เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5-2

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5(ต่อ)

เย็นนั้น...หญิงมานศรีเดินมาตามถนนที่ทอดยาวไกล ในขณะที่พระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆ หญิงสาวอ่อนเพลียและอ่อนล้าเต็มทน มองหารถ ไม่มีผ่านมาสักคัน เธอเมื่อยมากจึงลงนั่งพัก ทันใดนั้นหญิงสาวก็เห็นรถวิ่งมาแต่ไกล ดีใจ รีบลุกขึ้นโบก รถคันนั้นเคลื่อนตัวมาใกล้เรื่อยๆ

       แต่แล้วหญิงมานศรีก็ชะงัก เพราะเป็นรถของทิว รถของทิวแล่นมาจอดชายหนุ่มไขกระจกลงมองหญิงสาว
       “ยังจะเดินอ่อยใครอยู่อีก ทำไมไม่กลับไปทำงาน”
       หญิงมานศรีเจ็บใจมากที่ดูถูกตลอดเวลา
       “นายทิว!”
       ทิวชี้ไปข้างหน้า
       “เดินต่อไปอีกสักหน่อยจะเป็นบ้านพักคนงาน ฉันคอนเฟิร์มนะว่าทุกคนยังไม่มีเมีย...ไปขอเขานั่งพักสิ เผลอๆอาจจะได้สนุกก่อนกลับ”
       หญิงมานศรีเข้าไปจะจิกตี
       “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันเกลียดนาย ฉันเกลียดนาย”
       ทิวรีบออกรถไปซะก่อน และหัวเราะด้วยความสะใจ
       “ฮ่ะๆๆ”
       “ฉันเกลียดนาย”
       หญิงมานศรีตะโกนด่าทิวด้วยความเจ็บใจ เจ็บแค้นจนน้ำตาแทบไหลออกมาด้วยความเกลียดชัง

       ทิวขับรถมาไกลจากหญิงมานศรีมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นหญิงสาวตะโกนด่าอยู่ข้างหลัง เขารู้สึกสงสารชั่วแวบก่อนจะตัดใจ เร่งเครื่องวิ่งออกไปอย่างเร็ว...หญิงมานศรีเห็นรถของทิววิ่งฝุ่นตลบหายไปจากสายตา
       “ฉันเกลียด...นาย...”
       หญิงมานศรีเดินอยู่ตามลำพังบนถนนสายเปลี่ยวที่เริ่มมืด เสียงหรีดหริ่งจักจั่นเรไรเริ่มร้องระงม หญิงสาวรู้สึกกลัว

       ทิวเข้ามาในบ้าน เข้มรออยู่อย่างร้อนใจ
       “นาย...ไปไหนมา คุณหญิงเลขาล่ะ กลับมาด้วยแล้วใช่มั้ย”
       “ให้คนไปรับทีไป”
       “รับที่ไหนล่ะนาย...” เข้มถามอย่างร้อนใจ

       ฟ้ามืดลงทุกขณะ หญิงมานศรีเดินมาอย่างอิดโรย
       “ทำไมไม่มีรถ ไม่มีคนผ่านมาเลย”
       เสียงผิดปกติดังสวบสาบใกล้ตัวหญิงสาวตกใจ สะดุ้งเฮือก รีบวิ่งหนีไปทันที...หญิงมานศรีวิ่งมาตามถนน แสงหน้ารถกระบะเลี้ยวสาดส่องเข้ามาจากทางโค้ง หญิงสาววิ่งหนีมาโดยไม่ได้มองทาง จนเกือบชนเข้ากับรถ หญิงสาวหันมาตกใจมาก
       “ว้าย!”
       รถกระบะจอด คนงานลงมา
       “คุณหญิงเลขาครับ!”
       หญิงมานศรีโล่งใจที่มีคนมาช่วย

       หญิงมานศรีนั่งลงโดยมีหม่อมสรัสวดีและพิไลพรดูแลไม่ห่าง เทพยืนดูอยู่อย่างไม่พอใจแต่พยายามเก็บอาการ ขวัญตายืนอยู่ข้างๆเทพ มองมาอย่างหมั่นไส้ พวงทอง กลิ่นเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มร้อน
       “ดื่มก่อนนะคะ...จะได้รู้สึกดีขึ้น”
       หญิงมานศรีรีบมา
       “ขอบคุณค่ะ”
       หม่อมสรัสวดีหันไปถามลูกสาวอย่างห่วงใย
       “ลูกหญิง นายทิวคนนั้นทำอะไรลูกหรือเปล่า เขาพาลูกไปไหน ทำไมถึงได้...”
       หญิงมานศรีตัดบท
       “หม่อมแม่คะ...”
       หญิงมานศรีมองหน้าแม่ เทพและทุกคน ตัดสินใจไม่กล่าวโทษทิว
       “นายทิวไม่ได้ทำอะไรหญิงค่ะ”
       ทุกคนอึ้ง เทพไม่อยากจะเชื่อ หญิงมานศรีคิดถึงที่คนงานมาส่งที่หน้าคฤหาสน์...คนงานมาเปิดประตูให้หญิงมานศรีลงมาจากรถ
       “ขอบใจมากนะจ๊ะ คุณเทพให้ตามหาฉันใช่มั้ย”
       คนงานเผลอหลุดปากพูด
       “นายทิวครับ...อุ๊บ”
       หญิงมานศรีอึ้งไป ไม่คาดคิด คนงานตีปากตัวเอง
       “นายไม่ให้บอก ไม่ให้บอก...เอ่อ ไปล่ะครับ”
       คนงานรีบวิ่งขึ้นรถขับออกไป หญิงมานศรีแปลกใจมากที่ทิวให้คนมาช่วย

