ตอนที่ 1 ฉันจะบิน...ไปตะลอนทำบุญก่อนวันเกิดที่เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน 3 วัดแบบฉายเดี่ยวตามสไตล์สาวโสด
| | | |
ย้อนกลับไปสู่วันที่ 18-19 กรกฎาคม 2555 ได้มีโอกาสไปจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากว่าเป็นวัลลี ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่มาร่วม 2 เดือนโดยไม่ได้พัก ก็ต้องชาร์ปแบตกันหน่อย พี่อ้อมก็เลยออกค่าเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ดอนเมือง อิอิอิ ไม่ใช่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ส่วนพี่อ้อออกเงินค่าโรงแรมที่พักและค่ากิน เจ้าน้องอุ้มเลยตื่นมาส่งค่ะพี่อ้อมถ่ายภาพให้
เดินทางออกจากบ้านตอน 07.00 น. เพราะอุ้มมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เครื่องออกในเวลา 09.15 น. บินไปเชียงใหม่ด้วยสายการบินนกแอร์ กระเป๋าเดินทางโหลดลงเครื่องบินไปแล้ว เห็นถุงหนักๆ ใหญ่ๆ เป็นของฝากให้น้องจินและน้องก๋า จากพี่อ้อมและพี่อุ้มน่ะค่ะ
เนื่องจากอยู่ในโหมดวัลลีก่อนขึ้นเครื่อง ยังปฏิบัติภารกิจจนถึงตี 3 ก็เลยยังโหยโหย เนื่องจากมีเวลาอีกตั้งชั่วโมง ก็เลยหาอะไรแพงแพงอาหารขยะ ทานรองท้องไปพลางๆ ก่อนค่ะ
แล้วเครื่องดันเลทดีเลย์ล่าช้าอีกครึ่งชั่วโมง ก็เลยมีเวลาโต๋เต๋อยู่แถวนั้นแหละ ถ่ายภาพเครื่องบินขึ้นเครื่องบินลง เดินวนไปวนมาจนเมื่อย
จริงๆ มีภาพเครื่องบินเพียบ แต่กะว่า BLOG นี้เน้นวัดดีกว่าเน๊าะ
จากนั้นเสียงจากสวรรค์บอกมาว่าเครื่องพร้อมแล้ว ก็เดินไปขึ้นเครื่องหาที่นั่งติดหน้าต่าง อ่านหนังสือที่มีให้อ่านบนเครื่องค่ะ
จากนั้นพอเครื่องขึ้นจากดอนเมือง ก็บินเข้าสู่กลุ่มเมฆฝนตลอด ตั้งแต่ดอนเมืองยันเชียงใหม่
โปรดสังเกตจากภาพเลยค่ะ มีแต่เมฆ เมฆ เมฆขาวโพนไปหมด
แถมตกหลุมอากาศเป็นระยะ...ระยะ...ระยะ โชคดีที่กัปตันนกแอร์เก่งบินฝ่าสายฝน จนมาถึงสนามบินเชียงใหม่ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
เนื่องจากวันนั้นทัศนวิสัยไม่ดี เครื่องบินที่บินมาจังหวัดเชียงใหม่ดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง กว่าจะรอรับกระเป๋าเสร็จก็ปาไป 11 โมงจะครึ่ง ทีแรกตั้งใจจะไปเช็คอินที่โรงแรมที่พักก่อน แต่เวลาเลทมากไปแล้ว ก็เลยบอกพี่คนขับรถว่าไปทำบุญวัดแรกเลยค่ะ ก็เลยมุ่งตรงไปที่วัดพระสิงห์ในบัดดล
มาถึงวัดพระสิงห์ฯ สิ่งแรกที่ทำก็คือตรงแน่วเข้าสุขาทันทีเจ้าค่ะ
โอ้แม่เจ้า...โอ้มายก๊อด ห้องน้ำที่วัดพระสิงห์ฯ สะอาดมากๆ ค่ะ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
เนื่องจากวันที่อุ้มน้อยกลอยใจเดินทางมาที่นี่ เป็นวันพระวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 มีสถานที่ราชการแห่งหนึ่งเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระเพล ผู้คนก็เลยพลุกพล่านมากเป็นพิเศษค่ะ คุณนายอุ้มจึงค่อยๆ กระดึ๊บๆ ทำเนียน แทรกเข้าไปไหว้พระ ท่ามกลางผู้คนมองว่าเป็นญาติข้างไหน อิอิอิ
ชอบราวบันไดนาคที่วัดพระสิงห์มากค่ะ งดงามโดนใจจริงๆ เลยนะคะ
พระประธานในพระอุโบสถวัดพระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง เนื้อสำริดปิดทอง ปางมารวิชัย สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ มีหน้าตักกว้าง 204 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 284 เซนติเมตร ที่ฐานมีอักษรล้านนาจารึกคำว่า "กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา"
วัดพระสิงห์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่กลางเมืองเชียงใหม่ที่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.1888 โดยพญาผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังราย ทรงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดาค่ะ
