก 48 กก. ปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ม.ราชภัฏมหาสารคาม พูดถึงการที่ตนเองมีโอกาสได้ลองลิ้มชิมรสชาติอาหารที่ขึ้นชื่อของภาคใต้ อย่างหมูย่างเมืองตรังเป็นครั้งแรก พร้อมกับได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่ต้องกินกาแฟ, หมูย่าง และติ่มซำ ไปพร้อมๆ กันในช่วงเช้าจนเป็นที่ชินตา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่ายๆ ว่า สภากาแฟ นั่นแหละ

ดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว สำหรับการเก็บตัวทำกิจกรรมของ 44 สาวงาม ผู้เข้าประกวด ''มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส'' ประจำปี 2550 ที่ จ.ตรัง ซึ่งหลังจากที่สาวงามได้บินลัดฟ้ามาร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และโปรโมตการท่องเที่ยวเมืองทับเที่ยงตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเพียบพร้อมมากที่สุด ก้าวขึ้นไปคว้ามงกุฎเพชร พร้อมเงินรางวัล 1,000,000 บาท, รถยนตร์ฮอนด้า ซีอาร์วี และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ในวันที่ 24 มี.ค.50 ที่จะถึงนี้ โดยผู้ที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ยังต้องเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมการประกวด ''มิสยูนิเวิร์ส 2007'' ที่ประเทศเม็กซิโก ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย

สำหรับกิจกรรมของเหล่าสาวงามเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก และต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ผู้ดำเนินการประกวดได้พาสาวงามในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวหลากสี พร้อมคณะสื่อมวลชนออกเดินทางจากโรงแรมอมารี ตรัง บีช รีสอร์ท ที่พัก ด้วยรถบัสสองชั้น ตั้งแต่เวลา 08.00 น. มุ่งหน้าสู่ร้านพงษ์โอชา ร้านกาแฟ หรือที่ภาษาใต้เรียกกันง่ายๆ ว่า ''โกปี๊'' ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่คนเมืองตรังรู้จักกันเป็นอย่างดี เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตการรับประทานอาหารเช้า เป็นกาแฟและหมูย่าง ซึ่งคนเมืองตรัง ปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว

ซึ่งเมื่อคณะสาวงามเดินทางไปถึง ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วย นายแพทย์วิศิษฐ์ อมรวิทยารักษ์ และนายไสว ชอบทำกิจ รองนายกเทศบาลนครตรัง ให้การต้อนรับคณะสาวงามอย่างอบอุ่น พร้อมกันนี้ยังมี นางรัศมี ขจรสิริสิน ผู้จัดการร้านพงษ์โอชา แนะนำวิธีการรับประทานพื้นเมือง และประวัติความเป็นมาของการทานกาแฟ ไปพร้อมกับหมูย่าง ให้ผู้เข้าประกวดได้เข้าใจอีกด้วย

โดยที่ผู้เข้าประกวดหมายเลข 41 ''น้องมิ้ง'' ศรุดา สุทธิเจริญ สาวเหนือแต๊ๆ จาก จ.เชียงใหม่ วัย 22 ปี เจ้าของส่วนสัด 31-24-36 สูง 170 ซม. น้ำหนัก 53 กก.จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้พูดถึงการที่ตัวเองได้เปลี่ยนบรรยากาศจาก อาหารภาคเหนือ อย่าง แคบหมู, ไส้อั่ว, น้ำพริกหนุ่ม มาลองรสชาตินุ่มๆ ของหมูย่างเมืองตรัง อาหารขึ้นชื่อของภาคใต้ ให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า

''ปกติแล้วที่บ้านมิ้งเองก็เคยทานแต่พวก แคบหมู ไส้อั่ว หรือว่าน้ำพริกหนุ่มอะไรพวกนี้แหละค่ะ ก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าทางใต้เค้าก็มีอาหารพื้นเมือง อย่างที่ตรังนี่ เค้าก็จะมีหมูย่าง แต่ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเค้าจะกินกันแบบเป็นกิจวัตรประจำวันกันอย่างนี้ เห็นแล้วรู้สึกได้เลยค่ะว่าอาหารใต้ มีเสน่ห์ เพราะนอกจากจะรับประทานกันแล้ว คนที่นี่เค้ายังนิยมนำหมูย่างไปทำบุญในช่วงตรุษจีนได้อีก กลับไปเชียงใหม่ครั้งนี้หากมีโอกาสหนูก็อยากจะพาครอบครัวกลับมาเยือน และกลับมาทานหมูย่างเมืองตรังอีกค่ะ''