       เทพไม่เชื่อสิ่งที่หญิงมานศรีพูด
       “แต่คุณหญิงไปกับนายทิว...แล้วก็กลับมาในสภาพแบบนี้ จะให้พวกเราคิดเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้”
       หญิงมานศรีไม่พอใจ
       “คุณเทพคิดว่าคนอย่างหญิง จะยอมให้นายทิวทำอะไรได้ง่ายๆเหรอคะ”
       “ผมไม่ได้คิด...”
       “แต่คุณเทพพูดออกมา ขอบคุณนะคะสำหรับความปรารถนาดี แต่กรุณาเชื่อคำพูดของหญิงเถอะค่ะ ว่านายทิวไม่ได้ทำอะไรหญิง”
       ทุกคนดูเหมือนจะไม่ยอมเชื่อ หญิงมานศรีมองหน้าทุกคน ยืนยันหนักแน่น
       “หญิง...ตามไปให้เขาเซ็นเอกสารจนเรียบร้อย หญิงก็กลับ แต่หลงทาง นายทิวเป็นคนส่งคนไปรับหญิงกลับมาทุกอย่างจบนะคะ”
       หม่อมสรัสวดีตัดบท
       “ไม่มีอะไรก็ดีแล้วจ๊ะ แต่ทีหลัง จะไปไหนมาไหน อย่าลืมเอามือถือติดตัวไปด้วยสิจ๊ะลูกหญิง...ทุกคนเป็นห่วงนะลูก”
       “มือถือ”
       หญิงมานศรีเพิ่งนึกได้ว่ามือถือไม่อยู่กับตัว เธอครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าตอนที่ถูกทิวลากจากรถ มือถือของเธอคงตกอยู่บนเบาะ โดยที่ไม่รู้ตัว หญิงมานศรียิ้มกลบเกลื่อน
       “ค่ะ...คราวหลังหญิงจะไม่ลืมค่ะ หญิงขอตัวนะคะ”
       หญิงมานศรีลุกเดินออกไป พิไลพรตามออกไปทันที เทพมองตามอย่างไม่พอใจ ขวัญตาแอบมองเทพอยู่ รู้สึกหงุดหงิด แต่พวงทองรู้ดีว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงมานศรีบอก

       พิไลพรปิดประตูห้องตามหญิงมานศรีมา แล้วถามทันที
       “จริงเหรอคะคุณหญิง”
       “อะไรจริง ไม่จริง”
       “ที่คุณหญิงเล่า”
       “พร...ว่าหญิงโกหกเหรอ”
       “ค่ะ”
       หญิงมานศรีอึ้ง
       “มือถือคุณหญิงอยู่ไหนคะ”
       หญิงมานศรีหน้าเจื่อน

       ทิวนั่งมองมือถือของหญิงมานศรี ดูไปดูมาตัดสินใจกดดูหน้าจอ เห็น misses call หลายเบอร์มาก เป็นเบอร์ของเทพทั้งหมด
       “หึ...เป็นห่วงเป็นใยมากกันขนาดนี้ หัวใจแกคงจะพลุ่งพล่านทุรนทุรายสินะ”
       ทิวนึกสะใจเรื่องหญิงมานศรีที่ทำให้ไปกวนใจเทพได้

       เทพดื่มเครื่องดื่มอย่างอารมณ์เสีย มองแก้วในมือด้วยความแค้น
       “ไอ้ทิว!”
       เทพแค้นจนบีบแก้วแตกคามือ...ขวัญตาเข้ามาเห็นพอดี ตกใจ
       “ว้าย คุณเทพ! ทำแบบนี้ทำไมคะ”
       ขวัญตารีบเข้ามาดูแล แต่ถูกเทพเหวี่ยงมือผลักจนกระเด็น
       “ไม่ต้องมายุ่ง!”
       “คุณเทพ นี่ขวัญตาเมียคุณนะ จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง คุณบาดเจ็บ”
       เทพรู้สึกตัวว่าหงุดหงิดเว่อร์ รีบข่ม พยายามใจเย็น
       “ไปก่อนไป ฉันกำลังไม่สบายใจ”
       “เรื่องคุณหญิงหญิงมานศรีน่ะเหรอคะ ที่กวนใจคุณ”
       เทพไม่พูด
       “ตั้งแต่คุณหญิงนั่นเข้ามาที่นี่...คุณเทพเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม”
       “ฉันก็เหมือนเดิม”
       “ไม่! ความสนใจทั้งหมดของคุณไปอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น...หรือที่หม่อมหม่อมสรัสวดีพูดกับพี่ผ่องทิพย์มันเป็นความจริง คุณสองคนกำลังร่วมมือกันหาทางเอานัง คุณหญิงนั่นมาเป็นเมียใช่มั้ย”
       “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะขวัญตา”
       “ขวัญตาหยุดพูดก็ได้...แต่ขวัญตาจะไม่หยุดคิด จำสัญญาที่ให้ไว้ได้มั้ยคะ”
       เทพอึ้ง
       “ขวัญตาจำแม่นค่ะ และจะไม่มีวันยอมเป็นคนที่ถูกลืม ใครหน้าไหนก็มาทำให้คุณเทพผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับขวัญตาไม่ได้เด็ดขาด”
       ขวัญตาน้อยใจเทพ วิ่งหนีออกไป

เทพจะตาม แต่หงุดหงิดเกินกว่าจะทำอย่างนั้น “โธ่เว้ย!”

