เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 3-1

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 3

ม.ร.ว มานศรีโสภาคย์เดินชื่นชมความงามของทิวทัศน์ ทิวเดินตามแอบดูหญิงสาวไปตามแมกไม้ ความงามของเธอเมื่ออยู่กับธรรมชาติทำให้ชายหนุ่มลืมตัว หลงมองเพลินจนตกอยู่ในภวังค์

       ในขณะที่พิไลพรเดินไปมารอหญิงมานศรีอย่างกระวนกระวาย หันไปอีกที เกือบปะทะกับเทพที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
       “อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
       เทพสำรวจพิไลพรตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตากรุ้มกริ่มมาก จนพิไลพรอึดอัด
       “คุณหญิงยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ”
       “ยังค่ะ”
       “ผมว่า...คุณหญิงออกไปเดินเล่น นานไปแล้วนะครับ เธอยังไม่คุ้นกับที่นี่”
       “คุณหญิงจะหลงทางหรือเปล่าก็ไม่รู้...ขอตัวนะคะ”
       พิไลพรรีบเดินเลี่ยงหลบเทพออกไปเพื่อจะไปตามหาหญิงมานศรี และต้องการหลบไปให้พ้นจากบรรยากาศชวนอึดอัด เทพหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาล้วน

       ทิวยังหลงมองหญิงมานศรีอยู่อย่างลืมตัวและเผลอไผล โดยที่เธอไม่รู้ตัว ทันใดนั้น เขาก็เหยียบกิ่งไม้แห้ง เกิดเสียงดัง หญิงมานศรีชะงัก หันมองหาที่มาเสียง ทิวตื่นจากภวังค์รีบหลบ หญิงมานศรีมองไม่เห็นใครรู้สึกตัวว่ามาไกล รีบเดินออกไปทางเดิม ทิวปรากฏตัวออกมาจากหลังต้นไม้
       “เธอจะไม่มีทางได้อะไรจากที่นี่...ซึ่งเป็นของฉันไม่ใช่ของนายเทพ”
       ทิวมองตามหญิงมานศรีไปอย่างชิงชัง ก่อนจะเดินตามไปต่อ

       เทพเดินตามพิไลพรออกมาที่หน้าคฤหาสน์ ล้วนขับรถจี๊ปเข้ามาเทียบ พิไลพรงงๆ
       “ผมกับคนของผมจะไปดูคุณหญิงเอง...คุณพรอยู่รอที่นี่เถอะ”
       “ค่ะ”
       เทพขึ้นรถออกไปกับล้วน พิไลพรรู้สึกเป็นห่วงหญิงมานศรีขึ้นมา
       “มือถือตัวเองก็ไม่ได้เอาไป...คุณหญิงขา น่าจะกลับมาได้แล้วนะ”
       ขณะเดียวกันนั้น ขวัญตายืนมองจากมุมหนึ่งข้างในคฤหาสน์ ไม่ค่อยพอใจที่เทพให้ความสำคัญกับหญิงมานศรี

       ล้วนขับรถมาพลางมองเทพแล้วยิ้มรู้ทัน
       “ดูนายใหญ่เป็นห่วงคุณหญิงมากนะครับ”
       “ว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน...ฉันต้องดูแลให้ดีที่สุด”
       ล้วนยิ้มชอบใจ
       “แล้วคุณนายทั้งสามคน จะยอมเหรอครับนาย”
       “แกก็รู้ สิ่งไหนที่ฉันต้องการ ฉันต้องได้ ใครก็ขวางฉันไม่ได้ ขับไปดูทางโน้น”
       ล้วนหักพวงมาลัยตามที่เทพออกคำสั่ง

       พิไลพรเดินมา ผ่องทิพย์เข้ามาขวาง บุญปลูกตามหลังมา
       “นี่...คุณหญิงของเธอเขามีแฟนหรือยัง”
       พิไลพรรู้สึกว่าผ่องทิพย์เสียมารยาท
       “ถามทำไมคะ”
       “ถ้าจะมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ฉันจำเป็นต้องรู้ ถ้ามีแล้วก็แล้วไป แต่ถ้ายังไม่มี...ฉันจะได้ระวังเอาไว้”
       พิไลพรไม่เข้าใจ
       “ต้องระวังทำไมคะ”
       “ผู้หญิงกรุงเทพไวไฟจะตาย วันดีคืนดีเกิดอยากจะทำอย่างอื่น ที่ไม่ใช่แค่เป็นเลขาสามีฉัน จะได้จัดการตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลม”
       พิไลพรไม่พอใจมาก ที่ผ่องทิพย์ลบหลู่หญิงมานศรี
       “ผู้หญิงกรุงเทพอย่างคุณหญิง เป็นคนที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ไวไฟเป็นยังไง ไม่เคยรู้จัก ไม่เหมือนคุณนะคะ ดูออกจะคุ้นเคยถึงได้ใช้คำนี้ได้อย่างสนิทปาก”
       พิไลพรก็เดินออกไป ผ่องทิพย์มองตามอย่างหมั่นไส้ บุญปลูกสอดเข้ามา
       “รู้สึกว่าเขาจะด่าคุณนายว่าไวไฟนะคะ บุญปลูกว่า”
       ผ่องทิพย์ตวาดแว๊ด
       “ว้าย นังขี้ข้า! อย่าคิดว่าฉันโง่ ไม่รู้ว่าแกหลอกด่าฉันนะ”
       ขวัญตาเดินเยาะยิ้มผ่านมา
       “โอ๊ย...ก็สมควรล่ะค่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งปากไปหาเสี้ยนก่อนทำมั้ย”
       “นังขวัญตา!”
       ขวัญตารีบวิ่งออกไป หัวเราะสะใจ ผ่องทิพย์จะตาม แต่บุญปลูกห้ามเอาไว้
       “โธ่คุณนายขา...อย่าอารมณ์เสียเลยค่ะ เดี๋ยวรอยตีนกาขึ้นหน้านะคะ ไม่สวย แค่นี้นายใหญ่ก็หมางเมินแทบจะไม่นอนด้วยแล้วนะคะ รู้ตัวมั้ยคะ”
       “นังบุญปลูก!ไม่ต้องมาซ้ำเติมฉัน”
       บุญปลูกจ๋อย ผ่องทิพย์ชะงัก เริ่มคิดคล้อยตามบุญปลูกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เธอต้องการหาตัวช่วยป้องกันผัวเบื่อ
       “นังบุญปลูก ไปกับฉัน”
       ผ่องทิพย์เดินออกไป บุญปลูกตามไปงงๆ

