Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
ขอเขียนเรื่องเฟซบุ๊ค


เฟซบุ๊คเริ่มเปิดตัวตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว
แต่มาโด่งดังชนิดที่ว่าคนที่มีคอมพ์แทบทุกคนต้องมีเฟซบุ๊ค ตัวฉันเอง
เริ่มแรกรู้จักเว็บไซด์โซเชียลเน็ตเวิร์คอันแรก จาก
Hi5 ยังแปลกใจว่าทำไมเว็บนี้มาส่งคำขอเป็นเพื่อนจากอีเมล์แอดเดรสที่เก็บไว้ในอีกเจ้าหนึ่งได้ หลังจากนั้นฉันก็ได้เจอกับแคทรีน่า
เขาบอกว่าที่อังกฤษฮิตเฟซบุ๊คมาก ให้ฉันสมัครเป็นสมาชิก
เพื่อจะได้รับข่าวคราวของกันและกันโดยไม่ต้องเสียเวลาเขียนเมล์อีก


ตอนแรกเพื่อนในลิสท์ก็มีน้อย
รู้จักกันในวงแคบ ๆ มาเมื่อสองปีก่อนที่ภาพยนตร์เกี่ยวกับเฟซบุ๊คออกฉาย ก็เห็นว่ามีเพื่อนเก่า
ๆ มาขอเป็นเพื่อนล้นหลาม แล้วยังเพื่อนใหม่อีกล่ะ


จากที่เคยใช้เวลาหน้าคอมพ์เพื่อที่จะเขียนบล้อก
เช็คเมล์ กลับกลายเป็นว่าใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเฟซบุ๊ค เพราะทำให้ไม่ต้องเข้า ๆ
ออก ๆ หลายเว็บ ยิ่งช่วงที่ท้องแก่ คลอดลูกใหม่ ๆ คนเคยออกไปไหนมาไหนได้อิสระ
ก็ต้องมาอยู่กับบ้าน เลยใช้เฟซบุ๊คเป็นช่องทางติดต่อกับโลกภายนอก ตอนนี้ลูกสาวเกือบสิบเอ็ดเดือนแล้ว
ตอนเลี้ยงลูกบางครั้งก็รู้สึกเครียด
(คิดว่าแม่มือใหม่เป็นกันทุกคน) ก็ใช้เฟซบุ๊คแชทกับแม่ ๆ บางครั้งก็รู้สึกดี
บางทีก็ยิ่งกลับเครียดขึ้นไปอีก


คิดว่าเฟซบุ๊คก็เหมือนกับการที่เราอยู่ในสังคม
แต่เราย่อช่องทางการติดต่อมาอยู่เพียงแค่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือ แม้แต่จอมือถือ ฉันยังจำได้ เมื่อตอนเป็นเด็ก อยู่ต่างจังหวัด คนในหมู่บ้านก็จะมาเจอกันทีเวลาไปวัด
แม่ ๆ ได้นั่งคุยกับคนโน้นคนนี้ ถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง นินทาบ้าง
แต่ก็ยังจำกัดเรื่องคุยกันแค่คนรู้จัก หรือจากข่าวหนังสือพิมพ์
แต่สมัยนี้มีเรื่องให้พูดถึงได้ทุกอย่างที่คนรับรู้กันทางอินเตอร์เน็ต
ฉันก็บอกไม่ได้ว่ามันดีกว่าหรือมันแย่กว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ มันเร็วกว่า เยอะกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างเราไม่ต้องแต่งตัวสวยออกไปข้างนอกให้คนเห็นอีกต่อไป
บางครั้งตื่นนอนมา เปิดคอมพ์ ใส่ชุดนอนอยู่หน้าคอมพ์ได้ทั้งวัน
นับเรื่องที่ไปรู้ไปเห็นทางเน็ตได้เป็นพัน ๆ เรื่อง
แล้วยังไปรับรู้ความคิดคนอื่นที่โพสท์ผ่านเฟซบุ๊ค เรื่องดีบ้าง เรื่องขำ ๆ บ้าง
บ่นบ้าง


บางครั้งเราก็ทำร้ายคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ
ด้วยการโพสท์ของเรานี่เอง อย่างรูปอาหารอร่อย ๆ ที่เที่ยวสวย ๆ ข้าวของสวย ๆ ที่เราอยากอวด
และเราคิดว่าเรามีสิทธิ์อวด
เพราะเฟซบุ๊คเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราเปิดให้แต่เพื่อนของเราดู แต่ว่า ร้อยคนก็ร้อยใจ อย่างคนที่ชอบเราก็จะเข้ามาชมเชย
แต่คนที่ไม่ชอบล่ะ เขาก็คงคิดอะไรต่าง ๆ ได้มากมาย


