|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Stone Roses: Stone Roses
ศิลปิน: Stone Roses อัลบั้ม: Stone Roses สังกัด: BMG ปีที่ออก: 1989
ช่วงเวลาส่งท้าย ช่วงยุค 80's กับกระแส ทางดนตรี บรรดา สีสันสีจัดจ้าน และ เสียงเครื่องดนตรี ที่เรียกว่า synthesizer และ Sequencer และกับการบรรญัติ ศัพท์ทางดนตรีใหม่ๆที่เรียกกันว่า New Romantic, Synth Pop, New Wave ที่ซึ่งเป็นรอยต่อ จาก ปลายยุค 70's ที่ซึ่งบ่อเกิด ดนตรีที่รับใช้กระแส ของคนในปลายยุค 70's อย่าง Punk และ Disco
ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่า modern rock และ Brit Pop กำลังเริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไปพร้อมกับ ดนตรี synth pop และ New romantic ที่คอบสูบฉีดยุค 80's ไป เพียงแต่ เวลาที่จะประทุขึ้นมา อย่างระเบิดนิวเคลียร์ เท่านั้นเอง
Stone Roses คือผลผลิต ของการประทุ สิ่งที่เรียกว่า Brit rock และ modern rock ปิดท้ายยุค 80's เพื่อต้อนรับ ทศวรรษ สุดท้าย (90's)ของ ศตวรรษ ที่ 20 ที่บอกเป็นเชิงบอกทางว่า ต่อไปนี้ ท่านจะพบกับสิ่งที่เรียกว่า Modern rock ในยุค 90's แต่มันจะมารูปแบบไหน ต่อไปนั้น ต้องติดตาม แต่ ณ เวลานี้ ทั้ง สี่หนุ่ม จากเมือง manchester มาในนิยามดนตรี modern rock ของพวกเขาว่า 'Madchester'
หนักแน่น แต่ก็สวยงาม อ่อนหวาน แต่ก็ไม่อ่อนแอ ดั่งเช่นดอกกุหลาบสวยงาม แต่ก็มีหนามเอาไว้ยอกมือ สำหรับผู้ที่เพียงคิด จะจับมันดมเล่น แล้วก็โยนทิ้งไป
นี่คือดนตรี rock ในแบบของพวกเขา Stone Roses
I wanna be adored: เสียงการเล่น เหยียบ pedal และ fuzz wah wah ของ John Squireสร้างเสียงมหัศจรรย์ ดั่งการหลุดเข้าไปอยู่ในมิติพิศวง เขาเล่นโหมโรงเสียงกีต้าร์ ได้เย็นยะเยือก และให้บรรยากาศดั่งการล่อง แดนสนธยา โดยมี เสียงกีต้าร์ที่บันทึกเสียงไว้อีกตัวทำเสียงเป็น รถไฟกำลังแล่น !
ก่อนที่ แมนนี่ จะเดินเบส เพื่อเข้าสู่เพลงจริงๆ และ John Squire ก็เกากีต้าร์ด้วยเสียงละมุนละไม ดั่งครีมนุ่มๆ ที่บ่งบอก ว่าเนี่ยแหละ เสียงที่ made in England
เสียงร้องเย็นๆ ยะเยือก ของ Ian Brown ที่บ่งบอกว่า ฉันอยากจะดั่ง เป็น ดาราร๊อค กับเขาบ้าง แต่ไม่อยากขายวิญญาณ ให้ซาตาน จะทำอย่างไรดี ฉันก็ ร๊อค กับเขาได้เหมือนกันนะ
She bangs the drums: ท่วงทำนองดนตรี ออก เต้นรำ แต่ก็แฝงจังหวะชวนโยก แบบร๊อคๆ เอาไว้ บทเพลงสนุกสนาน เฮาฮา เหมาะแก่การร่ำ สุรา เคร้าปาร์ตี้ ริมสระน้ำ
Elephant Stone: ดนตรี rock จังหวะ ฉุดกระชาก การเล่นกีต้าร์ แบบ funky ของ John Squire สร้างความสนุกสนาน ที่ไม่ได้ยินมานานแล้วนับตั้งแต่ ยุค 70's
Waterfall: psychedelic สรรพเสียงอังกฤษ จ๋า แฝงจังหวะ การดีดกีต้าร์โปร่งแบบ folk นิดๆ เพลงที่พระเอกเด่นอยู่ที่ สองนาทีสุดท้าย คือ การโชว์ การ กระเส่าเสียงกีต้าร์ ไปมา ของ John
Don't stop: Psychedelic ออกแนวแขกอินเดีย ดั่งการอยู่ในโอสถ หลอนจิต ที่พา เราท่อง ชมพูทวีป โดยไปต้องนั่งเครื่องบินไป เสียงกีต้าร์ ประเคน effect และการเล่น technic reverse tape ไปมาของเสียงร้องของ Ian Brownเพื่อให้เสียงเหมือนดั่งสารลับ ของ ซาตาน ของบรรดาพวก rocker เสพยา แล้วหลอน ชอบตีความกัน
