เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4-2

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4 (ต่อ)

หญิงมานศรีมาเคาะประตูห้องแม่ หม่อมสรัสวดีเปิดประตูออกมาเห็นลูกสาวยืนหน้าซีดอยู่ที่หน้าห้อง เหมือนมีเรื่องอยากจะถาม

       “มีอะไรเหรอจ๊ะลูกหญิง ทำไมยังไม่นอนอีก”
       “หม่อมแม่คะ...หม่อมแม่คิด...”
       หญิงมานศรีชะงักอึ้งไป เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและเป็นห่วงของแม่แล้ว ทำให้เปลี่ยนใจที่จะถามสิ่งที่ได้ยินมา
       “ไม่มีอะไรค่ะ”
       “อะไรไม่สบายใจก็คุยกับแม่ได้นะลูก”
       “ไม่มีค่ะ หญิงสบายดี แค่อยาก...มาหาหม่อมแม่ก่อนนอน”
       “โอ๋ ลูกหญิง แก้วตาดวงใจของแม่”
       หม่อมสรัสวดีโอบลูกสาวเข้ามากอดอย่างรักใคร่ จนหญิงมานศรีรู้สึกผิด

       พวงทองเดินหนีเทพมานั่งบนเตียง ด้วยท่าทีเฉยชา
       “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
       “ว่ามาสิคะ”
       “ถ้านายทิวไม่อยากทำงานแล้วเที่ยวทำตัวป่วนชีวิตคนอื่นอยู่แบบนี้ ฉันอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างให้เด็ดขาด”
       “เด็ดขาด ยังไงคะ...ฆ่าให้ตายเลยหรือเปล่า”
       เทพผลักพวงทองลงนอนบนเตียงอย่างกักขฬะ
       “ทำไมจ้องจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวคนชั่วนักห้ะ”
       “ถ้าไม่ได้เป็นคุณจะเดือดร้อนทำไม”
       เทพลงไปนอนคลอเคลียใช้ไม้อ่อน พวงทองหันหน้าหนี
       “คืนนี้...ไม่ใช่เวลาของคุณที่จะมาทำกับฉันแบบนี้”
       “ฉันเป็นคนตั้งกฎ ฉันจะทำอะไรก็ได้...พวงทองเธอรักฉันบ้างมั้ย”
       พวงทองไม่พูด เทพจับหน้าเธอหันมาอย่างแรง
       “ไม่รักเลยใช่มั้ย”
       พวงทองก็ยังไม่พูด เทพประกบปากเธออย่างรุนแรง แล้วถอนออก
       “ฉันรู้ว่าเธอรัก แต่ปากแข็ง”
       พวงทองแสยะยิ้ม
       “วิธีเด็ดขาดที่ฉันจะจัดการกับน้องชายเธอ คือฉันจะซื้อหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาในราคาที่ได้กำไรหลายเท่า เพื่อที่ฉันจะได้บริหารทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ”
       “ทิวไม่มีทางยอมขาย”
       “เธอก็ทำให้ทิวยอมสิ”
       พวงทองอึ้ง เทพลูบไล้ เล้าโลม
       “แล้วฉันสัญญา...ว่าเธอจะเป็นภรรยาหมายเลขหนึ่งของฉัน”
       “ไม่ได้จองตำแหน่งนี้ไว้ให้คุณหญิงหญิงมานศรีเหรอคะ”
       เทพอึ้ง หมดอารมณ์ ผละออกจากพวงทองทันที
       “เธอเป็นเมียฉัน เธอต้องทำตามคำสั่งของฉัน ไม่งั้น...เธอจะไม่มีวันได้รับอิสระจากฉัน พวงทอง!”
       เทพเดินออกไป ปิดประตูอย่างแรง พวงทองสุดจะทนกับความเจ็บปวดที่เทพกระทำ ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น

       หญิงมานศรีเข้ามาในห้อง ปิดประตู
       “หญิงขอโทษนะคะหม่อมแม่ หม่อมแม่ของหญิงไม่มีทางทำอย่างที่คุณผ่องทิพย์พูดเด็ดขาด”

       หญิงมานศรีเดินไปนอนบนเตียงอย่างอิดโรย รู้สึกปวดหัวเพราะความเครียด ค่อยๆล้มตัวลงนอน หลับตา

       ทิวเปิดอ่านจดหมายอย่างเคร่งเครียด อารมณ์แค้นปรากฏขึ้น แต่ก็พยายามระงับสติ...เช้าวันใหม่เขาไปที่โรงงานน้ำตาล ดูไลน์การผลิต เข้มวิ่งมาหน้าตาตื่น
       “นาย...ไอ้ช้างมันถูกมีดตัดอ้อยฟันที่ขา ถึงกระดูกเลย”
       “พาไปโรงพยาบาลเร็ว!”
       ทิววิ่งออกไปกับเข้มด้วยความเป็นห่วงคนงาน

       พิไลพรพาหญิงมานศรี มานั่งพักที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
       “ใครเตือนก็ไม่เชื่อ ว่าอย่าเพิ่งกลับไปทำงาน ดื้อนัก”
       “อย่าบ่นได้มั้ย”
       “แล้วยังโกหกหม่อมแม่อีกว่ามาส่งพรแล้วจะไปช็อปปิ้งต่อ ที่แท้ตัวเองก็ปวดหัวแทบระเบิดให้พามาหาหมอ”
       “บ่นอีกคำเดียว หญิงจะไม่พูดด้วยสามวัน”
       “จู่ๆคุณหญิงก็ปวดหัวไมเกรน แสดงว่าเครียดมาก...ไม่เอานะคะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็มันผ่านไป อย่าเก็บมาคิด นี่พรไม่ได้บ่นนะ แค่พูดให้ฟัง”
       “หญิงไม่คิดถึงเรื่องที่มันผ่านมาแล้วหรอก หญิงคิดแต่เรื่องที่จะเกิดขึ้นวันนี้ พรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าหญิงจะต้องรับมือกับอะไรบ้าง”
       หญิงมานศรีนึกหวั่นเรื่องทิว