คนทำเฟซบุ๊คก็ขยันมีออพชั่นใหม่
ๆ ออกมาให้เล่นมากมาย ทั้งแชท เดี๋ยวนี้ข้อความที่แชท
หรือส่งข้อความก็จะมีเตือนให้ด้วย เรียกว่าไม่พลาดการติดต่อกันเลยทีเดียว
แต่ว่ามันก็มีข้อเสียคือ เราทำเนียนลืม ๆ
ไปโดยจะอ้างว่าข้อความไม่ขึ้นแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว


อีกทั้งเฟรนด์ลิสท์ที่มีคนมาขอแอดบ้าง
หรืออย่างคนที่ไม่เคยเห็นกันมาหลายสิบปีแล้ว อยู่ดี ๆ ก็โผล่ขึ้นมาที่เฟซบุ๊ค
ขอเล่าซักเคสสองเคสที่คิดว่าเด็ดจริง ๆ


มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่โรงเรียนตอนเรียนมัธยม
พอจบจากโรงเรียนออกไปก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัว
ตอนเรียนก็ไม่เคยมานั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว หรือคิดว่าจะติดต่อกัน
พอมาเจอทางเฟซบุ๊ค แกขอแชททางสไกป์ การสนทนาจบลงที่ ไปเปิดดูเว็บนอปอชอ
ยูเอสเอสิจะได้ข้อมูลอะไรหลาย ๆ อย่าง ฉันเองก็บอกปัดไปว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับค่านิยมทางการเมืองฝ่ายที่แกเชียร์อยู่
แต่ก็เอาเถอะ ไม่อยากขัดและแกออกตัวว่า แกคบได้ทุกคน เศรษฐียันยาจก
แกเกลียดคนชอบดูถูกคน


หลายเดือนผ่านไป
แกก็โพสท์โน่นนี่เกี่ยวกับทัศนคติทางการเมืองที่แกเชื่อ หลัง ๆ ตอนมีข่าวน้ำท่วม
ฉันก็ได้รับรู้ข่าวสารน้ำท่วมกับเขาด้วยความเป็นห่วงพี่น้องคนไทย
ข่าวก็มีหลายกระแส ฝ่ายที่ชอบรัฐบาลก็ออกโรงเข้าข้างกันไม่ลืมหูลืมตา
ฝ่ายที่ไม่ชอบก็ด่าไม่ลืมหูลืมตาเหมือนกัน
มีอยู่วันหนึ่งฉันอ่านโพสท์นักข่าวคนหนึ่งที่ฉันชอบตั้งแต่อยู่เมืองไทย
เห็นโพสท์อันนึงเห็นว่าเป็นข้อมูลอีกด้านนึง ก็ยังนึกว่า เอ
กดแชร์ไปแล้วจะโดนด่าไหมนี่ แต่ก็ตัดสินใจกดแชร์ไป ได้ผลเลยครับ ตาคนนั้น
กดไลค์และเข้ามาว่าประมาณว่าเจริญเถอะ เมืองไทยจะแตกแยกก็คนพวกนี้แหละ
แถมยังเอาฉันไปว่าในเฟซแกอีกด้วย
ว่าถ้าหายไปก็แปลว่าถูกแกลบไป
แล้วไม่ต้องมาขอแอด เกลียดคนชอบดูถูกคนจน คนนั้น(หมายถึงฉัน) ไปอยู่เมืองนอก ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ฉันล่ะเป็นงง ว่าฉันไปดูถูกคนจนตั้งแต่เมื่อไหร่ พ่อแม่ฉันก็เคยจนมาก่อน แล้วอีกอย่างแกทำเหมือนกับว่าสมัยก่อนฉันเป็นคนจน
เจียมตัว เดี๋ยวนี้ได้ดีแล้ว ไปอยู่เมืองนอกแล้วลืมคนจน เอ่อ ขอโทษนะคะ
ฉันก็เป็นฉันคนเดิมนี่แหละ ชีวิตแต่ละคนมีเส้นทางการต่อสู้ที่ไม่เหมือนกัน
ถ้าเคยมาสนิทคลุกคลีกันพอจะตัดสินได้ว่าเมื่อก่อนเป็นแบบนี้นะ ตอนนี้เป็นแบบนี้นะ
ฉันก็ยังว่าจะหันกลับมามองตัวเอง แต่แบบนี้ไม่ไหวจะเคลียร์ฮ่ะ
แล้วที่บอกว่าพี่คบได้ทุกคนนั้นคงจะต้องบอกว่า ทุกคน หมายถึง
คนที่ใส่เสื้อสีเดียวกับแกละมั้ง