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

ขวัญตาเดินมาตามทาง เห็นบุญปลูกเข้ามาพร้อมถุงยาในมือที่มุมหนึ่ง พวงทองเข้ามาทักบุญปลูก

       “ดึกแล้ว ขึ้นมาทำไมอีก”
       “คุณนายให้บุญปลูกเอาสมุนไพรสมานแผลที่หน้ามาให้อย่างด่วนค่ะ เนี่ยเพิ่ง ไปขอจากอาจารย์มาได้นะคะ รอคิวตั้งนาน”
       พวงทองตัดบท
       “ไปเถอะไป”
       “ค่ะ”
       บุญปลูกเดินออกไป ขวัญตาคิดแค้นผ่องทิพย์
       “นังผ่อง แกคือคนแรกที่ฉันจะจัดการ”
       ขวัญตาคิดบางอย่างได้จึงเดินตามบุญปลูกไป...
       “เดี๋ยว!”
       บุญปลูกชะงัก ไม่ค่อยพอใจ
       “ทำไมคะ”
       “จะไปไหน”
       “ทำไมคะ”
       “คิดว่าตัวเองเป็นใคร...เป็นขี้ข้า ถามก็ตอบดีๆ”
       “เป็นขี้ข้าคุณนายผ่องค่ะ ไม่ใช่ขี้ข้าคุณ”
       “ย้อนเหรอ!”
       ขวัญตาตบบุญปลูกเปรี้ยง บุญปลูกเซถลาไปล้มกองบนพื้น ถุงยาหล่นบนพื้น กระปุกยาหล่นออกมากระจาย
       “โอ๊ย ว้าย นัง...”
       ขวัญตาถลึงตาใส่
       “นังอะไร...นังขี้ข้า”
       “นัง...เมียน้อย!”
       “อยากโดนอีกทีใช่มั้ย ได้!”
       ขวัญตาจะเข้าไปซ้ำ บุญปลูกกลัว วิ่งหนี จนลืมถุงยา
       “ว้าย! อยู่ให้โดนเหรอคะ เห็นบุญปลูกเป็นกระสอบทรายกันหรือไงโว้ย คนบ้านนี้”
       ขวัญตายิ้มเยาะ มองที่กระปุกยาสมานแผลที่หน้า แล้วมองกระปุกยาหม่องในมือที่เอาฉลากออกแล้ว
       “ต้องเป็นยาอาจารย์หม่อง ถึงจะเหมาะกับหนังหน้าแก นังผ่อง”
       ขวัญตาเปลี่ยนกระปุกยาสมานแผล กับยาหม่องตัวเองเก็บใส่ถุงเรียบร้อย แล้วรีบออกไป บุญปลูกกลับเข้ามาอีกอย่างหวาดระแวงมาเก็บถุงยาไป

       พิไลพรนั่งหน้ามึนอยู่ในห้องพักของหญิงมานศรี
       “พรไม่เข้าใจ”
       “หญิงก็ไม่เข้าใจ เขาเกลียดหญิง แล้วเขาให้คนมาช่วยหญิงทำไม”
       “พฤติกรรมซับซ้อน...แต่พรว่า...”
       พิไลพรนิ่งไป
       “ว่าอะไร”
       “พรว่า เนื้อแท้แล้วคุณทิวเป็นคนดีค่ะ”
       “พร...ดูคนต้องดูให้นานๆ”
       “พรดูคนที่การกระทำค่ะ ไม่ใช่คำพูด”
       หญิงมานศรีอึ้ง
       “คุณทิวพูดว่าเกลียดคุณหญิง ต่อว่าต่างๆนานาให้คุณหญิงเจ็บช้ำใจ แต่กลับช่วยตามหาลุงพามาส่งโรงพยาบาล...สั่งให้คนงานไปรับคุณหญิงกลับ เพราะคงรู้สึกผิดที่ปล่อยคุณหญิงไว้อย่างนั้น”
       หญิงมานศรีนิ่ง เฉย ไม่เชื่อพิไลพร
       “หรือคุณหญิงคิดว่า...คนที่ปากหวานพูดจาดีคือคนดี”
       “หญิงไม่ได้คิดอย่างนั้น...ก็บอกแล้วไงว่าดูคนต้องดูให้นานๆ”
       พิไลพรยื่นมือถือตัวเองให้
       “โทรไปทวงมือถือตัวเองคืนมาก่อนเถอะค่ะ”
       “พรโทรให้หน่อยสิ”
       หญิงมานศรีเดินหนีไป พิไลพรส่ายหน้ากับท่าทีไว้ตัวของหญิงมานศรี

