|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
Smashing Pumpkins: Mellon Collie and infinite sadness
ศิลปิน: Smashing Pumpkins อัลบั้ม: Mellon Collie and the infinite sadness (1995) สังกัด: EMI ปีที่ออก: 1995
นี่คืออัลบั้มเต็ม ลำดับที่ 3 ของพวกเขา และออกมาเป็นคู่ น้อยวงนัก ที่จะบอกว่า การสร้างงาน ระดับ masterpiece ไว้ จะเป็นการยากหาก จะสร้างผลงานชิ้นต่อมา ให้ masterpiece ดีเยี่ยม หรือ เกินคาด บางชิ้น ก็แค่เท่าทุน หรือน้อยชิ้นนัก ที่จะพาเพลงใหม่ เข้าไปแทนใจเพลงเก่าที่ฟังแล้วโดน และสร้างประวัติการณ์ อีกระลอก
แต่ smashing pumpkins ทำไปแล้วครับ ! วงดนตรี heavy metal จากดง เจ้าพ่อ Al Capone (Chicago) วงนี้ สร้างงาน masterpiece สองเด้ง เป็นครั้งที่สองแล้ว นับจาก Siamese Dream ในปี 1993 ที่นักวิจารณ์ พากันยกย่องว่า พวกเขาช่วยแง้มฝาโลง ดนตรี heavy metal ให้มาฟื้นจากโลงอีกครั้ง ในยุค 90s พวกเขาสร้างงานที่เรียกว่า ดีขึ้นไปอีก หลายเท่าตัวในนาม Mellon collie and infinite sadness ที่ออกมาในปี 1995 โดยเป็นอัลบั้มคู่ และก็เป็น concept album
และเปลี่ยน Producer จาก Butch Vig เป็น Alan Moulder และ Flood (เคยร่วมงานกับ U2, Depache Mode) และ James Iha มือกีต้าร์ มีส่วนร่วม ในการผลิตงานมากขึ้น และ แชร์ไอเดียทางด้าน production ร่วมกับ Billy Corgan ทำให้เราได้เสียงชวนฝัน และเสียง ดนตรี pop ใสๆ จาก ฝีมือ James ไว้มาเบรก ท่วงทำนอง heavy metal เลือดสาด และ ballad rock อันปวดร้าว ของ Billy เอาไว้พักเหนื่อย ของ แฟนเพลง
งานชิ้นนี้แบ่ง เป็น 2 ภาค คือ Dawn to dusk และ twilight starlight
งานทั้งสองชิ้นตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ที่อัดแน่นด้วย ดนตรี heavy metal , grunge, thrash รวมไปถึง death และ ดนตรีหวานใสๆ อย่าง pop rock, lullaby ชวนฝัน และ ละเลงด้วย progressive อันงดงามวิจิตร และตบด้วย hard rock โยกหัวเอามันส์ที่คุณฟังแล้วต้องอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาโยกหัว และ tag และ dive ใน งาน concert และเป็นที่โจษจั่นไปทั่ววงการ rock ของอัลบั้มชุดนี้ ที่ต่างฟันธงว่า มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะสร้างงาน หนักระห่ำ โชกเลือด และ สาดด้วยเพลง หวานๆ ปรุงรส อย่างที่ไม่เคยมีใครหน้าไหน ในวงการเพลง rock บนโลกใบนี้ เคยทำมาก่อน
ทำไมมันถึงกลายเป็นงานบ้าดีเดือด ในวงการเพลง rock ! แล้วทำไม มันจึงกลายเป็นอัลบั้มที่สำคัญ อันหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพลง rock ไม่แพ้ Never mind ของ Nirvana เลย