อันนี้ขำแบบถูกเกลียด
แต่ก็ไม่ใส่ใจค่ะ เพราะคนพวกนี้ไม่เคยให้ข้าวเรากิน หรือมาแคร์เราตอนเราตกงาน
หรือตอนแม่ตาย คนพวกนี้ก็ไม่เคยอยู่ให้เราเห็นหัว คงจะมีชื่อมากดไลค์ให้อยู่ในเฟซบุ๊คเท่านั้นล่ะค่ะ



อีกอันก็ขำแบบแปลก
ๆ เหมือนกัน เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่า เก๋ากึ๊กเลยทีเดียว ตั้งแต่ประถมมั้ง ไม่เจอกันเป็นยี่สิบปี เข้ามาแอด เข้ามาแชทถาม


ประโยคที่สามหลังจากถามว่าสบายดีไหม
อยู่ที่ไหน


ฉันตอบว่าอยู่เยอรมัน


เขาบอกว่า
ปีที่แล้วก็ไปมา ปีนี้จะไปอิตาลี


ฉันก็ถามว่า
จะไปเมืองไหนที่อิตาลี


เขาตอบว่า
ไปเที่ยวเมืองนอก เดือนธันวาของทุกปี


จบข่าวค่ะ


หลังจากนั้นอีก
จำได้ว่าเป็นช่วงลอยกระทง ก็เป็นเวลาเย็นของที่นี่แล้ว คนนี้ก็เข้ามาแชทอีก สวัสดี
ไปลองกระทงที่สุโขทัยมา (ใครถามเหรอ)


ครั้งหลัง
ฉันเลยถามดักคอไปว่า ไหนมีอะไรมาอวดอีก คนนี้เขาก็ ฮ้า อะไร อยู่ดี ๆ
มาว่าเขาอวด ไม่เค้ย ไม่เคยอวดเล้ยนะจ๊ะ จบข่าวจริง ๆ



ฉันว่าสิบเอ็ดเดือนกับการใช้เฟซบุ๊คอย่างจริงจังก็คงจะถึงเวลาอิ่มตัวซะที เพื่อนในลิสท์ก็คงต้องทำความสะอาดกันซะหน่อย พวกที่ไร้สาระก็ลบ
ๆ ไป เข้าไปแล้วเจอแต่โพสท์ไร้สาระก็ไม่ต้องเข้าไปอ่าน
เพื่อนเก่าที่ห่างกันไป หรือแฟนเก่า ที่จริงห่างกันมาแล้วก็ปล่อยมันไป เพราะในลิทส์คนเป็นร้อย ถามจริง ๆ คุยหมดเหรอ
เราสามารถดึงเวลาเก่า ๆ กลับมาได้จริงเหรอ มิตรภาพเก่า ๆ ยังมีอยู่จริงหรือ


ฉันคงต้องทิ้งความสงสัยเหล่านี้ให้เป็นเครื่องหมายคำถามต่อไป ส่วนตัวฉันคงจะต้องถึงเวลาออกไปข้างนอกมากขึ้น
เจอกับคนตัวเป็น ๆ ใช้เวลาอยู่กับลูกจริง ๆ อย่างตอนนี้ลูกกำลังโต ทุก ๆ
วันเขาจะมีความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอด ถ้าสังเกตจริง ๆ
จะเลี้ยงลูกแล้วสนุกมาก ถ้าใจมัวพะวงอยู่ว่าออนไลน์ไว้ หรือโพสท์อะไรไปแล้วรอฟีดแบ็ค
คงจะต้องเฝ้าคอมพ์อยู่ตลอดเวลา หรือ อย่างไปถามอะไรใครไว้แล้วรอคำตอบ
ถ้าเขาไม่ตอบมาก็เอ้า คิดมากอีก



