เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2557 ได้มาสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระราชวังเดิม กองทัพเรือ กทม.
เมื่อทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่า ในวันที่ 27-28 ธันวาคม 2557 กองทัพเรือ และ มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม จะเปิดให้ประชาชนสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบรมราชานุสาวรีย์รวมถึงเข้าชมพระราชวังเดิมกรุงธนบุรี เป็นกรณีพิเศษ เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งแต่ 08.00 - 16.00 น.ด้วยความที่อุ้มศรัทธาในพระเจ้าตากสินมหาราชมาก มีหรือจะพลาด เมื่อกองทัพเรือมีประกาศให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาสักการะพระองค์ท่านได้ถึงเขตหวงห้าม ว่าแล้วโทรนัดให้พี่อ้อ-มาแตะมือดูแลคุณพ่อแทนอุ้ม อุ้มก็นั่งรถเมล์สาย 12 มาลงที่ผ่านฟ้าแล้วต่อด้วยสาย 47 มาลงที่ท่าเตียน ลงเรือข้ามฟากคนละ 3 บาท ข้ามมายังท่าน้ำวัดอรุณฯ แล้วเดินมายังกองทัพเรือ นับเป็นบุญอันยิ่งใหญ่มากในช่วงส่งท้ายปีเก่า พ.ศ.2557 ของอุ้มเลยที่ได้มาที่นี่ค่ะกองทัพเรือ : ตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม. 10600 โทรศัพท์ : 0-2475-4117, 0-2472-7291 โทรสาร : 0-2466-9355 อีเมล : info@wangdermpalace.org เว็บไซต์ : //www.wangdermpalace.org เวลาทำการในเวลาราชการ : ทุกวัน จันทร์-ศุกร์ : เวลา 09.00-16.30 น. เปิดให้เยี่ยมชม : แต่ต้องมีหนังสือขออนุญาตเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะผ่านทางกองทัพเรือ ยื่นหนังสือที่สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือพระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในเขตที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังนี้เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญด้วยค่ะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการเมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีเดิมพระราชวังแห่งนี้ มีอาณาเขตตั้งแต่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ขึ้นมาจนถึงคลองเหนือวัดอรุณราชวราราม (คลองนครบาล) โดยรวมวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) เข้าไปในเขตพระราชวังค่ะต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์ท่านได้ย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนครและสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับ พระราชวังกรุงธนบุรีจึงได้ชื่อว่า "พระราชวังเดิม" ตั้งแต่บัดนั้นค่ะสถานที่สำคัญบริเวณพระราชวังเดิม ก็คือ อาคารท้องพระโรง อาคารพระตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่-หลังเล็ก อาคารเรือนเขียว อาคารตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และศาลศีรษะปลาวาฬ อุ้มไปชมมาหมดเลยค่ะ นับเป็นมงคลในชีวิตสูงสุดเลยค่ะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระยาตากในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2310 รัชสมัยพระที่นั่งสุริยาอมรินทร์ เห็นว่าเหลือกำลังจะต้านทานกองทัพพม่าได้ พระเจ้าตากฯ จึงนำกำลังตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมา กรุงศรีอยุธยาก็ล่มสลายถูกพม่าตีแตก...บ้านเมืองถูกเผาทำลายพินาศ พระองค์ทรงนำกำลังกอบกู้อิสระภาพ ขับไล่พม่า ปราบปรามหัวเมืองต่างๆ และสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวแห่งกรุงธนบุรีพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ออกรบ ต่อสู้ขับไล่ข้าศึกและกอบกู้บ้านเมือง ทรงทำสงครามเกือบตลอดพระชนม์ชีพจนถึง พ.