       หญิงมานศรีเร่งฝีเท้าเดินมาตามทาง ก่อนจะชะงัก หันมองซ้ายขวา รู้สึกว่าตัวเองหลงทาง
       “ตอนมา ไม่ใช่ทางนี้นี่...”
       หญิงสาวมองหาทางตัดสินใจเลือกเดินไปทางหนึ่ง ทิวเดินตามมายิ้มสะใจ เดินอ้อมไปอีกทาง เมื่อหญิงสาวเดินหาทางกลับ ทิวเข้ามาขวางดักทางเอาไว้ หน้าตาถมึงทึง ดุดัน เธอเห็นหน้าทิวก็อึ้งตกใจ
       “นาย...นาย...ตามฉันมาถึงที่นี่เลยเหรอ...จะเอาอะไรจากฉัน อย่านะ อย่าเข้ามา ฉันไม่มีให้”
       หญิงสาวถอยหนี ชายหนุ่มตาม
       “หึ...ทำไมจะไม่มีเล่า”
       ทิวมองหญิงมานศรีหัวจรดเท้า ด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยจับเส้นผมของเธอขึ้นมาหอม
       “นี่ไง...ตัวหอมๆ ของเธอไง” ทิวประชิดตัวหญิงสาวมากขึ้น “จะว่าไป ไม่ใช่ฉันหรอกนะที่ตามเธอ เธอต่างหากที่มาหาฉันถึงที่นี่...”
       “ไม่ใช่! เอามือสกปรกโสโครกของนายออกไป อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
       “แหม...ทำรังเกียจ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมือชาย”
       ทิวรั้งตัวหญิงสาวเข้ามา หญิงมานศรีพยายามดิ้น
       “จากคู่หมั้นไก่อ่อน ก็โผเข้าซบอกหมาแก่...แต่มีเงิน เอ...รู้สึกว่าจะมีเมียแล้วตั้งสามด้วยนะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ หรือไม่แคร์ ยังไงก็ได้ ขอแค่มีเงินให้เธอเอาไปรักษาหน้ารักษาเกียรติก็พอ”
       หญิงมานศรีตบหน้าทิวอย่างแรง
       “ฉันมาทำงานแลกเงิน ไม่ได้ขายศักดิ์ศรีตัวเอง!”
       “พูดให้ตายก็ไม่เชื่อ เมื่อการกระทำของเธอมันไม่ใช่...รู้อะไรมั้ย ถูกเธอตบแล้วเลือดฉันมันฉีดพล่าน อยากจะชิมให้รู้รสว่าจะหวานเหมือนอ้อยที่นี่ หรือจืดชืดยิ่งกว่าชาน เพราะผ่านการเคี้ยวมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
       ทิวเข้าไปกระชากตัวหญิงมานศรีเข้ามาประทับจูบทันที หญิงสาวตกใจช็อก อึ้งค้างไปชั่วขณะ ทิวจูบจากดุดันกลายเป็นเผลอไผลไปกับความอ่อนนุ่มหอมหวานของริมฝีปากหญิงสาว หญิงมานศรีดิ้นผละออกมา แล้วตบหน้าเขาอย่างแรง ชายหนุ่มตัดสินใจลากหญิงสาวเข้ารกเข้าพง หญิงมานศรีตกใจ ตะโกนสุดเสียง
       “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ปล่อยนะ ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”
       ทิวปิดปากหญิงสาวเอาไว้ หญิงมานศรีดิ้นสุดแรง แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้ ถูกลากออกไป...รถจี๊ปที่ล้วนขับให้เทพ แล่นผ่านถนนมาพอดี แต่เทพและล้วนมองไม่เห็นทิวและหญิงมานศรี หญิงสาวเห็นรถของเทพ เธอพยายามจะดิ้น แต่ถูกทิวล็อกตัวและปิดปากเอาไว้แน่น

       ทิวลากหญิงมานศรีมาถึงมุมหนึ่ง แล้วเหวี่ยงเธอล้มลงบนพื้น ชายหนุ่มยืนมองอย่างสะใจ หญิงมานศรีหันหน้ามา หินก้อนใหญ่อยู่ในมือ ก่อนที่ทิวจะขยับตัวทัน หญิงสาวก็เขวี้ยงหินใส่หัวเขาอย่างแรง
       “โอ๊ย!”
       หญิงมานศรีตัดสินใจวิ่งหนีไปทันที พลางร้องตะโกน
       “ช่วยด้วย!”
       ทิวหันมา เห็นเลือดไหลลงมาเป็นทางเพราะหัวแตก เขาจับหัวตัวเอง เลือดติดมือมา หญิงมานศรีวิ่งหนีทิวไม่คิดชีวิตมาตามถนน ร้องสุดเสียง
       “ช่วยด้วย!”
       เทพสั่งให้ล้วนหยุดรถกลางถนนอย่างกะทันหัน ล้วนจอดรถแล้วหันมาถามงงๆ
       “ให้หยุดทำไมครับนาย”
       เทพหันกลับไปมองทางด้านหลัง รู้สึกเอะใจบางอย่าง

       ทิววิ่งตามหญิงมานศรีมา เธอเห็นเขาตาม พยายามวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทิววิ่งตามากระชั้นชิด หญิงมานศรีกลัวจับใจ หันไป ร่างปะทะกับเทพ หญิงสาวตกใจ สะดุ้งสุดตัว
       “ว้าย!...อย่า ปล่อยฉัน!”
       “คุณหญิง...นี่ผมเอง”
       หญิงมานศรีชะงัก
       “คุณเทพ...”
       “คุณหญิงหนีอะไร หนีใครมา”
       หญิงมานศรีหันไปข้างหลัง จะบอกว่าหนีทิว
       “ฉันหนี...”
       แต่ไม่ปรากฏทิวซะแล้วมีเพียงความว่างเปล่า หญิงมานศรีหันมามองเทพหน้าตาตกใจและตื่นกลัว
       “หญิงอยากไปจากที่นี่ค่ะ”
       เทพแปลกใจแต่ไม่ค้าน ประคองหญิงมานศรีเดินออกไป ทิวหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่โผล่ออกมามองยิ้มสะใจ
       “หึ...รีบไปให้พ้นๆเลย”

       พิไลพรโผเข้ามาหาหญิงมานศรีที่มีสภาพมอมแมมและยังดูตื่นกลัว พวงทองเดินออกมาเห็นก็หยุดมอง พิไลพรถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยมาก
       “คุณหญิง...คุณหญิงไปไหนมา พรเป็นห่วง แล้วนี่ ทำไมเสื้อผ้าเลอะเทอะขนาดนี้คะ ไปทำอะไรมาคะ”
       เทพถอนใจ
       “ผมถามเท่าไหร่ คุณหญิงก็ไม่ตอบ...เหมือนเธอกำลังช็อกและตกใจกลัวมาก”
       หญิงมานศรีน้ำตาเอ่อ มองหน้าพิไลพร มองหน้าเทพ ตัดสินใจพูดออกมา
       “ผู้ชายคนนั้น มันจะ...ข่มเหงหญิง”
       เทพกับพิไลพรต่างก็ตกใจมาก อุทานออกมาพร้อมกัน
       “อะไรนะครับ"  "อะไรนะคะ”
       เทพเดือดดาล
       “มันเป็นใคร!”