วิธีการฟังอัลบั้มนี้ให้เข้าใจและได้อรรถรส คือเมื่อคุณเพ่งไปยัง ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาในมโนของคุณบ้าง แล้วคุณละพร้อมจะรับฟังเรื่องราวนิทาน จาก ดวงอาทิตย์ผู้สดใส และดวงจันทร์ ผู้เศร้าหมอง แล้วยัง
แผ่นที่ 1: Dawn to dusk
Mellon collie and infinite sadness: อรุณสาดส่อง ในยามเช้า เสียงเปียโนหวานๆ บรรเลงกับเครื่องสายดั่งการโหมโรงเข้าสู่อัลบั้ม เห็นการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ สู่ท้องฟ้า ดั่งการเปิดเรื่อง นิทานของ Lucifer เมื่อสายตา ของ Lucifer เพ่งไปยัง ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาในมโนบ้าง
Tonight, Tonight: symphony rock มากเครื่องสายอลังการที่บรรเลงกับท่วงทำนอง ดนตรี pop rock ฟังสบายๆ เสียงของ Billy Corgan ที่ลากขึ้นลากลง ฉุดกระชาก บางช่วงแผ่วเบา และบางช่วง ก็ โผผางเสียงดัง ช่วยให้อารมณ์ผู้ฟังสะดุ้งเป็นระยะๆ เสียงหวดกลองกระหน่ำรัวบน snare ของ Jimmy Chamberlin นั้นรวดเร็วรุนแรง และสวยงาม ซึ่งเรียบเรียงออกมาได้หนักแน่น และแฝงจังหวะที่ลงตัวและพอดี อย่างกลมกล่อม
Jelly Belly: กลับมายัง SP ที่เราคุ้นเคย การกระหน่ำด้วยดนตรี grunge และ heavy metal พันธุ์โหด ฉาบด้วยเสียงกีต้าร์ดุๆ และเสียงเบส กลอง ที่กระเดื่องหนักแน่น เอาไอ้พวก head banger ไว้โดดกันใน concert ของพวก pumpkins รับรองได้โดด ได้ แท๊ก กันสบาย พวก head banger และ James Iha ทำเสียงกีต้าร์โซโล่ ปานฟ้าจะถล่ม และวินาศกรรม บนโลก (เสียง distortion กีต้าร์ที่เหมือน เสียงเหยียบคันเร่งรถยนต์ และ เสียงกรีดกรายโซโล่เหมือน เหยื่อผู้ถูกบูชายัญ เพื่อ Lucifer) กลายเป็นเอกลักษณ์ ของ James Iha ไปแล้ว
Zero: บทเพลง บูชา Lucifer ของ Billy Corganมาแบบ metal ยุค 80s สมัย Metallica ช่วงอัลบั้ม Kill em all ที่ย้ำจังหวะ riff ไปมา แต่แน่นอน เสียงกีต้าร์โซโล่ ที่รวดเร็ว หนักแน่น และ distortion กีต้าร์ที่กลายเป็นเสียงลำแสงเลเซอร์ ในเพลงนี้ทำเอาผมขนลุกทีเดียว
Emptiness is loneliness, and loneliness is cleanliness And cleanliness is godliness, and god is empty just like me
ร้องทันกันบ้างรึเปล่าครับท่อนนี้ เนี่ย
Here is no why: เหมือนภาคต่อ ของ mayonnaise จากอัลบั้มชุดที่แล้ว ท่วงทำนอง ballad rockอันเจ็บปวด ว่าด้วยเรื่องราว การ มองโลกอันสิ้นหวัง เสียงร้องของ Billy ที่แผดเสียงได้เจ็บปวด และ บาดอารมณ์ เพลงนึงในอัลบั้มนี้
Bullet with Butterfly wings:
Bullet with butterfly wings กลายเป็นงานชิ้นเอก ของ smashing pumpkins ไปแล้ว และขึ้นหิ้ง ไม่แพ้ cherub rocks ในชุดที่แล้ว บทเพลง heavy metal อันรุนแรงเกรี้ยวกราด ท่อน ที่ว่า the world is the vampire บอกความเป็นไปของโลกใบนี้ เสียงกีต้าร์โซโล่ที่รุนแรงเกรี้ยวกราด เท่ๆ ของ James ที่ jam กับ เสียง ตี คอร์ด กีต้าร์ เสียงโหดๆ ของ Billy ที่เคลือบไว้ด้วยท่วงทำนองที่ติดหูง่าย และยังมีความรุนแรงในแบบ punk ผสมเข้าไป ให้กลายเป็นเพลงมหากาพย์ การฟื้นคืนชีพ ของ Heavy metal ในยุค 90s นานหรือยังที่คุณไม่ได้ยินความเกรี้ยวกราด แบบนี้ ลองนึกดูสิครับ ว่าคนดู ใน Madison Square Garden ในคราวนั้น ในคอนเสริต์ ของ SP ตะโกนเพลงนี้ ในท่อน despite all my rage Im still just a rat in a cageกันลั่นกระหึ่ม Hall มันน่าขนลุกขนาดไหน...! บทเพลงเอาใจพวกสาวกบูชา Lucifer เพลงนี้ มันทำให้ อดีนารีน พวก rocker ประทุ อย่าง ระเบิด nuclear ลูกใหญ่ เสียจริงๆ
To forgive: หักอารมณ์ มาเป็นเพลงช้าๆ เหงาๆ เลื่อนลอย ให้อารมณ์ คล้ายๆเพลง soma ในชุดที่แล้ว ออกอารมณ์อกหักช้ำรัก ว่าด้วยว่าฉันให้อภัย และเข้าใจในเมื่อเธอจะเลิกกับฉัน ฉันเข้าใจ สุดท้ายฉันก็แค่คนงมงาย กับความรักมากไปหน่อย ฉันจะทำใจๆๆๆๆ
Fuck You (an ode to no one): บทเพลง thrash metal หนักกระโหลก ว่าด้วยเรื่องราว ของ Satan ที่การกระทำ ของมัน แตกต่าง จากพระเจ้า และ พระผู้ไถ่บาป สิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น ไม่มีการฟื้นคืนชีพ สำหรับข้า ตายไปเจ้าก็ต้องลงนรก เจ้าไม่มีวันทำให้ข้า กลับเป็นเทวดารูปงาม นาม Lucifer ได้ ข้าตัดขาดจากความดี ข้าตัดขาด จากพระเจ้า และ ข้าตัดขาด จากความงดงามอันสิ้นเชิง ข้าคือตัวจุดเชื้อไฟ ให้พวกเด็กสาว ต้องเสียบริสุทธิ์ จากชายโฉด บทเพลงนี้ใช้สื่อแทนความหมาย ของคนที่หมดศรัทธา และทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ และมามโนภาพทุกสิ่งเป็นในทาง โหดร้าย และ ละเลงโลกด้วยสีเลือด Billy Corgan ถ่ายทอดเพลงนี้ทั้งด้น เนื้อร้อง รวมไปถึง การหวด กลอง รุนแรง และเสียงกีต้าร์เสียงแหลมบาดอารมณ์ ที่ เล่น pentanic lick อย่างบ้าคลั่ง เสียงสำรากของ Billy Corgan นั้นโหดและสุดขั้ว ที่ปะทุ อารมณ์ ของ เจ้าชายรัตติกาล ผู้อยู่ในแดนมืดมิด ที่ จะทำให้โลกใบนี้ มันวิปลาส
Love: บรรเลงด้วยเสียง synthesizer และ การเล่นกีต้าร์ ผ่าน effect เป็นเพลง electronic rock ล้ำๆ ความรัก คำง่ายๆ แต่มันยากที่จะเข้าใจมัน เธอคือความรัก บางที เธอทำให้ฉันสุขใจ บางครั้งเธอก็ทำฉันร้องไห้ เหมือนดอกกุหลาบที่สวยงาม เมื่อเห็น แต่ก็ต้องเจ็บมือเมื่อไปจับโดนหนามมัน
Cupid de locke: กลายเป็นเพลง electronic pop เสียงหวานๆ หักอารมณ์ เพลงที่แล้วอย่างสิ้นเชิง เสียงพร่ำพรรณา อ่อนหวานของ Billy นั้นหวานหยดย้อย ปานมดจะตอม แต่เมื่อกางเนื้ออกมาดู แทบจะหงายหลัง มิวาย ต้องพูดถึง เหล่าปีศาจ เข้ามาเอี่ยวด้วย
