|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
Matra Simca Bagheera - กับพวกสองไม่พอ ต้องสาม
(ผมคิดเอาเองว่า) ความแตกต่างอย่างหนึ่งของ นักประดิษฐ์ กับ บุคคลอื่นๆคือ นักประดิษฐ์รู้ตัวว่ากำลังค้นหา "คำถาม" ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่า นักประดิษฐ์นั้นหมกมุ่นในการค้นหา "คำตอบ"
อุตสาหกรรมรถยนต์ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อยุโรปแน่ใจว่า คงหยุดรบกันไปอีกนาน รูปแบบรถยนต์แปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์เพื่อการใช้งานพื้นฐาน ขยับขอบเขตเป็นการใช้งานเพื่อการท่องเที่ยว ความสะดวกสบาย และในที่สุด ก็เพื่อปรนเปรอความต้องการทางใจ และความรู้สึกของบุคคลในระดับ Self Esteem
รถ Sport เกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากระดับแพงระยับสำหรับเศรษฐีกลุ่มน้อย จนเมื่อยอดขายเริ่มเป็นตัวกำหนดความรุ่งเรือง ตลาดจึงขยายตัวลามมาถึงชนชั้นกลาง ที่อยากรู้สึกถึงอัตราเร่งแบบหลังติดเบาะกับเขาบ้าง และแน่นอน รถ Sport ไม่ควรจะเป็นรถคันเดียวที่คุณมี แต่เมื่อตลาดขยายมาถึงคนทั่วไป รถ Sport กลายเป็นรถยนต์คันเดียวของใครหลายคน เป็นรถที่ต้องขับทุกวัน ทั้งเพื่อความมันและใช้งานประจำวัน
นักประดิษฐ์จึงค้นหาคำถามว่า "รถอะไรเหมาะกับคนเหล่านี้" คำตอบก็คือ รถ Sport แบบนั่งได้มากกว่าสองคนไง Matra Simca Bagheera คือ หนึ่งในรถยนต์เหล่านั้น
"เหล่านั้น ?" ใช่แล้ว มันมีมากกว่าเพียงแค่รุ่นนี้ และมีมานานแล้วด้วย
รุ่นแรกๆเลย คือ Lamborghini 350GT ในปี 1964
กระจกหลังที่โค้งและเรียวแคบ ทำให้ด้านหลังมีพื้นที่เหนือหัวพอที่จะนั่งได้เฉพาะตรงกลางเท่านั้น และนั่นพอสำหรับคนเดียว จึงทำให้ 350GT เป็นรถแบบ 2+1
คนนั่งคงนั่งลำบากน่าดู ทำให้ 350GT ถูกผลิตออกมาเพียง 120 คัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็น 400 GT ซึ่งเป็นแบบ 2+2 เหมือนรถยนต์ทั่วไป
ตามมาด้วย Ferrari 365P ในปี 1965 รถทรงสวย
ที่นั่งได้สามคนเรียงหน้ากระดาน คนขับอยู่กลาง
และ Bizzarini Manta ปี 1968 รถต้นแบบจุสามคนเรียงหน้ากระดาน ข้างในโล่งโจ้ง จาก Italdesign โดย Giugiaro
แล้วก็มาถึงทีของกลุ่ม Matra ที่ร่วมมือกับ Simca (ตอนนั้นสังกัดอยู่กับ Chrysler) ออกรุ่น Bagheera (เสือดำ) ขึ้นมาในปี 1974 เพื่อคนทั่วไปที่อยากมีรถ Sport
นับว่าเป็นรถที่ทำการบ้านมาได้ดีมาก รถยนต์สองประตูรูปทรงโฉบเฉี่ยว ออกแบบโดย Antonis Volanis นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวกรีก (คนนี้ต่อมา คือคนที่ออกแบบ Renault Espace รุ่นแรก)
ไฟหน้า Pop-Up เครื่องยนต์ขนาดเล็กความจุเพียง 1,300 - 1,500 cc. วางกลางลำ (อยู่หลังเบาะนั่ง) แถมมีที่เหลือสำหรับบรรทุกของได้อีกด้วย ภายในตกแต่งทันสมัย นี่มันสเปคในฝันชัดๆ
เบาะนั่ง พวงมาลัย และการตกแต่งภายใน ให้บรรยากาศของยานอวกาศ