       ทิวกำลังนั่งให้เข้มพันแผลที่ศีรษะ
       “นายจำหน้าไอ้เด็กทะโมนที่เขวี้ยงหินใส่นายมันได้มั้ย ลูกคนงานไร่เราหรือเปล่า เข้มจะไปจับมา”
       ทิวตัดบท
       “อย่าไปเอาเรื่องเอาราวกับเด็กเลยน่า ช่างมันเถอะ”
       เข้มจัดการพันศีรษะให้ทิวต่อไป ทิวยิ้มสะใจ คนงานกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านมา เข้มตะโกนถาม
       “เฮ้ย จะเข้างานกันแล้วเรอะ ยังไม่หมดเวลาพักเที่ยงเลย”
       คนงานหันมาบอก
       “รีบไปเร็วเหอะ นายใหญ่ให้คนงานทุกคนไปรวมตัวกันที่ท้ายไร่โน่น”

ทิวและเข้มมองหน้ากัน



คนงานชายของไร่อ้อยยืนออกันอยู่กลุ่มใหญ่ ล้วนและลูกน้องยืนคุมเชิงอยู่หัวและท้ายกลุ่มคนงาน เทพเดินเข้ามาสำรวจคนงานทีละคน เพื่อดูว่า ใครหัวแตก ทิวและเข้มเดินเข้ามา รวมกลุ่มกับคนงานบริเวณท้ายๆ

       เข้มกระซิบถามคนงานคนหนึ่ง “ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะ”
       “มีคนทำมิดีมิร้ายคุณเลขาคนใหม่ของนายใหญ่ คิดว่าเป็นคนงานในไร่นี่แหละ”
       เข้มฉุนกึกด่าอย่างปากไว
       “ใครวะ ทำเสียชื่อหมด เลว หนักแผ่นดิน อย่าให้กูรู้นะว่าใคร”
       ทิวหันมองเข้มขวับ...เข้มยังด่าต่อ...
       “จะกระทืบให้มันจมดินเลย เกลียดนักไอ้พวกหื่นไม่รู้ว่าลูกเขาเมียใคร เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องระบายอารมณ์”
       “ไอ้เข้ม!จะพล่ามอีกนานมั้ย”
       เข้มยิ้มแหยๆ
       “พอแล้วครับนาย”
       คนงานหันมาบอกเข้ม
       “ไม่มีใครยอมรับ แต่ไอ้เลวนั่นมันหัวแตกเพราะคุณเลขาปาหินใส่มัน นายใหญ่กำลังหาตัวอยู่”
       เข้มหันมองทิวขวับ ทิวหลบตา คนงานยังพูดต่อ
       “แต่ข้าว่า...ป่านนี้ไอ้เลวนั่นมันคงหนีไปไกลแล้วล่ะ...จะอยู่ให้โง่เรอะ”
       “ฉันมีงานต้องทำ ไปก่อนนะ”
       ทิวรีบหันหนีเดินออกไป เข้มมองตามทิว อย่างสงสัย...เทพเดินเข้ามาหาเข้ม และคนงานแถวเดียวกัน สำรวจเข้มหัวจรดเท้า มองหาทิวแต่ไม่เห็น เทพเดินผ่านไปที่ด้านหน้า
       “ทุกคนฟัง...คุณหญิงหญิงมานศรี คือเลขานุการของฉัน เป็นผู้รับทุกคำสั่ง ของฉันไปดำเนินการ เพราะฉะนั้นใครที่บังอาจไม่ให้ความเคารพต่อคุณหญิง ก็เปรียบเหมือนไม่ให้ความเคารพต่อฉัน และคนผู้นั้น...ย่อมอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้”
       เทพกวาดตามองทุกคน เข้มและคนงานทุกคนเงียบกริบ ทิวแอบมองมาจากมุมหนึ่งไม่พอใจท่าทีของเทพ

       หญิงมานศรีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอยู่ในห้องพัก เธอลงนั่งมองตัวเองในกระจก เอามือลูบไล้ที่ริมปีปาก ภาพทิวประทับจูบเธอแวบเข้ามาในความคิด หญิงมานศรีรู้สึกรังเกียจจูบของเขา เธอตัดสินใจบางอย่าง
       “พิไลพร!”
       พิไลพรเข้ามา
       “ค่ะ คุณหญิง”
       “เก็บของ!”
       พิไลพรตกใจ
       “ค่ะ”
       พิไลพรรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้า หญิงมานศรีเดินออกไปนอกห้องทันที

       เทพเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน หญิงมานศรีและพิไลพรยืนอยู่กับกองสัมภาระ พวงทองเดินเข้ามา สองคนพร้อมจะไปแล้วก็แปลกใจเหมือนกัน จึงหยุดยืนดูอยู่เงียบๆใกล้ๆ เทพมองอย่างงงๆ
       “นี่มันอะไรกันครับคุณหญิง...”
       “หญิงคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ”
       เทพลืมตัวพูดเสียงเข้ม
       “ต้องได้สิครับ!”
       หญิงมานศรีแปลกใจกับท่าทีของเขา
       “จะให้หญิงอยู่ในที่ๆไม่มีความปลอดภัยสำหรับหญิงต่อไปได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายเลวๆคนนั้นยังลอยนวล มันจะเข้ามาทำร้ายหญิงอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
       “ผมขอโทษที่ลากตัวมันมาลงโทษไม่ได้ แต่ผมสัญญา...ผมจะไม่มีทางให้คุณหญิงคลาดสายตาแล้วได้รับอันตรายใดๆอีกแม้แต่เพียงปลายเล็บ”
       เทพมุ่งมั่นเสียจน หญิงมานศรีอึ้ง พวงทองสังเกตเทพแล้วรู้ได้ทันทีว่าเทพปรารถนาในตัวหญิงมานศรีด้วยแน่แล้ว
       “แต่หญิงอายค่ะ คนที่นี่ต่างรู้กันทั่วไปหมดว่าหญิงถูกหยามเกียรติ”
       “ไม่จริงแน่ๆ”
       “คุณเทพหมายความว่าอะไรคะ”
       “ผมเคยได้ยินคนในสังคมพูดถึงความตั้งใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ของคุณหญิงไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ จนกว่าจะสำเร็จ แต่นี่ไม่ใช่ ผมถึงได้แปลกใจ ว่าที่ยืนตรงหน้าผมใช่คุณหญิงหญิงมานศรีตัวจริงหรือเปล่า”
       หญิงมานศรีอึ้ง
       “ไม่มีใครมาหยามเกียรติคุณหญิงได้หรอกนะครับ ถ้าคุณหญิงไม่ยอมจำนน จะให้คนเลวๆที่ไม่มีค่าอะไรมามีอิทธิพลต่อชีวิตคุณหญิงเหรอครับ”
       หญิงมานศรีเริ่มอ่อนลง คิดตามคำพูดของเทพ...เทพลุ้นให้หญิงสาวเปลี่ยนใจค่อยๆเดินเข้าไปหาส่งสายตาแห่งความอาทรให้ ขวัญตาเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นพฤติกรรมของเทพแล้วขัดตา ไม่พอใจ
       “อย่าเอาเรื่องไปให้หม่อมแม่และพี่ชายของคุณหญิงต้องทุกข์ร้อนใจอีกเลย...เชื่อผม ทำงานที่นี่ มีผมอยู่ใกล้ๆ คุณหญิงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น...ผมรับรอง”
       หญิงมานศรีลังเล ครุ่นคิด เทพลุ้นว่าหญิงสาวจะใจอ่อนหรือไม่