Galapagos: บทเพลง เบาๆ ของ SP ที่มีเสียงเครื่องสาย เข้ามาหยอดใส่ในทำนอง พูดถึงความรักของคนสองคน ที่ พากันหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงๆ ไปในดินแดนที่ห่างไกล แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน หรือเธอกำลังจะทิ้งฉันไป เพราะใจเรามันไม่ใช่อันหนึ่งเดียวกัน เพลงนี้เนื้อหาง่ายๆ เบาๆ ในแผ่นนี้ที่สุดแล้วในความคิดผม
Muzzle: ตัวละครในเพลงนี้คือเจ้าหมาน้อยนั่นเอง ที่ชื่อว่า Muzzle ที่มองโลกใบนี้ว่าทำไมมนุษย์ นั้นวุ่นวายเหลือเกิน และมันก็ใช้ญาณวิเศษแบบหมาๆ นั้นแหละครับนั่งคิด และมองดู มนุษย์แต่ละคนเป็นอย่างไร เพลงนี้เป็น ดนตรี modern rock จังหวะ กลางๆ เนื้อหาเพลงนี้มองโลกในแง่ดี ขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ และแถมยังน่ารักน่าชังอีกด้วย สรุปว่า เวลาคนด่า อะไรไม่ดี ก็จะพาดพิงถึงหมา บ้างว่า ไอ้หมาหมู่ ไอ้ชาติหมา อะไรอย่างงี้ แต่ถึงอย่างไร หมา มันก็อ่านใจมนุษย์ออกว่าจะมาดีมาร้าย และมันยังดูซื่อสัตย์ ยิ่งกว่ามนุษย์บางคนเสียอีก Billy ต้องการจะสื่อเพลงนี้ว่า อายหมามันไหมล่ะ ไม่น่าเชื่อว่า Billy เขาก็จะเขียนเพลงที่มองโลกในแง่ดีบ้าง ในชุดนี้ (เพลงนี้ คุณกี๋พกแป้งน่าจะชอบนะครับ เอาไปเปิดให้หมาของ คุณกี๋ ฟัง)
Porcelina of the vast ocean: ดนตรีภาค มหากาพย์ ที่ทำออกมาในรูปแบบ ของ Progressive rock ที่หนักแน่น และ เบาหวิว ดั่งสายลม เมื่อเรา เดียวดาย อ้างว้าง ไม่มีใครเหลียวแลบนโลกใบนี้ เหมือนดั่ง อยู่ในทะเลกว้าง กระแทก แต่มาคิดอีกที เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวมีน้ำทะเล และ Porcelina โลกของฉันมันไม่ได้เดียวดายเสมอไปนิ่ ดนตรี กระทั้นด้วยดนตรี ที่เกรี้ยวกราด ของ Grunge และยังบรรเลง เสียง synthesizer ออกไปในเสียง ของทางตะวันออก ด้วย ความยาว 10 นาที กว่าๆ
Take me down: นั้นคือเรื่องราวทั้งหมด จากคำบอกเล่าของดวงอาทิตย์มีทั้งร้าย และดี ตามแต่เราจะรับฟัง และนึกคิด take me down คือบทสรุปของแผ่นแรก ด้วยบทเพลง acoustic เบาๆ และเสียงร้อง ของ James Iha ที่ลองมาร้องในเพลงนี้บ้าง ถึงเวลาที่ ดวงอาทิตย์จะรับขอบฟ้าเสียที ในขณะเดียวกัน พระอาทิตย์ลับไป พรุ่งนี้ก็ขึ้นใหม่ แล้วแต่เธอคนนั้น คงลับไปไม่กลับ ได้แต่หวังว่าเธอ คงกลับมาหาฉัน พร้อมวันใหม่ กับดวงอาทิตย์ดวงเดิม James ปิดอัลบั้มด้วยเพลงของเขา เพลงนี้ นั่นก็เหมือนกับว่า เรื่องราว ของพระอาทิตย์ จบไป ตั้งแต่เพลงที่ 13 โดยมีเพลงนี้ดูเหมือนบทเสริม เข้ามา หลังจากฟังเรื่องของดวงอาทิตย์จบลง พลันฉันคิดถึงใครคน หนึ่งขึ้นมาทันใด ประมาณนั้นนะครับ
แผ่นที่ 2 Dawn to Dusk
