Isetta - Bubble Car หน้าปลาทอง

Microcar หรือ Bubble Car คือรถขนาดเล็กจิ๋วซึ่งเป็นที่นิยมกันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากความต้องการในตอนนั้น คือ การมีรถเล็กๆ ประหยัดน้ำมัน (เพราะเพิ่งรบกันบรรลัยไปหมดประเทศแล้ว) เพื่อใช้งานส่วนบุคคลในระยะการเดินทางที่ไม่ไกลนัก ความบันเทิงในการขับขี่ยังไม่ใช่วัตถุประสงค์ และการประลองความเร็วยังถูกจำกัดอยู่เฉพาะในสนามแข่งเท่านั้น



ถ้ามองแบบง่ายๆว่ารถคันหนึ่งเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมสักใบ กล่องนึงจะมีด้านทั้งหมด 6 ด้าน และด้านใดด้านหนึ่งจะต้องถูกใช้เป็นฝากล่องหรือประตูรถ แน่นอนว่าด้านล่างที่ติดพื้นถนนคงใช้เป็นทางเข้าออกไม่ได้ ส่วนที่เหลืออีก 5 ด้าน มีคนนำไปใช้เป็นประตูหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ด้านหน้าอย่างเจ้า Isetta เนี่ย (ภาพจากวิกิพีเดีย)



Isetta เป็นภาษาอิตาลีแปลว่า Little ISO มันกำเนิดขึ้นในโรงงานผลิตตู้เย็น และ รถสกูตเตอร์ ที่ชื่อว่า ISO SpA ที่เมืองมิลาน ในปี 1952 ได้พลังจากเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ ขนาด 236 cc ทำความเร็วจาก 0-50 กม./ชม. ได้ในเวลา 30 วินาที ไม่มีข้อมูลอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม. เพราะมันวิ่งเร็วสุดได้เพียง 75 กม./ชม.



ดูเผินๆราวกับว่า Isetta เป็นรถ 3 ล้อ แต่ที่จริงมันเป็นรถ 4 ล้อ เพียงแต่ล้อคู่หลังอยู่ชิดกัน เพื่อประคองให้รถทรงตัวได้ และไม่ให้ล้อซ้ายและขวาหมุนเร็วต่างกันมากนักเวลาเข้าโค้ง เครื่องยนต์จะถูกติดตั้งไว้ด้านท้ายรถ ต่ออยู่กับเพลาหลังด้วยโซ่ มีที่นั่งเพียงแถวเดียว ซึ่งนั่งได้ 2 คน และที่สำคัญ Isetta เลือกใช้เป็นด้านหน้ารถเป็นประตูเข้าออก ทำให้ Isetta กลายเป็นรถประตูเดียว แต่เป็นประตูบานใหญ่เบ้อเริ่ม และนั่นทำให้พวงมาลัยจะกีดขวางเวลาเข้าหรือออกจากรถ (ภาพ //www.microcarmuseum.com)



วิธีแก้ไขคือ เอาพวงมาลัยไปแปะติดไว้กับบานประตูหน้า และทำบานพับประตูอยู่ด้านเดียวกับด้านที่มีพวงมาลัย เวลาเปิดประตูพวงมาลัยจะถูกยกหลบไปพร้อมกับประตู และ แกนพวงมาลัยที่พับเป็น 3 ท่อน จะบิดตัวไปตามมุมการเปิดประตูบานหน้าตลอดเวลา (งงมั๊ย ถ้างงดูรูป) เวลาเกิดเหตุสุดวิสัยเช่นไปชนท้ายใครเข้า เขาออกแบบให้หลังคาเป็นผ้าใบเปิดปิด ให้ออกทางหลังคาได้อีกทางหนึ่ง



Isetta เป็นรถ No-Option นั่นคือนอกจากวิ่งได้แล้ว มันไม่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดเลย แต่หลังจากถูกนำออกแสดงในงาน Turin Motor Show ในปี 1953 แล้ว เจ้ารถจิ๋วหน้าตาน่ารักเหมือนปลาทองที่ยาวเพียง 2.30 เมตรนี้ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มันถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตในหลายประเทศ และภายใต้ชื่อหลายชื่อ เช่น โดย Valem ในฝรั่งเศส โดย Romi ในบราซิล และ โดย BMW ในเยอรมัน




นอกจากแบบเก๋งแล้ว Isetta ยังมีรุ่นที่ดัดแปลงเป็นรถบรรทุกด้วย ใช้ชื่อว่า Isetta Autocarro



BMW Isetta มีตั้งแต่รุ่น 250 ที่ใช้เครื่องยนต์ที่ยกมาจากมอเตอร์ไซค์ BMW R-25 ไปจนรุ่นใหญ่ขึ้นอย่าง BMW Isetta 300 และรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง Isetta 600 ที่ขยายฐานล้อหลังให้กว้างเท่าล้อหน้า กลายเป็นรถ 2 ตอน 4 ที่นั่งอย่างแท้จริง แถมยังใจดีมีประตูอีก 1 บานให้คนด้านหลังได้ขึ้นลง



Isetta ในชื่อ BMW เป็น Version ที่แพร่หลายมากที่สุด ระหว่างปี 1955 - 1962 มีรถถูกผลิตกว่า 160,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นรุ่น 600 ประมาณ 35,000 คัน ก่อนจะแผ่วลงเนื่องจากความต้องการรถที่เปลี่ยนไป และการมาของรถประชาชนอย่าง Volkswagen





ปัจจุบันมีนักสะสมนำซากรถ Isetta มาทำใหม่เป็นงานอดิเรกราคาแพงอยู่หลายแห่ง ใครชอบแต่ไม่สะดวกก็สามารถหา Model รถจำลองมาชื่นชมได้ Isetta 250 จำลองถูกผลิตออกมามากมายหลายรูปแบบ คันเหลืองพร้อมรถพ่วงนั่นเป็นของ Revell (1:18) เพิ่งวางขายเมื่อปี 2008 ยังพอหาได้อยู่ ส่วนรุ่น 600 นั่นเป็นของ Autoart ขนาด 1:18 เหมือนกัน



นอกจากนี้ยังมี ขนาด 1:12 ของ Sunstar ด้วย (ภาพ //www.carmodel.net/)



ปี 2010 นี้ BMW ได้คิดจะชุบชีวิต Isetta กลับมาใหม่ โดยยังคงการวางเครื่องยนต์ไว้ท้ายรถเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ประตูเจ้าเสน่ห์ที่เคยอยู่ด้านหน้า ได้ย้ายไปอยู่ด้านข้างแทน แบบนี้คุณผู้หญิงคงสบายใจขึ้น เพราะประตูที่อยู่ด้านหน้านอกจากจะทุลักทุเลตอนเปิดปิดแล้ว การใส่กระโปรงขับรถรุ่นก็ไม่งามด้วยประการทั้งปวง เพราะ Isetta อาจกลายเป็นรถหวอได้ทุกเมื่อ (...ขออภัย รถหวอไม่สามารถนำภาพประกอบมาลงได้)

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2553		1 comments
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2553 22:05:54 น.
Counter : 5996 Pageviews.
Share Tweet