       หญิงมานศรีอยู่ในห้อง พิไลพรเข้ามาหา ไม่เห็นด้วยกับหญิงมานศรี
       “คุณหญิงคะ คิดดีแล้วเหรอคะที่จะทำงานที่นี่”
       “พรไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของคุณเทพเหรอ”
       “ไม่ค่ะ...คุณหญิงไม่จำเป็นต้องอยู่เพื่อพิสูจน์อะไรทั้งนั้น”
       “จำเป็นสิ...หญิงจะไม่ให้คนเลวๆแค่คนเดียวมาขัดขวางเส้นทางเดินชีวิตของหญิง”
       “เส้นทางเดินอื่นๆมีอีกเยอะแยะไปค่ะ ไม่ใช่มีแต่ที่นี่...ไม่เห็นจะน่าอยู่แถมประหลาด เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น ผัวหนึ่งเมียสามอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แล้วพรก็ไม่ไว้ใจคุณเทพนั่น”
       “พรจ๊ะ...คุณเทพเขาเป็นคนดี และมีบุญคุณกับครอบครัวของหญิงมากนะ”
       “แต่ยังไงพรก็ไม่...”
       หญิงมานศรีตัดบท
       “ขอบใจนะที่เป็นห่วงหญิง...แต่ถ้าห่วงหญิงจริงๆ อย่าเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นไปพูดให้หม่อมแม่และพี่ชายรู้เด็ดขาด...หญิงไม่อยากให้คนที่หญิงรักทั้งสองคนต้องไม่สบายใจ และสักวันถ้าหญิงเจอมันอีก หญิงจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
       หญิงมานศรีเด็ดเดี่ยวที่จะอยู่ต่อไปเพื่อต่อสู้กับความเลวร้ายที่เกิดขึ้น

       ค่ำนั้น...สรัสวดีคุยโทรศัพท์กับเทพ อารมณ์ดีมาก
       “ดีใจจังค่ะที่ทุกอย่างเรียบร้อยดี...รวมถึงเรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชีดิฉัน เรียบร้อยดีใช่มั้ยคะ ฝากดูแลลูกหญิงด้วยนะคะ...สวัสดีค่ะ”
       สรัสวดีวางสายลง รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก คำรณฤทธีเดินเข้ามา
       “หม่อมแม่ครับ ชายมีเรื่องจะเรียนปรึกษา”
       สรัสวดียิ้มอารมรณ์ดี
       “เรื่องอะไรจ๊ะชาย”
       เมื่อคำรณฤทธีพูดถึงสิ่งที่คิด สรัสวดีเดินหนีอย่างอารมณ์หงุดหงิด
       “อย่าเอาเรื่องนี้มาคุยกับแม่อีกนะ”
       “ทำไมล่ะครับหม่อมแม่ ชายเป็นห่วงน้อง และมีสิทธิ์ที่จะไม่ไว้ใจคุณเทพ”
       “เท่ากับชายไม่ไว้ใจวิจารณญาณของแม่ด้วยเหมือนกัน”
       คำรณฤทธีอึ้ง
       “ชายไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะครับหม่อมแม่”
       “แต่แม่คิดได้อย่างนั้น...แม่ย่อมไม่มีวันนำพาหญิงมานย์ให้ไปพบกับซาตานเด็ดขาด”
       คำรณฤทธีถอนใจ จนแก่เหตุผลของแม่
       “เคลียร์มั้ย”
       “ครับ”
       “เอาเวลาไปหาวิธีบริหารจัดการโรงงานของท่านพ่อดีกว่า...แม่รอดูความสำเร็จของชายอยู่นะ ท่านพ่อเองก็เหมือนกัน”
       “ครับ...หม่อมแม่ ชายขอโทษครับที่เอาเรื่องมากวนใจหม่อมแม่”
       “ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ดีใจที่ชายรักน้องเป็นห่วงน้อง แต่อย่าลืมนะ หญิงมานย์เองก็โตมากแล้ว ปล่อยๆน้องบ้างก็ได้”
       “ครับ”
       สรัสวดียิ้มให้ชายคำรณอย่างเมตตา ก่อนจะหันเดินออกไป...รู้สึกโล่งใจที่จัดการชายคำรณให้หายระแวงได้ คำรณฤทธีถอนใจ ยังคงเป็นห่วงน้องสาว

       หญิงมานศรียืนเหม่อๆมองดวงจันทร์ดวงโตอยู่ เทพยืนมองหญิงสาวจากมุมหนึ่ง ล้วนเข้ามาข้างหลังเทพ
       “มีใครอีกบ้างที่น่าสงสัย”
       “จากรูปพรรณสัณฐานที่คุณหญิงบอกเอาไว้...ผมว่าไม่น่าจะใช่คนงานนะครับนายใหญ่”
       “เจอครั้งแรกในวัง...ครั้งต่อมาก็ที่งานศพท่านชายอมรเทพแล้วก็มาเจอที่นี่”
       “คนงานธรรมดาๆที่ไหนมันจะทำได้ถึงขนาดนั้น แกคิดเหมือนฉันหรือเปล่า ล้วน”
       “ครับ...เป็นคนเดียวที่เรายังไม่เห็นตั้งแต่เกิดเรื่อง”

เทพหน้าเครียดเพราะมั่นใจว่า ผู้ชายคนนั้นคือ ทิวแน่นอน
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

ทิวนั่งครุ่นคิดคำนึงอยู่คนเดียวใกล้คฤหาสถ์ ในหัวของเขาคิดถึงขณะที่ประทับจูบหญิงมานศรี รู้สึกนุ่มนวลที่ริมฝีปากเผลอลึกซึ้งกับความนุ่มนวลนั้น ทิวไล่ความคิดนั้นออกไป

       “มิน่า...คู่หมั้นไก่อ่อนนั่นถึงไม่ยอมเลิกรา คงจะติดใจความหวานของริมฝีปากเธอ ความหวานที่เคลือบยาพิษ”
       ทิวนึกดูถูกหญิงมานศรี ขณะเดียวกันนั้นพวงทองเข้ามา
       “ทิว...”
       ทิวหันไปเห็นพวงทองยืนอยู่หน้าตาไม่สบายใจนัก เขาเมินหน้าหนีลุกขึ้น จะเดินหนีไป
       “เป็นทิวใช่มั้ย”
       ทิวชะงัก ก่อนจะเดินหนี พวงทองตามทันที