       เข้มเดินมาส่งทิวหน้าโรงพยาบาล
       “ถึงมือหมอแล้ว มันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะนาย”
       “ทีหลัง ดูแลเรื่องความปลอดภัยหน่อย อะไรวะ เดินเข้าไปได้ คนกำลังตัดอ้อย”
       “ครับนาย”
       “ฝากจัดการด้วย ฉันกลับก่อน”
       “ครับนาย”
       ทิวเดินออกไป เข้มกลับเข้าไปในโรงพยาบาลต่อ...ทิวเดินมาพลันเหลือบไปเห็นลุงมิตรกำลังนั่งอยู่ที่สวนหย่อม
       “ลุงคนนั้นนี่”
       ลุงมิตรหันหน้ามา ทำให้ทิวมองเห็นใบหน้าของลุงมิตรชัดๆอีกครั้ง ทิวนึกสงสัย
       “ทำไมหน้าลุงดูคุ้นๆ”

ลุงมิตรลุกขึ้นเดินไปเดินมา ทิวยังเฝ้าสังเกตลุงมิตรไม่วางตา



พิไลพรพาหญิงมานศรีเดินมาหน้าโรงพยาบาล

       “ขับรถกลับไหวนะคะคุณหญิง”
       “สบายมากจ๊ะ”
       ทิวเดินเข้ามา เห็นหญิงมานศรีอยู่กับพิไลพรก็ชะงัก หญิงมานศรีหันหน้าหนี พิไลพรแปลกใจ
       “คุณทิว มีอะไรเหรอคะ!”
       “ผมมีเรื่องรบกวนคุณพรหน่อยครับ”
       พิไลพรแปลกใจ หญิงมานศรีเองก็แปลกใจว่าเรื่องอะไร

       ลุงมิตรนั่งซึมเหม่ออยู่บนเก้าอี้ ทิวเดินมากับพิไลพร หญิงมานศรีเดินตามมาห่างๆ สังเกตอยู่เงียบๆ ทั้งหมดยืนดูลุงมิตรที่ท่าทางดูเลื่อนลอย ลุกบ้าง นั่งบ้าง เดินบ้าง พิไลพรอธิบายอาการของลุงมิตร
       “ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นใครหรือมาจากไหน ชาวบ้านพบแกบาดเจ็บไม่ได้สติที่ริมแม่น้ำ...เลยพามาที่นี่ รักษาตัวอยู่นาน กลายเป็นคนพิการ พอฟื้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้ พูดจาสับสนไปหมด เหมือนจะเสียสติ แต่ไม่ใช่ เพียงแค่ ความจำแกยังไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
       ทิวเดินเข้าไปหาช้าๆ ลุงมิตรชะงักมองทิว
       “ลุงครับ...ลุงชื่ออะไรครับ เผื่อผมอาจจะพอรู้จัก เพราะผมคุ้นหน้าลุงมาก”
       ลุงมิตรรีบลุกหนีไปทันที
       “เดี๋ยวก่อนครับลุง!”
       ลุงมิตรเดินลิ่วไป หญิงมานศรีและพิไลพรมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

       หญิงมานศรีเดินลิ่วมา จะกลับไปที่รถ ทิวเดินตามหลังมาติดๆ หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้า เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มอยู่ใกล้ แต่ทิวก็เร่งฝีเท้าตามขึ้นไปในที่สุด หญิงมานศรีตัดสินใจวิ่ง แต่แล้วจู่ๆเธอก็ปวดหัวอย่างแรง จนต้องหยุดวิ่ง
       “โอ๊ย...”
       ทิวตกใจ เข้าไปดูอาการ
       “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
       “ฉันปวดหัว”
       “กลับไปหาหมอดีกว่า! เป็นมากขนาดนี้ นอนโรงพยาบาลเถอะ”
       “ไม่ ฉันมียา...ฉันไม่อยากนอน ไม่อยากให้หม่อมแม่เป็นห่วง”
       หญิงมานศรีพยายามจะฝืนตัวเองเดินไป ทิวคอยมองอย่างระวัง แต่แล้วหญิงสาวก็เซปวดมาก ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองไว้
       “มา ผมช่วย”
       “ไม่ต้อง”
       ทิวผลักเลย
       “งั้นก็เดินเอง”
       หญิงมานศรีล้มลง
       “โอ๊ย!”
       ทิวตกใจ เข้าไปประคองอีก
       “ผมขอโทษ...”
       ฃายหนุ่มตัดสินใจอุ้มหญิงสาวขึ้นมาทันที
       “ปล่อย...ฉัน...นะ”
       “เก็บความอวดดีไว้ใช้ในเวลาอื่นเถอะ!”
       ทิวอุ้มหญิงมานศรีไปนั่งพักที่มุมพักผ่อน เขายื่นยาและส่งน้ำขวดให้เธอดื่มน้ำ หญิงมานศรีทานยาเสร็จแล้ว พยายามนั่งนิ่งๆ ทิวลงนั่งข้างๆ เงียบๆ เหล่มองเป็นระยะกลัวเธอจะล้มอีก สักครู่หญิงมานศรีก็หลับตาลงหัวค่อยๆเอนลงๆ จนซบกับไหล่ของเขาและหลับไป
       “เธอ...”
       หญิงมานศรีเงียบ ไม่โต้ตอบ
       “หลับแล้วหรือไง”
       หญิงมานศรียังเงียบ ทิวเช็กดู ก็พบว่าเธอหลับแล้วจริงๆ ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดที่ถูกหญิงสาวอิงแอบ หญิงมานศรีสัปหงก ลื่นมาซบที่อกของเขา ทิวถอนใจเฮือก ก่อนจะใจอ่อน ค่อยๆจับหัวเธอให้ซบไหล่ในท่าที่เหมาะสม และปล่อยให้หลับต่อไปโดยซบกับไหล่ของตัวเอง รู้สึกเขินๆเหมือนกัน

