เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 6-2

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

หญิงมานศรียังนอนลืมตาในความมืด มองกระเป๋าเดินทาง ที่วางอยู่ที่มุมห้อง ของในห้องทั้งหมดถูกเก็บลงกระเป๋าหมดแล้ว หญิงมานศรีลุกขึ้น เพราะนอนไม่หลับ ลุกออกไป

       ทิวประคองขวัญตา เข้ามาหน้าคฤหาสถ์ หญิงมานศรีในชุดนอนที่มีเสื้อคลุมปิดทับเรียบร้อย เดินเข้ามาเห็นพอดี ขวัญตาเห็นเข้าก็ยิ้มเย้ย...
       “อ้าว...คุณหญิง ยังไม่นอนอีกเหรอคะ เดินร่อนไปร่อนมา อ่อยใคร”
       หญิงมานศรีไม่พอใจ แต่ระงับ ยิ้มเย็น เดินผ่านไป
       “ชิ...แม่ผู้ดี ทำเป็นฟังไม่ได้”
       หญิงมานศรีชะงักหันกลับมา
       “ไม่ใช่ฟังไม่ได้ค่ะ แต่หม่อมแม่เคยสอนว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา เผอิญมีทั้งคนบ้าและคนเมาอยู่ตรงหน้า เลยพยายามเลี่ยง ไม่อยากยุ่ง”
       “แน่ใจเหรอว่าไม่อยากยุ่ง...”
       ทิวรีบปราม
       “ขวัญตา พอเถอะ ไปนอนได้แล้วไป”
       “ก็ได้...” ขวัญตาจงใจยั่วหญิงมานศรี “ขอบคุณนะคะพี่ทิว...พี่ทิวดีกับขวัญตาเสมอ...ขอบคุณที่ยังรักกัน”
       ขวัญตาจูบปากทิวทันที หญิงมานศรีรู้สึกอายแทน ทิวตกใจ ผลักขวัญตาออกไป
       “ทำอะไรน่ะขวัญตา”
       “แสดงความขอบคุณ กับคนที่เคยรักกันมาก...”
       ขวัญตามองหญิงมานศรีเย้ยๆ
       “คิดว่าหญิงจะรู้สึกอะไรเหรอคะ...ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงเมื่อสว่างแล้ว หญิงจะไปจากที่นี่ พวกคุณจะได้อยู่กันเป็นปกติอย่างที่เคยอยู่ ทั้งคนบ้าและคนเมา”
       ทิวอึ้งเมื่อได้ยินว่าหญิงมานศรีตัดสินใจไปแน่แล้ว หญิงมานศรีเดินออกไป เชิดใส่ ขวัญตาแทบกรี๊ดมองตามเจ็บใจ ทิวเดินออกไป ขวัญตาหันมา...มองไม่เห็นทิวแล้ว ลงนั่งแปะ เพราะหมดแรง เมา แต่ยังไม่วายฮึดฮัดเพราะไม่พอใจหญิงมานศรี
       “ไปให้มันจริงเหอะ”

       หญิงมานศรีเดินมาเกือบถึงหน้าห้องทำงานของเทพ แล้วก็เห็นหม่อมสรัสวดีเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเทพ ด้วยกริยามีพิรุธ กลัวใครจะเห็น หม่อมสรัสวดีเข้าไปในห้องปิดประตูเรียบร้อย หญิงมานศรี แปลกใจ....เดินเข้าไปเอาหูแนบแอบฟังที่ประตู
       ในห้อง...หม่อมสรัสวดีเข้ามาหาเทพอย่างร้อนใจ
       “อยากคุยอะไรกับผมเหรอครับหม่อม”
       “ฉันอยากรู้ว่าคุณจะเอายังไง ฉันจะพาลูกกลับตอนเช้าเนี่ยอยู่แล้ว คุณยังใจเย็น ทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว”
       “คุณหญิงจะไป ผมจะไปห้ามอะไรได้ คงต้องมาดูสัญญาเงินกู้ของเราอีกที เมื่อเหตุการณ์มันพลิกผันไม่เป็นไปตามสัญญา...ผมทำดีที่สุดแล้วนะครับหม่อม”
       “ยัง! ยังไม่ดีที่สุด ต้องดีได้กว่านี้อีก ฉันลงทุนไปมาก ฉันต้องไม่กลับไปมือเปล่า”
       “หม่อมครับ...ผมต่างหากที่เป็นคนลงทุน”
       หญิงมานศรีอึ้ง...แปลกใจว่าเทพและหม่อมสรัสวดีคุยเรื่องอะไรกัน เอาหูแนบฟังต่อ

       เช้ามืด....เข้มกับวิวัฒน์เดินง่วงเข้ามาในบ้าน ทิวเดินตามหลังอย่างเหม่อลอย เข้มหันมาบอก
       “พวกผม...ลาไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะนาย ง่วง”
       “อืม ไปเหอะ”
       เข้มและวิวัฒน์เดินออกไป ทิวเดินซึม คิดถึงคำพูดของหญิงมานศรี
       “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงเมื่อสว่างแล้ว หญิงจะไปจากที่นี่ พวกคุณจะได้อยู่กันเป็นปกติอย่างที่เคยอยู่ ทั้งคนบ้าและคนเมา”
       ทิวถอนใจ
       “เธอคิดถึงศักดิ์ศรีของเธอจริงๆเหรอ...หญิงมานศรี”
       ทิวยังคิดถึงหญิงมานศรี รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างประหลาดเมื่อรู้ว่าเธอจะไป

       เทพพูดอย่างจริงจังกับหม่อมสรัสวดี
       “ผมยอมเสี่ยงด้วยการให้เงิน ไปไถ่ถอนวังกฤตยาที่หม่อมต้องเอาไปจำนอง เพราะเป็นหนี้การพนัน แถมด้วยเงินก้อนใหญ่ไปกอบกู้ธุรกิจ โดยที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าผมจะได้เงินคืนมั้ย มีเพียงวังกฤตยาที่ผมรับจำนองต่อ ซึ่งมีมูลค่าไม่ถึงครึ่งของหนี้ทั้งหมดด้วยซ้ำ...ผมต่างหากที่ลงทุนไปมากไม่ใช่หม่อม”
       หญิงมานศรีตกใจ....
       “หม่อมแม่เอาวังไปจำนอง!”
       หญิงมานศรีถอยหลังกรูดจนไปชนกับโต๊ะวางแจกัน แจกันหล่นลงตกแตก
       “ว้าย!”
       เทพและหม่อมสรัสวดีในห้องได้ยินเสียงแจกันตกแตก เสียงดัง ทั้งคู่ชะงัก ตกใจ มองไปนอกห้องทันที หญิงมานศรีจะวิ่งหนีเพื่อหลบ แต่ไม่ทัน
       เทพและหม่อมสรัสวดีเปิดประตูห้องออกมาพอดี เห็นหญิงมานศรีอยู่ที่หน้าห้อง ทั้งคู่ตกใจ หญิงมานศรีมองหน้าหม่อมสรัสวดีอย่างผิดหวัง