       ทิวเดินหนีพวงทองมาที่มุมหนึ่งใกล้บ้านพัก พวงทองเดินตามมา
       “ทิว...ทำทำไม”
       “พูดเรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
       “น้องชายพี่กลายเป็นผู้ชายป่าเถื่อน ชอบใช้ความรุนแรง รังแกผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่”
       “ตั้งแต่ถูกผู้หญิงอย่าง...”
       ทิวยั้งไว้ พวงทองมองหน้า
       “แสดงว่าทิวยอมรับว่าเป็นคนที่คิดจะข่มเหงคุณหญิงมานย์ใช่มั้ย”
       “ผมไม่คิดจะทำให้เป็นเสนียดตัวเองหรอก”
       “แล้วทำไม...”
       “เพราะผมเกลียดคนที่เห็นแก่เงินอย่างยัยนั่น”
       “ทิวมองคุณหญิงในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า”
       “น้อยไปเสียด้วยซ้ำ ซ่อนอยู่ในหัวใจที่เราไม่รู้อีกตั้งเท่าไหร่...ผมจะทำให้ยัยนั่นอยู่ที่นี่ไม่ได้และไม่มีทางได้อะไรจากทัดเทพไปแม้สักสลึงเดียว”
       “แต่ทิวก็ทำไม่สำเร็จ คุณหญิงยังอยู่ที่นี่”
       ทิวอึ้ง
       “จะทำอะไรก็แล้วแต่...ระวังตัวด้วยแล้วกัน คุณเทพคงไม่ปล่อยเรื่องนี้หายเงียบไปเฉยๆแน่”
       “ก็ให้มันมาเจอผม! แต่ผมก็ไม่มีทางปล่อยผู้หญิงคนนั้น ให้มาลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่เหมือนกัน”
       สายตาทิวเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ที่จะจงเกลียดจงชังหญิงมานศรีต่อไปไม่เลิกรา

       เช้าวันใหม่ หญิงมานศรีคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของคฤหาสน์เทพ
       “หญิงโทรมาขอพรจากหม่อมแม่ สำหรับการทำงานวันแรกในชีวิตของหญิงค่ะ ขอบคุณค่ะหม่อมแม่ แล้วหญิงจะโทรไปหาใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ”
       หญิงมานศรีวางสาย เทพเข้ามาหา หญิงสาวมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
       “พร้อมสำหรับการเริ่มงานวันแรกหรือยังครับคุณเลขา”
       หญิงมานศรีพยายามปรับหน้าตาสดขื่น
       “พร้อมค่ะ”
       “ก่อนอื่น ผมอยากพาคุณหญิงไปรู้จักกับคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทัดเทพของเรา”
       หญิงมานศรีประหลาดใจ
       “ใครคะ”

       ในไร่...ทิวยืนตะโกนสั่งงานเข้มอยู่หน้าโรงงานผลิตน้ำตาล
       “ไอ้เข้ม ทำไมป่านนี้รถขนน้ำตาลยังมาไม่ถึง”
       “ไปตามเดี๋ยวนี้แหละนาย”
       เข้มวิ่งออกไป...รถจี๊ปของเทพวิ่งเข้ามาจอด ทิวยังไม่หันไป มัวแต่วุ่นวายอยู่กับการคุยกับคนงานคนหนึ่ง
       “เอาเงินนี่ไปก่อน พาเมียไปหาหมอที่โรงพยาบาล อย่ากินแต่ยาหม้ออย่างเดียว”
       “ขอบคุณครับนาย”
       คนงานรับเงินจากทิวแล้ววิ่งออกไป ทิวทำงานต่อ

       ล้วนขับรถจี๊ปมาตามถนนพาเทพกับหญิงมานศรีผ่านส่วนต่างๆของอาณาจักรทัดเทพ ทั้งไร่อ้อย การตัดอ้อย มุมปศุสัตว์ มุมเกษตรกรรม
       ในรถจี๊ป...เทพหันมาบอกกับหญิงมานศรี
       “เขาเป็นลูกชายของอดีตหุ้นส่วนเพื่อนสนิทผมที่เสียไป เลยมารับช่วงต่อ และคอยดูแลฝ่ายการผลิตที่โรงงาน”
       “ค่ะ”
       “เขาชื่อทิว บรรณา”
       ทิวค่อยๆหันมา หญิงมานศรีเห็นทิว จากรอยยิ้มกลายเป็นหน้าถอดสี
       “นาย!”
       ทิวเห็นหญิงมานศรีมากับเทพก็ตกใจ แต่นิ่งได้ในทันที เทพลอบยิ้มอย่างสะใจ หญิงมานศรีมองทิวอย่างตื่นกลัว ทิวเดินเข้ามาหาอย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงมานศรีมองทิวไม่วางตาด้วยสายตาโกรธแค้น
       “ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จักกับหม่อมราชวงศ์หญิงมานศรีโสภาค กฤตยา เลขานุการคนใหม่ของฉัน”
       ทิวยิ้มกวน
       “ยินดีที่ได้รู้จัก อย่างเป็นทางการครับ คุณหญิงหญิงมานศรี”
       หญิงมานศรีอึ้ง พูดไม่ออก แค้นจนน้ำตาคลอ เทพทองหน้าทิวแล้วแกล้งถาม
       “พูดเหมือนนายเคยเจอคุณหญิงมาก่อน”
       หญิงมานศรีฟ้องทันที
       “ผู้ชายคนนี้คือคนที่ข่มเหงหญิงเมื่อวาน”
       เข้ม และคนงานทุกคนฮือฮา มองมาที่ทิวอย่างไม่เชื่อสายตา เทพลอบยิ้มพอใจ เข้มมองหน้าทิวไม่อยากจะเชื่อ
       “จริงเหรอนาย...ที่นายหัวแตกก็เป็นฝีมือของ...”
       “ใช่ ฝีมือฉันเอง! หญิงจะแจ้งความค่ะคุณเทพ”
       หญิงมานศรีโกรธมากจะเอาเรื่อง เทพรีบห้ามไว้
       “เอ่อ...ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณหญิง คุณหญิงแน่ใจเหรอครับว่าเป็นนายทิว ผมว่าอาจจะมีการเข้าใจผิด”
       ทิวไม่ยี่หละ
       “เข้าใจไม่ผิดหรอก ผมนี่แหละที่เป็นคนทำ”
       ทุกคนฮือฮา
       “ผมก็ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีเลือดมีเนื้อมีความรู้สึก เจอผู้หญิงยั่วเข้าให้ ใครจะไปอดใจไหว”
       ทุกคนครางฮือ มองมาที่หญิงสาว หญิงมานศรีโกรธและอายมาก
       “คนโกหก ปั้นน้ำเป็นตัว สร้างเรื่องเอาตัวรอด!”
       ทิวหันไปตะโกนถามคนงาน
       “เฮ้ย! บอกคุณหญิงคนอย่างนายทิว บรรณาเคยพูดโกหกเอาตัวรอดหรือเปล่าวะ”
       ทิวเข้าไปดึงเข้มให้เข้ามาดูหญิงมานศรีใกล้ๆ
       “เอ็งดูไอ้เข้ม ผู้หญิงสาวสวย ท่วงท่าดุจนางพญาหงส์ ผิวขาวเนื้อนมไข่ขนาดนี้ มาหาแกถึงที่ จะด้วยแรงรักหรือแรงคิดถึงก็ไม่รู้ แกจะทนไหวมั้ย!”
       เข้มหน้าเหวอ
       “เอ่อ...เข้มไม่เกี่ยวครับนาย”
       ทิวผลักเข้มออกไป เทพฉุนกึก แต่พยายามนิ่ง
       “ทิว ใจเย็นๆก่อน คุณหญิงไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น เธอไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย”
       ทิวแสยะยิ้ม
       “ปกป้องเทิดทูน...เก็บไว้ทำเลขาหรือทำอะไรกันแน่ คุณเทพ!”
       เทพชักทนไม่ไหว
       “กรุณาให้เกียรติฉันและคุณหญิงด้วย ทิว”
       “พูดความจริง ไม่ให้เกียรติตรงไหน ใครๆก็ซุบซิบกันทั้งไร่ว่าเนี่ย ว่าที่เมียคนใหม่ของนายใหญ่” ทิวหันไปถามคนงาน “ใช่มั้ยวะ!”
       คนงานก้มหน้านิ่ง ค่อยๆถอยออกไป ทิวจ้องหน้าหญิงสาวอย่างท้าทาย
       “ไปแจ้งความเลยซิ ฉันจะได้ให้ปากคำเพิ่มเติมอีกว่า...ลีลาเธอตอนที่ยั่วสวาทฉันมันเร่าร้อนยังไง ไม่ได้หงิมๆเรียบร้อยอย่างตอนนี้หรอก แต่มันเหมือน...นางเสือหิว หนังสือพิมพ์คงลงข่าวหน้าหนึ่ง ทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปเลย”
       หญิงมานศรีทั้งอายทั้งแค้นทั้งโกรธ เธอตบหน้าเขาอย่างแรง
       “คนเลว!”
       หญิงมานศรีเดินหนีไปอย่างโกรธจัด
       “คุณหญิง เดี๋ยวก่อน”
       เทพตามออกไป ล้วนตามเทพออกไปอีกคน ทิวมองตามแสยะยิ้มอย่างสะใจ เข้มส่ายหน้า
       “นาย...แรง”
       ทิวไม่สนใจเดินกลับเข้าโรงงานไป