       หม่อมสรัสวดีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ขวัญตาถือแก้วเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้อย่างเอาใจ
       “ฉันไม่ได้สั่ง”
       “อ๋อ...เป็นน้ำใจของขวัญตาที่อยากทำให้หม่อม ในฐานะเจ้าของบ้านที่ดีต้องรับรองแขกอย่าให้ขาดตกบกพร่องค่ะ”
       หม่อมสรัสวดีมองเหยียด
       “เจ้าของบ้าน...เธอน่ะเหรอ”
       “ค่ะ อีกไม่นาน ขวัญตาก็จะจดทะเบียนกับคุณเทพกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หม่อมไม่ทราบเรื่องนี้เหรอคะ”
       “ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องทราบ”
       หม่อมสรัสวดีลุกเดินหนี
       “ก็ทราบไว้แล้วกันค่ะ ว่าคุณเทพเกิดมาเพื่อขวัญตา ไม่ใช่เพื่อคนอื่น”
       หม่อมสรัสวดี หันมองขวัญตาตาเขียว
       “เธอแน่ใจเหรอถึงได้พูดออกมา”
       “ทำไมจะไม่แน่ใจล่ะคะ...หม่อมนั่นแหละค่ะ แน่ใจเหรอคะถึงได้ถามขวัญตาอย่างนั้น”
       ขวัญตามองหม่อมสรัสวดีอย่างท้าทาย ลุกขึ้นยิ้มหวานให้
       “ดื่มสักหน่อยนะคะ อุตส่าห์ชงมาให้ ไม่อย่างนั้น...ขวัญตาก็จะคิดได้ว่า หม่อมไม่อยากเป็นมิตรกับขวัญตา เราคงมองหน้ากันลำบากนะคะ”
       ขวัญตายิ้มเยาะๆให้หม่อมสรัสวดี แล้วเดินเชิดๆผ่านไป หม่อมสรัสวดีมองขวัญตาอย่างหมั่นไส้
       “รำคาญจริง! นังพวกแมงหวี่แมงวัน ฉันจะให้พวกแกได้เจอดี”

       เทพกดวางสายมือถืออย่างอารมณ์เสีย ล้วนยืนอยู่ข้างๆ
       “คุณหญิงไปไหนของเขานะ ไม่รับสายฉันเลย”
       “อาจจะกำลังเพลิดเพลินกับการดูหนังหรือช็อปปิ้งอยู่ก็ได้ครับนาย วันนี้เป็นวันหยุดของเธอนะครับ”
       “ก็ฉัน...หวง”
       “ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะครับนาย”
       “ก็จริง...”
       เทพยิ้มมีความสุขเมื่อคิดถึงหญิงมานศรี

       ทิวพาหญิงมานศรีมาที่บ้านพักของเขา แล้วยืนมองเธอที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนโซฟา
       “อดหลับอดนอนมาเป็นชาติเลยหรือไง...จะตื่นเมื่อไหร่เนี่ย!”
       หญิงมานศรีเพ้อเบาๆ ทิวชะงัก
       “เพ้ออะไร”
       ชายหนุ่มก้มลงไฟฟังใกล้ๆ
       “ท่านพ่อขา...ช่วยหญิงด้วยอย่าทิ้งหญิงไป หญิงคิดถึงท่านพ่อ”
       น้ำตาหญิงมานศรีไหลออกมา ทิวอึ้งเห็นความอ่อนไหวของหญิงสาว มันละลายความแข็งกระด้างในหัวใจของเขาลง ชายหนุ่มค่อยๆปาดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างแผ่วเบา...หญิงมานศรีกอดแขนของทิวเอาไว้ เหมือนเด็กกอดหมอนข้าง กอดแน่น เหมือนยึดเป็นที่พึ่ง ชายหนุ่มชะงักจ้องมองหญิงสาว
       “หึ แล้วทำเป็นอวดเก่ง...”

       ทิวเผลอมองหน้าหญิงมานศรีอย่างอ่อนไหว

       ทิวยังจ้องมองหน้ามานศรีโสภาคย์ ที่กอดแขนทิวไม่ยอมปล่อย สายตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอยู่ลึกๆ มานศรีโสภาคย์เพ้อออกมา
       “ทำไมทุกคนต้องเกลียดหญิง...หญิงต้องทำยังไง ทำยังไง”
       “แค่เพียงเธอมีจิตใจที่ใสซื่อและบริสุทธิ์เหมือนกับหน้าตา ก็จะไม่มีใครเกลียดเธอ...แต่เพราะเธอร้อยเล่ห์มารยา”
       ทิวได้สติจับแขนหญิงสาวออกจากแขนของตัวเองอย่างรังเกียจ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป มานศรีโสภาคย์ยังนอนหลับไม่รู้สึกตัว

       ทิวเดินมาระบายอารมณ์หงุดหงิดที่มุมหนึ่งในบ้านที่เขาใช้เป็นสถานที่ทำงานปั้น ซึ่งเขาปั้นพวกกระถางแขวน พวกสัตว์ต่างและอื่นๆ ที่ใช้ประดับสวน ทิวรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง
       “เป็นอะไรของแกวะไอ้ทิว เป็นอะไร ไปอ่อนไหวกับผู้หญิงแบบนั้นทำไม ฮื่ย!”
       ชายหนุ่มไม่พอใจตัวเองมาก เขาเตะถังน้ำที่ใช้ล้างมือกระเด็นระบายอารมณ์ เสียงที่ดังทำให้มานศรีโสภาคย์สะดุ้งตื่นเฮือก รู้สึกยังมึนๆ เห็นสภาพแวดล้อมแล้วก็ตกใจ เพราะไม่ใช่โรงพยาบาล
       “บ้านนายทิว!”
       มานศรีโสภาคย์พยายามรวบรวมสติ สำรวจตัวเอง เห็นเสื้อผ้ายังอยู่ครบก็โล่งใจ หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้น พยายามประคองตัวเดินออกไปทันที
       ทิวลงมือปั้นงานปั้น แล้วชุดที่ตัวเองใส่เปรอะเปื้อน เขามองเซ็งๆก่อนจะถอดเสื้อที่เปื้อนออก เดินออกไป...มานศรีโสภาคย์เดินออกมา เจอกับทิวที่เปลือยกายท่อนบนเดินเข้ามาพอดี หญิงสาวตกใจกลัวเขาจะทำมิดีมิร้าย รวบรวมกำลังวิ่งออกไป แต่เจอเขารวบตัวเอาไว้
       “จะไปไหน”
       “ฉันจะกลับ ปล่อย!”
       “เธอยังกลับไม่ได้”
       มานศรีโสภาคย์ยิ่งตกใจ
       “จะทำอะไร ไอ้คนเลว...ปล่อย!”
       มานศรีโสภาคย์ กลัวทิวจะล่วงเกิน กัดมือเขาอย่างแรง
       “โอ๊ย”
       หญิงสาวผละออกจากชายหนุ่มได้สำเร็จ วิ่งออกไป

