ตอนที่ 10 มาสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์แล้วแวะเข้าศูนย์ศิลปวัฒณธรรมเชียงใหม่
เข้าสู่ตอนที่ 10 ของการมาทำบุญก่อนวันเกิด เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2555 หลังจากที่ไปทำบุญที่วัดลอยเคราะห์เสร็จแล้ว คุณนายอุ้มก็โบกรถตุ๊กตุ๊กมาสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ค่ะ เพราะอุ้มศรัทธาใน 3 พระองค์ท่านค่ะ พญามังราย พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตั้งอยู่ที่ ถ.พระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ใกล้กับวัดอินทขีลสะดือเมือง ซึ่งเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งการระลึกถึงการสร้างเมืองเชียงใหม่ของ พญามังราย และพระสหายทั้งสอง คือ พญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา และ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) เจ้าเมืองสุโขทัย เมื่อครั้งพระองค์ทรงย้ายเมืองจากเวียงกุมกามมาสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นด้วยเพราะเห็นเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมและดีกว่า พระยามังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างที่ประทับชั่วคราวขึ้นบริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน และได้ร่วมกับพระสหายทั้งสองสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1839 จนแล้วเสร็จในปีเดียวกัน และขนานนามเมืองที่สร้างขึ้นใหม่นี้ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์พระบรมราชานุสาวรีย์หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง โดยมีความสูง 2.70 เมตร ออกแบบและทำการปั้นหล่อโดยอาจารย์ ไข่มุกด์ ชูโต พระบรมรูปประกอบด้วย พญามังรายประทับกลางเป็นประธาน พญาร่วงประทับอยู่เบื้องซ้าย พญางำเมืองประทับอยู่เบื้องขวา ชาวเชียงใหม่มีคำล้อเลียนพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ว่า โอวาแป๊ะ ซึ่งหมายถึงการโอน้อยออก เนื่องจากกริยาลักษณะของพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง 3 พระองค์นั้นเสมือนทั้งสาวมพระองค์กำลังละเล่นโอน้อยออกค่ะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯตั้งอยู่กลางเวียงเชียงใหม่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศาลากลางเก่าจังหวัดเชียงใหม่ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าติดกับถนนพระปกเกล้า ซึ่งบริเวณนี้เองถือเป็นศูนย์กลางของตัวเมืองเชียงใหม่ หน้าอนุสาวรีย์มีลานกว้างขนาดใหญ่เรียกว่า "ข่วงสามกษัตริย์" หรือ "ข่วงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์"ว่าแล้วก็ไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนจากป้าที่ข้างๆ ทางซ้ายมือของอนุสาวรีย์ฯ มาสักการะทั้ง 3 พระองค์ แต่อุ้มไม่ได้ขออะไรเลยค่ะมาไหว้เฉยๆ จากนั้นมองดูนาฬิกาเพิ่งจะ 11 .00 น. เวลาคุณนายอุ้มไปที่ไหนไม่พลาดที่จะชมประวัติที่มาของจังหวัดนั้นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อดูเวลาแล้วยังมีเวลาครึ่งชั่วโมงแน่ะจึงเลือกที่จะเข้าไปชมด้านในค่ะสำหรับศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่แห่งนี้ เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมอันงดงามสร้างเมื่อ พ.ศ. 2467 เคยใช้เป็นหอคำ ศาลาว่าการรัฐบาลมณฑลพายัพ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อาคารตั้งอยู่บริเวณสะดือเมืองในอดีตซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองมาก่อน ก่อนที่จะย้ายไปไว้ที่วัดเจดีย์หลวง เดิมเป็นมรดกตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าการวิโรรสสุริยวงศ์ ถึงเจ้าเทพไกรสรพระธิดา ซึ่งเสกสมรสกับเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่คนที่ 7 ผู้ใช้หอคำซึ่งอยู่ในบริเวณคุ้มกลางเวียงเป็นศูนย์กลางการบริหารนครเชียงใหม่ เมื่อเจ้าอิทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัยจึงตกเป็นของเจ้าดารารัศมี พระธิดา ต่อมาเมื่อจัดการปฏิรูปการปกครองตามระบบเทศาภิบาล เจ้าดารารัศมีจึงใช้คุ้มกลางเวียงแห่งนี้เป็นศาลารัฐบาลหรือที่ทำการรัฐบาล