ช่วงไหนติดเฟซมาก
ๆ ออนไลน์ไว้ตลอด พอหมดวัน ฉันก็ถามตัวเองว่าฉันทำอะไรเสร็จมั่ง คำตอบคือ น้อยมาก
ลูกหลับแป๊บเดียวก็ถึงเวลานอนแล้ว
ยิ่งถ้ามารอแชทกับเพื่อนก็ยิ่งไม่ได้ทำอะไรใหญ่เลย ลูกเกือบขวบแล้ว ฉันไม่อยากเห็นตัวเองแก่ไปอีกปีโดยที่ยังทำความฝันให้เป็นจริงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกภาษาเยอรมันให้เก่ง ๆ เม้าท์มอยกับผู้คนได้ทุกเรื่อง
ทุกสถานการณ์ (ไม่ใช่แต่เรื่องอาหารที่ตัวเองสนใจ)
ไปเรียนถ่ายรูปให้มันได้เรื่องกว่านี้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกเครียดเวลาชาวบ้านเขาเอารูปสวย
ๆ มาลง ฮ่า ฮ่า หรือว่า จัดบ้านให้เข้าที่เข้าทาง และสวยน่าอยู่ซะที
หลังจากที่ย้ายเข้ามาเกือบปีแล้ว แล้วยังต้องหาเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ (แต่ไม่แพง)
มาเข้าห้องพักแขกข้างล่าง ไม่นับเรื่องกิจการปิ่นโต ที่ฉันมีไอเดียใหม่ ๆ เขียนเก็บไว้แต่ยังไม่มีเวลาทำ
อย่างการทำการ์ดโฆษณาสวย
ไปวางตามร้านคนรู้จัก หรือสมุดภาพเมนูอาหารไว้นำเสนอลูกค้า
ไม่ต้องมาฉุกละหุกทำพรีเซ้นเทชั่นก่อนไปเสนองาน


ความคิดที่ว่าจะงดใช้เฟซบุ๊คไปเลยก็คงจะหักดิบเกินไป
เพราะคิดอีกที ถ้าลบแอคเค้าท์ไป
ก็คงต้องเปิดใหม่อีก เอาเป็นว่าใช้เฟซบุ๊คแต่พอดี
พอดีสำหรับแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน บางคนแบ่งเวลาได้เก่ง ก็ดีไป
แต่ฉันเป็นคนทำอะไรช้า พอได้เปิดเฟซบุ๊ค ล่ะก็ลืมโลกไปเลย คงจะต้องค่อย ๆ ลดไป เพราะสังเกตว่า
วันที่ไม่เข้าเฟซบุ๊ค จะทำอะไรได้หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น อ่านหนังสือ นิตยสาร
เช็ดครัว (ที่ใช้เวลากับมันตั้งนานกว่าจะได้มา) ดูแลบ้าน หัดทำอาหารใหม่ ๆ
หัดถ่ายรูป ไปช็อปปิ้ง(แบบได้ลอง
ได้จับของจริง ๆ) และเล่นกับลูก
ดูความเปลี่ยนแปลงของเขาด้วยสติอยู่กับปัจจุบัน อันนี้สำคัญ








Free TextEditor


Create Date : 14 ธันวาคม 2554
Last Update : 14 ธันวาคม 2554 3:49:03 น. 16 comments
Counter : 1033 Pageviews.

 
ครับ เห็นด้วยครับ บางที เรามาเสียเวลา กับการใช้Fb แทนที่จะเอาเวลานั้น มาทำงานอย่างอื่นหรือพักผ่อน สรุปแล้ว มีทั้งดีและเสีย ครับ แต่ส่วนดีมากกว่า ครับ


โดย: วีระ คมวิลาศ/komvee16@hotmail.com (Peeteerachai ) วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:4:26:13 น.  

 
เห็นด้วยทุกประการเลยเนี้ยค่ะ จิงๆ เค้ามีทำวิจัยเรื่อง facebook กันเลยที่เดียวค่ะ สนใจอ่านได้ค่ะ https://docs.google.com/open?id=0B_3SRKphlEVuNzhjMGRmNTQtNmZlMi00MDhiLWE1YTUtMGY5OTljMzIyYWMw


โดย: Bee (happysociety ) วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:7:26:43 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาทักทาย โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเองไม่ติดfbนะคะ ส่วนมากแจ้งข่าวงานบุญค่ะ ใช้เป็นที่บอกบุญไป

ก็มีแต่ใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักมาขอแอดเยอะ ประมาณเพื่อนของเพื่อน หลังๆใครแปลกมาไม่รับแอด เพราะมีแปลกๆมาเยอะ ก็เลยคิดเหมือนกันว่าต้องเริ่มทำความสะอาดเพื่อนในสิสเหมือนกันค่ะ

ขอให้เป็นวันที่ดีของคุณนะคะ


โดย: กระติ๊บน้อย วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:8:59:20 น.  