       มือถือของหญิงมานศรีดังขึ้น ทิวสะดุ้ง มองหน้าจอเห็นชื่อ พิไลพร ทิวลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ดี
       “คุณพรอาจจะโทรมาถามหามือถือ”
       ทิวตัดสินใจรับ...
       “ฮัลโหลครับคุณพร...”
       หญิงมานศรีเข้ามา กลั้นใจพูด
       “ไม่ใช่พิไลพร แต่เป็นเจ้าของมือถือเครื่องนั้น”
       ทิว ชักอยากจะยียวนเล่น
       “แล้วเจ้าของมือถือชื่ออะไร”
       “รู้อยู่แล้ว ทำไมต้องถาม”
       “เพราะอาจจะมีคนมาสวมรอย”
       “นายรู้อยู่แล้วว่าเป็นมือถือฉัน”
       “ฉันไหน”
       “นายทิว!”
       พิไลพรอยู่ข้างๆ ส่งสัญญาณให้พูดดีๆ
       “เดี๋ยวไม่ได้เครื่องคืนนะคะ พูดดีๆค่ะ”
       หญิงมานศรีพยายามใจเย็น
       “ฉันคือหม่อมราชวงศ์หญิงหญิงมานศรี กฤติยา ได้ยินชัดมั้ย”
       ทิวยิ้มขำ
       “เต็มยศ ครบเครื่อง...แต่อยากรู้ว่าจะครบรสหรือเปล่า”
       หญิงมานศรีฉุนกึก
       “นายทิว! ฉันจะพูดกับนายแค่นี้...เอามือถือมาคืนให้ฉันด้วย”
       “อยากได้คืนมาเอาเอง”
       “ฉันจะไปแจ้งความว่าถูกนายลักพาตัว มือถือของฉันที่อยู่กับนายคือ หลักฐานเอาผิด คิดว่าตำรวจจะเชื่อใคร หม่อมราชวงศ์อย่างฉันหรือคนกักขฬะอย่างนาย”
       “โห...คุณหญิง แรงนะคะ”
       หญิงมานศรีไม่สนใจคำทักท้วงของพิไลพร ทิวเจ็บใจ
       “ได้ ฉันจะเอาไปให้ถึงห้องนอนเลย รอนะจ๊ะทูนหัว เดี๋ยวจะไปหา”
       “ว้าย ลามก!”
       หญิงมานศรีรีบกดวางสาย รู้สึกกลัว ไม่ไว้ใจทิว
       “พร...คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหญิงนะ”
       พิไลพรแปลกใจกับท่าทางของหญิงมานศรี

       ผ่องทิพย์นั่งร้องไห้จนตาบวมแดง พลางมองหน้าตัวเองที่มีรอยแผลอยู่ที่หน้ากระจก บุญปลูกนั่งสัปหงกอยู่
       “บุญปลูก อีกกี่วันหน้าฉันถึงจะหายเป็นปกติล่ะ ฉันคิดถึงคุณเทพจะแย่อยู่แล้ว แต่ฉันไปเจอเขาไม่ได้...ฮือๆๆๆๆ”
       บุญปลูกยังนั่งหลับ ผ่องทิพย์หันไปตวาด
       “นังบุญปลูก!”
       บุญปลูกสะดุ้ง
       “ขาคุณนาย!”
       “ง่วงก็ไปนอนไป”
       “โห...ใจดีเป็นนางฟ้าเลยค่ะวันนี้ บุญปลูกไปนะคะ”
       บุญปลูกลุกออกไป
       “เดี๋ยว!”
       “คะ”
       “มาทายาสมานแผลที่แกเอามาให้ฉันก่อน”
       “โหย...จะขี้เกียจไปถึงไหนคะคุณนาย แค่นี้ทำเองก็ได้ค่ะ”
       “นังบุญปลูก”
       “ค่ะๆๆ ทาค่ะทา...นะค้า ทา”
       บุญปลูกรีบเข้ามาหยิบกระปุกยามา เปิดฝา กลิ่นยาหม่องเข้าจมูกผ่องทิพย์
       “กลิ่นมัน...แสบๆจมูกนะ”
       บุญปลูกอารมณ์ง่วงนอน
       “โอย ยาดีก็งี้แหละค่ะ มันจะแสบๆ ฉุนๆ...มาค่ะ”
       บุญปลูกควักยาแล้วป้ายลงหน้าผ่องทิพย์ทันที ป้ายๆ เข้าตาเข้าหน้า ผ่องทิพย์ แสบมาก เธอร้องกรี๊ดดังลั่น...

       เทพยืนหน้าเครียด ล้วนเข้ามาข้างหลัง
       “นายครับ...”
       “จัดการเอาเงินเข้าบัญชีนังหม่อมนั่นไปแล้วหรือยัง”
       “เรียบร้อยแล้วครับ”
       “มันใช้ลูกสาวมันหาเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างหน้าไม่อาย”
       “นายใหญ่จะปล่อยให้มันข่ม และขู่อยู่อย่างนี้เหรอครับ”
       “ไม่หรอก...ปล่อยมันไปก่อน แต่อาจจะหาทางให้มันกลับกรุงเทพไปก่อน เพื่อที่ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆหน่อย”
       ทิวเดินลิ่วๆเข้ามาในคฤหาสถ์ ผ่านเข้าไป เทพเห็น แค้นๆ
       “แต่ไอ้ทิวนี่สิ มันทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองขึ้นทุกวัน”
       “นายจะเก็บมันไว้ทำไมให้เป็นหอกข้างแคร่”
       “หึ...ใครบอกว่าฉัน...”
       ทันใดนั้นเสียงพวงทองดังขัดจังหวะ
       “จะทำอะไรทิว”
       เทพและล้วนตกใจหันไป เห็นพวงทองยืนอยู่ หน้าซีดตกใจ
       “คุยอะไรกัน ทิวทำไม จะทำอะไรน้องชายฉัน”
       เทพสบตาล้วน ที่หลบตา เทพถอนใจ ต้องคิดหาเหตุผลแก้ตัวอีกแล้ว