ศ.2325 ไม่มีเวลาที่จะทรงพระเกษมสำราญ แม้พระราชวังที่ประทับก็มิได้จัดสร้างอย่างใหญ่โตกลับเป็นพระราชวังที่เรียบง่ายแต่สวยงาม บัดนี้พระราชวังของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้กลายเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ กษัตริย์นักรบผู้อุทิศพระชนชีพกอบกู้ประเทศไทย ทรงมีพระราชวังที่เรียบง่าย ควรที่อนุชนจะได้ศึกษาหาความรู้ ณ พระราชวังเดิมนี่คือ ปีนใหญ่หน้าอาคารตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำหนักหลังนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้น เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ และประทับที่พระราชวังเดิมในระหว่างปี พ.ศ.2367 - 2394 แต่หลังจากที่พระองค์ทรงได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษก ได้ทรงย้ายไปประทับ ณ พระบวรราชวังจึงได้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ตัวอาคารมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก หรือเรียกว่าตึกแบบอเมริกัน และถือได้ว่าเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงค์ชั้นสูง ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกหลังแรกๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เลยค่ะ อเมซิ่งสุดสุดเลยค่ะด้วยเพราะว่า ณ พระราชวังเดิมแห่งนี้ ได้เคยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2330 วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 และวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 ตามลำดับ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรและประทับอยู่ที่พระราชวังดิมแห่งนี้ค่ะทุกพระตำหนักห้ามถ่ายภาพค่ะพอดีอุ้มถ่ายได้แค่ด้านนอกแล้วก็เก็บกล้องมือถือภายหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชวังเดิม ให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนนายเรือ ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2443 โดยทรงขอให้รักษาซ่อมแซมของที่ปลูกสร้างที่มีมาแต่เดิม ได้แก่ ท้องพระโรง พระตำหนักของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และศาลศีรษะปลาวาฬอาคารท้องพระโรงเป็นอาคารทรงไทย ผังอาคารรูปตรีมุข วัสดุมุงหลังคาเป็นกระเบื้องดินเผาสีส้มชนิดหางเหลี่ยงไม่เคลือบสี ด้านจั่วประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์และนาคสะดุ้ง สร้างขึ้นในราวปีพ.ศ. 2310 พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี อาคารท้องพระโรงประกอบด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกันพระที่นั่งองค์ทิศเหนือเรียกว่าท้องพระโรงอยู่ทางทิศเหนือใช้เป็นที่ออกขุนนาง ตรงกลางแต่เดิมมีเสาไม้กลมสองแถวๆ ละ 8 ต้น เรียกว่า ในประธาน เป็นที่รอรับเสด็จของขุนนางขณะเข้าเฝ้าทางทิศใต้ยกพื้นสูงเรียกว่า มุขเด็จ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ขณะเด็จออกว่าราชการพระที่นั่งองค์ทิศใต้ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งองค์แรก เรียกกันว่า พระที่นั่งขวาง เป็นส่วนพระราชมณเฑียร หรือพระราชฐานชั้นกลางอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ได้เข้าไปชมทั้งสององค์เลยค่ะ แต่ห้ามถ่ายภาพ ไปเห็นกับตามาคุ้มค่ากับการเยี่ยมชมมากสวยมาก อุ้มยังจำภาพทุกภาพภายในท้องพระโรงได้เลยค่ะ อุ้มชอบภาพงาช้างคู่ใหญ่ยาวมาก ยืนมองดูด้วยความชื่นชม สมแล้วกับที่ได้รับรางวัลจากองค์ยูเนสโก ประเภทอนุรักษ์โบราณสถานดีเด่น อีก 9 เดือนอย่าพลาดเด็ดขาด ย้ำเลยจดลงปฏิทินเลยค่ะ 28 ธันวาคม 2558กองทัพเรือในสมัยเมื่อยังมีฐานะเป็นกรมทหารเรือ ได้ซ่อมแซมดัดแปลงและต่อเติมตำหนักและเรือนพักเป็นกองบังคับการโรงเรียนนายเรือ อาคารเรียนและอาคารนอนของนักเรียนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 