หม่อมสรัสวดีใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มกับสายตาของลูก แต่เทพแอบยิ้มกริ่ม

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

หญิงมานศรีเดินหนีหม่อมสรัสวดีกลับมาที่ห้อง

       “เดี๋ยวก่อนลูกหญิง พูดกับแม่ก่อน”
       หญิงมานศรีชะงัก หันมา มองหม่อมสรัสวดีอย่างเสียใจและผิดหวัง
       “อย่ามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้นสิลูกหญิง..ใจแม่จะขาด”
       “หญิงขอโทษที่ทำให้หม่อมแม่เสียใจ แต่หม่อมแม่รู้มั้ยคะว่าหญิงเสียใจ มากกว่าที่หม่อมแม่จะคิดได้ซะอีก เมื่อรู้ว่า...หม่อมแม่โกหก ไม่พูดความจริงว่าติดหนี้การพนัน และเอาวังกฤตยาของเราไปจำนอง”
       หม่อมสรัสวดีอึ้ง
       “หม่อมแม่ทำร้ายหัวใจของพวกเราได้ยังไง สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวให้หญิง และพี่ชายอดทนสู้ก็คือวังกฤตยาซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของท่านพ่อ”
       “แม่รู้ แม่ผิดไปแล้ว แต่แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่แค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเงินไปใช้หนี้เขา ไม่งั้น เขาจะเอาชีวิตแม่”
       “นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ท่านพ่อ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วยใช่มั้ยคะ”
       “ลูกหญิงกำลังโทษแม่ใช่มั้ย ว่าแม่มีส่วนทำให้ท่านพ่อไปตาย”
       หญิงมานศรีนิ่ง เบือนหน้าหนีอย่างสะเทือนใจ
       “หญิงไม่ได้โทษใคร...ทุกอย่างได้ถูกกำหนดมาแล้ว นี่คือชะตากรรมที่เราต้อง ยอมรับ...กฤตยาไม่เหลืออะไรให้ภูมิใจได้อีกแล้ว”
       “แม่ขอโทษ แม่ยอมรับ ว่าแม่เลว แม่เลวเอง แม่ขอโทษ”
       หม่อมสรัสวดีร้องไห้ตัวโยนด้วยความเสียใจ หญิงมานศรีสงสารและเห็นใจหม่อมสรัสวดีมาก ค่อยเดินเข้าไปกอดหม่อมสรัสวดีเอาไว้ ในขณะที่ตัวเองก็เต็มไปด้วยความสะเทือนใจกับชะตากรรมที่เพิ่งได้รับรู้ คิดตัดสินใจบางอย่าง

       ทิวเดินเข้ามาในโรงงาน เห็นวิวัฒน์กำลังทำงานในโรงงานอยู่แล้ว เขามองอย่างพอใจในความขยันของวิวัฒน์ เข้มเดินมาหา
       “นาย ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย”
       “นอนครับ”
       “ไม่ได้นอนก็บอกมาเหอะ ตาเหมือนแพนด้า” เข้มตอบแทน
       “ไอ้เข้ม...อยากโดนเบอร์แปดกระแทกปากแต่เช้าหรือไง”
       เข้มมองรองเท้าทิวแล้วรีบถอย ทิวหัวเสียเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาดู เข้มมองตาม ชายหนุ่มเปิดหนังสือพิมพ์อย่างหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ ลงนั่งก็นั่งไม่ติด เข้มมองนายอย่างสงสัยว่าเป็นอะไร
       “นาย...เป็นอะไร ดูงุ่นง่าน หรือ...ท้องผูก”
       “ไม่ได้เป็นอะไร ไปทำงานไป ไป!”
       เข้มรีบไป มองนายงงๆ
       “อะไรของเขาวะ หงุดหงิดแต่เช้า”
       ทิวถอนใจ พยายามทำจิตใจให้เป็นปกติ แต่ก็ยังดูร้อนรน อยากรู้เรื่องหญิงมานศรีจะไป ชายหนุ่มอยากรู้ว่าหญิงสาวจะไปหรือยัง เข้มยังไม่ทันไปพ้น ทิวก็เรียกไว้
       “ไอ้เข้ม เดี๋ยวก่อน”
       “ครับนาย”
       “เอ่อ...ไปหรือยัง”
       “ใครไปไหน”
       “ก็...เออ...ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวไปดูเอง”
       ทิวรีบออกไป เข้มเกาหัวแกรกๆ
       “เอาเข้าไป...เพี้ยนได้อีก!”

