Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
8 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 
วันศุกร์แสนสุข

จริงๆ ลังเลอยู่ว่าจะใช้ชื่อบันทึกว่าอะไรดีระหว่าง
คืนศุกร์แสนสุข กับ เมื่อความหิวกระหายได้รับการตอบสนอง

ชื่อแรกฟังแล้วใสๆ ส่วนชื่อแรกฟังร้อนแรงเหงื่อไหลเหลือเกิน แต่พอได้ส่องกระจกดูใบหน้าของตัวเองแล้ว ก็เลือกได้ทันที ชื่อแรกนั้นเองที่เหมาะสมกับความใสของตัวเอง (หัวใสมาก...ใสเหมือนแก้วที่ข้างในว่างเปล่า ว่างจริงๆ...เฮ่อ)

แต่จริงๆ แล้ว ชื่อที่สองสื่อถึงความคิด ความรู้สึกมากที่สุด แม้ผ่านมาแล้ว 1 วัน จากคืนวันศุกร์มาสู่เที่ยงวันเสาร์ ฉันก็ยังอิ่มอยู่ อิ่มอกอิ่มใจ เพราะฉันได้เสพที่ฉันชอบครบทั้ง 3 อย่างในคืนวันศุกร์ นั้นคือ...


หนังสือ: Zoo (2548) โดยโอทสึอิจิ และนิตยสาร อะ ดม (จริงๆ ไม่มี "อ" แต่พิมพ์ไม่ได้ค่ะ )

หนังสือของโอทสึอิจิเป็นหนังสือที่ฉันมองข้ามในตอนแรก และดีใจจนถึงทุกวันนี้ที่หันกลับไปหยิบมาอ่าน โดยเล่มแรกที่ฉันได้อ่านคือ "Goth คดีตัดข้อมือ" (254?) เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นหักมุมที่ฉันละเลียดอ่านด้วยความอิ่มเอมใจ อ่านจบแล้วเหมือนถูกค้อนทุบหัวทุกเรื่อง น็อคฉันทุกเรื่อง แม้หลายเรื่องจะโหดไปหน่อย และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาฉันก็เพิ่งได้สอย "Zoo" มาอ่าน เป็นหนังสือที่ฉันไม่ผิดหวังอีกเล่ม แม้ว่าจากการอ่านมาครึ่งเล่มพบว่าเรื่องของโอทซึอิจิเล่มนี้ดุเดือดน้อยกว่าเล่มแรกซักหน่อย แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความเศร้าแบบหวานละไมในบางเรื่อง การตีแผ่ความรันทดใจของเด็กที่มีปัญหาครอบครัว และมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอาจรู้สึกไปเองว่ามีกลิ่นไอของหนังที่ฉันชอบ...Memento

ส่วน อะ ดม ซื้อเพราะอ่านกระทู้ในพันทิพ เป็นนิตยสารที่ทำฉันหัวเราะได้หลายมุข แต่ไม่ทุกมุข ฉันหัวเราะได้ดังขนาดนี้ครั้งหลังสุดก็ตอนดู Friends ตอนที่โมนิก้าฉบับอ้วนสุดๆ เต้นดิสโก้...นับนิ้วแล้ว...โห้...ฉันไม่ได้หัวเราะแบบบ้าคลั่งแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน นิตยสารเล่มนี้ทำฉันฮาได้จริงๆ โดยเฉพาะคุณตำลึง แต่หลายหน้าก็หามุขไม่เจออยู่เหมือนกัน




เพลง: Franz Ferdinand ชุด You Could Have It So Much Better (2005)

มันเริ่มจากอีเมล์ฉบับหนึ่งจากเพื่อนรักที่ไปร่ำเรียนที่อังกฤษ...ความว่า...

เออ ... Franz ferdinand ออกชุดใหม่แล้วนะ
เดี๋ยวฟังแล้วจะบอกว่าเป็นยังไง พอดีกำลังรอ
อินเตอร์เน็ตอยู่ เพิ่งสมัครไป
มันแถมให้ดาวน์โหลดเพลงฟรี 40 เพลงด้วย ...
แกมีศิลปินแนะนำมั๊ย เราคิดไม่ออกว่าจะโหลดเพลงอะไรดี


อ่านเสร็จ โทรไปหาร้านขายเพลง หลังจากนั้นฉันก็อยู่ในอารมณ์กรึ่มๆ เหมือนเมาใบกระท่อม ทำงานไปยิ้มไป เย็นนี้มีเพื่อนแล้ว ไม่ต้องเหงาหู ไม่ต้องพึ่งคุณสรยุทธและคุณกนกให้ช่วยบริหารกระดูกโกลน ทั่ง ค้อน แล้ว คุณปัญญาก็ไม่ต้อง ตอนเย็นฉันไปร้านขายเพลงและถอย Franz แผ่นแรกของร้านมาเรียบร้อย หลังจากฟังแล้วก็ชอบ ฉันชอบมากกว่าชุดแรกอีกนะ ฉันถูกใจที่ชุดนี้มีเพลงหลากหลายกว่าชุดก่อน มีเพลงช้าที่ละมุนหูแทรกอยู่ โดยเฉพาะเพลง Eleanor Put Your Boots On และ Fade Together ที่ทำให้ฉันคิดถึง Eels อัลบัม Daisies of the Galaxy (2000) ที่ฉันหลงรัก