       หญิงมานศรีร้องไห้เสียใจวิ่งมา เทพวิ่งตามมา รั้งมือของเธอเอาไว้
       “ปล่อยหญิงค่ะ”
       “คุณหญิง”
       หญิงมานศรีพยายามเชิดหน้า ซ่อนน้ำตา
       “ผมรู้ว่าคุณหญิงบริสุทธิ์เกินกว่าที่เป็นอย่างที่นายทิวเขากล่าวหา ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมนายทิวถึงทำแบบนี้”
       “หญิงไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยไปทำอะไรให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมเขาถึง ทำลายหญิงได้ถึงขนาดนี้”
       เทพอึ้ง
       “ผมขอโทษ...เป็นความผิดของผมเอง”
       “หญิงไม่เข้าใจค่ะ”
       เทพคิดๆ
       “เพราะทิวโกรธแค้นผม เรื่องขวัญตา”
       หญิงมานศรีแปลกใจ
       “คุณขวัญตา...ทำไมคะ”
       “ขวัญตาเคยเป็นคนรักของทิว...แต่ขวัญตาขอเลิกกับทิวเพราะทนความป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงของทิวไม่ไหว ผมจึงรับดูแลขวัญตาเอาไว้...ทิวเค้าเลยผูกใจเจ็บ ทุกคนหรือทุกอย่างที่ผมรัก ทิวจะต้องหาทางทำลายถ้ามีโอกาส”
       หญิงมานศรีชะงัก
       “คนที่คุณเทพรัก”
       เทพรีบเฉไฉ
       “ผมหมายถึง งานและผู้ร่วมงานทุกคนของผมครับ”
       หญิงมานศรีเกลียดชังทิวมาก
       “ผู้ชายคนนี้มีปัญหาทางจิต”
       เทพได้ทีรีบใส่ไฟ
       “ครับ ตั้งแต่ที่เขาเสียพ่อแม่ไป ทิวก็กลายเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความโกรธแค้นและมีอารมณ์รุนแรง”
       “แล้วทำไมคุณเทพถึงยังให้เค้าทำงานอยู่ที่นี่คะ ทั้งๆที่เค้าเป็นคนอันตราย”
       “เพราะผมต้องดูแลทิวตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่ของเขาครับ”
       หญิงสาวรู้สึกประทับใจที่เทพมีจิตใจดี
       “ผมขอร้องคุณหญิงได้มั้ยครับ คุณหญิงอย่าไปเอาผิดกับเขาเลยครับ ถือว่าเมตตา คุณหญิงเพียงแต่อยู่ให้ห่างๆเขาไว้เท่านั้น ผมจะให้นายล้วนช่วยดูแลอีกคน”
       หญิงมานศรีอึ้ง ใจอ่อนตามคำของของเทพ พยักหน้าช้าๆ เทพยิ้มขอบคุณทำเป็นโล่งใจ แต่ในใจโกรธแค้นทิวมาก

       ทิวกำลังคุมคนงานลำเลียงกระสอบน้ำตาลทรายขึ้นรถ เทพเข้ามายืนข้างๆ ทิวทำเป็นไม่สนใจ
       “คุณหญิงเธอเป็นคนดีนะ”
       ทิวนิ่ง ไม่สนใจ ตะโกนสั่งงาน
       “เฮ้ย เร็วๆหน่อย อย่าชักช้า”
       “แล้วฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้คนดีๆอย่างคุณหญิงต้องทุกข์ร้อนใจเมื่อต้องอยู่ที่นี่”
       “แล้วไง”
       “ฉันก็ต้องพยายามทำทุกอย่างให้คุณหญิงมีความสุข อะไรที่คุณหญิงชอบฉัน ก็จะหามาให้ ส่วนอะไรที่คุณหญิงเกลียด ฉันก็อาจจะต้องหาทาง...กำจัดออกไป”
       “อืม เข้าใจแล้ว...แต่ก่อนจะทำตัวเป็นป๋าเอาเงินจากหยาดเหงื่อแรงงานของคนที่นี่ไปปรนเปรอผู้หญิงคนนั้น จะบอกอะไรให้นะ ถ้าอยากซ้ำรอยจูบกับฉันก็เอา”
       ทิวมองเทพอย่างท้าทาย เทพอึ้ง ตาวาว แต่รีบยิ้มกลบเกลื่อน
       “ฮ่ะๆๆ นายนี่แน่มาก...เอาเถอะ อยากจะคิดยังไงก็ตามสบาย อ้อ ฉันคุยกับคุณหญิงให้นายแล้วนะ ว่าอย่าเอาเรื่องกับนาย ให้คิดซะว่าเมตตาทำบุญทำทานให้พวกสัตว์ตกทุกข์ได้ยาก”