       พิไลพรกับกลิ่นช่วยกันยกกระเป๋าของหม่อมสรัสวดีขึ้นรถตู้ หม่อมสรัสวดีนั่งรออยู่ในรถแล้ว ใส่แว่นตาดำ นั่งนิ่ง...รู้สึกทดท้อเครียด ผ่องทิพย์ และบุญปลูกหัวเราะเยาะเย้ยเข้ามา
       “นังบุญปลูกเอ๊ย เคยเห็นหงส์ที่ปีกหักแล้วหักอีกป่ะ”
       “ไม่เคยเลยค่ะ แต่...ได้เห็นก็วันนี้แหละค่ะ แต่...ก็ต้องรีบกลับไปดามปีกซะแระ บ๋ายบาย”
       ผ่องทิพย์หัวเราะร่า
       “ฮ้าๆๆๆๆ”
       พิไลพรทนไม่ไหว จะเอาเรื่อง
       “นี่!”
       หม่อมสรัสวดีห้ามเอาไว้
       “พิไลพร หยุด ไม่ต้อง”
       พิไลพรจำเป็นต้องหยุด แต่ยังมองผ่องทิพย์และบุญปลูกไม่วางตา หม่อมสรัสวดีลงมาจากรถ เดินมาหาผ่องทิพย์ ประจันหน้า ผ่องทิพย์ก็เผชิญหน้าอย่างไม่กลัวเกรง แต่บุญปลูกถอยไปอยู่หลังกลิ่นเรียบร้อยแล้ว
       “ขอบใจนะที่มาส่ง”
       “ไม่ได้มาส่ง แต่มาสมน้ำหน้า”
       “สมน้ำหน้า...เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”
       “ก็เรื่องที่พวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินอย่างพวกแก...ต้องกลับไปก่อนวันอันควรน่ะสิ เสียใจด้วยนะยะหม่อม ที่ลูกสาวแกไม่ได้แอ้มตำแหน่งเมียหมายเลขหนึ่งของคุณเทพ”
       หม่อมสรัสวดีหัวเราะชอบใจ
       “ฮ้าๆๆๆ”
       ผ่องทิพย์ชะงัก
       “หัวเราะทำไม หรือเสียดายจนเป็นบ้า”
       “หล่อนไปเปิดตาดูดีๆเถอะ...ว่าใครกันแน่ที่สมควรจะเป็นบ้า!”
       ผ่องทิพย์แปลกใจ หม่อมสรัสวดีหมายความว่าอะไรกันแน่

       หญิงมานศรียกมือไหว้เทพ เทพรับไหว้ยิ้มอย่างยินดี
       “หญิงต้องขอโทษคุณเทพอีกครั้ง ที่เมื่อคืน หญิงแสดงกริยาไม่สุภาพนัก”
       “ผมไม่เคยถือโกรธอะไรน้องสาวคนนี้เลย...และยิ่งดีใจเมื่อรู้ว่า คุณหญิงเปลี่ยนใจ ไม่กลับกรุงเทพแล้ว”
       “เพราะหญิงสำนึกในบุญคุณของคุณเทพ ที่ช่วยกู้สถานการณ์ครอบครัวของหญิง การที่หญิงตัดสินใจกลับเพราะเรื่องส่วนตัว คงไม่สมควรนัก ที่ถูกต้องหญิงควรจะคิดถึงบุญคุณของคุณเทพมากกว่า”
       “แต่ถ้ามันทำให้คุณหญิงต้องอัดอั้นตันใจ ผมก็ไม่ต้องการ ผมอยากเห็นคุณหญิงมีความสุขมากกว่า”
       “นี่ล่ะค่ะ ความสุขของหญิง การได้ทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณเทพ เชื่อหญิงเถอะค่ะ ว่าหญิงเต็มใจอย่างที่สุด และจะไม่มีวันอ่อนแอเพราะผู้ชายคน นั้นอีกเด็ดขาด”
       “ผมเชื่อคุณหญิงเสมอ”
       เทพมองหน้าหญิงมานศรีอย่างลึกซึ้ง หญิงสาวหลบสายตาของเทพอย่างเอียงอาย พวงทองเดินเข้ามา
       “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ แต่หม่อมหม่อมสรัสวดีกำลังจะกลับแล้ว ให้หาคุณหญิงค่ะ”
       “ขอบคุณค่ะ”
       หญิงมานศรีรีบเดินไป เทพมายืนข้างพวงทอง
       “อย่าลืมนะ ว่าต้องรีบ...ฉันไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะน้องชายเธออีก”
       เทพเดินออกไป พวงทองสีหน้าหนักใจ

       หญิงมานศรีเดินออกมาหา ผ่องทิพย์เห็นแล้วโกรธมาก หม่อมสรัสวดียิ้มเยาะ
       “ลูกหญิงยังทำงานอยู่ที่นี่ เสียใจด้วยนะที่ทำให้เธอผิดหวัง”
       ผ่องทิพย์ไม่พอใจ ทำอะไรไม่ได้ กรี๊ดใส่บุญปลูก
       “กรี๊ด”
       “ไปกรี๊ดกันข้างในดีกว่าค่ะ จะได้ไม่อายเค้าที่เราหน้าแตก”
       “นังบุญปลูก ใครหน้าแตก นังปากพล่อย นี่แน่ะ”
       ผ่องทิพย์ไล่ตีบุญปลูกเข้าข้างใน หม่อมสรัสวดีมองตามสะใจ
       “พร ไปเถอะ ฉันขอคุยกับลูกหญิงหน่อย”
       “สวัสดีค่ะหม่อม เดินทางปลอดภัยนะคะ”
       “ขอบใจจ๊ะ”
       พิไลพรเดินเข้าไปกับกลิ่น หญิงมานศรีเดินเข้ามาไหว้หม่อมสรัสวดี
       “ลูกหญิงของแม่ ลูกช่างเป็นอภิชาติบุตรเหลือเกิน ที่ยอมอยู่ที่นี่ต่อไป”
       “หญิงไม่ทราบหรอกนะคะว่า...หม่อมแม่ทำสัญญาอะไรไว้กับคุณเทพยังไง แต่มันคงเป็นผลเสียกับหม่อมแม่ ถ้าหากหญิงกลับไปตอนนี้”
       หม่อมสรัสวดีอึ้ง พยายามกลบเกลื่อน
       “ก็ไมได้มีอะไรหรอกจ๊ะ เพียงแต่แม่เคยสัญญากับเขาไว้ว่า บางทีอาจจะเป็นการตอบแทนน้ำใจของเขาที่มีให้เราได้...ถ้าให้ลูกหญิงแสนเก่งและแสนฉลาดมาช่วยงาน”
       หญิงมานศรีนิ่งงัน ตัดสินใจที่จะเชื่ออย่างหมดใจ
       “หญิงเชื่อหม่อมแม่ค่ะ และหญิงจะไม่ทำให้หม่อมแม่ต้องเสียคำพูด หญิงจะอยู่ทำงานช่วยเหลือคุณเทพอย่างดีที่สุด ไม่ต้องห่วงนะคะ”
       หม่อมสรัสวดีตื้นตันมาก
       “ขอบใจมากจ๊ะ ขอบใจ...เป็นบุญของแม่เหลือเกิน ที่มีลูกเป็นคนที่งามทั้งกายและใจได้ขนาดนี้ ลูกหญิงของแม่”
       หม่อมสรัสวดีกอดหญิงมานศรีน้ำตาซึม สงสารลูกขึ้นมาจับจิต

       ทิวยืนมองรถตู้ของหม่อมสรัสวดีเคลื่อนตัวออกไปจากไร่อย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าหม่นหมอง เพราะในใจลึกๆ เสียใจกับการจากไปของหญิงมานศรี
       “จากนี้ไป เราคงไม่ต้องเจอกันอีก...หม่อมราชวงศ์หญิงมานศรีโสภาคย์ กฤตยา”
       ทิวค่อยๆหันหลังเดินจากไป

       ผ่องทิพย์เดินกลับไปที่ห้อง กรี๊ดไปด้วยความไม่พอใจ
       “มันยังอยู่อ่ะ มันยังอยู่...กรี๊ด”
       บุญปลูกกรี๊ดตาม
       “กรี๊ด”
       ผ่องทิพย์ชะงัก
       “แกจะกรี๊ดด้วยทำไม”
       “ก็อยากจะกรี๊ดนี่คะ แปลว่า...ศึกชะนีตีกันโดยมีบุญปลูกเป็นผู้ช่วยคุณนายก็ยังไม่จบไม่สิ้น บุญปลูกเบื่อค่ะ”
       “เบื่อไม่ได้! แกเป็นขี้ข้ามีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งฉัน”
       ขวัญตาเปิดประตูออกมาโวย
       “โอ๊ย ไปเห่ากันที่อื่นได้มั้ย คนจะนอน”
       ผ่องทิพย์ฉุนกึก
       “แกว่าใครเป็นหมา”
       “ใครกำลังเห่าก็คนนั้นแหละ” ขวัญตาชี้ไปที่ผ่องทิพย์ “นี่ไง อ้าปากพะงาบๆ น้ำลายยืดหมาบ้าชัดๆ”
       “นังขวัญตา!”
       ผ่องทิพย์จะเข้าไปตี ขวัญตาเอามีดที่ถือซ่อนไว้อยู่แล้วขึ้นมาขู่
       “เข้ามาเลยนังหมาบ้า ถ้าไม่กลัวตาย”
       บุญปลูกสะดุ้ง
       “อุย...มันมีอาวุธค่ะคุณนาย ไม่หมูแล้วค่ะ มันกะเอาถึงตายนะคะ”
       ผ่องทิพย์โกรธมาก
       “นังขวัญตา คิดเหรอว่ามีดแค่นี้จะทำอะไรฉัน”
       “ก็ลองดูสิ!”
       ขวัญตามองผ่องทิพย์ด้วยสายตาเหี้ยม บุญปลูกตื่นกลัว
       “มันเอาจริงนะคะคุณนาย”
       “และฉันจะไม่มีวันอยู่เฉยๆ ดูแกเสนอหน้าแสดงความเป็นเจ้าของคุณเทพอยู่คนเดียวอีกแล้ว...ต่อไปนี้ ฉันก็จะทวงสิทธิ์ของฉันเหมือนกัน ใครขวางตาย!”
       ขวัญตาปิดประตูใส่หน้า ผ่องทิพย์กำหมัดแน่น สบถออกมาด้วยความแค้น

“ใครขวางฉัน ฉันก็เอาถึงตายเหมือนกัน!”
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

เทพเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดีมาก ตรงมาหาทิวที่มุมหนึ่งของโรงงาน

       “วันนี้เป็นไงบ้างทิว”
       “เหมือนเดิม แต่สำหรับคุณ อาจจะไม่เหมือนเดิม”
       “ไม่นะ สำหรับฉัน ทุกอย่างก็เหมือนเดิม...”
       ทิวมองเทพอย่างประหลาดใจ หญิงมานศรีเดินเข้ามาหาเทพ ทิวตกใจ หญิงมานศรีมองทิวอย่างไม่สนใจ และไม่แม้แต่จะมองด้วยหางตา
       “ตกใจอะไรเหรอ...ทิว” เทพแกล้งถาม
       “เธอ...”
       “มีอะไรกับดิฉันเหรอคะคุณทิว อ้อ...คงแปลกใจทำไมดิฉันยังอยู่ใช่มั้ยคะ ไม่มีอะไรซับซ้อนค่ะ เพราะดิฉันจะไม่มีวันทำให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ นี่ค่ะตารางการประชุมกรรมการของเดือนนี้”
       หญิงมานศรียื่นเอกสารให้ทิว ทิวมองหน้าหญิงมานศรีอย่างเกลียดชัง กระชากเอกสารมาอย่างแรง
       “ฉันนึกอยู่แล้ว...ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่เคยคิดถึงคำว่าศักดิ์ศรี”
       หญิงมานศรีคอแข็งขึ้นมาทันที
       “แล้วผู้ชายที่ชอบทำร้ายผู้หญิงอย่างคุณ...รู้จักคำนี้ดีกว่าดิฉันตรงไหน”
       “เธอ”
       เทพตัดบททำเป็นพูดดี
       “พอเถอะ...ฉันรู้ว่านายไม่พอใจที่คุณหญิงทำงานที่นี่ แต่....นายก็ต้องยอมรับความจริงนะ ว่า...ไม่มีอะไรได้อย่างใจนายไปซะทุกอย่างหรอกทิว....มันก็ต้องผิดหวังกันบ้าง”
       เทพและหญิงมานศรีเดินออกไป ทิวโกรธและเกลียดชังทั้งคู่ จนขยำเอกสารเละค่ามือ

