AyAtAnA - Blog of many 'ION'
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

Dymaxion - รถยนต์ในฝัน (ที่ไม่เป็นจริง) ของ Buckminster Fuller

Dymaxion เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อใช้กับสิ่งประดิษฐ์ของ Buckmister Fuller เขาต้องการให้ผู้คนได้รู้จักประดิษฐกรรมของเขาผ่านชื่อนี้เพียงชื่อเดียว (เรียกง่ายๆก็คือ Brand นั่นเอง) ชื่อนี้เกิดจากการผสมตัวอักษรจากคำหลายๆคำเข้าด้วยกัน คือคำว่า DYnamic + MAXimum และ ION โดย Dymaxion จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของผู้คนด้วยแนวทางใหม่ๆ

Buckminster เกิดเมื่อปี 1895 เข้าเรียนที่ Harvard แต่ไม่จบ จากนั้นไปเป็นทหารเรือตอนอายุได้ 22 เป็นอยู่ 5 ปี จึงออกมาทำบริษัทวัสดุก่อสร้าง โดยหมายมั่นว่าจะพัฒนาวัสดุน้ำหนักเบาขึ้นมาใช้ในงานอาคาร แนวคิดแรกๆของเขาคือ 4D Tower อาคารที่พักอาศัยแบบถอดประกอบและขนส่งทางอากาศได้ โดยอาคารจะผลิตพลังงานและขจัดของเสียได้เอง (แหม..แกเกิดเร็วไปนิดนึงจริงๆ ถ้าเป็นปัจจุบันก็เป็น Green Architecture ไปแล้ว)



จากนั้นก็มาสู่บ้าน Dymaxion บ้านเสาเดี่ยวซึ่งสร้างจากวัสดุล้ำยุค ทั้งอลูมิเนียมและพลาสติค รวมทั้งยังมีรูปร่างเหมือนยานอวกาศล้ำยุคสำหรับปี 1929





ในปี 1933 ก็ถึงทีของรถ Dymaxion รถยนต์ที่มีแนวคิดที่ล้ำหน้าไปไกล มันเป็นรถยนต์รูปทรงเพรียวแบบหยดน้ำ ความเร็วสูง และประหยัดน้ำมัน



ถ้าลองกลับไปดูรถยนต์ที่เัคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ Citroen 2CV มาจนถึง Messerschmitt จะเห็นได้ว่ารถแต่ละคัน มีตำแหน่งเครื่องยนต์ (สีดำ) ล้อที่ขับเคลื่อน (สีแดง) และล้อบังคับเลี้ยว (ล้อที่วางบิด) ดังนี้



แต่รถ Dymaxion ต่างออกไปอย่างมาก เพราะเป็นเพียงคันเดียวที่เลี้ยวด้วยล้อหลัง และเป็นคันเดียวที่เครื่องยนต์วางหลัง แต่ขับเคลื่อนล้อหน้า ช่าง Think Different จริงๆ



การเลี้้ยวด้วยล้อหลัง บวกกับการวางตำแหน่งล้อหน้าเกือบกลางลำตัวรถ ทำให้ฐานล้อ(Wheelbase) สั้น ผลที่ได้คือ วงเลี้ยวมันแคบมาก ทำให้รถยาว 6 เมตรคันนี้ วิ่งวนรอบคนกลางถนนได้เลย








นอกจากนี้ มันยังทำให้การเข้าจอดในที่แคบๆ ง่ายขึ้นมากด้วย ในภาพจะเห็นว่าพอคนขับรถเอาหัวปักเข้าไปในช่องจอดได้แล้ว คนขับเพียงก็แค่บิดล้อหลังเพื่อกระเถิบท้ายเข้าไปในช่องแค่นั้นเอง





เสียดายที่รถนี้ถูกทำเป็นต้นแบบเพียง 3 คัน และไม่ได้ผลิตออกขาย เพราะรถต้นแบบคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุในระหว่างการทดสอบ (ใน YouTube มีคลิปมากมาย ลองดูตอนมันวิ่งจริงๆ) แต่รูปทรงมันก็เป็นแรงบันดาลใจให้รถรุ่นอื่นๆ อย่างเช่นคันนี้



ส่วน Pala-Chan ของ Toshiba นี่ไม่เกี่ยว เห็นแล้วนึกถึง เลยเอามาแปะไว้เฉยๆ



หลังจากนั้น Buckminster ก็ดวงเิปิด ในปี 1948 เขาได้ศึกษา Jitterbug Transformation ซึ่งต่อมากลายเป็น Geodesic Dome อันโด่งดัง ได้รับการแสดงใน Museum of Modern Art ที่ New York รวมทั้ง US Pavilion ในงาน Expo ปี 1967 ที่ Montreal ก็ยังสร้างเป็น Geodesic Dome ด้วย







ฺีBuckminster Fuller ผู้เป็นทั้งศิลปิน นักออกแบบ วิศวกร นักเขียน นักคณิตศาสตร์ และ นักประดิษฐ์ ท่านนี้เสียชีวิตไปเมื่อปี 1983 ผลงานของเขายังได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอ รวมทั้งมีสถาบันที่ยังคงให้ความสำคัญและทำงานเพื่อ Humanity อยู่ ที่นี่ (ตอนนี้กำลังมีงานประกวดผลงานปี 2010 อยู่ด้วย) - ภาพจาก Buckminster Fuller Institute และ designmuseum.org



น่าเสียดายที่รายการสารคดีโทรทัศน์ Modern Marvel นำผลงานของเขาไปไว้ในเรื่อง สิ่งประดิษฐ์ที่ล้มเหลว (Failed Invention) ซะนี่




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
0 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 14:09:22 น.
Counter : 3185 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Kalaman
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Think Thinker Thinkest
Friends' blogs
[Add Kalaman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.