ในอดีตบริเวณวัดพระสิงห์เดิมเป็นตลาด มีชื่อว่า "กาดลีเชียง" ซึ่งคำว่า ลี แปลว่าตลาดน่ะค่ะ
ในสมัยที่พระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 9 เป็นผู้ครองนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ 1983 เจ้ามหาพรหม ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองกำแพงเพชร เพื่อถวายแด่พระเจ้าแสนเมืองมา โดยจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบุปฝาราม แต่เมื่อรถผ่านมาถึงหน้าวัดลีเชียง รถเกิดติดขัดไม่สามารถชักลากผ่านไปได้ จึงให้ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ ณ ที่วัดนี้ ต่อมาวัดนี้ได้ชื่อเพิ่มว่า " วัดลีเชียงพระ " และต่อมาเรียกกันว่าวัดพระสิงห์ค่ะ
โบสถ์เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งด้านหน้าด้านหลัง เมื่อถึงปี พ.ศ. 2354 พระเจ้ากาวิละได้โปรดฯ ให้สร้างอุโบสถและหอไตรขึ้น โดยมีลักษณะเป็นอาคารทรงล้านนาขนาดใหญ่ ตรงกลางอาคารมีกู่ ซึ่งแต่เดิมคงเป็นสถานที่ที่ประดิษฐานพระประธานค่ะ
โบสถ์จะมีลักษณะเป็นอาคาร มีการตกแต่งในรูปแบบศิลปะล้านนาโดยแท้ ด้านข้างจะมองเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนงค่ะ
หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกัน เรียกว่า คิ้วโก่ง เหนือคิ้วโก่งเป็นวงกลมสองวงคล้ายดวงตา ที่เสาและส่วนอื่นๆ มีปูนปั้นนูนมีการลงรักปั้นปิดทอง งดงามอลังการงานสร้างมากๆ ค่ะ
เมื่อถึงเทศกาลวันสงกรานต์ของทุกปี จังหวัดเชียงใหม่จะมีพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงส์ แห่ไปตามถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำพระค่ะ
และที่สำคัญของชาวปีมะโรง (งูใหญ่) หากได้มานมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุดแก่ผู้ที่เกิดปีมะโรงเลยล่ะค่ะ จะทำให้อายุมั่นขวัญยืนและมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป ว่าแล้วมาแอ่วเจียงใหม่อย่าลืมมาวัดพระสิงห์ให้ได้นะคะ
วัดพระสิงห์วรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญกับจังหวัดเชียงใหม่ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านนา ตั้งแต่สมัยเชียงแสนค่ะ
ซึ่งสาเหตุที่วัดนี้มีชื่อว่า วัดพระสิงห์ นั้น น่าจะเป็นเพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย คือ หรือมีเรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์
ชอบประตูค่ะสวยงามจริงๆ
พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย สมัยเชียงแสน โครงสร้างทำด้วยไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นเมื่อราวจุลศักราช 1251 - 1252 หรือ พ.ศ.2432 - 2433 ต่อมามีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกสองครั้งคือ พ.ศ. 2504 โดยพระครูสิกขาลังการ และ พ.ศ.2533 โดยพระเดชพระคุณ พระราชสิทธินายก เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์
เมื่อเข้ามาที่วัดพระสิงห์ เมื่อมองมาที่ด้านขวามือจะเห็นหอไตรอันสวยงาม หอไตรหลังนี้สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ค่ะ
หอไตรหลังนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองแก้ว ประมาณ พ.ศ. 2040 เคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมในสมัยเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์ พ.ศ.2397 - 2413 และอีกครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2469
ลักษณะของหอไตรวัดสิงห์แห่งนี้ เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูนชั้นบนเป็นไม้ มุงหลังคากระเบื้องดินเผาโดยหันหน้าไปทางตะวันออก