ต่อจากนั้นในเวลา 10.00 น.ผู้เข้าประกวดพร้อมคณะก็ได้เดินทางต่อไปยังวัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) เพื่อไหว้พระขอพรจากหลวงพ่อวัน มะนะโส (พระบริสุทธ ศีลาจาร) เกจิอาจารย์ชื่อดังที่คนจังหวัดตรังให้ความเคารพนับถือ เพราะมีชื่อในด้านวาจาสิทธิ์ และเมตตาสิทธิ์ ซึ่งเมื่อสาวงามเดินทางไปถึง มีพระครูศรี หรือพระครูปลัดจำนงค์ เจ้าอาวาสวัดประสิทธิชัย และพระลูกวัดกว่า 20 รูป ก็ได้ให้พร และให้โอวาทกับผู้เข้าประกวด ก่อนที่พระครูศรีจะมอบเหรียญ พระเนื้อว่านหลวงพ่อวันปัดทอง ที่ทำขึ้นพิเศษ และปลุกเสกเพื่อสาวงามผู้เข้าประกวดโดยเฉพาะด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในวัดก็ยังเต็มไปด้วยความคึกคัก และอบอุ่น เหมือนดั่งงานวัดไม่มีผิดเพี้ยน เนื่องจากมีน้องๆ หนูๆ แต่งชุดไทย พร้อมกับร่ายรำ และออกมาชวนพี่ๆ สาวงามร่วมสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ด้วยการละเล่นพื้นบ้าน ทั้ง ลีลีข้าวสาร, หมากเก็บ, กระโดดเชือก และขี่ม้าก้านกล้วย เป็นต้น โดยมีประชาชนชาวตรัง มาเฝ้ายลโฉมกิจกรรมของเหล่าสาวงามในบริเวณวัดเป็นจำนวนมากด้วย

หลังจากนั้นในเวลา 11.30 น.คณะสาวงามก็ได้เดินทางต่อไปยังร้านสินโอชา หรือบริษัท Sinis จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 18/1 ถ.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง เพื่อชมการสาธิต และร่วมทำขนมเค้กอีกหนึ่งของฝากที่ขึ้นชื่อของเมืองตรัง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากมีรูอยู่ตรงกลางเหมือนโดนัท โดยคำบอกเล่าจาก นายสุทัศน์ ชยันต์เกียรติ เจ้าของร้านสินโอชา บอกว่าที่ขนมเค้กของเมืองตรัง ต้องทำให้มีรูอยู่ตรงกลางเนื่องจากเวลานำเข้าเตาอบ ความร้อนจะได้แผ่กระจายจากตรงกลางออกสู่รอบนอกได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ขนมเค้กที่ออกมามีความนุ่มและน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วย

เสร็จสิ้นกิจกรรมประจำวันสาวงามก็ได้กลับไปพักผ่อน และซ้อมการแสดงที่โรงแรมอมารี ตรัง บีช รีสอร์ท ที่พัก ในช่วงบ่าย ก่อนที่ในวันรุ่งขึ้น (20 มี.ค.) ผู้เข้าประกวดมีโปรแกรมที่จะเดินทางไปชมบ่อน้ำร้อนควนแดง และชมประวัติต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ก่อนที่ช่วงเย็นจะต้องเป็นไปตามประเพณีของการประกวด กับงานกาลาดินเนอร์เพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนตลอดกิจกรรมการเก็บตัวที่ จ.ตรัง พร้อมทั้งยังจะมีการค้นหาสาวงามขวัญใจเมืองชาวตรัง ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลแรกของการประกวดในปีนี้ด้วย แต่สาวงามคนใดจะถูกใจพี่-น้อง เมืองตรัง ต้องติดตาม