เพลงนี้พูดถึง ความสนุกสนาน ของการท่องแดนชมพูทีวป ในโลกส่วนตัวของใครสักคน จนไม่อยากจะออกไป
Bye bye badman: ดนตรี Brit Folk จังหวะ กลางๆ สนุกสนานๆ ชวนให้เราผ่อนคลายจากเรื่องเครียด
Elizabeth my dear: เพลง interlude สั้นๆ ด้วยดนตรี ออกทางพื้นบ้านอังกฤษ แท้ๆ แต่ก็แฝงด้วยสมบัติ สำนวน เอาไว้ด้วย เสียงกีต้าร์ โปร่งธรรมดาๆ ที่ตีคลอไปกับเพลงนี้ ผสมกับเสียง อันเยือกเย็น ทำให้เพลงนี้มีความขลังในตัวมัน โดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เพิ่ม
Song for my sugar spun sister: ดนตรีจังหวะกลางๆ brit pop เย็นๆ ที่เหมาะแก่การขับรถ เรียบเคียงชายหาด ยามเย็น แต่ก็แฝงจังหวะกระทั้นกระแทก เอาไว้ให้ส่ายหัวเป็นพิธี
Made of stone : เรื่องราวลี้ลับ ในยุคกลาง และ renaissance นิยายปรำปรา พื้นบ้าน ที่บรรดาศิลปิน rock ยุค 70's เสนอขึ้นมา SR ก็นำเสนอเรื่องราวเหล่านั้นในเพลงนี้ ด้วยท่วงทำนอง และเนื้อหา ที่พาเราหวนคืนสู่ เพลงใน concept เหล่านั้น แม้เนื้อหาจะเป็นในเรื่องในโลกปัจจุบัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยบทกวี อันช่างคิด และดนตรีที่อ่อนช้อยดั่งบรรยากาศที่พา เรากลับไปเมื่อ 400 ปีก่อน ว่าโอ่เธอ ทำไม ช่างเย็นชา และแข็งอย่างหินเยี่ยงนัก เธอเป็นลูกแม่มด หรือกระไร
shoot you down: บทเพลง ballad rock เพราะๆ ย้อนยุค 60's กับเนื้อร้องที่ติดหู ว่า 'Id love to do it and you know youve always had it coming'
วันเวลาที่ผ่านไป เธออยากจะทำอะไรบ้าง ก่อนที่ไม่มีโอกาส แต่สำหรับฉัน แล้วสิ่งที่ฉันอยากจะทำ ก่อนไม่มีโอกาส ก็คือ รักเธอ แล้วเธอละอะไรละที่เธอจะทำ
This is the one: ดนตรี rock ชวนโยก ที่มีทั้งอ่อนช้อย และ แข็งแกร่งในเพลงเดียวกัน และบอกความเป็น Stone Roses ในเพลงนี้ แต่ละคนล้วนแต่มีสิ่งที่เฝ้ารออยู่ และมันก็ดูเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเขาด้วย คือเนื้อหาในเพลงนี้ เสียงหวดกลองของ Reni ที่ตีช่างสนุก และชวนโดด ยิ่งนัก
I Am the resurrection: เพลงโชว์ฝีมือ ของเหล่า Stone Roses Reni โชว์การหวดกลอง ที่หนักแน่น ดุดัน ในขณะที่ Mani ก็กระเดื่องเบสได้มีพลัง และให้อารมณ์ชวนโยก และ John Squire ที่ยังคงเสียงกีต้าร์ ที่มีทั้ง ดุดัน และ อ่อนช้อย ในตัว ลืมไม่ได้ Ian Brown ที่ยังทำเสียงเย็นชา เนือยๆ แต่ก็ไปด้วยกันได้ กับเสียงดนตรี rock ที่สนุกสนานเช่นนี้
แต่พระเอกเด่นของเพลงนี้อยู่ที่ 4 นาทีสุดท้ายต่างหาก เมื่อสมาชิกทั้งสามคนบรรจงการเล่น แบบไหว้ครู แด่ Ten years after และ Jimi Hendrix
John Squire ลีดกีต้าร์ ที่ทั้งออกลีลาเสียงกีต้าร์ที่ทำให้นึกว่ามันกำลังร่ายรำและโยกคลึง ได้ 4 นาทีที่เหลือแต่ล้ำค่าของเพลงนี้ คือการโชว์ของ ของ Reni, Mani และ John
Fool's Gold: การพบกันของดนตรี dance และ rock ฉาบด้วยสีสัน ของ disco และ funky และ เป็น 10 นาที ของความโชว์ของอีกครั้งแบบเอาระห่ำ ของ John ที่คราวนี้ มีลูกคู่คือ Synthesizer มาสร้างสีสัน มันเป็นเพลงปิดท้ายอัลบั้มชุดนี้ อย่างมีสีสัน ของยุค 80's และอย่าง และดนตรี โยก ของความเป้น rock เอาไว้
ไม้ตายของเพลง นี้คือเสียง guitar ผ่าน effect ทำให้เกิดเป็นเสียง อวกาศ ขึ้นมา เยี่ย...เรากำลังขึ้นกระสวยอวกาศ เพื่อไปหา Jimi Hendrix !