       มุมหนึ่งใกล้ๆโรงงาน ทิวเดินเจ็บใจ หงุดหงิดมากมาตามทาง
       “โธ่เว้ย!”
       ทิวพยายามระงับอารมณ์ จะหันกลับ เจอพวงทองยืนอยู่
       “ทิว พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
       ทิวแปลกใจว่าจะพูดอะไร พวงทองนั้นถูกเทพสั่งมาว่าให้เกลี้ยกล่อมให้ทิวขายหุ้นบริษัทให้ เธอกลัวว่าเทพจะทำอันตรายทิว จึงตัดสินใจมาขอร้อง
       “นะทิว....ขายหุ้นให้คุณเทพเถอะ...ให้เขาได้บริหารงานให้เต็มที่ ส่วนทิว ก็จะ ได้ไม่มีเรื่องไปปะทะกับเขาอีก พี่เองก็อยากเห็นทิวมีความสุข”
       “แน่จริง ทำไมมันไม่มาคุยกับผมเอง หลบใต้กระโปรงผู้หญิงหน้าด้านๆหน้าตัวเมีย”
       พวงทองตบหน้าทิวอย่างแรง ทิวหน้าหัน ชา ค่อยหันมามองพวงทองอย่างเจ็บปวด
       “ทิว พี่ขอโทษ...”
       “ไม่เฉลียวใจเลยหรือไงว่ามันยืมมือพี่ทำลายผม มันทำทุกอย่างเพื่อสนองตัณหาความอยากได้อยากมีของมัน มันไม่ได้คิดถึงใคร นอกจากตัวมันเอง ไม่ต้องมาขอโทษผม ไปขอโทษพ่อกับแม่โน่น ที่พี่เห็นขี้ดีกว่าไส้”
       พวงทองตบหน้าทิวอีก ด้วยความโกรธ ทั้งๆที่ตัวเองก็เสียใจ
       “หยุดนะ!”
       “อกตัญญู”
       พวงทองตบหน้าอีก
       “พี่บอกให้หยุดไงเล่า”
       ทิวเดินหน้าต่อว่าพวงทองไม่หยุด
       “โง่!”
       พวงทองตบหน้าอีก
       “หยุด!”
       “ไม่หยุด! ผู้หญิงอย่างพี่อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับใคร รับใช้คนเลว มันก็คือการทำเลว เลิกใส่บาตร เลิกไหว้พระ เลิกทำดีเถอะ ทำไปทำไม ทำไปก็ตกนรกหมกไหม้”
       “บอกให้หยุด!!!! หยุด! กรี๊ด!!!”
       พวงทองร้องลั่น เข่าอ่อน หมดแรง ทิวยืนมองพี่สาวที่ค่อยๆทรุดด้วยความสะเทือนใจ และเสียใจ
       “กลับไปบอกมัน...ผมไม่ขาย ต่อให้ผมตาย ผมก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันได้ครอบครองที่นี่ ไม่มีวัน”
       ทิวเดินออกไป พวงทองยังร้องไห้ไม่หยุด

       ทิววิ่งกระหืดกระหอบมาที่ลำธาร ....กระโจนพุ่งหลาวลงน้ำ ดำลึก นิ่งนาน ก่อนจะโผล่ขึ้นมาหายใจ หอบเหนื่อย ว่ายข้ามฝั่งไปอย่างเร็ว ก่อนจะขึ้นมา นอนแผ่อย่างหมดแรง แล้วลุกกลับไปที่บ้าน เขาตรงไปที่มุมปั้น หยิบก้อนดินเหนียวขึ้นมา ทั้งๆที่เนื้อตัวยังเปียกโชก แล้วนวดๆๆๆ ฟาดๆๆๆๆ เพื่อระงับความพลุ่งพล่าน และความโกรธ เขาเหลือบไปเห็นกระถางที่ตัวเองวาดรูปชายหญิงจับมือกัน ทิวชะงัก พลางใช้ความคิด

       ที่บริษัท...เทพกำลังสั่งงานพนักงาน หญิงมานศรียืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้น เทพก็ชะงัก เมื่อมองไปทางหนึ่ง เห็นทิวในชุดเปียกโชกและเลอะเทอะเปื้อนไปด้วยดินเดินเข้ามา ในมือถือกระถางที่ปั้นเองและระบายสีเอง มีดอกกุหลาบหนึ่งต้นปลูกอยู่ในกระถาง
       เทพรู้สึกเคือง แต่พยายามเก็บอาการ หญิงมานศรีถอนใจ ไม่อยากเจอหน้าทิว ในขณะที่พนักงานคนอื่นๆฮือฮา ทิวเดินผ่านเทพ แล้วมาหยุดตรงหน้าหญิงมานศรียื่นกระถางให้
       “ให้...”
       หญิงมานศรีตกใจ
       “อะไรนะ”
       เทพตกใจไม่แพ้กันกึ่งประหลาดใจ
       “ทิว นายจะทำอะไร”
       ทิวหันมองเทพซึ่งๆหน้า
       “ผมจะจีบเลขาของคุณ”
       พนักงานฮือฮา หญิงมานศรีไม่พอใจ รู้สึกอาย
       “หยุดพูดไร้สาระเดี๋ยวนี้นะ”
       “ใครบอกว่าไร้สาระ ผมจริงจัง”
       “แต่ฉันเกลียด และขยะแขยงนายที่สุด”
       หญิงมานศรีเดินหนีไป ทิวมองตามยิ้มๆ ก่อนจะหันไปท้าทายเทพ
       “ทำไม ไม่เคยเห็นวิถีลูกผู้ชายตัวจริงใช่มั้ย...เพราะมัวแต่หลบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง...หรือไม่..ก็ยืมมือลูกน้องคอยลอบกัดคนอื่น ดูไว้ซะ...จีบก็บอกว่าจีบ และจะต้องสำเร็จ คุณหญิงเลขาของนายต้องเป็นของฉัน”
       ทิววางกระถางกุหลาบไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกไป ยิ้มสะใจ เทพแค้นมาก

       เทพยืนอยู่มุมหนึ่งของคฤหาสน์ พวงทองเดินเข้ามาชะงัก
       “ว่าไง...”
       “ทิวไม่ยอม”
       “ฉันก็คิดไว้อยู่แล้ว ว่าเขาต้องไม่ยอม ไม่มีใครที่จะทำให้เขาเชื่อได้เลยสินะ”
       “เขาเชื่อในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง...ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของทิวได้ง่ายๆนัก”
       “ก็ไม่แน่หรอก”
       เทพเดินออกไป พวงทองสงสัย
       “คุณจะทำอะไรทิว”
       “ไม่เอาน่า อย่ามองฉันในแง่ร้ายสิ ฉันบอกแล้วไง...ฉันไม่มีทางทำอะไรน้องชายเธอเด็ดขาด ฉันก็แค่...ต้องใช้เวลาคิดหน่อยว่าควรจะจัดการกับทิวยังไงดี”
       เทพเดินออกไป พวงทองรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างประหลาด

       มุมหนึ่งคฤหาสน์...เทพเดินมาเจอล้วน
       “คงต้องใช้ไม้แข็ง ทำยังไงก็ได้ ให้มันเซ็นโอนหุ้นให้ฉัน จะได้จบๆ รำคาญเต็มที”
       “ปลอมลายเซ็นมัน เหมือนกับที่นายเคย...”
       เทพขัด
       “เฮ้ย....จะทำยังงั้นตอนที่มันมีชีวิตอยู่ได้ไง....ฉันอยากเห็นมันฆ่าตัวตาย”
       ล้วนยิ้มกริ่ม เข้าใจความหมายของเทพ
       “เข้าใจแล้วครับ”
       ล้วนโค้งให้เทพแล้วออกไป เทพยิ้มกริ่ม
       “เพราะแกทะเลาะกับพี่สาว...น้อยใจและคับแค้นใจ...จนต้อง...ฆ่าตัวตาย”
       เทพยิ้มอย่างสะใจ...