ซึ่งในเวลาต่อมากองทัพเรือได้กำหนดวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันกองทัพเรือและได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาไว้ในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือดังนี้ "วันที่ 20 พฤศจิกายน รศ 125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้มีความปลื้มใจซึ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า"สามสิ่งที่ต้องมาชมที่พระราชวังเดิมนอกจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว ก็คือโคมไฟ แล้วก็ระฆังจีนตัวนี้เลยค่ะ ระฆังจีนตัวนี้อยู่ที่ท้องพระโรงชั้นนอกมีคำจารึกเป็นภาษาจีนอยู่ที่ตัวระฆังค่ะณ ภายในท้องพระโรงแห่งนี้ กองทัพเรือได้นำของที่ระลึกที่ควรค่าต่อการสะสม นำมาให้เช่าบูชาด้วยค่ะไฮไลต์ของพระราชวังเดิมอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นอาคารทรงไทยที่มีการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกในบางส่วน หลังคาอาคารเป็นทรงไทยมีมุขลดสามด้าน มุงด้วยกระเบื้องดินเผาสีส้มอมเหลือง หน้าจั่วประดับด้วยช่อฟ้า, ใบระกา หางหงส์ และนาคสะดุ้ง ทำด้วยไม้สักทาสีแดง ผนังหน้าบันเป็นฝาก่ออิฐฉาบปูนเรียบไม่ปรากฎลวดลายตกแต่งศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของอาคารเก๋งคู่ และตั้งประชิดกำแพงพระราชวังทางด้านทิศตะวันออก สร้างขึ้นสมัยราชกาลที่ 5 เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม ระหว่างปีพ.ศ. 2424-2443 โดยได้มีพระดำริให้สร้างศาลหลังปัจจุบันขึ้นแทนศาลหลังเดิมที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ทั้งนี้ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าศาลหลังที่มีมาแต่เดิมนั้น สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างใดตัวอาคารยกพื้นสูงมีใต้ถุนด้านล่าง จากหลักฐานการสำรวจทางสถาปัตยกรรมและโบราณคดี เมื่อปีพ.ศ. 2540 พบว่า ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ หลังปัจจุบันสร้างซ้อนทับลงบนฐานของอาคารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นศาลหลังเดิมถึงมาคนเดียวแต่ภาพเดี่ยวอุ้มเยอะมาก ถ่ายเยอะไว้ก่อนแล้วค่อยมาคัดภาพคมชัดดีที่สุดทีหลัง บอกแล้วว่าที่ใดมีนักท่องเที่ยวเยอะที่นั่นก็จะมีภาพเดี่ยวอุ้มเยอะตามไปด้วย ขอบคุณช่างภาพทุกท่านด้วยนะคะกรุงธนบุรีเป็นราชธานีเพียง 15 ปี หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคตภายในศาลประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชประทับยืน และทรงพระแสงดาบขนาดประมาณเท่าครึ่งของพระองค์จริงคาถาสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช สวด นโม 3 จบ แล้วกล่าวคำดังต่อไปนี้ว่า "โอมสิโน ราชาเทวะ ชะยะตุภะวัง สัพพะศัตรูวินาสสันติ" แล้วถวายเครื่องสักการะแล้วพูดต่อด้วยคำว่า "โอมสิโน ราชาเทวะ นะมามิหัง"วันที่ไปอุ้มคือวันที่ 28 ธันวาคม 2557 เมื่อเวลา 10.00 น. มีประชาชนได้อุ้มเด็กชายยืนถ่ายภาพคู่กับดาบพระองค์ท่าน แล้วน้องเขาโหนดาบ ทำให้ดาบหักหล่นลงมาที่พระบาทพระเจ้าตากสินมหาราชฯ เลยค่ะ ว่าแล้วก็ตามเจ้าหน้าที่กองทัพเรือมาดู... ไม่รู้ว่าป่านนี้คงบูรณะซ่อมแซมให้พระองค์ท่านถือดาบเรียบร้อยแล้วนะคะ ไว้วันที่ 28 ธันวาคม 2558 อีก 9 เดือนข้างหน้าค่อยไปถ่ายภาพมาให้ดูใหม่ค่ะเขาบอกกันมาว่าเป็นความเชื่อของเหล่าข้าราชการและผู้ที่ใส่เครื่องแบบต่างๆ กันว่า หากต้องการประสงค์จะเข้ารับราชการเป็นทหาร ให้มาสักการะพระองค์ท่าน จะได้เป็นข้าราชการสมใจ ส่วนท่านที่ได้เป็นข้าราชการประสงค์จะเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง มาสักการะขอกับพระองค์ท่าน ก็จะได้ดั่งสมประสงค์เขาบอกมาอุ้มก็บอกต่อไปค่ะ พอดีอุ้มยืนได้มุมเลยยิงภาพนี้มา เป็นภาพสวยมากค่ะ เขาเป็นต้นแบบให้ผู้ที่มาถ่ายภาพทีหลังต้องทำตามถ่ายภาพตามเลยค่ะ ป่านนี้ท่านคงเลื่อนยศแน่แน่อุ้มทำท่าไหว้พระองค์ท่านแต่ช่างภาพส่วนตัว(ใครก็ไม่รู้) ถ่ายภาพไม่ได้ดังใจสักภาพ ไหว้เสร็จถึงได้ถ่ายภาพก็เลยได้ภาพออกมาดังนี้ แต่ขนลุกมากเลยค่ะที่ได้มาสักการะมาสัมผัสพระองค์ท่าน เป็นมงคลชีวิตเลยค่ะศาลศีรษะปลาวาฬ ในระหว่างการขุดสำรวจครั้งล่าสุดได้พบฐานอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ติดกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและตำหนักเก๋งคู่หลังเล็ก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางเอกสารประกอบแล้วสันนิษฐานว่า เป็นซากของอาคารศาลศีรษะปลาวาฬเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อนรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้พังลงในคืนวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2443เป็นคืนที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีกรมพระจักรพรรดิพงศ์สิ้นพระชนม์ รูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารหลังเดิมตามที่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นอาคารโถงแบบจีนส่วนศาลศีรษะปลาวาฬ หลังปัจจุบันทางมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิมได้ปรึกษากับกรมศิลปากร และเห็นชอบให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2542 บนฐานของศาลหลังเดิมที่ได้ขุดพบเพื่อใช้เป็นที่ จัดแสดงกระดูกศีรษะปลาวาฬ ที่ได้พบอยู่ใต้ถุนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในคราวสำรวจพื้นที่ทางโบราณคดีในช่วงการบูรณะครั้งล่าสุดรูปแบบของอาคารหลังปัจจุบัน ประยุกต์ให้เหมาะสมกับอาคารโบราณสถานโดยรอบโดยยังคงรูปแบบเป็นเก๋งจีนอาคารตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทย-จีน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยสร้างขนานกับอาคารเก๋งคู่หลังเล็กที่อยู่ทางทิศเหนือ ลักษณะเด่นที่แตกต่างจากเก๋งคู่หลังเล็กก็คือ ส่วนหลังคาเขียนสีตกแต่งเป็นลวดลายแบบจีน แต่กรอบหน้าต่างมีการจำหลักลายประดับแบบไทย ปัจจุบันอาคารหลังนี้ใช้เป็นที่จัดแสดงภาพนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ในด้านการทำนุบำรุงบ้านเมืองในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และมีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ภาพในด้วยนะคะ เข้าไปทุกคนต่างมากราบสักการะพระองค์ท่านทั้งนั้นค่ะอาคารตำหนักเก๋งคู่หลังเล็กเป็นรูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงที่ประตูหน้าต่างเพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศภายในบ้านเรา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สมับดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดฯ ให้ซ่อมแซมและดัดแปลงในช่วง พ.ศ.2367 - 2394 พร้อมกับให้สร้างพระตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ในรูปแบบที่สอดคล้องกับอาคารหลังนี้ปัจจุบันอาคารนี้ใช้เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจทางด้านการรบ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจริงๆ อุ้มกะว่าจะจบภาพในตอนเดียว แต่ถ่ายภาพมาเยอะขนาดตัดภาพเดี่ยวอุ้มออกไปเยอะ ยังเหลืออีกเป็น 100 ภาพ ยกไปต่อเป็นตอนที่สองละกันเน๊าะ อาจจะไม่ค่อยว่างมาเดินสายเม้นท์แต่ก็คิดถึงเสมอค่ะ จะพยายามไปเม้นท์คืนนะคะขอขอบคุณข้อมูล : มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ BG : คุณตะวันสีชมพู /กรอบ : น้อง KungGuenter เพลง : ไทยควรคำนึง : สันติ ลุนเพ กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
Create Date : 20 มีนาคม 2558
Last Update : 6 เมษายน 2558 8:57:18 น.