       เข้มเดินถือกุญแจรถของมานศรีโสภาคย์เดินมา พลางตะโกน
       “นายครับ ผมเอารถคุณหญิงมาแล้วครับ”
       มานศรีโสภาคย์วิ่งออกมาได้ยิน เข้มชะงัก หญิงสาววิ่งเข้ามาแย่งกุญแจจากมือเข้ม
       “เอากุญแจมานี่!”
       “ครับๆๆๆ”
       เข้มรีบคืนกุญแจให้ มานศรีโสภาคย์จะวิ่งออกไป ทิววิ่งออกมาพอดีตะโกนสั่ง
       “ไอ้เข้ม อย่าเพิ่งปล่อยตัวไป”
       มานศรีโสภาคย์รีบวิ่งหนี ทิวรีบวิ่งมา เข้มตกใจ เห็นทิวเปลือย คิดว่าเขาทำอะไรมานศรีโสภาคย์แน่ๆ
       “เฮ้ย! นาย นายทำอะไรคุณหญิง!”
       ทิวไม่สนใจเข้ม ตามมานศรีโสภาคย์ไป
       “นาย...ลูกเขามีพ่อมีแม่นะกลางวันแสกๆอีกต่างหาก นาย”
       มานศรีโสภาคย์วิ่งอย่างอ่อนแรง ทิววิ่งมาอย่างเร็ว เข้ามารวบตัวเธอเอาไว้
       “ปล่อย ฉันจะกลับ ปล่อย”
       “เธอยังกลับไม่ได้!”
       “ทำไมฉันจะกลับไม่ได้ ฉันไม่อยู่ให้นายข่มเหงฉันหรอก ปล่อย!”
       “ข่มเหงอะไร! คิดว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง ที่บอกว่ายังกลับไม่ได้ เพราะเธอ ไม่ได้เอาถุงยาของเธอกลับไปด้วย”
       มานศรีโสภาคย์ชะงัก
       “เออ! สงบได้แล้วใช่มั้ย”
       หญิงสาวอึ้งไป ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม
       “รออยู่ตรงนี้”
       “ฉันไม่รอ”
       “ไม่รอ ก็ไม่มีใครเอาไปถวายให้ที่โน่นหรอกนะ”
       มานศรีโสภาคย์จำใจยืนรอ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป ทิวหันเดินออกไป หอบเหนื่อย เซ็ง หงุดหงิด ขวัญตายืนแอบดูอยู่จากมุมหนึ่งอยู่แล้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์

       ทิวเดินเข้ามาในบ้าน เข้มเข้ามาถาม
       “นาย...ทำไมนาย ทำแบบนี้ ไหนบอกว่าพามานอนพักเฉยๆ”
       “อะไรของแก ฉันไม่ได้ทำอะไร เสื้อฉันเปื้อน เลยถอดออก ยัยนั่นตื่นตกใจโอเว่อร์เอง”
       “อ้าว...”
       “ยัยนั่นลืมถุงยา เอาไปให้ด้วย”
       “ครับนาย...”

ทิวเดินหงุดหงิดไป เข้มเกาหัวแกรกๆ หน้าจ๋อยๆ
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4 (ต่อ)

เทพนั่งนิ่งใบหน้าเฉยเมย มองหน้าขวัญตาที่เพิ่งมาฟ้องเรื่องระหว่างทิวกับหญิงมานศรี

       “กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขา ขวัญตาเห็นแล้วตกใจค่ะ ว่าเนี่ยเหรอ คุณหญิงมานศรีโสภาคย์ผู้หยิ่งทะนง แต่ทำไมลับหลังทำตัวเหมือน...”
       เทพยกมือปรามเบาๆ
       “พอเถอะขวัญตา”
       “ทำไมคะ ยังเล่าไม่หมดเลยนะคะ”
       “เรื่องส่วนตัวของคุณหญิงเค้า ฉันไม่เกี่ยว”
       “แต่ก็ไม่เหมาะสมอยู่ดีล่ะค่ะ ที่ไปทำอะไรแบบนั้น ประเจิดประเจ้อ ถ้าคนงานมาเห็น เอาไปนินทา มันจะกระทบถึงคุณเทพนะคะ”
       เทพฉุนกึกตวาดเสียงเข้ม
       “ฉันบอกให้พอ...”
       ขวัญตาหยุด สังเกตท่าที เทพยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติ มีแค่เพียงเสียงถอนหายใจ
       “ถ้าที่เธอพูดมาเป็นความจริง ทำแบบนั้นคงไม่เหมาะสมนัก เพราะคุณหญิงเป็นเลขาของฉัน ไว้ฉันจะสอบถามคุณหญิงดูเอง...หวังว่าเธอคงไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา เพราะโกรธและยังมีเยื่อใยกับนายทิวหรอกนะ”
       ขวัญตาชะงักไปนิด
       “คุณเทพถามขวัญตาอย่างนี้ได้ไงคะ ขวัญตาบอกแล้วไง ว่าขวัญตาไม่ได้รักพี่ทิว...ขวัญตารักคุณคนเดียว”
       ล้วน ยิ้มเยาะ ขวัญตารีบเข้ามาอ้อนเทพ
       “ขวัญตาหวังดีกับคุณเทพนะคะ ไม่อยากให้คุณเทพเสียหายในสายตาใครๆ”
       “ขอบใจนะ...พอดีฉันมีนัดต้องออกไปคุยงานข้างนอก ขวัญตาอยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวฉันจะซื้อมาฝาก”
       “ขอแค่คุณเทพอยู่กับขวัญตาคืนนี้ แก้ตัวแทนเมื่อคืนได้มั้ยคะ”
       “ได้สิ”
       ขวัญตาโผเข้ากอดเทพด้วยความดีใจ เทพโน้มตัวขวัญตามาจูบที่หน้าผาก แต่สายตากลับเหี้ยม เครียด เพราะแค้น