Where boys fear to tread: เปิดเสียงด้วย การ sound check ดนตรี อุ่นเครื่อง โดย Billy ได้ทำเสียงจูนกีต้าร์จนเกิด การหอนของแอมป์ (แบบที่ Beatles เคยใช้ในเพลง Im feel fine) ในขณะที่ James เขย่า riff ไปมา เพื่อตั้งสายกีต้าร์ แหลม ทุ้ม สลับกันไป และ Jimmy ก็ marching กลอง snare และ เหยียบ bass drums กำกับจังหวะ ไปมา ก่อนที่ James จะ intro เสียงriff กีต้าร์ เข้าสู่เพลง เพื่อนำร่อง และทั้งกีต้าร์ ของ James และ Billy ก็ทำหน้าที่ double solo และ double riff เสียงไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะ ทั้งเบส และ กลอง จะกระแทก ไปพร้อมๆกัน นี่คือสีสันลูกเล่นในเพลงนี้ที่หยอดเอาไว้
Bodies: เพลง แรกยังไม่ทันจบดี ก็เล่นมุข ตัเดเพลงไปเสียดื้อๆ ด้วยเสียง static ของวิทยุ และเข้าสู่เพลง Bodies ด้วยท่วงทำนอง Hardcore และดนตรี metal หนักอึ้ง DArcy กระเดื่องเบสด้วยเสียงหนักหน่วง เพลงนี้พูดถึง อกหักช้ำรัก ปานอยากจะตาย มองไปทางไหน ก็แย่ไปหมด
33: เพลง acoustic rock ให้บรรยากาศ อวกาศ พูดถึง ก่อนจะจากกันไปด้วยความจำใจ ทั้งที่เรารักกันดี อยากให้เราสองคนมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันก่อนจะไม่ได้เจอกันนาน หรือไม่มีโอกาสเลย Billy เขียนเพลงนี้ด้วยภาษาง่ายๆ และเขาก็เรียบเรียงไม่ให้มันธรรมดาเกินไป โดยสอดใส่เสียง slide guitar และ piano กรุ๊งกริ๊ง
In the arm of sleep: เพลงนี้ออกไปทาง folks rock อย่าง SP ไม่ค่อยทำมาก่อน มันจบลงด้วยเสียงกีต้าร์ที่ลากยาว แต่เสียดายมันฟังดูธรรมดา ไปเสียหน่อย Billy ร้องเพลงนี้ออกอาการเหมือนคนเพ้อ
1979: หลายคนๆ ยกเพลงนี้เป็นอีกเพลงโปรด ของหลายคนๆ ถ้าหากพูดถึง เพลงในใจท่านของ SP ก็ต้องมีเพลงนี้มาเอี่ยวด้วย เพลงนี่ดูฟังง่ายๆ ด้วยท่วงทำนอง pop rock เบาๆ ไม่หนักจนเกินไป แต่มิวาย Billy ต้องทำเสียงลากเสียงบาดหู ให้เราได้ยินอีกครั้ง ทุกวันนี้ ตามหน้าปัดคลื่นวิทยุที่เปิดเพลงสากล ก็ยัง เปิดเพลงนี้ ให้เราหายคิดถึง เหล่าฟักทอง หัวกระจุบกลุ่มนี้บ้าง (แต่ผมค่อนข้างเฉยๆ กับเพลงนี้นะ เหมือนที่พวกห้อง rock เฉยๆ กับเพลง November Rain ของ Guns nroses ไง)
Tales of a scorched earth: ลากเสียง feedback หอนยาว ก่อนที่จะเขย่าโสตประสาทคุณด้วยท่วงทำนองดนตรี Death Metal ที่รุนแรงบ้าคลั่ง เสียงกีต้าร์ของ James ที่ Distortion กลายเป็นเสียง เลเซอร์ Billy ตะเบงเสียงแบบพวก metal ที่รุนแรงสุดกู่ เสียงของ Billy นั้นสำรากสูงจนกลายเป็นเสียงแพะร้อง ได้อย่างน่าขนลุก อย่างไม่น่าเชื่อ track นี้เป็น track เด็ด สำหรับพวก head banger ที่ต้องการ dive และ tack ในงาน concert เชียวครับ (อย่าลืมนะครับก่อนที่ Billy จะมาทำ SP เขาเคยทำวง Metal พันธุ์โหดอยู่ที่ Florida มาก่อน ก่อนที่จะกลับมา Chicago เพื่อมาทำวงใหม่ และกลายเป็น SP ในที่สุด)