การปิดท้ายด้วยเพลงนี้ในอารมณ์สนุกสนาน ไปกับแสงไฟ เมื่อมันจบเพลง มันเป็นการจบอัลบั้มโดยไม่มีอะไรค้างคาแม้แต่น้อย มันทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้วในแบบที่ อัลบั้มเพลง rock ดีๆ สักชิ้นจากฝั่งอังกฤษ จะมีกัน
ผมชอบอะไรในอัลบั้มนี้ 1.หน้าปก เทคนิคการเทสี และ สาดสี ตวัดสี บนปกอัลบั้ม 2.ความสด ความสนุกสนาน และความ เป็น pop ของมันอย่างสมบูรณ์ อย่างที่จะเป็นได้
3.เสียงกีต้าร์ ของ John Squire 4.เพลง Shoot you down 5.บทกวีอันงดงาม ของ made of stone 6.ความสนุกสนาน อันยวนเย้า ใน fool's gold 7.เสียงร้องเย็นๆ ของ Ian Brown 8.มาด rocker ของทั้งสี่หนุ่ม (แบบ Manchester) แม้จะผมสั้น แต่ชีวิต และการทำงาน ก็ rock n'roll ไม่แพ้พวกผมยาว
9.ฝีมือความยอดเยี่ยมในการ produced ของ John Leckie (เคยร่วมงานกับ Pink Floyd, Radiohead)
10.มันเป็นอัลบั้มเพลง rock ที่ปิดท้ายยุค 80's หลังจาก มี อัลบั้ม London Calling ของ The Clash เป็นตัวเปิดยุค 80's
Rated: ให้แค่ 4 ดูถูกมันเกินไป เอาไปเลย 5 ดาว...
หลังจากนั้น พวกเขาก็ไปถึง จุดของการเป็น rock star อย่างที่เขาจะเป็นกัน คือ มีเพลงฮิต ตระเวน concert สร้างกระส และปรากฏการณ์ แก่แวดวงดนตรี rock ในอังกฤษ และที่อื่น (อาจจะเว้น USA บ้างเพราะที่นั่น ก็มี Roses ของเขาเอง ก็ Guns n' roses ไง !) และถึง จุด peak อย่างที่วง rock ที่โด่งดังควรจะได้รับ และนั้นก็เหมือนดาบสองคมของพวกเขา ที่ต้องสร้างงาน ให้มันขลังกว่าเดิม ยิ่งขึ้น โดยต้องใช้เวลา บ่ม ถึง 5 ปีเต็ม กับ Second coming แต่สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนโลกดนตรี rock ชอบเล่นตลก แก่ rock star เสมอ ถึงจุดสูงสุด ก็ย่อมถึงต่ำสุด เพราะที่สุดแล้ว การกลับมาครั้งที่ 2 ของพวกเขา ก็ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป อย่างที่ไมโคร เคยบอกไว้ว่า 'มันก็ยัง งงๆ มันก็ยัง งงๆ กันอยู่'
แต่ถึงอย่างไรเสียผมอยากบอกว่า มีอัลบั้มอยู่ collection ท่าน ก็เยี่ยมไปอีกแบบเหมือนกันนะครับ
Create Date : 24 มกราคม 2549 |
|
12 comments |
Last Update : 24 มกราคม 2549 14:55:45 น. |
Counter : 2630 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กี๋พกแป้ง IP: 58.9.240.63 24 มกราคม 2549 22:23:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: Doraemyung IP: 58.10.6.186 25 มกราคม 2549 1:24:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: winston IP: 221.128.100.194 25 มกราคม 2549 12:53:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: winston IP: 221.128.100.194 25 มกราคม 2549 12:55:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: MEL IP: 58.8.248.253 26 มกราคม 2549 2:23:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัท305 4 กุมภาพันธ์ 2549 1:57:36 น. |
|
|
|
| |
|
|
ชุดนี้ชอบ I am the resurrection สุด หน้าปกถ้าจำไม่ผิด John เป็นคนทำใช่ไหมคะ Jackson Pollock มากๆ