       หญิงมานศรีถือถุงยา เดินเข้ามา คฤหาสน์ เทพซึ่งนั่งรออยู่แล้วลุกขึ้นรับ
       “กลับมาแล้วเหรอครับ ช็อปปิ้งสนุกมั้ย”
       “ก็...ค่ะ...”
       “ไปซะนาน...แต่ไม่เห็นซื้ออะไรกลับมาเลยนะครับ”
       “หญิง แค่เดินดูค่ะ ไม่ได้คิดอยากซื้ออะไร”
       “ไม่มีของถูกใจเลยเหรอครับ”
       “ไม่มีค่ะ ขอตัวนะคะ”
       หญิงมานศรีพยายามเดินเลี่ยงไป เทพยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
       “ดูคุณหญิงเพลียๆนะครับ ไปถึงไหนมาล่ะครับ”
       หญิงมานศรีถอนใจ หันมาตอบเทพนิ่งๆ
       “ทำไมคุณเทพต้องซักเหมือนหญิงเป็นนักโทษคะ...หญิงทำงานเป็นเลขาให้คุณเทพ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องรายงานความเป็นส่วนตัวให้คุณรู้ทุกอย่างนะคะ”
       เทพนึกโกรธ แต่เก็บอาการเอาไว้
       “ผมขอโทษ ถ้าเป็นการถามที่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว...ผมแค่เป็นห่วง เพราะคุณหญิงหายไปนานและไม่รับโทรศัพท์ใคร คงเป็นเวลาส่วนตัวที่คุณหญิงไม่อยากให้ใครกวนจริงๆ”
       “ค่ะ เพราะมีเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นของหญิงจริงๆ”
       หญิงมานศรีเดินออกไปพลางโล่งอก เทพเครียดแค้นเหมือนไฟสุมอก

       ทิวกำลังนวดดินเหนียวอย่างจดจ่ออยู่ในห้องงานปั้น ภาพใบหน้าขณะกำลังหลับของหญิงมานศรีที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ งดงาม เข้ามากวนจิตใจและสมาธิของเขาเป็นระยะๆ ทิวโมโห ใช้หมัดทุบก้อนดินเหนียวเพื่อระงับความฟุ้งซ่าน
       “โว้ย!”
       ทิวไม่มีสมาธิทำงานต่อไป เดินออกไป

       หญิงมานศรีเดินขึ้นบันไดไป ผ่องทิพย์กำลังเดินลงมาที่เชิงพักบันได ทั้งสองคนหยุดชะงัก มองหน้ากัน หญิงมานศรีเลี่ยงเดินขึ้นไป ผ่องทิพย์มองอย่างเกลียดชัง ก่อนจะทำเป็นเซไปปะทะหวังจะทำให้หญิงมานศรีตกบันได
       “โอ๊ย!”
       หญิงมานศรีเสียหลัก กำลังจะล้ม สรัสวดีเข้ามารับตัวของลูกสาวไว้ได้ทัน
       “ระวังลูกหญิง!”
       ผ่องทิพย์เจ็บใจที่แผนไม่ได้ผล หญิงมานศรีและสรัสวดีมองผ่องทิพย์อย่างเอาเรื่อง
       “มองอะไร ฉันเท้าพลิก ล้มไม่ได้ตั้งใจ”
       ผ่องทิพย์เดินเชิดลงไป สรัสวดีมองตามอย่างเดือดดาล
       “ลูกหญิง มาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนไป เดี๋ยวแม่ไปคุยด้วย”
       หญิงมานศรีรู้ทัน
       “หม่อมแม่คะ อย่ามีเรื่องเลยนะคะ”
       “แต่มัน...”
       “ต่อไปหญิงจะระวังตัวให้มากขึ้น ยิ่งเราไปทะเลาะด้วย เรื่องมันจะไม่จบ หญิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดค่ะ”
       “ลูกหญิงของแม่...สมแล้วที่เป็นกฤติยา จ๊ะ แม่จะทำตามที่ลูกหญิงขอ งั้นแม่จะไปหาของว่างมาให้ลูกหญิงนะ”
       “ค่ะ”
       หญิงมานศรีเชื่อแม่เดินขึ้นข้างบนไป สรัสวดียิ้มรอจนลูกสาวลับไปแล้ว หันกลับมาหน้าเปลี่ยนทันที
       “นังผ่องทิพย์!”