       เทพเดินกลับมาจะเข้าบ้าน พบทิวในชุดที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้วดูสะอาดขึ้น
       “มาทำอะไร”
       ทิวยิ้มกวนๆ
       “มาชวนคุณหญิงเลขาไปดินเนอร์”
       “เธอไม่ไปกับนายหรอก”
       “รู้ได้ยังไง...”
       ทิวหาที่นั่งรอสบายใจ เทพมองทิวอย่างไม่พอใจ
       “เชิญนายรอตามสบาย ขอให้โชคดี”
       “โชคดีอยู่แล้ว”
       เทพเดินออกไป พิไลพรที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเข้ามาพอดี
       “อ้าวคุณทิว มาหาคุณพวง คุณผ่องเหรอคะ”
       “เปล่า มาหาคุณนั่นแหละ”
       “ฉันเหรอ”
       พิไลพรแปลกใจ ทิวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทั้งคู่เดินออกมาคุยกันที่มุมหนึ่ง ทิวถามถึงสิ่งที่สงสัย...
       “ทำไมคุณหญิงถึงยังอยู่ที่นี่เหรอคะ พรก็ไม่แน่ใจนะคะ ว่าเพราะอะไร เพราะคุณหญิงไม่ได้เล่าอะไรให้พรฟังเลย”
       “แล้วทำไมหม่อมหม่อมสรัสวดีถึงรีบกลับ”
       “ก็ไม่ทราบอีกเหมือนกันน่ะค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่า ตอนที่กลับท่าทางหม่อมไม่ค่อยดีนัก”
       ทิวถอนหายใจ
       “เฮ้อ...”
       “แต่คุณหญิงพูดกับพรมาประโยคหนึ่งนะคะ”
       “พูดว่าอะไรครับ”
       “พูดว่า...”
       พิไลพรยังไม่ทันบอก หญิงมานศรีเข้ามาพอดี
       “พร!”
       พิไลพรชะงัก
       “คุณหญิง!”
       “ถ้าไม่จำเป็น หญิงก็ไม่อยากให้พรคุยกับผู้ชายคนนี้”
       “ทำไมล่ะคะ”
       “ทำตามคำสั่งก็พอ”
       ทิวยิ้มให้หญิงมานศรีอย่างเจ้าชู้ หญิงมานศรียิ่งเกลียดทิว เชิดใส่ เดินออกไป พิไลพรมองทิวแล้วแปลกใจ
       “ไม่เคยเห็นคุณทิวยิ้มให้คุณหญิงแบบนี้เลยค่ะ”
       “ก็ตั้งใจว่า...ถ้าคุณหญิงของคุณพรยังอยู่ที่นี่ต่อไป ผมก็อยากจะสงบศึกกับเธอ”
       พิไลพรแปลกใจ
       “สงบศึก”
       “ตกลงเมื่อกี้ คุณพรจะบอกว่าคุณหญิงพูดว่าอะไรครับ”
       หญิงมานศรีเดินเข้ามาอีก
       “พร หญิงบอกให้มานี่!”
       “ค่ะ ๆๆ ไปแล้วค่ะ”
       พิไลพรยิ้มแหยให้ทิว ก่อนจะรีบตามหญิงมานศรีไป...ทิวยิ้มกริ่มให้อีก หญิงมานศรีสะบัดหน้าหนี ทิวยิ้มสะใจ หัวเราะ รู้สึกจู่ๆตัวเองก็อารมณ์ดีโดยไม่รู้ตัว

       ทิวเดินกลับผ่านไปทางไร่ ก่อนจะรู้สึกผิดปกติอะไรบางอย่าง....หยุดชะงัก หันมองไปรอบๆ มีแต่ความว่างเปล่า ไร้สัญญาณชีพของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทิวโล่งอก ออกเดินต่อไปแล้วก็ชะงัก เพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดคนงาน นอนงอก่องอขิงคว่ำหน้าอยู่ข้างทาง ร้องโอดโอย
       “เฮ้ย....เป็นอะไรน่ะ”
       ทิววิ่งเข้าไปดู หวังจะช่วย เมื่อไปถึงตัวผู้ชายคนนั้นซึ่งคว่ำหน้าอยู่
       “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมมาฟุบอยู่ตรงนี้”
       ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา ทิวจำได้ว่าเป็นลูกน้องล้วน
       “แก!”
       ทิวจะถอยแต่ไม่ทัน เจอลูกน้องของทิวที่นอนอยู่นั้นถีบจนกระเด็น ทิวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซไปข้างหลัง ถูกลูกน้อง 2 ของล้วนรับข้างหลังเอาไว้ แล้วล็อกทิวเอาไว้แน่น
       “เฮ้ย!”
       ทิวพยายามจะดิ้น แต่แล้วล้วนก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าทิว
       “ไอ้ล้วน”
       ล้วนต่อยหน้าทิวเปรี้ยง
       “เออ กูเอง”
       “มึง!”
       ทิวกระโดดถีบล้วนเปรี้ยง จนล้วนเซ ล้ม ทิวหันไปต่อยลูกน้อง 2 ของล้วนทันทีจนกระเด็น ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามา ทิวเตะปลายคางนอนฟุบ ทิวหันไป เห็นล้วนนั่งมึน ก้มอยู่ ทิวปราดเข้าไปทันที
       “วันนี้ กูไม่ปล่อยมึงไปกลับเลียขานายใจหมาของมึงแน่”
       ทิวพุ่งเข้าไป กระชากล้วน ล้วนลุกขึ้น หันมาอย่างเร็ว แต่แล้วทิวก็สะดุ้งสุดตัว หน้าซีด ทิวมองไปที่ท้องของตัวเอง เห็นมีดในมือของล้วนเสียบอยู่ที่ชายโครงของตัวเอง...
       “ใครกันแน่ที่ไม่มีวันได้กลับไป”

ทิวทรุดลงด้วยความเจ็บปวด

โปรดติดตามอ่าน ตอนต่อไป เวลา 17.00 น.