 
เข้ามาพยักหน้ารับทราบจ้า

จะว่าไปปุ่นเป็นเพื่อนเฟสที่ป้าเห็นหน้าค่าตาในเฟสน้อยที่สุดเลยนะ 555

ป้าว่าคนที่สามารถใช้เฟสได้ตลอด และไม่ทำให้การงานเสีย คือคนที่ทำงานหน้าคอมพ์ (อย่างป้า) หรือคนทำงานออฟฟิศนี่แหละ แล้ว notification หรือ news feed เนี่ยมันทำให้การทำงานหน้าคอมพ์ ไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อเกินไป คือเราได้พักตา พักสมอง ผ่อนคลายด้วยการการอ่าน การเม้นท์เพื่อน ๆ บ้าง

อีกอย่างคือคนที่ชอบทำอาหารชอบถ่ายรูปอย่างป้า ก็ได้ฝึกฝน ได้มีที่โพสท์รูปเก็บไว้ดู เพราะบางครั้งถ่ายมา 2-3 รูป จะเอามาโพสท์ในบล็อกรึ ก็ไม่เข้าท่า แถมใช้เวลาอัพโหลดนานกว่าเฟสหลายเท่าเลย

เฟสยังโออยู่สำหรับป้าอ่ะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:10:24:25 น.  

 
ปุ่นอย่าคิดมากเลยค่ะ เฟสหน้ามันเป็นสาธารณะอันไหนเราไม่ชอบก็ delete ทิ้งไปซะ พี่เข้าเฟสน้อยมากเพราะไม่ค่อยมีเวลา บล๊อกก็ยังหาเวลาเขียนยากเลย มีโน่นนี่ทำตลอด แต่ก็เห็นด้วยนะว่าหน้าจอมันทำให้เราเสียเวลามาก ๆ พี่ถึงเอาเวลาไปวิ่งเล่น ทำโยคะ ทำอาหาร ตัดชุึดตุ๊กตา เรียนภาษาเยอรมัน ทำ decoupage โอ๊ย...ไม่ไหวจะบอก เยอะเกิ๊น ...ฮ่า ฮ่า


โดย: Jujastar วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:10:51:46 น.  

 
เหมือนกันเลยค่ะ..เมื่อก่อนติด ฟาร์มวิลในเฟสบุคมาก แล้วบ้าเล่นเกมมันทุกเกม 8-9 เกม ต้องตั้งเวลา ทำรายการไว้เลย จะได้ไม่พลาดเข้าไปเก็บของ ไปทำอาหารในเกม เหมือนคนบ้า งานบ้านทำเสร็จบ้าง ไม่เสร็จบ้าง นอนดึก ตื่นสาย ไปทำงานทุกวัน
ตอนนี้เลิกหมด เด็ดขาดทุกเกม ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะเลิกได้ แต่ยังเข้าไปในเฟสบุคทุกวัน แต่ปิดห้องแชต และใช้เวลากับมันแค่ วันละ 10-15 นาที เพื่อเช็คเพื่อนสนิท ๆ จริง ๆ
เราว่า มันเป็นดาบ 2 คมนะคะ..คงต้องใช้มัน ไม่ให้มันใช้เรามากกว่าค่ะ


โดย: simplyusana วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:13:53:14 น.  

 
เฟ้สบุ๊คเหมือนเป็นดาบสองคมจริงๆ ค่ะคุณปุ่น
ใช้ตอนแรกก็รู้สึกดี ได้ติดต่อกับเพื่อนๆ ญาติๆ ที่สนิท ใกล้ชิดมากขึ้น
แต่เพื่อนบางคนไม่ค่อยสนิทมากมาย ไม่รู้จะคุยอะไรดี
ใช้เวลาหน้าคอมฯ มากไปก็เสียเวลาไปทำอย่างอื่นอย่างที่คุณปุ่นว่า

เอิงเคยติดเกมส์ฟามวิว เล่นกับเพื่อนๆ ญาติๆ ไม่ต้องทำอะไรกัน
ตอนนี้เลิกไปแล้ว ขี้เกียจเล่น (กลัวติดอีก)
มาใช้คุยกับเพื่อนๆ แทน พยายามจัดเป็นเวลา ไม่ใช้ทั้งวัน
เอาเป็นว่าเราใช้แต่พอดี คุยกันคนที่อยากคุยจริงๆ ดีกว่าเนอะ

ช่วงนี้อากาศคงหนาวไปทั่วทั้งยุโรป รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ขอให้คุณปุ่นและครอบครัวมีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: diamondsky วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:17:00:42 น.  