ฉันรู้จัก Franz Ferdinand ครั้งแรกได้ยังไง เริ่มจากการที่ฉันชอบ U2 แล้ววันหนึ่งฉันก็อ่านเจอคำพูดของโบโนที่กล่าวว่า Franz Ferdinand เป็นวงที่น่าจับตามอง ฉันเลยเข้าไปดูเวบไวต์ของวงนี้ แค่เห็นความย้อนยุคบนเวบไซต์และแนวดนตรีฉันก็สนใจ พอได้คุยกับเพื่อนที่เรียนที่อังกฤษ ก็รู้ว่าวงนี้น่าสนใจจริงๆ ฉันกับเพื่อนเลยหันมาฟัง Franz แล้วคุยกัน คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ จริงๆ เลย ยุคที่จะบ้าหนัง บ้าเพลง บ้านักร้อง บ้าดารา ก็ทำได้เต็มที่ ไม่ต้องมีเรื่องงาน เรื่องความรับผิดชอบ เรื่องสังขารมาขวางกั้น




หนัง: The Machinist (2004)

หนังเรื่องนี้ออกมานานแล้วค่ะ แต่ฉันเพิ่งได้ดูเพราะที่หาดใหญ่ไม่เข้า เพิ่งได้ดูจาก VCD เมื่อวานนี่เอง เป็นหนังที่ตอบสนองความหิวกระหายได้ระดับหนึ่ง เพราะฉันขาดแคลนหนังแนวนี้มานาน (จริงๆ ก็ไม่นานเท่าไหร่ เพิ่งได้จาก The Old Boy ที่คุณโบ เพื่อนพันทิพส่งมาให้ดู-ขอบใจนะจ๊ะ ) หนังเรื่องนี้ทำฉันอึ้งกับหุ่นของ Christain Bale จริงๆ (โดยมีแม่ร่วมอึ้งด้วย) แต่ถึงผอมก็ยังหล่อถูกใจนะ (แม่ส่ายหน้าใหญ่...หล่อตรงไหน) หนังเรื่องนี้เท่าที่อ่านๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกใจตอนจบ ซึ่งถ้าเทียบกับหนังแนวเดียวกันทั่วๆ ไป ตอนจบของเรื่องนี้ยังห่างไกลจากการโดนน็อคจากเรื่องอื่นๆ แต่ฉันก็ยังชอบเรื่องนี้ และยังทำใจยอมรับได้ บางครั้งการที่เรารอดพ้นจากอะไรสักอย่าง ทั้งๆ ที่คนข้างๆ ต้องสูญเสีย มันทำให้เกิดรอยแผลในจิตใจได้ และทำให้รู้สึกผิดที่ความสูญเสียนั้น...ทำไมไม่เป็นเรา เคยได้ยินข่าวไหมค่ะ ที่คนที่สูญเสียคนรักในเหตุการณ์สึนามิหลายคนโทษตัวเองและรู้สึกผิดที่ตัวเองรอดชีวิต นอกเหนือจากนั้นอาการนอนไม่หลับมันมีผลมากกว่าที่คิด ฉันมีนิทานที่มาจากเรื่องจริงจะเล่าให้ฟัง

คุณเคยนอนไม่หลับไหมคะ

คุณ Sleepless in Seattle เคยทำให้สาวๆ หลายคนหลงรักจากหนังชื่อเดียวกันในปี 1993 (ตอนนั้นฉันใช้ชื่อ Sleepless in Had Yai ในการโทรไปขอเพลงรอบดึก มานึกเอาตอนนี้ โครตเชยเลย ) แต่การเป็นคนนอนไม่หลับมันไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องสวยงามอย่างในหนังเรื่องนั้นหรอกนะ นั้นหนะส่วนน้อยจนแทบจะไม่มี มาเริ่มนิทานดีกว่า

กาลครั้งหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งติดยานอนหลับตั้งแต่พ้นวัยหนุ่มไม่นาน ในกระเป๋ากางเกงนอกจากเงิน แว่นส่องพระขนาดเล็ก เศษกระดาษแล้ว ก็มียาเม็ดเล็กๆ กลมๆ สีฟ้าอยู่ในถุงซีลใสๆ ยาที่ว่าชื่อแวเลี่ยม ทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้นอน ยาในถุงซีลก็จะหายไป 2 เม็ด...ทุกๆ 2 เม็ด....ทุกๆ 2 เม็ด...ทุกๆ 2 เม็ด สำหรับการนอนแต่ละครั้ง จนกระทั้งวันหนึ่ง....