       ผ่องทิพย์เดินมาในสวนอย่างหงุดหงิด
       “เจ็บใจนัก...นังแม่ตัวดี”
       ผ่องทิพย์เดินมาถึงแปลงกุหลาบ สรัสวดีเดินดิ่งตรงมาทางข้างหลัง เข้ามาจิกหัวหน้าหงาย
       “โอ๊ย!...อะไรเนี่ย!”
       “โดนฉันตบไปทีหนึ่ง มันไม่ได้ช่วยให้แกฉลาดขึ้นเลยใช่มั้ย”
       “ปล่อยฉันนะ นังหม่อม”
       “ทีแก ยังตามจิกลูกสาวฉันไม่ปล่อย ฉันก็จะไม่ปล่อยแกลอยหน้าลอยตาทำร้ายลูกสาวฉัน โดยไม่ได้รับกรรมหรอก นังผ่องทิพย์”
       “แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ”
       “คนอย่างแก มีแต่หน้าตาที่สะสวย แต่จิตใจเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะฉะนั้น สวยไปก็เท่านั้น”
       สรัสวดีมองไปที่แปลงกุหลาบที่มีหนาม เธอจับหัวผ่องทิพย์ลงทิ่มไปที่แปลงกุหลาบทันที
       “กรี๊ด”
       สรัสวดีขยี้หน้าผ่องทิพย์กับต้นกุหลาบ
       “จำไว้นะ...ลูกสาวฉันเป็นดอกกุหลาบ ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว แต่มีฉันเป็นหนามแหลมคมคอยปกป้องไม่ให้พวกแกทำอะไรได้ง่ายๆ นังดอกหญ้าริมถนน”
       ผ่องทิพย์ดื้นพล่าน
       “กรี๊ด”
       พวงทองเดินเก็บดอกไม้ผ่านมาเห็นเข้า ตกใจ รีบวิ่งเข้าไป
       “เกิดอะไรขึ้นคะ หม่อม! ผ่อง!”
       สรัสวดีชะงัก รีบปล่อยมือจากผ่องทิพย์ทันที ผ่องทิพย์ค่อยๆลุกขึ้น หันหน้ามา เลือดซิบๆเป็นริ้วบนใบหน้า
       “โอ๊ย”
       พวงทองตกใจ
       “ผ่อง!”
       สรัสวดีมองอย่างสะใจ
       “น้องสาวเธอตั้งใจผลักลูกหญิงให้ตกบันได ฉันจึงต้องมาจัดการให้รู้สำนึก ถ้ายังไม่เข็ดหลาบ จะเจอยิ่งกว่านี้”
       สรัสวดีเดินออกไป ผ่องทิพย์มองตามอย่างเคียดแค้น แต่ก็เจ็บระบม พวงทองเป็นห่วงน้องมาก

       เข้มกับคนงานกำลังโขกหมากรุก อยู่ที่มุมพักผ่อนคนงานกันอย่างสนุกสนาน
       ทิวเดินเข้ามาเรียก
       “ไอ้เข้ม!”
       “มีอะไรนาย”
       “เอามาไหหนึ่ง!”
       เข้มตกใจ
       “เฮ้ย นาย! ตอนนี้เลยเหรอ”
       “เออ! เบื่อ เซ็ง!”
       เทพเข้ามากับล้วน
       “อารมณ์ค้างมาหรือไงทิว”
       ทิว เข้มและทุกคนชะงัก หันไป
       “เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ ไอ้เข้ม ไปเอามา”
       “คงไม่เกี่ยวไม่ได้...เพราะนายกำลังทำให้เลขาของฉันต้องมัวหมอง”
       ทิวอึ้ง คนงานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เข้มรีบไล่คนงานไปทันที
       “พวกเอ็งไปก่อนไป...”
       คนงานรีบวิ่งออกไป แต่ไม่ไปไหน พากันแอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิวเดินไปเย้ยเทพ
       “แล้วเดือดร้อนอะไร ฉันจะทำอะไรกับใคร ที่ไหน ยังไงในอาณาจักรนี้ก็ได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
       “เมื่อไหร่ถึงจะเลิกหลอกตัวเองและยอมรับความจริงได้สักที ทิว!”
       “ความจริงที่คุณเป็นคนสร้างขึ้นมาหลอกทุกคนน่ะเหรอ ว่าได้ครอบครองที่นี่อย่างถูกต้อง ว่าเป็นสุภาพบุรุษที่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงที่ไม่มีทางไป ว่าเป็นเทพบุตรคอยช่วยเหลือผู้ดีตกยาก โดยไม่หวังอะไรตอบแทน!”
       “ฉันไม่ได้สร้าง! แต่นายนั่นแหละที่สร้างมโนภาพทุกอย่างขึ้นมา”
       “เบื่อจะเถียงโว้ย! ยังไงความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ”
       ทิวจะเดินหนี
       “นายกำลังหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามฉันเรื่องคุณหญิงหญิงมานศรีนายทำอะไรเธอ”
       ทิวเดินย้อนมา เย้ยเทพ
       “หึงเหรอ...บอกอะไรให้นะ นายไม่มีทางได้เธอหรอกเพราะฉันจะ...”
       ทิวยังพูดไม่จบเทพขัดขึ้น
       “คนอย่างนายจะทำอะไรได้ นอกจากคอยขู่ฉันๆไปวันๆ...ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมพี่ทัดถึงได้ยกหุ้นให้ฉันดูแลแทนลูกชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาย”
       ทิวโกรธจัด ต่อยเทพเปรี้ยง เทพล้มลงไป ทุกคนครางฮือตกใจ ล้วนจะเข้ามาช่วย เทพยกมือห้าม
       “ไม่ต้อง!”
       เทพเช็ดเลือดที่กบปากตัวเอง ทิวมองเย้ย
       “นี่ไง ใครบอกว่าผมทำอะไรคุณไม่ได้”
       “งั้นฉันคงต้องป้องกันตัวเอง”
       เทพเข้าไปต่อยทิวเปรี้ยงจนทิวเซ ทุกคนตกใจ เข้มขยับตัว ล้วนขวางเอาไว้
       “เฮ่ย! เรื่องของนาย ห้ามยุ่ง”
       เข้มชะงัก คนงานที่แอบดูอยู่ต่างตกใจเห็นทิวเลือดกบปาก

ทิวเช็ดเลือด แรงโกรธยิ่งเพิ่มมากขึ้น ลุกขึ้นพุ่งเข้าชนใส่เทพทันที



หญิงมานศรีเดินเล่นทอดอารมณ์ พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง พิไลพรเดินตามมา