Thru the eyes of ruby: Grunge metal บวกกับเพลงสไตล์ของวง Metallica เล็กๆน้อยๆ หลอนๆ และท่วงทำนองที่มืดมน Jimmy ตีเพลงนี้ได้หนักหน่วง บวกกับ เสียง rhythm figure ที่ตีไปมาอย่างหนักหน่วง
Stumbleine: acoustic pop เหงาๆ เสียงหงอย ของ Billy ที่เป็นการเล่นกีต้าร์โปร่งและร้อง และเล่นแบบ one man stand ในเพลงนี้ ไร้การปรุงแต่งใดๆ ไว้เบรกอารมณ์ บรรดาเพลง metal หนักๆ ในอัลบั้ม และเล่นสัมผัส คำในเพลงอย่างท่อน Ill be your stumbleine Ill be your super queen
X.Y.U.: กระแทกกระทั้น ด้วย hard rock หนักๆ ผสมกับ Hardcore เสียงโหดๆ ของ Billy ที่มีทั้งสำรากคำราม และตะคอก อย่างเท่าที่ metal จะเป็น และจุดพีค ของเพลงอยู่ในท่อน ที่ Billy สำราก เสียงโหดขึ้นว่า and into the eyes of the Jackyl I say Ka-boom ! ตอนใดนั้น ดนตรีก็บิดทำนองกลายเป็นเพลง Speed Metal พันธุ์โหด ในบัดดล ที่เร่งจังหวะเร็วขึ้น อย่างบ้าคลั่ง เสียงของ Billy แปรเปลี่ยนเป็นเสียง ปีศาจ ที่ทั้งสำรอก กรีดร้อง อย่างบ้าคลั่ง บวก กับการขยี้ distortion guitar ของ James กลายเป็นเสียงเห่าหอน ของปีศาจแพะ ที่ถูกบูชายัญ และการจบเพลงที่สุดแสนจะทรมาน เหมือนดั่งเอามีดเล่มใหญ่ กระซวกไปที่ร่างกาย ที่จบลงด้วยการ distortion เสียงกีต้าร์กรีดแหลม ก่อนที่ Billy Corgan จะกระซวกกีต้าร์ของเขาใหเกลายเป็นเสียงสว่าน ขนาดยักษ์ ผมยกให้ track นี้ คือความบ้าคลั่งเพลงหนึ่ง ของ smashing pumpkins ใครได้ฟังเพลงนี้มีอัน ต้องน้ำลายฟูมปากแน่ หลังจบเพลง
We only come out tonight: ดนตรี pop สนุกๆ ตีคอร์ดๆ ง่ายๆ เพราะๆ ด้วยเสียง programmed และเสียงเปียโนบรรเลง พร้อมกับการ้องประสานเสียง ของ Billy และ Darcy ที่overdubbed เสียงทำให้เกิดหลายเสียงประสาน
Beautiful: ดนตรีฟังสบายอีกเพลง ออกจังหวะ Trip Hop นิดๆ มีเสียง harp และเครื่องสายให้ดนตรีดูละเมียดกล่มกล่อม และบรรเลง ด้วย programmed เป็นอีกเพลงที่ Billy ร้องคู่ กับ DArcy เนื้อหาง่ายๆ ว่า Billy: เธอผู้งดงาม โปรดหันมามองหน่อย DArcy :โอ่เธอคนที่ฉันแอบปอง โปรดรอฉันด้วย ฉันก็แอบชอบเธอ ก่อนที่จะถึงท่อนแยกก็เปลี่ยนท่วงทำนอง ออกแนว ballad rockทางของ Beatles ที่เน้นการสร้าง impression melody และ การเล่น โซโล่ ดีดทีละสาย ที่ได้เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าแบบ บริสุทธิ์ และยังมีเสียงร้องประสาน นาๆๆๆ ช่วยให้เพลงฟังดูอบอุ่นขึ้นไปอีก (เพลงนี้ หมอวินส์ น่าจะชอบนะครับ) ก่อนที่จะทิ้งด้วยประโยค หวานๆ ว่า neither here nor there just right beside you (อ่าวเล่นมุข แบบ Paul McCartney เลย มิน่าละ...)