       ทิวเดินเข้ามาในบ้าน ตะโกนลั่น
       “มือถือของใคร ก็มาเอาคืนไป”
       หญิงมานศรีเดินเข้ามากับพิไลพร
       “วางไว้ตรงนั้น แล้วก็ไปได้แล้ว”
       “ไม่ต้องมาสั่ง ก็อยากจะไปเร็วๆอยู่แล้ว”
       ทิววางมือถือลง หญิงมานศรียิ้มเยาะ ทิวเปลี่ยนใจหยิบมือถือขึ้นมา แล้วปล่อยทิ้งลงพื้น เครื่องแตกกระจาย
       “นายทิว!”
       พิไลพรอึ้ง
       “โธ่ คุณทิว...”
       “คนที่ควรจะยิ้มเยาะเธอ คือฉันต่างหาก หม่อมราชวงศ์หญิงหญิงมานศรี กฤติยา”
       หม่อมสรัสวดีเข้ามา ไม่พอใจทิว
       “หยุดสามหาวกับลูกหญิงของฉันได้แล้ว นายทิว”
       ทิวหันไปมองหน้าหม่อมสรัสวดี ยิ้มเหยียด
       “อ้อ...มีแม่คอยปกป้อง องครักษ์พิทักษ์ลูก ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวคุณมาเป็นเมียไอ้พี่เขยผมง่ายๆหรอก”
       “ไปทำตัวต่ำๆข้างนอก ไม่ใช่ต่อหน้าฉันและลูก”
       “มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรนักหนาที่ผมต้องแคร์ สนับสนุนลูกสาวให้ขายตัวแลกเงินไม่ต่ำกว่าหรือไง”
       หม่อมสรัสวดีตบหน้าทิวอย่างแรง หญิงมานศรีและพิไลพรตกใจ ทันใดนั้นผ่องทิพย์ก็ร้องกรี๊ดเข้ามา บุญปลูกตกใจ วิ่งตามมา ทุกคนชะงัก หันมองผ่องทิพย์
       “กรี๊ด ช่วยด้วย แสบๆๆ ร้อน”
       “คุณนายขา บุญปลูกขอโทษ...บุญปลูกไม่ได้เป็นคนเอายาหม่องมาทาให้นะคะ ใครก็ไม่รู้อ่ะ”
       “ใคร!”

ผ่องทิพย์กวาดสายตามองทุกคน เตรียมอาละวาด
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5(ต่อ)

ผ่องทิพย์เขม้นมองไปที่หม่อมสรัสวดีอย่างแค้นใจ

       “นังหม่อม...แก...ต้องเป็นแกแน่ๆ หน้าฉันเยินขนาดนี้ยังไม่พอใช่มั้ย ฉันจะทำให้แกเยินบ้าง คอยดู”
       ผ่องทิพย์ปราดเข้าไปจะตบหม่อมสรัสวดี หญิงมานศรี เข้ามารับเอาไว้แทน
       “อย่านะ”
       หญิงมานศรี ถูกฝ่ามือของผ่องทิพย์จนหน้าหัน ทิวและทุกคนตกใจ โดยเฉพาะทิวเป็นห่วงหญิงมานศรี มาก

       พวงทองถามเทพด้วยสายตาโกรธแค้น
       “ฉันถามว่าคุณจะทำอะไรทิว”
       เทพตัดสินใจต่อยหน้าล้วนอย่างแรง แล้วทำเกรี้ยวกราด พวงทองตกใจ ล้วนเองก็ตกใจ
       “ถึงแกจะไม่ชอบทิว แต่ถึงยังไง เขาก็เป็นนายและเป็นน้องชายของเมียฉัน หัดรู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง”
       ล้วนอึ้ง รับมุกเทพแทบไม่ทัน
       “อย่าให้ฉันได้ยินอีก ไม่อย่างนั้น แกจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป”
       “ครับนาย...”
       “ขอโทษคุณพวงซะ เห็นมั้ยว่าแกกำลังทำให้คุณพวงตกใจ”
       “ผมขอโทษครับคุณพวง”
       พวงทองอึ้ง มองเทพไม่อยากจะเชื่อนัก
       “ฉันขอโทษที่ไม่ดูแลลูกน้องตัวเองให้ดี เธอสบายใจเถอะนะ ทิวคือน้องชายของฉัน ฉันไม่มีวันทำผิดคิดร้ายกับเขาแน่นอน”
       พวงทองค่อยๆอ่อนลง กลิ่นเข้ามาหน้าตาตื่น
       “เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
       เทพ พวงทอง ล้วน ตกใจ
       “เรื่องอะไร!”