ต่อมาเมื่อจังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มใช้ศาลากลางหลังใหม่ในปี 2539 อาคารหลังนี้จึงถูกทิ้งร้าง ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2540 เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ขอปรับปรุงอาคารเพื่อใช้เป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี 2542 ประเภทที่ทำการอาคารสาธารณะจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระราชูปถัมภ์ด้านข้างของศูนย์ศิลปวัฒนธรรมฯ ค่ะหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ จึงได้บังเกิดขึ้นเพื่อให้ได้ทราบถึงคุณค่าของประวัติศาสตร์ความเป็นมา และรับรู้ถึงรากเหง้าของชาวเชียงใหม่ ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนและบ้านเมือง ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและประเพณีล้านนาที่เป็นความภาคภูมิใจและก่อเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีให้คง อีกทั้งจะเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ในเขตเมืองเก่าให้ได้เป็นแหล่งเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจในความเป็นมาของนครเชียงใหม่ตลอดจนผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายในหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ได้จัดแบ่งพื้นที่อาคารด้านหน้าเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวร อาคารด้านหลังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม นิทรรศการหมุนเวียน ห้องจำหน่ายของที่ระลึก ห้องนิทรรศการศิลปกรรมล้านนา ห้องสารสนเทศ และห้องภัณฑารักษ์ ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 20.-บาท ไม่รู้ชาวต่างประเทศเท่าไหร่ไม่ทราบค่ะ ว่าแล้วตามอุ้มเข้ามาชมเน๊าะภาพบรรยากาศด้านขวามือของเค้าเตอร์ด้านหน้าที่เมื่อเดินเข้ามาซื้อบัตรเข้าชมค่ะ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ชนะการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 6 ประจำปี 2549 ( The 6th Thailand Tourism Awards 2006 ) ที่จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ได้เข้าร่วมการประกวดเป็นปีแรก และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมของภาคเหนือประเภทแหล่งท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2549 และยังได้รับรางวัล ASEANTA Excellence Awards 2007 ครั้งที่ 21 ประเภท Bast ASEAN Cultural Preservation Effort ที่จัดโดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Association - ASEANTA)เมื่อซื้อบัตรเข้าชมที่โต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วเดินเข้าด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องนั่งชม VTR 12 นาทีค่ะ เนื่องจากมีอุ้มดูอยู่คนเดียวก็เลยเดินถ่ายภาพของที่วางให้ชมในตู้ หูก็ฟังประวัติความเป็นมาของจังหวัดเชียงใหม่เป็นตู้วางของเก่าให้ชมทั้ง 4 มุมของห้อง VTR เป็นของเก่าที่มีให้ชมค่ะสวยค่ะ อยากให้คนไทยเข้ามาชมเยอะๆ เพราะขนาดวันที่อุ้มเข้าไปชม เป็นคนไทยคนเดียวเลยค่ะนอกนั้นมีชาวต่างประเทศเมื่อชม VTR เสร็จแล้วจากนั้นก็ไปชมห้องต่อไปค่ะ เรื่องของเรื่องแทปเล็ทจะถ่ายภาพให้ห้องที่แสงจ้าๆ ไม่ค่อยสวยค่ะแทปเล็ทภาพไม่ค่อยสวยก็เลยลงเท่าที่ดูได้เท่านี้ค่ะ แต่ส่วนที่อุ้มชอบก็จะเป็นภาพวิถีชีวิตชาวบ้าน จำลองบ้านพักอาศัย อาชีพทำกิน แต่ที่ชอบที่สุดอยู่ชั้น 2 ก็คือห้องสมุด แล้วก็ห้องสาธิตการจักสาน จะมีแม่อุ้ย 2 ท่านมานั่งทำให้เห็นจะจะเลยค่ะ แล้วก่อนที่จะเดินลงมาก็มีร้านขายของที่ระลึกแหล่มเลยค่ะ แล้วก็มีให้แสดงความคิดเห็น ก่อนเดินลงบันไดลงมาก็หย่อนใส่ตู้แสดงความคิดเห็นค่ะ แหล่มค่ะแหล่มขอขอบคุณ BG : คุณยายเก๋า ชมพร banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat เพลง : ก่อนเที่ยงคืน : จรัล มโนเพ็ชร โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ดุ๊กดิ๊ก : คุณยายชมพร & คุณญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
Create Date : 13 ตุลาคม 2555
62 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 12:23:18 น.
Counter : 5065 Pageviews.