เทพเดินหัวเราะออกไปกับล้วน ทิวเจ็บใจที่ถูกเทพพูดจากระทบกระทั่งอย่างรุนแรง หันไประบายอารมณ์กับของที่อยู่ใกล้ๆ



ตกเย็นวันนั้น  พอกลับจากการทำงานหญิงมานศรี ก็เข้ามาคุยกับพิไลพร

       “หญิงว่า...พรพานายนั่นไปตรวจที่โรงพยาบาลของพรมั้ย หญิงกลัวว่าถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจจะยิ่งมีอาการรุนแรง และทำร้ายคนที่อยู่ใกล้ได้นะ”
       พิไลพรสงสัย
       “แต่ทำไมเขายังทำงานได้ล่ะคะ”
       “ก็ไม่รู้สิ อาจจะเป็นโรคจิตเภทประเภทอะไรสักอย่างหนึ่งแหละ ไม่งั้นไม่โรค จิตตามทำร้ายหญิงอย่างนั้นหรอก นะ ถือว่าช่วยคุณเทพ จะได้ไม่ต้องกังวล”
       “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรจะลองไปคุยกับคุณทิวนั่นดู ไปด้วยกันนะคะ”
       “ไม่ไปด้วยหรอก คุณเทพต้องการให้หญิงอยู่ห่างๆเค้า จะได้ไม่ไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของเค้าอีก”
       พิไลพรพยักหน้ารับคำเมื่อหญิงมานศรีบอกอย่างนั้น

       ทิวกับเข้มกำลังล้างมือจะกลับบ้านหลังจากเลิกงานแล้ว พิไลพรเดินเข้ามาเห็นทิวจากด้านหลัง เธอจึงเดินเข้าไปหา
       “คุณทิวใช่มั้ยคะ”
       ทิว และเข้มหันหน้ามา พิไลพรจำทิวได้
       “คุณ ที่พรทำน้ำหวานหกใส่เสื้อวันนั้น!”
       “คุณนั่นเอง สวัสดีครับ”
       “ตายแล้ว โลกกลมจังนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณ แต่เอ๊...พรคุยกับคุณ ก็ดูปกติ ไม่ได้โรคจิตอย่างที่คุณหญิงว่าสักหน่อย”
       ทิวหน้าเหวอ
       “เขาว่าผมโรคจิต!”
       “ค่ะ ให้พรลองมาคุยกับคุณ เผื่อจะไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดที่พรเพิ่งย้ายมาประจำค่ะ”
       ทิวยิ่งเคืองหญิงมานศรีเช้าไปอีก

       หญิงมานศรียืนรอพิไลพรอยู่ สักครู่พิไลพรเดินเข้ามา
       “ว่าไงพร ตกลงเป็นโรคจิตใช่มั้ย พรบอกให้เขาไปรักษาหรือยัง”
       ทิวเดินเข้ามา
       “ฉันไม่ได้เป็นโรคจิต!”
       หญิงมานศรีผงะ ถอย
       “นาย! พร พานายนี่มาด้วยทำไม”
       “พรไม่ได้พามานะคะ คุณทิวเดินตามพรมาตั้งแต่เมื่อไหร่พรก็ไม่รู้”
       ทิวชี้หน้าหญิงมานศรี
       “ไม่รู้จริงก็ไม่ต้องสะเออะทำเป็นรู้ดีว่าใครเป็นอะไรยังไง!”
       “หยาบคาย! พูดจากับฉันให้มันดีๆ ให้เกียรติกันบ้างไม่ได้หรือไง”
       พิไลพรหน้าเสีย เมื่อเห็นศึกระหว่างทิวกับหญิงมานศรี
       “ไม่จำเป็น! เพราะเธอไม่ได้มีค่าขนาดนั้น อยากอยู่ที่นี่ต่อไปก็อยู่ แต่ระวังตัวไว้ให้ดี...อยู่ไม่เป็นสุขแน่”
       ทิวทำโมโหผลักข้าวของที่อยู่ใกล้มือล้มระเนระนาด จนหญิงมานศรีและพิไลพรตกใจ
       “ว้าย!”
       ทิวเดินออกไป หญิงมานศรีตื่นกลัว
       “เห็นมั้ยพร อยู่ๆก็อารมณ์ฉุนเฉียว หญิงว่าต้องเป็นโรคจิตขั้นรุนแรง”
       พิไลพรงงๆ
       “ตอนคุยเมื่อกี้ก็เห็นดีๆอยู่เลย...ไม่หรอกมั้งคะคุณหญิง”
       หญิงมานศรีปักใจเชื่อว่าทิวไม่สบายแน่ๆ