       “ออกมาเดินเล่นบ้าง ที่นี่บรรยากาศดี ช่วยได้นะคะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องแบบนั้น มีแต่จะทำให้ยิ่งเครียด”
       “ใช่...บางที ถ้าออกมาซะบ้าง จะทำให้เรามองเห็นอะไรได้กว้างขึ้น ชัดขึ้น”
       “หมายถึงอะไรคะ”
       “ปัญหาที่หญิงกำลังเจออยู่นี่ไง พร...หญิงกำลังคิดว่า ถ้าหญิงต้องเจอกับ...กับ...สิ่งที่ทำให้เราอึดอัดใจทุกวัน หญิงจะรับมือกับมันยังไงดี ก่อนที่ตัวเองจะบ้าไปซะก่อน”
       “จำวันแรกที่เรามาที่นี่ได้มั้ยคะ พรเคยบอกคุณหญิงไว้ว่ายังไง”
       “หญิงไม่จำเป็นต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง”
       “ใช่ค่ะ”
       “นั่นสินะ...หญิงขอเวลาสักพักเถอะนะ ให้หญิงได้อดทนจนถึงที่สุดจริงๆก่อน ถึงเวลานั้น...หญิงจะไม่ลังเลใจเลยที่จะไปจากที่นี่”
       “ค่ะ”
       พิไลพรให้กำลังใจ ทันใดนั้นคนงานพากันวิ่งกรูไปทางหนึ่ง หญิงมานศรีและพิไลพรมองตามอย่างสนใจ

       ทิวต่อยหน้า เทพเซไปแต่ยังทรงตัวได้ ทิวเดินหน้าเทพปัดป้องหมัดและลูกเตะของทิวได้อย่าง
       มีชั้นเชิง ทิวดูมุทะลุมาก แต่เทพกลับนิ่งและดูสุขุม มีเชิงที่เหนือกว่า ทิวถูกเทพต่อยไปกองอยู่ที่พวกมีดตัดอ้อย และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ
       “นาย!”
       เข้มจะเข้าไปช่วย ทิวโบกมือห้าม
       “ไม่ต้อง!”
       “ท่าทางสู้ด้วยมือเปล่า นายคงแย่...ฉันอนุญาตให้ใช้อาวุธนะ ไม่ว่ากัน”
       ทิวโกรธที่ถูกท้า คว้ามีดตัดอ้อยเข้าห้ำหั่น เทพหลบเลี่ยงได้ คนงานกลุ่มใหม่เข้ามาสมทบแอบดู รวมทั้งหญิงมานศรีและพิไลพรด้วย ทั้งสองตกใจที่เห็นเทพและทิวสู้กัน เทพถูกคมมีดเฉี่ยวที่แขน เสียหลัก เห็นเลือดซิบๆ
       “ใช้อาวุธได้นะ ไม่ว่ากัน”
       ทิวเตะมีดตัดอ้อยให้เทพ แล้วมองอย่างท้าทาย เทพใช้เท้าเตะด้ามมีดจนลอยขึ้นมาอยู่ในมือ ฝีมือไม่ธรรมดา หญิงมานศรีและพิไลพรหวาดเสียวมาก
       “นี่ถึงกับจะฆ่าแกงกันเลยหรือไง ทำไมไม่มีใครไปห้าม”
       “นายไม่ให้ยุ่ง...” คนงานบอก
       พิไลพรหน้าตื่นหันไปถามคนงาน
       “มีเรื่องอะไรกัน”
       “นายใหญ่มาเอาเรื่องนายทิวเพื่อปกป้องคุณหญิงเลขา แต่โดนนายใหญ่พูดจี้ใจดำเข้าเลยโมโห ซัดนายใหญ่ก่อน นายใหญ่เลยต้องป้องกันตัว”
       หญิงมานศรีรู้สึกไม่พอใจทิว ร้อนใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ มองดูเทพและทิวต่อสู้กัน ใจคอไม่ดี
       ทิวและเทพซัดกันและหลบคมมีดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

       ตะวันกำลังจะลับเหลี่ยมฟ้า ทิวและเทพในสภาพที่อิดโรยและบาดเจ็บไม่ต่างกันต่างทำร้ายอีกฝ่ายจนอาวุธหลุดจากมือ เหลือเพียงมือเปล่าทั้งคู่จดจ้องกัน ท่ามกลางสายตาของหญิงมานศรี พิไลพร เข้มและคนงานที่คอยลุ้น ให้ศึกครั้งนี้จบลงเสียที ล้วนและเข้มต่างเอาใจช่วยนายของตน หญิงมานศรีวิตกกังวล
       “สงสารคุณเทพจังเลยพร”
       “ไปสงสารทำไมคะ พรสงสารคุณทิวมากกว่า”
       “หญิงจะเข้าไปห้าม!”
       หญิงมานศรีวิ่งเข้าไป พิไลพรตกใจ
       “คุณหญิง อันตรายค่ะ”
       พิไลพรวิ่งตามไป จังหวะเดียวกับที่ทิวพลาดท่าเสียที เทพดึงอาวุธที่ปักอยู่ที่พื้นขึ้นมา เงื้อไปที่ทิว หมายจะฆ่า หญิงมานศรีวิ่งเข้ามาถึงพอดี ชะงัก ตกใจ เทพเหลือบไปเห็นเข้า จึงยั้งเอาไว้ ทำเป็นใจพระ ไว้ชีวิตทิว
       “ฉันจะไว้ชีวิตนาย...ทิว เพราะฉันสัญญากับพี่ทัดเอาไว้ ว่าฉันจะดูแลนายให้ดีที่สุด”
       ทิวมองเทพด้วยความแค้น ก่อนจะหันไปเห็นว่าหญิงมานศรียืนอยู่ ทิวรู้ได้ทันทีว่าเทพทำเอาหน้าหญิงมานศรี เทพปล่อยอาวุธ หญิงมานศรีเข้ามาดูอาการของเทพ พิไลพรตามมา รู้สึกสงสารทิว
       “คุณเทพ เป็นยังไงบ้างคะ”
       เทพตีหน้าเจ็บนิดๆ พอเรียกคะแนน
       “ไม่ครับ...ผมไม่เจ็บ แต่นายทิวสิ เจ็บกว่าผมเยอะ”
       เทพมองทิว ยิ้มเหยียด หญิงมานศรีมองทิวอย่างรังเกียจ
       “คนไม่มีเหตุผล อคติ ชอบใช้กำลังข่มเหงรังแกคนอื่นแบบนี้...มันน่าจะเจ็บกว่านี้อีกร้อยเท่า”
       เข้มมาประคองทิวลุกขึ้น เขามองหญิงมานศรีและเทพอย่างท้าทาย ไม่กลัวเกรง ก่อนจะถุยเลือดที่กบปากใส่ตัวเทพ
       “ถุย!”
       เทพกับหญิงมานศรีผงะ ล้วนจะเข้าไปเอาเรื่อง เทพยกมือห้ามไว้ ทิวเดินออกไปกับเข้ม พิไลพรมองตามทิวอย่างสงสารและเห็นใจ คนงานเริ่มสลายตัวออกไป ในขณะที่หญิงมานศรีมองเทพด้วยความซาบซึ้ง
       “คุณเทพต้องบาดเจ็บเพราะปกป้องหญิงอีกแล้ว”
       เทพยิ้มอย่างอิดโรยดูน่าสงสารมาก