Lily (my one and only): ดนตรี ออกจังหวะ jazz ย้อนยุค 20s น่าจะเข้าทาง Jimmy Chamberlin มือกลองของวง ที่เป็นมือกลองทางสาย Jazz มาก่อน มีไวโอลิน และ cello เข้ามาบรรเลง Jimmy ยังโชว์การเล่น bass drums แบบโบราณสมัยก่อนด้วย ในเพลงนี้
By Starlight: pop rock ย้อนยุค 70s เพลงนี้เพิ่มสสันตอนที่เสียงกำกับจังหวะ จะเป็นเสียงระฆังนาฬิกา ตีไปมา กำกับ กับเสียงกลอง การ composed เพลงคล้ายๆ everybody need a friend ของ Wishbone Ash ที่ตีกอดไปมา พร้อมกับการเล่น เสียงกีต้าร์ ออกทาง Blues ช้าๆ เป็น slow rock ในยามที่หงอยเหงา คิดถึงใครก็ให้แสงดาว มันคอยนำทางเราไปแล้วกัน
Farewell and Goodnight: เพลงนี้ Billy Corgan แต่งร่วมกับ James Iha และ ทั้ง Billy, James, DArcy ก็ช่วยกันร้องเพลงนี้ คนละท่อน สามท่อนสลับกันไป เป็นเพลง pop เสียงใสๆ เลื่อนลอย การบอกลา ของ ดวงจันทร์ เมื่อจบเรื่องราวที่มันเล่าแล้ว หนุ่มสาวที่จากกันเมื่อแผ่นที่แล้ว มาเจอกันแล้ว และมาคืนดีกัน ก่อนนอน เขาและเธอ ก็กล่าว ราตรีสวสัดิ์ แก่กัน และบอกลา เจ้าดวงจันทร์ ว่าขอตัวไปนอนก่อน และเจ้าดวงอาทิตย์ ที่หลับไปแล้วเพื่อมาพับกันใหม่ ในวันใหม่
และนิทาน จาก ดวงอาทิตย์ และ ดวงจันทร์ ก็มีอันพับปิดลง
Smashing Pumpkins สร้างงานระดับ เหนือเซียน มันรวมความบ้าคลั่ง ความสวยงาม และความสยดสยองไว้ในตัวมันเอง อย่างที่ไม่มีวง rock วงไหน เคยกล้าเล่นมาก่อนที่จะเอาสิ่งเหล่านี้ มาละเลงเข้าด้วยกัน มันมีทั้งขาวดำ มืดและ สว่าง สุขสุดๆ เศร้า สุดกู่ หวีด สุดขั้ว และแรง สุดขีด ผลของความประสบความสำเร็จ ของงานชุดนี้เหรอครับ มันติด อันดับ 1 บน Bill Board Charts 200 Album และ Bullet with Butterfly wings ยังคว้า รางวัล Grammy Awards 1996 สาขา Best Hard rock Performance รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 8 ที่พวกเขาได้รับ และยอดขายกว่า 4 ล้านแผ่น ใน สหรัฐอเมริกา
มันเป็นอัลบั้ม เพลง Heavy Metal (ผสมกับ alternative?) ที่กลับมาเขย่า ชาร์ต Billboard อีกครั้ง หลังซบเซาไปนานหลังบรรดา Seattle Army บุกทะลวง ยึดชาร์ต Billboard เป็นเวลากว่า 4 ปี เป็นอัลบั้มเพลง rock ที่ครบเครื่อง เสียจริงๆ และคุณต้องมีไว้ใน collection ให้ได้หากคุณคิดจะสะสมผลงานอันทรงคุณค่า ของเพลง rock ในประวัติศาสตร์ พลังอำนาจของมันในชุดนี้ ส่งให้มันต้องมีชื่อไปเอี่ยวทุกครั้งหาก จะจัดอันดับ อัลบั้มเพลง rock ที่สำคัญ ในยุค ในยุค 90s ใน โลก ในประวัติศาสตร์ ในรอบ 10 -20-60-100 ปี ทั้งหลายแหล่ หากไม่มีมันเข้าไปเอี่ยวด้วยในการ จัดอันดับเพลง rock คาดว่า คนที่จัดอันดับ คงจะเจอดี หรือ มีเฮ จากคนอ่าน แน่ๆ
ผมชอบอะไรในอัลบั้มชุดนี้? 1.เสียง Distortion Guitar และโซโล่ ปานฟ้าจะถล่ม ของ James Iha ในเกือบทุกเพลง 2.พลังอันเร่าร้อน รุนแรง ดังภูเขาไฟปะทุ ใน Bullet with Butterfly wings 3.ท่วงทำนอง อันบ้าคลั่ง และละเลงด้วยเลือด ของ X.Y.U. 4. ท่อนหนึ่งในเพลง Zero ที่ร้องว่า Emptiness is loneliness and loneliness is cleanliness And cleanliness is godliness, and god is empty just like me
5.ปรัชญาเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ของ Muzzle 6.เสียงออดอ้อน ของ DArcy ที่ร้อง duet คู่ Billy ในเพลง Beautiful 7.ความสวยงาม และความบ้าคลั่งในตัวมัน 8.กลายเป็นกิ๊กใหม่ ของผม แทนที่ Siamese dream เสียแล้ว 9.ความรู้สึกขนลุก เมื่อหยิบอัลบั้มคู่ชุดนี้มาฟังอีกครั้งๆๆ และอีกครั้ง 10.อัจฉริยภาพ ทางดนตรี ของ Billy Corgan และดนตรีแน่นๆ จากเหล่า ฟักทองหัวกระจุย
แม้มันอาจจะไม่มีดนตรี hard rock ยุค 70's แบบ Led Zeppelin หรือ Black Sabbath ให้เราได้ยินเหมือน สองชุดแรก แต่ mellon กลายเป็นงาน ก้าวกระโดด จากวง Hard rock แต่งตัวไว้ผม ประชด hair band ในชุดแรก ไปสู่ Heavy metal ผสม grunge ในชุดที่ 2 และไปสู่ Progressive Heavy Metal และดนตรีทดลองแบบเต็มสูบ ในอัลบั้มคู่ชุดนี้
หามาฟังให้ได้เชียว นะ....