       หม่อมสรัสวดีปราดเข้าไปจะตบผ่องทิพย์
       “แก!”
       หญิงมานศรีดึงตัวแม่เอาไว้
       “หม่อมแม่คะ อย่าค่ะ พอเถอะค่ะ”
       “แต่มันทำลูกหญิง”
       ผ่องทิพย์ได้โอกาสตบหม่อมสรัสวดีคืนทันที
       “อยากโดนใช่มั้ย ได้”
       “โอ๊ย!”
       ทิวทนไม่ไหว เข้าไปรั้งตัวผ่องทิพย์ที่กำลังจะเข้าไปซ้ำหม่อมสรัสวดีเอาไว้
       “หยุดได้ แล้วพี่ผ่อง”
       “ฉันไม่หยุด มันทำให้ฉันเสียโฉมจนเข้าหน้าคุณเทพไม่ติด แล้วยังจะมาแกล้งสลับยาหม่องให้ฉันทาหน้าอีก ฉันจะเอามันให้ตาย”
       หญิงมานศรีมองหม่อมสรัสวดีด้วยความประหลาดใจ สงสัย
       “หม่อมแม่...จริงเหรอคะ”
       เทพเข้ามากับพวงทอง กลิ่นและล้วน เทพถามเสียงแข็ง
       “เกิดอะไรขึ้น”
       ทุกคนชะงัก ทิวไม่สบอารมณ์ที่เห็นเทพ และรู้สึกอึดอัดใจกับสถานการณ์ผัวๆเมียๆเต็มบ้านของเทพ ทิวรีบผละออกไปพวงทองมองตามทิวอย่างเป็นห่วงแล้วตามไป เทพหันมาถามทุกคน
       “ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น”
       บุญปลูกตกใจ รีบฟ้อง
       “คุณนายผ่องตบหน้าคุณหม่อม แต่คุณหญิงเข้ามาขวางเลยถูกตบแทนค่ะ แต่คุณนายผ่องก็ตบคุณหม่อมจนได้นะคะ”
       ผ่องทิพย์ตวาดแว๊ด
       “นังบุญปลูก” บุญปลูกรีบหุบปากทันที
       “ฉันต้องมาเสียผู้ใหญ่เพราะความไม่มีสติของภรรยาคุณ...กรุณาเคลียร์ให้ด้วย”
       หม่อมสรัสวดีรีบเดินออกไป หวังจะไปให้พ้นจากสายตาตั้งคำถามของลูกสาว หญิงมานศรี ตามไป พิไลพรจะตามหญิงมานศรีหันมาบอก
       “หญิงขอคุยกับหม่อมแม่เป็นการส่วนตัวนะพร”
       “ค่ะ...”
       พิไลพรรีบฉีกเดินออกไปอีกทาง เมื่อเห็นหญิงมานศรี เดินตามหม่อมสรัสวดีไปแล้ว เทพมองผ่องทิพย์อย่างไม่พอใจ บุญปลูก ล้วนและกลิ่นค่อยๆเดินแยกไปออกไป

       หญิงมานศรีเดินตามแม่มาจาทัน แล้วตั้งคำถาม
       “หม่อมแม่คะ หญิงต้องการรู้ความจริง”
       หม่อมสรัสวดีชะงัก ตัดสินใจบอก...
       “ความจริงก็คือ...เมื่อมันทำร้ายลูกหญิง แม่จะไม่ยอมปล่อยมันให้อยู่อย่างสบายใจ”
       “หม่อมแม่ทำอะไรเขาคะ”
       “ลูกหญิงอย่ารู้เลย”
       “หม่อมแม่คะ หญิงไม่อยากให้หม่อมแม่ต้องไปรบรากับคนพวกนั้นเลยนะคะ”
       “ลูกหญิง...แม่กำลังปกป้องเกียรติของเรานะ”
       “แต่หญิงไม่เห็นด้วยที่หม่อมแม่ต้องไปทำร้ายร่างกายเขากลับ เพราะนั่นเท่ากับ เราต่างหากล่ะคะที่เป็นคนทำลายเกียรติตัวเอง ไม่ใช่เพราะคนอื่นเลย”
       หม่อมสรัสวดีอึ้ง ทำเป็นไม่พอใจ
       “แม่ทำด้วยความรักและปรารถนาดี ลูกหญิงก็มาต่อว่าแม่ น้อยใจจริงๆ”
       หญิงมานศรีอึ้ง หม่อมสรัสวดีเดินหนีไปทันที หญิงสาวเหนื่อยใจที่แม่น้อยใจตน

       ทิวเดินเข้ามาในบ้านพักลงนั่งอย่างหงุดหงิด พวงทองตามเข้ามา
       “ทิว...”
       “เห็นมั้ย...ว่ามันทุเรศสายตาขนาดไหน ตบตีกันเหมือนพวกไม่ได้รับการอบรม เพราะผู้ชายเลวๆคนเดียว พี่คิดว่าวิญญาณคุณพ่อคุณแม่บนสวรรค์มองลงมา จะรู้สึกยังไง”
       “ท่านคงเป็นทุกข์ที่เห็นเราสามคนเป็นเหมือนกับศัตรู ไม่ใช่พี่น้องที่เกิดคลานตามกันมา”
       “เพราะพวกพี่ทำตัวเอง”
       พวงทองอึ้ง
       “เราต่างคนต่างทำตัวเองแต่แค่เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่ง...เราไม่สามารถไปกำหนดหรือกะเกณฑ์อะไรได้”
       พวงทองคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกข่มขืน เธอนั่งนิ่งอึ้งเหม่อลอย ทิวมองพี่สาวอย่างแปลกใจก่อนจะเรียก
       “พี่พวง พี่พวง”
       พวงทองสติกลับมา
       “ทิว...บางอย่างพี่ก็ไม่ได้อยากให้มันเกิด แต่พี่...ทำอะไรไม่ได้”
       “พี่พวงหมายความว่ายังไง...”
       “ทิว...”
       “พี่ทำอะไรไม่ได้ ไอ้เทพมันบังคับอะไรพี่...บอกมา”
       พวงทองตัดสินใจไม่บอกเมื่อเห็นทิวโกรธมาก
       “ไม่มีอะไรหรอก คุณเทพไม่ได้บังคับอะไรพี่เลย”
       ทิวโกรธ ไม่พอใจ เดินหนีไป
       “พี่กลับไปเถอะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา”
       “ระวังตัวหน่อยนะทิว พี่เป็นห่วง ไม่อยากให้ทิวมีเรื่องกับนายล้วน”
       “ก็เพราะนายมันสั่งไง แต่ผมไม่มีทางตกเป็นเป้านิ่งให้มันทำอะไรง่ายๆหรอก”
       ทิวเดินเข้าบ้านไป พวงทองกังวลใจ กลัวว่าทิวจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ
       “ถ้าทิวรู้...มือของทิวก็จะเปื้อนเลือด พี่ไม่อยากเห็นทิวต้องกลายเป็นฆาตกร”
       พวงทองน้ำตาซึม ต้องเก็บความจริงเพื่อปกป้องน้องชาย