       ค่ำนั้น...ผ่องทิพย์เดินเข้ามาในห้องครัวกับบุญปลูกที่หอบว่านมาเต็มมือ
       “ไปเปิดน้ำในอ่างแล้วเอาว่านมหาเสน่ห์ลงไปแช่เลย ฉันจะได้นอนแช่ซะคืนนี้”
       “ค่ะคุณนายขา”
       บุญปลูกรีบวิ่งออกไป ผ่องทิพย์ยิ้มหวานเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
       “หิวจังเลยค่ะคุณเทพขา”
       เทพกำลังตักอาหารเอาใจหญิงหญิงมานศรี ในขณะที่พวงทองนั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ นิ่งๆ ไม่สนใจอยู่อีกมุม ขวัญตานั่งอยู่อีกด้าน เหลือบมองหญิงมานศรีอย่างหมั่นไส้ พิไลพร กลิ่นและคนรับใช้อื่นๆยืนอยู่ใกล้ๆที่มุมหนึ่งเพื่อรอรับใช้ ผ่องทิพย์อึ้ง
       “ทราบมาว่าคุณหญิงชอบรับประทานผักสดๆ...ผมเลยให้แม่บ้านเตรียมสลัดผักที่เราปลูกเองที่นี่ไว้ให้ด้วย”
       หญิงมานศรีเกรงใจ ไม่ค่อยสบายใจนัก
       “ขอบคุณค่ะ หญิงดูแลตัวเองได้ค่ะ ไม่เป็นไร”
       พวงทองยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร เทพรู้ความคิดของหญิงมานศรีว่าเกรงใจเมีย
       “คุณหญิงเป็นแขกของที่นี่ ผมต้องดูแล”
       ผ่องทิพย์เข้ามา
       “อ้าว...ตกลงจะเป็นแขกหรือเป็นเลขานุการคะ”
       เทพอึ้ง หญิงมานศรีรู้สึกแย่ พิไลพรอึดอัดแทนนายสาว เทพหันไปจ้องหน้า ผ่องทิพย์อย่างไม่ค่อยพอใจ
       “เป็นทั้งแขกและผู้ช่วยของฉัน...เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผ่องทิพย์”
       ผ่องทิพย์มองหญิงมานศรีอย่างเหยียดหยัน
       “จะมาทำงานหรือมาทอดสะพานให้ผัวฉัน เลือกเอาสักอย่างนะคะคุณหญิง หญิงมานศรี”
       หญิงมานศรีตกใจ หน้าชาเมื่อเห็นผ่องทิพย์กราดเกรี้ยว ขวัญตาสะใจ พวงทองรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทน เทพไม่พอใจผ่องทิพย์มาก ส่งสัญญาณมือให้คนใช้ออกไปจนหมด
       “ว่าไงคะ จะตอบคำถามฉันได้หรือยัง ว่าจะมาเป็นเลขาหรือมาเป็นเมียที่คนที่สี่ของผัวฉัน”
       เทพฉุนกึกพูดเสียงเข้ม
       “ผ่องทิพย์!”
       หญิงมานศรีพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง
       “คุณผ่องทิพย์เข้าใจหญิงผิดแล้วค่ะ”
       “ผิดอะไร! ใครๆก็เห็นว่าคุณหญิงทอดสะพานให้คุณเทพ ใช่มั้ยขวัญตา”
       “อย่าเอาขวัญตาไปเกี่ยวสิคะพี่ผ่อง...ขวัญตาต้องให้เกียรติคุณเทพและคุณหญิงนะคะ กริยาและคำพูดต่ำๆแบบนี้ ขวัญตาไม่กล้าแม้แต่จะคิดทำหรอกค่ะ”
       ผ่องทิพย์โมโหมากที่ขวัญตาหลอกด่า
       “กรี๊ด...นังขวัญตา แก...แก...”
       พิไลพรมองหน้าผ่องทิพย์
       “จำไม่ได้หรือไงคะ ฉันเคยบอกคุณว่า...คุณหญิงได้รับการอบรมมาดี ไม่มีทางทำอะไรต่ำๆเหมือนความคิดของคุณหรอก”
       ผ่องทิพย์ยิ่งโกรธ
       “อ๊าย”
       เทพพยายามทำใจเย็น
       “ผมขอตัวนะครับคุณหญิง”
       เทพรีบดึงผ่องทิพย์ออกไปทันที ทุกคนมองตามใจหายใจคว่ำ ขวัญตายิ้มสะใจ หญิงมานศรีหันมายิ้มให้ขวัญตาอย่างขอบคุณ แต่ขวัญตาเชิดใส่ ลุกเดินจากโต๊ะไป หญิงมานศรีอึ้ง รู้สึกอึดอัด พวงทองมองหญิงมานศรีอย่างเห็นใจ

       เทพเปิดประตูผลักผ่องทิพย์เข้าไปในห้องนอน แล้วปิดประตูเสียงเบาที่สุด ด้วยอารมณ์ที่เย็นที่สุด จ้องหน้าผ่องทิพย์ บุญปลูกเดินออกมาจากห้องน้ำ
       “น้ำว่านมหาเสน่ห์พร้อมให้แช่แล้วค่ะคุณนาย ว้าย...นายใหญ่”
       “ออกไปก่อนไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณผ่อง”
       “หวาย...นี่ขนาดยังไม่ได้แช่ ก็พากันเข้าห้องแล้วอ่ะ ของอาจารย์เขาเด็ดจริงๆ”
       เทพตวาด
       “บุญปลูก!”
       “ไปแล้วค่ะ”
       บุญปลูกรีบออกไปทันที พอบุญปลูกปิดประตูสนิทปั๊บ เทพตบเปรี้ยงไปที่หน้าผ่องทิพย์ทันที
       “โอ๊ย!”
       “ทีหลังอย่าได้แสดงกริยาแบบนั้นกับคุณหญิงอีกเด็ดขาด”
       “ทำไมคะ ผ่องแตะต้องมันไม่ได้เลยเหรอ แสดงว่า คุณตั้งใจจะเคลมเอามันมาเป็นเมียอีกคนจริงๆใช่มั้ย ผ่องไม่ยอม”
       ผ่องทิพย์เข้าไปตบตีเทพทันที เทพไม่ได้ปกป้องกลับรู้สึกชอบและมีอารมณ์
       “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงห้ามเธอ”
       “เพราะคุณมันไม่รู้จักพอ!”
       ผ่องทิพย์ตบหน้าเทพเปรี้ยง เทพหันกลับมา ยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้โหมแรงยิ่งขึ้น เขาขย้ำคอเธอ
       “เพราะฉันไม่อยากให้คุณหญิงเสียความนับถือว่าที่เมียหมายเลขหนึ่งของฉันต่างหาก ผ่องทิพย์...เธอเข้าใจฉันหรือยัง...หา!”
       ผ่องทิพย์ยิ้มสะใจ เทพมองอย่างกระหาย แล้วลากเข้าไปในห้องน้ำ ผลักตัวผ่องทิพย์ลงในอ่างที่แช่ด้วยน้ำว่านมหาเสน่ห์ เทพมองที่เสื้อผ้าแนบเนื้อด้วยสายตาหิวกระหาย

       หญิงมานศรียังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารกับพวงทอง ที่ยังคงรับประทานอาหารต่อไปเป็นปกติ พิไลพรเหลือบมองพวงทองแล้วขนลุกแล้วแอบเม้าเบาๆ
       “คนอะไร เย็นได้ขนาดนี้...ผีหรือเปล่าเนี่ย”
       พวงทองเหลือบมอง พิไลพรหลบตาวูบ หญิงมานศรีไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะกินต่อ พวงทองบอกนิ่งๆ
       “ทานต่อเถอะค่ะคุณหญิง ไม่ต้องรอ...คงจะคุยกันยาว”
       “หญิงอิ่มแล้วค่ะ”
       พิไลพรรีบแย้ง
       “แต่เพิ่งจะทานไปนิดเดียวเองนะคะ”
       “หญิงอิ่มจริงๆ”
       พวงทองตัดบท
       “เดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กยกเครื่องดื่มกับของว่าง ไปให้ที่ห้องแล้วกันค่ะ”
       “ขอบ...”
       หญิงมานศรีจะพูดว่าขอบคุณ แต่ พวงทองไม่สนใจฟัง
       “ไปจัดการซะกลิ่น”
       กลิ่นรับคำ
       “ค่ะ”
       หญิงมานศรีอึ้งไป เมื่อเจอความเย็นชาของพวงทองที่รวบช้อน ดื่มน้ำเดินออกไป พิไลพรถอนใจ
       “คิดจะกลับไปอยู่ที่วังตอนนี้ พรว่ายังทันนะคะ มีแต่ความประหลาด และรังสีรังสีอำมหิตเต็มไปหมดเลย คฤหาสน์อาถรรพ์ชัดๆ”

หญิงมานศรีอึ้งๆ สีหน้าครุ่นคิดหนัก
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000059562&Page=2



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 9:03:59 น. 0 comments
Counter : 343 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.