       พวงทองทำแผลที่หน้าให้ผ่องทิพย์เสร็จแล้ว กลิ่นคอยเป็นลูกมือ บุญปลูกเป็นห่วงนายอยู่ข้างๆ คอยบีบนวดพร้อมกับบ่นเบาๆ
       “อยู่ดีไม่ว่าดี เอาหน้าไปถูต้นกุหลาบทำมั้ย”
       ผ่องทิพย์ถีบบุญปลูกโครม
       “โอ๊ย คุณนายขา ไม่มือก็เท้า ไม่ปรานีกันบ้างเลยหรือไงคะ”
       “ฉันไม่ได้บ้าเที่ยวเอาหน้าไปถูให้หนามกุหลาบมันถากหน้าเล่นหรอกนะ ก็นัง...”
       พวงทองขัดขึ้น
       “พอเถอะผ่อง...ยิ่งพูด ยิ่งเข้าตัวเอง”
       “คุณนายไปหาเรื่องพวกนั้นก่อนอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
       “บุญปลูก พอเถอะ ถ้ายังไม่หยุดพูดหยุดซัก ฉันจะรายงานคุณเทพ” พวงทองขู่
       บุญปลูกปิดปากเงียบทันที หันมองกลิ่นยังไม่วายเม้าเบาๆ
       “แสดงว่าใช่...”
       ผ่องทิพย์เจ็บใจ
       “ถ้าหน้าฉันเป็นแผลเป็น...ฉันจะฆ่ามัน!”
       พวงทองอึ้ง
       “ผ่อง!”
       ผ่องทิพย์ลุกเดินออกไปอย่างโมโห บุญปลูกรีบตามไป พวงทองถอนใจ เบื่อหน่ายกับอารมณ์ของผ่องทิพย์

       เทพเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีหญิงมานศรีช่วยพยุง พิไลพรเดินตามมามองอย่างไม่ค่อยพอใจ ล้วนหันมาบอก
       “ส่งนายใหญ่แล้ว...ผมขอตัวนะครับ”
       “ไปเถอะ”
       พิไลพรรีบขัด
       “คุณหญิงคะ...งั้นเดี๋ยวพรไปเรียนภรรยาคุณเทพนะคะ ว่าให้มาดูแลคุณเทพ คุณหญิงจะได้ไปพักผ่อน เพราะคุณหญิงเองก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน”
       เทพรู้สึกเคืองขึ้นมาทันที แต่แสร้งยิ้ม
       “ขอบคุณมากครับคุณพิไลพรที่กรุณา”
       พิไลพรรู้สึกขนลุกกับยิ้มของเทพ รีบเดินเข้าไป เทพฉวยจังหวะที่พิไลพรลับหลัง เข่าอ่อนทรุดลง หญิงมานศรีตกใจ
       “คุณเทพคะ เป็นยังไงบ้างคะ”
       หญิงมานศรีรีบประคองเทพเอาไว้ แต่เขาตัวใหญ่กว่า เธอจึงต้องกอดเอาไว้ เทพมองหน้าหญิงมานศรีอย่างใกล้ชิดถ่ายทอดความลึกซึ้งส่งผ่านสายตาให้หญิงสาว หญิงมานศรีสบตาเขาแล้วอึ้ง สัมผัสได้ถึงความหมายพิเศษที่เขาส่งมา

       ทิวนอนเจ็บบอบช้ำ เข้มนั่งมองแล้วส่ายหัว
       “สภาพเนี้ย...เข้มว่า เกินมือเข้มแล้วล่ะ”
       พวงทองเข้ามา
       “คุณพวงทอง...”
       “เดี๋ยวฉันจะดูแลทิวเอง”
       “ครับ”
       เข้มค่อยๆเดินออกไป ทิวนอนหันหลังให้ พวงทองค่อยๆเดินมานั่งข้างน้องชายด้วยความสงสาร
       “ที่ทิวต้องเป็นแบบนี้...เพราะความดื้อและไม่ฟังใครของทิว”
       ทิวนอนนิ่ง ปิดปากเงียบ พวงทองถอนใจ
       “เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ”
       พวงทองลุกเดินออกไป....ทิวหันมองพวงทองอย่างคาใจ

       พิไลพรเดินตามหาเมียๆของเทพ
       “ทีตอนอยากจะเจอแล้วไม่เจอ ทีตอนไม่อยากจะเจอแล้วเสนอหน้ามากันจัง”
       สรัสวดีเดินเข้ามา
       “ตามหาใคร...พิไลพร”
       “พรจะมาตามภรรยาคุณเทพให้ช่วยไปดูแลคุณเทพหน่อยค่ะ เขาบาดเจ็บอยู่ คุณหญิงกำลังดูแล พรว่า...มันอาจจะไม่เหมาะ”
       “ไม่ต้องไปตาม...ให้ลูกหญิงได้ดูแลเจ้านายเถอะ ถือเป็นความดีความชอบ”
       พิไลพรอึ้ง
       “เอ่อ...”
       “ไปทำธุระของตัวเองไป ทางนี้ ฉันจะช่วยลูกหญิงเอง เธอทำงานมาเหนื่อยๆ”
       พิไลพรขัดไม่ได้
       “ค่ะ หม่อม”

พิไลพรเดินไป ยังกังวลใจไม่วาย ขณะที่หม่อมสรัสวดียิ้มเยื้อนพอใจ




Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 9:07:24 น. 0 comments
Counter : 270 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.