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

(ต่อจากตอนที่แล้ว)
เห็นทิวทรุดลงอย่างเจ็บปวด ล้วนมองอย่างสะใจ ดึงมีดออกมา ทิวทรุดลง ล้มตึงหน้าคว่ำกับพื้น สายตาทิวเบลอและพร่ามัว เห็นเท้าของล้วนมายืนตรงหน้า ล้วนมองทิว ยิ้มสมใจ ตาของทิวค่อยๆปิดสนิทลง นิ่ง สนิท ล้วนเข้ามาใช้เท้าเขี่ยร่างของทิว ก็ไม่มีการสนองตอบ

       “เฮ้ย...ดูซิ มันตายหรือยัง”
       ลูกน้องของล้วนเอานิ้วมาอังที่จมูกของทิว
       “ไม่หายใจแล้วพี่”
       “เอาศพมันไป”
       “เอาไปไหนพี่”
       ล้วนยิ้มอย่างสะใจ ที่กำจัดทิวได้แล้ว

       พวงทองรู้สึกเป็นห่วงทิว จึงมาหาที่บ้าน พบแต่เข้มที่ไม่รู้ว่าทิวไปไหน...
       “ไม่รู้เหรอ” พวงทองถามย้ำ อย่างกังวล
       เข้มพยักหน้า
       “ครับ คุณพวง นายไปไหน นายไม่ได้บอกผมไว้ครับ คุณพวงมีอะไรกับนายเหรอครับ ฝากเข้มไปบอกก็ได้ครับ”
       “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”
       พวงทองเดินออกไป รู้สึกใจคอไม่ค่อยสบายนัก

       พิไลพรที่ถูกหญิงมานศรีสั่งเด็ดขาดไม่ให้คุยกับทิว ยังสงสัยไม่หาย
       “พร...คุยกับคุณทิวไม่ได้เลยเหรอคะ”
       หญิงมานศรีพยักหน้ารับ
       “แม้แต่คำเดียวหญิงก็ไม่อยากให้คุย”
       “คุณหญิงเกลียดใคร พรก็ต้องเกลียดด้วยเหรอคะ”
       “ไม่ใช่ แต่พรต้องเชื่อหญิง เพราะหญิงดูคนไม่ผิด”
       พิไลพรถอนใจ
       “ถ้าพรไม่เชื่อที่หญิงพูด ก็ไม่ต้องมายุ่งกับหญิงอีก”
       พิไลพรเสียงอ่อยๆ
       “คุณหญิงไม่เอาแต่ใจไปหน่อยเหรอคะ...”
       “เดี๋ยวนี้เห็นคนอื่นดีกว่าหญิงแล้วใช่มั้ย ดี งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับหญิง”
       หญิงมานศรีเดินไม่พอใจออกไป
       “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณหญิง...”
       หญิงมานศรีหันมาสั่ง
       “ไม่ต้องตามหญิงมานะ หญิงสบายใจเมื่อไหร่แล้วจะกลับมาเอง”
       หญิงมานศรีมองพิไลพรด้วยสายตาเฉียบขาด พิไลพรจำต้องชะงัก ไม่ตามไป

       ที่ริมลำธารซึ่งน้ำไหลแรง และเชี่ยวมาก ลูกน้องล้วนวางกระสอบที่มีทิวอยู่ข้างใน และอุ้มพาดบ่ามา ลงวางกับพื้น แล้วดึงกระสอบออก ทุกคนมองทิวที่นอนหลับตา ไร้ชีวิต
       “จัดการศพมันยังไงดีพี่” ลูกน้องถาม
       “ตายแบบนี้ ใครก็รู้ ว่ามันไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
       ลูกน้องอีกคนหันไปบอกล้วน ล้วนตบหัวเข้าให้อย่างโมโห
       “ไม่ฆ่ามันซะก่อน เราก็ถูกมันฆ่า! ตอนนี้ไม่ได้สำคัญว่ามันตายแบบไหน ขอแค่มันไปให้พ้นทางนายใหญ่ก็พอ เอาเชือกมัดเท้ามันถ่วงหินแล้วทิ้งลงไป เรื่องของมันจะได้เงียบอยู่ใต้น้ำตลอดไป เร็ว”
       “ครับพี่”
       ลูกน้องทั้งสองคน ช่วยกันทำตามที่ล้วนบอก ล้วนมองทิวที่ล้วนเข้าใจว่าเป็นศพอย่างสะใจ
       “ลาก่อน คุณทิว”
       ล้วนหันหลังเดินไป...ตะโกนสั่งลูกน้องที่วิ่งไปเอาเชือกที่รถกระบะ
       “เร็วๆ”
       ทิวที่แกล้งตาย ค่อยๆลืมตาขึ้น ทิวอ่อนแรงมาก แต่พยายามกลั้นใจและแข็งใจ ครู่เดียวล้วนกับลูกน้องเดินกลับมา ทิวรีบหลับตาลง และทำเป็นตายอีกครั้ง ทั้งหมดช่วยกันจับเท้าทิวมัดกับก้อนหิน
       “เร็วๆสิวะ” ล้วนเร่ง
       ไม่นานนัก ทิวที่ถูกหินถ่วงที่เท้า ถูกโยนลงน้ำ ตูม!!! จมหายลงไป

       หญิงมานศรีเดินทอดน่อง ปล่อยกายปล่อยใจกับธรรมชาติที่สวยงามรอบๆ เพื่อให้ลืมความขุ่นข้องหมองใจ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ริมลำธาร
       ทางด้านเทพ...เทพยืนมองพระอาทิตย์ตกดินอย่างสบายใจ ที่หน้าคฤหาสน์ แสงสีส้มทาบทาบนใบหน้าของเทพ เหมือนสีเลือด พวงทองเข้ามา
       “คุณเทพ...”
       “มีอะไร”
       พวงทองถามเทพอย่างจริงจัง
       “คุณไม่ได้ทำอะไรน้องชายฉันใช่มั้ย”
       “พวงทอง....อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันทำอย่างนั้น”
       “ฉันตามหาทิวไม่เจอ ไม่มีใครรู้ว่าทิวไปไหน”
       “เขาอาจจะอยากอยู่ตามลำพังก็ได้...เพื่อทบทวนเรื่องที่ได้คุยกับเธอ”
       “คุณรู้ได้ยังไง”
       “ผู้ชายด้วยกัน ทำไมจะไม่รู้ ว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจเค้า เอาน่า ให้ เวลาเขาหน่อย ทิวเขาดูแลตัวเองได้น่ะ”
       พวงทองพยักหน้าคล้อยตาม เทพดึงตัวพวงทองเข้ามาสวมกอด
       “ทิวเป็นคนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไมไหม้หรอก ไม่ต้องห่วง”
       “ค่ะ”
       พวงทองผละออกมา แล้วเดินแยกไป เทพพูดเบาๆ
       “แต่คนดี....มักจะอายุสั้นเสมอ...หึ...”
       เทพยิ้มเหี้ยม