 
เขียนได้ดีทีเดียวค่ะ


โดย: Bacardi_bay วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:18:00:30 น.  

 
สวัสดีจ้ะ
เข้ามาเพราะเรื่อง เฟซบุ้คเลยทีเดียว

จริงๆ เราก็ไม่ได้มีเพื่อนในลิสเป็นร้อย หรือว่ามีปัญหาอะไรกับเฟซบุ้คหรอก แต่เพราะเรามีแนวคิดแบบที่คุณเขียนอยู่นี่ละมั้ง เลยทำให้เราไม่ค่อยทำอะไรในเฟซบุ้ค ถ้าเลิกเข้าได้ก็คงจะดีไปเลย จะได้ทำมาหากิน ทำอะไรที่ควรจะทำเสียที

เรามานั่งคิดๆ ดูนะ ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่เมืองไทย ประชาชนชาวออฟฟิศ ก็เล่นแชท msn yahoo ICQ กัน ถามว่าเสียงานเสียการไม๊ คงไม่เรียกไม่เต็มปากว่าเสียหาย แต่ถ้าบอกว่าทำงานประสิทธิภาพไม่เต็มร้อย เราตอบได้ทันทีว่าใช่ (ถึงใครจะค้านว่าไม่จริง เราไม่เชือหรอก) แต่ที่แน่ๆ เมื่อคืนเรานอนคิดเล่นๆ ว่าถ้าเรามีบริษัทเอง เราคงจะบล็อกไอ้โปรแกรมทั้งหลายนี้แน่ๆ เพราะมันไม่ได้ใช้งานอะไรจริงๆ หรอก ถ้าเทียบกับการทำให้เสียสมาธิในการทำงาน วัฒนธรรมองค์กรที่เคยทักทายกัน น้ำใสใจจริง มันพาลจะลดห่างหายไป

พอต่อมามี บล็อกโน่นนี่ Hi 5 my space FB Black berry , Ipad iphone โห ของมอมเมาทั้งนั้น
เราเชื่อว่าว่าประโยชน์ในการใช้ไฮเทคโนโลยีเหล่านี้มีแน่นอน แต่จะมีสักกี่คนเชียวที่ใช้มันเป็น ดูเหมือนเราๆ ท่านๆ จะติดมันเสียมากกว่า (อันนี้ดูจากตัวเอง ) ว่าขนาดไม่ค่อยมีใครให้คุยด้วย ก็ยังอดคลิกเข้าไปเช็คไม่ได้ว่ามีข้อความอะไรขึ้นมาบ้างไม๊นะ วันๆ หมดไปกับเรื่องไร้สาระมาก

เรื่องเฟซบุ้คนี่ เราประกาศไว้หน้าอินโฟเลยว่า ใครอยากแอดกรุณาส่งข้อความมาก่อน จะได้รู้ว่าอยากคุยกันจริงๆ ไม่ใช่แอดทำแต้มยอดเฟรนด์ลิส หรือว่า แอดไปดูไส้ดูพุงมันงั้นแหล่ะ บางอารมณ์มีคนแอดมา เราก็มีตอบไปว่า ขอบคุณที่แอดมา แนะนำตัวกันสักหน่อยดีไม๊ หายเงียบไปเลย แบบนี้ ไม่รู้หมายความว่าอะไร

หลายคน เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนในลิสแอดมา ส่วนมากจะไม่รับ มีบ้าง ที่รับ เพราะเห็นเป็นเพื่อนของคนสนิทบ้าง แต่แอดมา ไม่ทักทาย ไม่อะไรกันเลย ไม่รู้เขาแอดกันทำพระแสงอะไรนะคะ