69 comments
Counter : 5737 Pageviews.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:23:42:32 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 มีนาคม 2558 เวลา:0:14:11 น.
โดย: haiku วันที่: 21 มีนาคม 2558 เวลา:23:34:13 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:4:55:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:6:29:35 น.
โดย: multiple วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:8:09:13 น.
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:10:36:07 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:17:30:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:18:47:47 น.
โดย: ALDI วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:5:57:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:7:50:22 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:8:13:51 น.
โดย: หอมกร วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:9:02:11 น.
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:11:13:45 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:14:22:22 น.
โดย: ลั่นทมขาว วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:16:44:50 น.
โดย: ก้อนเงิน วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:20:47:00 น.
โดย: เขมอนันท์ วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:21:01:41 น.
โดย: ชีริว วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:22:59:35 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:23:26:51 น.
โดย: patthanid วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:23:54:23 น.
โดย: ปลาทอง9 วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:0:16:39 น.
โดย: moresaw วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:0:31:19 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:6:43:16 น.
โดย: wicsir วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:9:07:19 น.
โดย: mambymam วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:11:51:39 น.
โดย: ก้อนเงิน วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:11:56:48 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:14:29:08 น.
โดย: สุริยาวดี วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:14:40:05 น.
โดย: nulaw.m (คนบ้านป่า ) วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:16:03:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:16:09:05 น.
โดย: mastana วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:18:43:03 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 มีนาคม 2558 เวลา:20:34:05 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:6:41:41 น.
โดย: mambymam วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:8:32:16 น.
โดย: maistyle วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:9:24:16 น.
โดย: sunny-low วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:12:34:59 น.
โดย: mambymam วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:15:02:03 น.
โดย: sawkitty วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:17:01:11 น.
โดย: mariabamboo วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:18:34:13 น.
โดย: multiple วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:18:59:09 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มีนาคม 2558 เวลา:6:45:37 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 27 มีนาคม 2558 เวลา:7:23:27 น.
โดย: mambymam วันที่: 27 มีนาคม 2558 เวลา:7:25:43 น.
โดย: Tristy วันที่: 27 มีนาคม 2558 เวลา:9:16:05 น.
โดย: mastana วันที่: 27 มีนาคม 2558 เวลา:10:02:18 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 118 คน [? ]
ผล BlogGang Popular Award #16 จากวันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63 ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสีผล BlogGang Popular Award #15 จากวันที่ 1 ม.ค. 62 - 31 ธ.ค. 62 ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสีขอบคุณหัวใจ 266 ดวง ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.60 ขอบคุณผลโหวต BlogGang Popular Award # 12 ปี พ.ศ.2560ขอบคุณหัวใจ 499 ดวง ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.59ขอบคุณผลโหวต BlogGang Popular Award # 11 5 มีนาคม 2559กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2558 กราบขอบพระคุณทุกท่าน แปะหัวใจให้ถึง 351 ดวงปี พ.ศ. 2558 BlogGang Popular Award # 10ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตันกิจกรรมในเดือนแห่งความรัก ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะคลิกที่นี่:: Interview .. the Blogger :: ~ อุ้มสี ~ ปี พ.ศ.2557 BlogGang Popular Award # 9 ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตันปี พ.ศ.2556 BlogGang Popular Award # 8 ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
พระราชวังเดิมยังไม่เคยไปเลยครับ ชมภาพผ่านบล็อกพี่อุ้มแล้วกัน
(ปีในบล็อกพี่ 56 58 อิ อิ)
โหวตให้ครับ อุ้มสี Travel Blog ดู Blog