ป.ล. อ๋อลืมไป วงนี้ ไม่ไว้ผมยาว แถมยังโผล่มาในยุค Alternative อีก คนห้อง rock เลยไม่ฟัง ต่อให้เป็น heavy metal หรือ hard rock หนักๆ เพราะพวกนี้ภาพลักษณ์ ไม่ให้ ไม่เหมือนพวกหัวฟู ใส่เสื้อหนัง เลยไม่ฟังใช่ไหมฮะ ใช่ไหมฮะ ใช่ไหมฮะ (สงสัยน้อง D'Arcy ไม่ใช่สเป๊ก หนุ่มๆ ห้อง rock)
อัลบั้มชุดนี้แนะนำแด่: น้องโตนิค, คุณกึ่งยิงกึ่งผ่าน และอีกหลายท่านๆ ที่สนใจ
Create Date : 16 ธันวาคม 2548 |
Last Update : 16 ธันวาคม 2548 13:54:31 น. |
|
20 comments
|
Counter : 6443 Pageviews. |
|
|
|
โดย: psychopop IP: 203.159.12.16 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:15:04:27 น. |
|
|
|
โดย: psychopop IP: 203.159.12.16 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:15:06:42 น. |
|
|
|
โดย: Brad Pitt วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:15:14:50 น. |
|
|
|
โดย: Metallurgist IP: 203.84.91.248 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:20:57:29 น. |
|
|
|
โดย: Hernf@ IP: 203.148.251.150 วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:23:04:48 น. |
|
|
|
โดย: Marquez วันที่: 18 ธันวาคม 2548 เวลา:15:41:49 น. |
|
|
|
โดย: คุณม้าม วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:2:54:43 น. |
|
|
|
โดย: 5150 learn to rock (5150_b ) วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:8:08:30 น. |
|
|
|
โดย: HTK (HTK ) วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:20:16:01 น. |
|
|
|
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 25 ธันวาคม 2548 เวลา:18:57:31 น. |
|
|
|
โดย: HTK IP: 203.151.140.118 วันที่: 26 ธันวาคม 2548 เวลา:0:30:53 น. |
|
|
|
โดย: lalink วันที่: 31 ธันวาคม 2548 เวลา:17:24:31 น. |
|
|
|
โดย: barren hearted wanderer IP: 62.31.42.242 วันที่: 1 มกราคม 2549 เวลา:20:57:05 น. |
|
|
|
โดย: นัท305 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:58:18 น. |
|
|
|
โดย: moncler piumini neonato IP: 192.99.14.34 วันที่: 12 ธันวาคม 2557 เวลา:4:31:38 น. |
|
|
|
| |
|
|
((ก็มันมาเป็นคู่อ่ะ))
สมัยสาว ๆ ซื้อเทปทีนึง 2 แพ็ค (4 ม้วน)
คิดว่า(กรู)ต้องฟังจนมันยืด ยาน ย้วย แน่ๆ
เข้ามาสวัสดี เพราะเห็นชื่อบล็อกเป็นสิ่งที่คุ้นเคยค่ะ