       ทิวที่จมอยู่ใต้น้ำ ลืมตาโพลง มองที่เท้าของตัวเอง ที่ถูกเชือกผูกถ่วงไว้กับหิน ทิวรวบรวมกำลังแก้เชือกออกทันที ไม่นานนัก ทิวโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือน้ำ หมดแรง ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามแรงน้ำ
       ล้วนกลับมาหาเทพ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เทพมองหน้าล้วนอย่างไม่พอใจ
       “ทำไมไม่ทำตามคำสั่ง”
       “นายใหญ่ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงมันก็ไม่มีทางโผล่ขึ้นมาพูดอะไรได้อีก”
       เทพตบหน้าล้วนฉาดใหญ่
       “แต่มันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ฉันต้องการให้เป็น”
       ล้วนหน้าเสีย
       “ขอโทษครับ นายใหญ่”
       “แกเป็นอะไรล้วน ระยะหลังถึงได้ทำงานพลาด”
       “ผม...เอ่อ...”
       “ไม่ต้องพูด จำไว้แล้วกัน...ฉันไม่ชอบ ถึงแม้จะเป็นแก ฉันก็ไม่เลี้ยง อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
       “ครับนาย”
       “คอยจับตาดูเอาไว้ว่าจะไม่มีใครพบศพไอ้ทิว รอไปอีกสักระยะ ให้เรื่องของมันเงียบ ฉันจะจัดการเอาหุ้นของมันทั้งหมดมาเป็นของฉัน”
       เทพหมายมั่นอย่างพึงพอใจ

       ที่บ้านทิว...เข้มรอทิวอยู่อย่างกระวนกระวาย วิวัฒน์เดินเข้ามาพลางถาม
       “นายยังไม่กลับมาอีกเหรอพี่”
       เข้มพยักหน้า
       “ชักเป็นห่วงนายแล้วสิ....แกนี่นะ ฉันจะไปตามหานาย...เผื่อนายกลับมา โทร บอกด้วย”
       “จ๊ะ พี่...”
       เข้มออกไป....วิวัฒน์รู้สึกเป็นห่วงทิวมากเหมือนกัน

       ในลำธาร...ทิวไหลมาริมตลิ่ง เกาะกับกิ่งไม้เอาไว้ได้ แล้วค่อยๆลากสังขารดึงตัวเองขึ้นตลิ่ง เหนื่อยหอบ เจ็บที่แผล พยายามลากตัวเองขึ้นไป
       หญิงมานศรีเดินมา ได้ยินเสียงสวบสาบ เธอชะงัก หันไปมองรอบๆ ไม่เห็นใคร แต่เมื่อออกเดินต่อก็ต้องตกใจ เซ ผงะ เมื่อร่างของทิวล้มเข้ามาขวางอยู่ข้างหน้า
       “ว้าย”
       หญิงมานศรีพยายามมองว่าเป็นใคร ทิวค่อยๆหันหน้ามา
       “นายทิว! นี่...นาย...เป็นอะไร...” หญิงมานศรีตกใจ
       หญิงมานศรีค่อยๆพลิกตัวทิว เห็นรอยแผลที่ถูกแทง
       “นาย...ไปโดนอะไรมา”
       “ผม...ถูก...แทง...”
       หญิงมานศรีตกใจ จะช่วยเหลือ
       “ทำใจดีๆไว้นะ...ฉันจะพานายไปหาหมอ”
       แต่แล้วหญิงมานศรีก็ชะงัก คิดขึ้นได้ นี่คือผู้ชายคนที่ร้ายกาจกับตัวเอง
       “ไม่สิ...ฉันควรจะปล่อยให้นายอยู่ตรงนี้ต่างหาก คนเลว”
       หญิงมานศรีใจแข็ง ตัดสินใจ ลุกเดินออกไป ทิ้งทิวไว้พียงลำพัง ทิวมองหญิงมานศรีที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ...โดยไม่มีแรงจะเรียกเอาไว้...

       ค่ำคืนนั้น...
       วิวัฒน์ยังรออยู่หน้าบ้าน เข้มเดินเข้ามา
       “นายกลับมาหรือยัง”
       “ยังเลยพี่”
       “ไปไหนของเขาวะ มือถือก็ปิดเครื่อง”
       เข้มและวิวัฒน์เป็นห่วงทิวมาก

       ทิวยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ท่ามกลางเสียงวังเวง...ทิวค่อยๆหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง เขาเห็นหญิงมานศรีเดินกลับเข้ามา เพราะเปลี่ยนใจจะมาช่วย
       “นาย...ลุกขึ้นไหวมั้ย”
       ทิวมองหญิงมานศรีอย่างแปลกใจ เห็นสีหน้าและแววตาที่อ่อนโยนของเธอจ้องมา ทิวยิ้มน้อยๆอย่างโล่งใจ และขอบคุณ
       “นายลุกขึ้นไหวมั้ย” หญิงมานศรีเอื้อมมือมาจับมือของทิว
       ทิวจับมือของหญิงมานศรีไว้ ออกแรงฉุดตัวเองขึ้นมา หญิงสาวประคองอย่างระวัง ทิวบอกอย่างกังวล
       “อย่าบอกใคร...ว่าเจอผม...”
       “ไม่บอกได้ยังไง นายบาดเจ็บ”
       “ไม่”
       ทิวมองหญิงมานศรีอย่างเคร่งเครียด จริงจัง หญิงสาวชะงัก ตกใจและไม่เข้าใจในความประสงค์ ทิวบอกอย่างจริงใจ
       “ขอร้อง...”
       หญิงมานศรีอึ้ง ใจอ่อน ยอมเชื่อ

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000063046&Page=4



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 9:14:50 น. 0 comments
Counter : 434 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.