บันไดทางขึ้นด้านหน้า เป็นรูปมังกรคาบสิงห์บนแท่นข้างละ 1 ตัว ซุ้มประตูทางเข้าในส่วนหน้าบันเป็นบุษบกซ้อนกัน 5 ชั้น แกะสลักลวดลายปูนปั้นพรรณพฤกษา พญานาค และประดับกระจกสี โดยรอบผนังด้านนอกอาคารชั้นล่าง ประดับด้วยลายปูนปั้น รูปเทวดา และเทพพนม จำนวน 16 องค์ สัตว์หิมพานต์ อาทิเช่น สิงห์ ช้าง กิเลน ปลา กวาง นกยูง คชสีห์ เหมราช และนรสิงห์ โดยชั้นบนเป็นเครื่องไม้ทาสีแดง
ผนังด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้น ทำเป็นรูปเทพพนมยืนบ้างเหาะบ้าง ประดับอยู่โดยรอบหอไตร แหล่มค่ะแหล่ม
จะสังเกตได้ว่า เหล่าทวยเทพประดับอยู่โดยรอบหอไตรเลยค่ะ เป็นงานฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้วค่ะ
ประดับ กระจก เป็นรูปดอกไม้ 8 กลีบ และมีบราลีทำเป็นรูปหงส์อยู่บนสันหลังคา หอไตรเป็นอาคารที่ใช้สำหรับเก็บรักษาพระธรรมคัมภีร์ และหนังสือใบลานต่างๆ ในพระพุทธศาสนา ซึ่งเรียกชื่อเต็มๆ ว่าหอพระไตรปิฎก
1
ภาพหม้อนี้ตั้งอยู่ใต้หอระฆังเห็นว่าสวยดี เลยเก็บภาพมาฝากค่ะ
ซึ่งเมื่อมาที่วัดพระสิงห์ฯ แล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดที่จะเข้ามาสักการะวิหารลายคำ องค์ซ้ายมือ ซึ่งเป็นที่ที่ประดิษฐานพระพูทธสิหิงค์ค่ะ
พระเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกันกับพระอุโบสถ และมีการบูรณะใหม่ในปี พ.ศ. 2492 และมาบูรณะอีกครั้งหนึ่งในปี 2533 ตั้งประดิษฐานอยู่ทิศตะวันตกชิดด้านหลังพระอุโบสถ เจดีย์หลวงองค์นี้ เป็นพระเจดีย์ประจำปีเกิดของผู้เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) อีกด้วย มีภาพผู้มาสักการะไว้ค่อยนำเสนอใน BLOG ต่อๆ ไปเน๊าะ
วิหารลายคำเป็นวิหารพื้นเมืองศิลปะล้านนาขนาดเล็ก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว (พ.ศ.2038 พ.ศ.2068) และมาซ่อมแซมใหม่สมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 6 ในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2399 พ.ศ.2413 นับเป็นวิหารล้านนาที่มีความงามสมบูรณ์แบบที่สุดเลยค่ะ
ภายในวิหารลายคำ เป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา ซึ่งผู้ช่วยศาสตราจารย์นันทนา ปกป้อง ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า จากลักษณะขององค์พระพุทธสิหิงค์แล้ว เป็นพระเชียงแสนรุ่นแรก นับเป็นสกุลช่างของชาวภาคเหนือ ปัจจุบันปรากฏว่ามีพระพุทธสิหิงค์ 3 องค์ด้วยกัน คือ องค์หนึ่งอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร องค์ที่ 2 อยู่ที่หอพระพุทธสิหิงค์ จ.นครศรีธรรมราช และองค์ที่ 3 ประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และที่นี่มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามมากๆ ค่ะ ซึ่งเป็นฝีมือของช่างภาคเหนือทั้งสองด้าน ด้านทิศเหนือเป็นฝีมือของเจ็กเส็ง ด้านทิศใต้เป็นฝีมือของหนานโพธา
วิหารจตุรมุขจะอยู่เยื้องๆ วิหารลายคำ
อุ้มชอบภาพนี้ ภายในวิหารจตุรมุขนี้จะมีมณฑปอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ด้าน นั่งชมภาพนี้เพลินเลยค่ะ ทุกๆ วิหารจะเห็นชาวต่างชาติมานั่งสมาธิค่ะ
คิดว่าจะอัพบล็อกตอนวัดพระสิงห์ฯ ตอนเดียว แต่ถ่ายภาพมาเยอะมาก (ยังไม่ถึงครึ่งเลยนะคะเนี่ย) เอาเป็นว่ามาต่อ BLOG หน้าเป็นตอนที่ 2 เน๊าะ ขอบคุณที่เข้ามาชมภาพ ว่างๆ จากการเป็นวัลลีเมื่อไหร่จะทะยอยไป BLOG คุณนะคะ
ขอขอบคุณ BG : น้องญามี่ banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter เพลง : ฉันจะบิน : โอ๋ ไอศุรย์ กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ดุ๊กดิ๊ก : คุณยายชมพร & คุณญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
| | | | |
Create Date : 26 สิงหาคม 2555 |
|
90 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2555 20:57:53 น. |
Counter : 5645 Pageviews. |
|
|
|