โปรดสังเกตที่หมุนกระจก(มือหมุนนะครับ) วงแหวนสีเหลืองที่บานประตูนั้น ออกแบบได้เข้าท่ามากๆ
Bagheera ผลิตออกมา 47,000 คัน ก่อนจะเปลี่ยนรุ่นเป็น Murena (มันแปลว่า ปลาไหลทะเล !?) ที่ยังคงเป็นรถแนวสามที่นั่งไว้อย่างเดิม
แมัเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานให้มากขึ้น แต่กลับไม่ได้รับความนิยมเท่า Bagheera จึงผลิดอยู่เพียง 3 ปีก็เลิกกันไป
แนวคิดสามที่นั่งไม่ได้หายไปไหน Fiat เคยผลิตรถ 6 ที่นั่ง Multipla 600 รุ่นแรกในปี 1960 มันเป็นรถหน้าตาเหมือนก้อนขนมปัง แบบนี้
ปี 1998 Fiat ผลิดรุ่น Multipla ออกมาใหม่ โดยมีหน้าตาแบบนี้
ยังคง 6 ที่นั่งเหมือนเดิม เพียงแต่กลับมาคราวนี้ แทนที่จะเป็น 2 ที่นั่งสามแถว กลับกลายเป็น 3 ที่นั่งสองแถว รุ่นนี้มีทั้งคนรักและคน(หาว่าน่า)เกลียด (ปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว)
ที่นั่งหน้ากระดานเรียงสาม ยังคงมีมนต์ขลังที่ท้าทายนักออกแบบ และนักประดิษฐ์อยู่ไม่เสื่อมคลาย
Honda เองก็มี FRV ในปี 2004
MBR ก็มีรถ Supercar เครื่อง 650 แรงม้า 0-100 ใน 3.2 วินาที และพาคุณไปได้เร็วสุดถึง 365 กม/ชม. ราคาเพียง 400,000 ปอนด์
เช่นเดียวกับ F1 McLaren ก็สามที่นั่งเหมือนกัน
Volvo ก็เคยครับ รุ่น 3CC แต่ไม่ได้ผลิต ท้ายมันเรียวจัง
Peugeot Stylight ท้ายแหลมเรียวกว่าอีก เหมือนแมลงเลย
Hyundai HCD มาแปลกไม่เรียงสาม ที่นั่งหลังนั่งเอียงหันหน้าเฉียงออกหน้าต่างด้านข้าง (เตรียมถุงสำหรับคนเมารถไว้ได้เลย)
Italdesign ก็ยังส่ง Quaranta ทายาทของ Bazzarini ตามมาในปี 2008
ที่ใช้เครื่องแบบ Hybrid ของ Toyota Volta คันข้างล่างนี้
และอีกสามปี (2014) คอยพบกับ Smart for Three ครับ มันคงดูดี แต่ไม่รู้หน้าตาจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ยังเป็นอย่างนี้อยู่เลย
รถสามที่นั่ง แบบหน้ากระดานเรียงสาม ที่มีคนขับอยู่ตรงกลาง คงมีส่วนช่วยลดข้อขัดแย้งในโลกได้มากมาย เพราะจะได้ไม่รถพวงมาลัยซ้ายหรือขวาอีกต่อไป ขับแล้วจะดีหรือไม่ ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ดูแล้วมันคงไม่เหมาะกับพวกชอบขับรถเปิดกระจกสูบบุหรี่ แบบว่าพาดแขนไม่ถึงขอบและปาก้นบุหรี่ทิ้งยาก
แล้วก็ยังไม่เหมาะกับพวกชอบเอาข้อศอกพาดขอบกระจกแล้วเท้าคางขับ แถมเวลารับบัตรจากป้อมยามต้องเอื้อมสุดแขน มันเมื่อยจั๊กกะแร้มากๆเลย
Create Date : 16 เมษายน 2554 |
Last Update : 17 เมษายน 2554 21:57:34 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3279 Pageviews. |
|
|
|
โดย: xmk (ponglds ) วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:9:45:59 น. |
|
|
|
โดย: vq7internet (ponglds ) วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:20:17:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|