เราเคยตามเพื่อนๆ สมัยเรียน มหาลัยด้วยกันเจอ เจอแล้วไง เจอแล้วก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เราลบหมดเลยค่ะ บางทีเราว่า อะไรที่เป็นอดีตสวยงาม ปล่อยให้มันอยู่ในความทรงจำน่าจะดีกว่า แต่เห็นคนอื่นๆ เขาเจอเพื่อนเก่าๆ กัน กลับมาคุยสนุกสนานเฮฮา ดูแล้วก็น่าสนุกดี แต่ทำไม๊ เราไม่ยักกะเจอแบบนั้นบ้าง

เกมส์ในเฟซบุ้คนี่ ไม่เคยเล่นเลย เพราะกลัวติด
แค่อ่านพันทิปนี่ก็เสียเวลาเยอะเหมือนกันแล้ว ถ้าต้องนั่งเล่นเกมส์อีก คงได้ตำหนิตัวเองเป็นกระบุง

พอก่อนดีกว่า ในฐานะหน้าใหม่ ทักทายซะยาวเลย อิอิ



โดย: ก๋าสะลองเงิน วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:19:14:05 น.  

 
แวะมาอ่านคะ เฉยๆ กับเฟคบุ๊กนะคะ เอาไว้ใช้คุยกับเพื่อนสนิท ญาติ จริงๆ คนอื่นก็ไม่ค่อยรับ เปิดมา 2 ปี มีคนอยู่ในลิส ไม่ถึง 10 คน



โดย: tempopo วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:20:09:34 น.  

 
เห็นด้วยกับปุ่นนะ ตอนนี้ลูกเรายังเล็ก ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีความสุข อีกหน่อยพอเค้าโตขึ้น เค้าก็คงอยู่ในโลกส่วนตัวเค้ามากขึ้น อุ้มก็ไม่ค่อยได้เข้าเฟซบุ๊คเท่าไหร่ อาทิตย์ละครั้งได้เดี๋ยวนี้ อาจจะเป็นเพราะภาระหน้าที่ซึ่งมีมากมาย


โดย: BaanCarter (BaanCarter ) วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:20:17:55 น.  

 
เฟสบุ๊ค ทุกวันเลยง่ะปุ่น มาเช็คความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ แต่ไม่ค่อยได้คุยกะใครเท่าไร อิอิ


โดย: ณ เมืองเบียร์ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:22:46:09 น.  

 
แวะมาทักทายคุณปุ่นค่ะ

สุขสันต์วันคริสมาสล่วงหน้า เอาต้นคริสมาสมาฝาก ^.^

Merry Christmas & Happy New Year 2012



โดย: diamondsky วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:21:40:05 น.  

 
แวะมา Merry Christmas & Happy New Year ค่ะ ขอให้เจอแต่สิ่งดี ๆ โชคดีรับปีใหม่นะคะ


โดย: Jujastar วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:22:49:20 น.  

 
Happy New Year 2012 มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: little_angel_com วันที่: 2 มกราคม 2555 เวลา:13:32:56 น.  

 
นั่นสิ ปุ่น เกดเองก็เริ่มเบื่อๆ หลายๆ อย่างเบื่อญาติพี่น้องทางนี้ด้วย เฮ้อ เฟซบุ๊คนี่จริงๆ เราไว้แต่ติดต่อกับที่บ้าน อัพรูปให้แม่และน้องดูพัฒนาการของหลานๆ แต่เฟซบุ๊คเองก็เปลี่ยนไปเยอะเกิน เริ่มกลับมาอัพบล๊อกเหมือนเดิมแล้วเหมือนกันจ้ะ


โดย: gadeja วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:23:14:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bananarumba
Location :
โคโลญจ์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




จากเชียงราย ผ่านเชียงใหม่ ไปกรุงเทพ ปัจจุบันลงตัวอยู่ที่โคโลญจ์ มีความสุขดีเหมือนเป็นบ้านที่สอง
ผ่านชีวิตมาเกือบครึ่งคนแล้ว เขียนบล้อกมาหลายปี จากตอนแรกที่อยากเขียนเพราะต้องการแบ่งปันและอยากมีเพื่อน ตอนนี้จุดหมายในการเขียนเปลี่ยนไปเป็น เขียนเพราะใจอยากเขียน รู้สึกรักภาษาไทยเหมือนเป็นนางงามมิตรภาพ
กิจการปิ่นโตดำเนินไปด้วยดีค่ะ ขอขอบคุณที่สนใจคลิกเข้าไปดูเว็บไซด์นะคะ
Friends' blogs
[Add Bananarumba's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.