กลางดึก ชายคนนั้นตื่นขึ้นมานั่ง ลูกและภรรยาแค่คิดว่าเค้าอาจนอนไม่หลับแค่ช่วงสั้นๆ แต่การตื่นมานั่งนั้นมันเริ่มถี่ขึ้นๆ จนเช้าวันหนึ่งชายคนนั้นก็เปลี่ยนไป ตาของเค้าทำให้คนในบ้านกลัว ตาคู่นั้นอยู่กึ่งกลางคำว่า "แข็ง" และ "ขวาง" ลูกของเค้าไปค้น...ไม่มีแวเลี่ยมในกระเป๋ากางเกง เธอรู้ว่า...พ่อไม่ได้กินแวเลี่ยมมาหลายวัน พ่อคงอยากเลิก แต่ผลที่ได้ไม่เป็นอย่างที่คิด...ลูกของเค้าต้องพาพ่อของตัวเองไปรักษาที่บ้านเกิดของพ่อ ที่ที่มีญาติหลายคนเป็นที่พึ่ง และมีความสงบ

สิ่งที่ญาติของเธอได้เห็นและตกใจคือการที่ชายคนนั้นยืนตรงหน้าก๊อกน้ำแล้วถามว่า "ก๊อกนี้เปิดยังไง" แต่นั้นไม่ทำให้น่าตกใจเท่าตกดึกคืนนั้น

คืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับเพื่อหนีจากการเหนื่อยมาทั้งวัน มีเสียงโหวกเหวกดังมาจากห้องของชายคนนั้น "เร็วๆ ไปเร็ว น้ำกำลังจะท่วม ทุกคนไปเร็วเข้า ลูกไปเดี๋ยวนี้ เชื่อป๋า น้ำกำลังจะมา" ทุกคนตื่นมาดูและพร่ำบอกชายคนนั้นว่าไม่มีน้ำ นั้นเป็นแค่ภาพล่วงตา แต่ชายคนนั้นก็ยังเชื่อว่าน้ำกำลังท่วมแรง เรี่ยวแรงก็ไม่รู้มาจากไหน ชายคนนั้นลากลูกให้เดินตาม "ไปเร็ว ก่อนที่น้ำจะท่วมถึงที่นี่ ทุกคนเชื่ออั๊วะ ไปเร็ว" ทุกอย่างสับสน ทุกคนได้แต่ตกใจ และคิดว่าจะทำยังไงดี แต่ลูกของชายคนนั้นได้แต่ร้องไห้ แม้พ่อจะเป็นยังไง แต่ในใจลึกๆ พ่อก็ห่วงเรา....

ท้ายที่สุดชายคนนั้นถูกส่งไปโรงพยาบาล แม้ว่าพยาบาลจะฉีดแวเลี่ยมให้ 2 หลอด ซึ่งเป็นโดสที่ให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่ชายคนนั้นก็ได้แต่นอนตะโกนให้ลูกหนีไป สิ่งที่ลูกของชายคนนั้นทำได้คือนั่งร้องไห้ที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าห้องของพ่อ และหลังจากนั้น...ทุกอย่างก็ดีขึ้น

นิทานเรื่องนี้จบแล้วค่ะ อาจไม่ค่อยบันเทิงใจเหมือนนิทานหลายเรื่อง แต่คงทำให้หลายคนเข้าใจผลของการนอนไม่หลับดีขึ้น และนั้นทำให้ฉันยอมรับเรื่อง The Machinist ได้



ล่วงเข้าบ่ายของวันเสาร์แล้ว แต่ฉันยังอิ่มอยู่เลยค่ะ ก็หวังว่าอิ่มวันนี้คงไม่ต้องไปหิวในช่วงปลายเดือนนะ


Create Date : 08 ตุลาคม 2548
Last Update : 8 ตุลาคม 2548 16:07:41 น. 4 comments
Counter : 935 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่านค่ะ


โดย: รักดี วันที่: 8 ตุลาคม 2548 เวลา:20:08:09 น.  

 
เรากำลังอยากหลับและไม่อยากคิดอะไรก็เลยซัดแวเลี่ยมไปเม็ดหนึงสักพักคงดีขึ้นเรารู้โทษของมันแต่เราไม่อยากคิดถึงใครบางคนอ่ะ


โดย: วัน IP: 202.149.25.234 วันที่: 5 มกราคม 2553 เวลา:17:41:48 น.  

 
เรากำลังอยากหลับและไม่อยากคิดอะไรก็เลยซัดแวเลี่ยมไปเม็ดหนึงสักพักคงดีขึ้นเรารู้โทษของมันแต่เราไม่อยากคิดถึงใครบางคนอ่ะ


โดย: วัน IP: 202.149.25.241 วันที่: 5 มกราคม 2553 เวลา:17:45:28 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านค่ะ^^
เขียนบล็อกได้น่าอ่านมากค่ะ


โดย: natfy IP: 58.11.19.197 วันที่: 7 ธันวาคม 2557 เวลา:12:18:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Barfinn
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Barfinn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.