       หญิงมานศรีเดินกลับมา พิไลพรที่รออยู่ถามอย่างเป็นห่วง...
       “คุณหญิงคะ จะรับ...”
       หญิงมานศรีตัดบท
       “ไม่จ๊ะ พรไปพักผ่อนเถอะ”
       หญิงมานศรีเดินไป
       “คุณหญิงจะไปไหนคะ ห้องอยู่ทางนี้”
       “หญิงจะไปขอโทษคุณผ่องทิพย์แทนหม่อมแม่...”
       หญิงมานศรีเดินไป พิไลพรเป็นห่วงตัดสินใจตามไปด้วย
       “พรไปเป็นเพื่อนค่ะ”
       หญิงมานศรียิ้มๆ แต่ก็ยอมให้พิไลพรตามไปด้วย เพราะรู้ดีว่าพิไลพรเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเธอ

       ผ่องทิพย์โดนเทพตบกระเด็นติดฝาผนัง เทพชี้หน้าด่าอย่างโกรธจัด
       “ไปยุ่งกับคุณหญิงทำไม ฉันเตือนเธอแล้วใช่มั้ย”
       “ฉันก็เตือนคุณแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าได้คิดเอามันเป็นเมียอีกคน เพราะฉันไม่ยอม”
       “รู้มั้ย...เพราะเธอเป็นอย่างนี้ ฉันจะทำมันให้ดู”
       เทพเดินออกไป ผ่องทิพย์เข้าไปรั้ง
       “กรี๊ด!อย่านะ อย่า ฉันไม่ยอม”
       “ถอยไป!”
       เทพสะบัดผ่องทิพย์ออกไป เปิดประตู ผ่องทิพย์ยังดึงแขนดึงแข้งขา หญิงมานศรี และพิไลพรยืนตกใจที่เห็นเทพกำลังปัดมือของผ่องทิพย์
       “คุณหญิง...”
       แล้วเทพก็แก้สถานการณ์ เข้าไปกอดผ่องทิพย์ที่กำลังบ้าคลั่งเอาไว้
       “ผ่อง ใจเย็นๆก่อน ผ่อง”
       ผ่องทิพย์อึ้ง งงที่จู่ๆเทพก็เข้ามากอด
       “ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันอยู่กับเธอแล้วไง ใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆ”
       ผ่องทิพย์ร้องไห้
       “คุณเทพ ฮือๆๆๆ ผ่องรักคุณนะ ผ่องเสียคุณไปให้ใครไม่ได้ ถ้าผ่องไม่มีคุณผ่องก็อยู่ไม่ได้ ผ่องต้องขาดใจตาย”
       เทพเบื่อมาก แต่ฝืนยิ้ม
       “จ๊ะ ฉันรู้...ฉันรู้ ไม่ต้องร้องนะ”
       ผ่องทิพย์กอดเทพแน่น เทพหันไปยิ้มให้หญิงมานศรี และพิไลพร
       “คุณหญิงคะ พรว่า...คุณผ่องมีคนปลอบใจที่ดีกว่าคำขอโทษของเรานะคะไปเถอะค่ะ”
       หญิงมานศรี รีบเดินออกไป รู้สึกอายๆหน้าแดงที่เห็นฉากรักของเทพและผ่องทิพย์ พิไลพรตาม เทพมองตามจนสองคนลับไปก็สะบัดผ่องทิพย์ออกทันที ผ่องทิพย์งุนงง
       “คุณเทพ...”
       “ฉัน...รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
       “ผ่องนวดให้”
       “ไม่ต้อง...ฉันอยากนอนคนเดียว ไม่อยากให้ใครกวน”
       เทพเดินเซ็งออกไป ผ่องทิพย์นั่งอึ้งว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

       วันใหม่...หญิงมานศรีนั่งทำงานอยู่ เทพเดินเข้าห้องมา
       “คุณหญิงครับ”
       หญิงมานศรีสะดุ้ง
       “คะ”
       เทพยิ้มให้
       “เอ่อ...คุณผ่องทิพย์เธอเป็นยังไงบ้างคะ”
       “ผมเองก็มีเรื่องเกี่ยวกับผ่องทิพย์ ที่อยากจะบอกให้คุณหญิงรับรู้”
       “เรื่องอะไรคะ”
       ล้วนเข้ามาหน้าตาบ่งบอกว่ายุ่งยากใจ
       “นายครับ...”

เทพเห็นสีหน้าของล้วนแล้วรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่อง

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

ในอีกมุมหนึ่งที่ไร่อ้อย...ทิวกำลังคุยอยู่กับลุงกับป้า เจ้าของที่ดินไร่อ้อย อย่างเคร่งเครียด เข้มคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ

       “ได้อ้อยไม่ค่อยดีเลยคุณทิว ราคาตก ฉันก็ไม่ได้อยากขายมันหรอก แต่ทำไปก็แทบจะไม่เหลืออะไร พอดีคุณเทพมาขอซื้อ ก็ว่าจะขาย”
       “ทำไมทำแล้วจะไม่เหลือ...เหลือที่ดินของบรรพบุรุษไง ถ้าลุงขาย สุดท้ายเงินก็หมด ต้องกลายมาเป็นลูกจ้าง ค่าแรงวันละไม่เท่าไหร่”
       ลุงกับป้ามองหน้ากัน
       “เชื่อผมเถอะเป็นเจ้าของที่เอง ผลผลิตไม่ดี เดี๋ยวผมช่วย ลุงอยู่ได้ พวกผมก็อยู่ได้ อยู่ได้ด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่โรงงานของผมเติบโตแต่พวกลุงล้มตาย ชุมชนเราก็ตาย ผมไม่เอา”
       “ขอบใจนะพ่อทิว...แต่...พ่อทิวเองก็เป็นหุ้นส่วนของคุณเทพ ทำไม...”
       ขณะเดียวกันล้วนขับรถของเทพวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว เทพกับหญิงมานศรีนั่งมาด้วย เข้มวิ่งมารายงานทิว
       “นายใหญ่มานาย”
       เทพ หญิงมานศรี ล้วนเดินลงมาจากรถ ทิวปักหลักรอ
       “นายมาคุยอะไรกับลุงเค้า ฮึ ทิว”
       “ไม่ได้มาคุยเฉยๆนะ แต่มาอธิบายให้ลุงฟังอย่างละเอียดเลยล่ะว่าทำไมจึงไม่ควรขายไร่อ้อยให้คุณ”
       ทิวและเข้มเดินจากไป ยิ้มเย้ยๆ เทพมองตามทิวเจ็บใจ หญิงมานศรี ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
       “มีเรื่องอะไรกันคะ”

       เทพเดินมาที่รถพลางอธิบายให้หญิงมานศรีฟัง ใส่ไฟทิวเรื่องซื้อไร่อ้อยจากชาวบ้าน
       “คุณหญิงเห็นมั้ยว่า สองคนนั่นเป็นแค่ลุงกับป้าที่อายุเยอะแล้ว เรี่ยวแรงก็ไม่มี ผมอยากช่วยแกด้วยการซื้อที่ทั้งหมด ได้เงินมามากกว่าแกปลูกอ้อยขายเป็นสิบๆปีซะอีก”
       “แล้วทำไมนายทิวต้องทำแบบนี้คะ”
       “คุณหญิงก็รู้ว่าทำไม”
       “เขาเกลียดคุณ”
       “ใช่ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ผมตั้งใจทำ เขาก็จะหาทางขัดขวางและทำลาย”
       ล้วนเสริม
       “ทั้งๆที่นายใหญ่ทำแต่สิ่งดีๆให้กับทุกคน คุณหญิงคงหายสงสัยแล้วว่าทำไม ผมถึงไม่ค่อยให้ความเคารพคุณทิวนัก”
       เทพสบตากับล้วนเป็นเชิงขอบใจที่ล้วนช่วยส่งเสริม
       “คนอะไร...ไม่มีมโนธรรม!”
       หญิงมานศรีไม่พอใจทิวอย่างจริงจัง เทพแอบยิ้มพอใจ
       “หญิงไปรอที่รถนะคะ”
       หญิงมานศรีเดินออกไป เทพรอจนหญิงสาวลับหลัง จึงหันไปสั่งการล้วน
       “ไปเตือนมันหน่อย...จะได้ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของฉัน”
       “ครับนาย”
       สั่งล้วนแล้ว เทพเดินนำล้วนกลับไปที่รถ ล้วนขับรถพาทั้งคู่มาส่งที่บ้าน แล้วขับรถออกไปอย่างเร็ว หญิงมานศรีมองตามรถอย่างแปลกใจ
       “มีอะไรคะ ทำไม...”
       “ผมยังมีอีกเรื่องที่อยากให้คุณหญิงได้รับรู้ไว้ ซึ่งความจริงแล้ว ผมไม่อยากจะ บอกเลย แต่ถ้าไม่บอก คุณหญิงอาจจะไม่เข้าใจ”
       “เรื่องอะไรคะ”
       เทพทำเป็นถอนหายใจ แล้วบอกกับหญิงมานศรีว่าผ่องทิพย์เป็นโรคประสาทอ่อนๆ

       เข้มเดินตามทิวมามุมหนึ่งไร่อ้อย
       “มาขัดคอนายใหญ่แบบนี้...เราจะซวยมั้ยนาย”
       สมุนของล้วนซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ เล็งปืนมาที่ทิวและเข้มตัดสินใจยิงทันที เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
       เปรี้ยง!
       ทิวหลบโดยสัญชาติญาณ แล้วก็มองเห็นเข้มนอนราบอยู่บนพื้น กลัวตายจัด
       “ใครวะ!”
       สมุนของล้วนวิ่งหนีหายไป
       “ใครไม่รู้! รู้แต่ว่า...เข้มตายหรือยัง”
       ทิวเตะเข้ม
       “ตัวก็ใหญ่แต่ใจมดเหลือเกินนะแก”
       ทิวมองไปรอบๆ...รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ทิวเห็นรอยกระสุนเจาะที่ต้นไม้ข้างๆที่อยู่ใกล้เขามาก
       “กระสุน!”
       “โห เฉียดไปนิดเดียวเองนาย เกือบตายแล้ว”
       ทิวขบกรามแน่นด้วยความแค้น

       หญิงมานศรี รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงปืน หันไปถามเทพอย่างสงสัย
       “เหมือนเสียงปืน...ได้ยินหรือเปล่าคะ”
       “อ๋อ เป็นปกติของที่นี่ครับ บางทีคนงานก็ยิงนกตกปลาไปตามเรื่อง”
       “อ๋อ...ค่ะ”
       “คุณหญิง...ฟังผมนะ พยายามอย่าอยู่ใกล้ผ่องทิพย์”
       “น่าสงสารเธอนะคะ...ไม่น่าเลย”
       “ใช่ ผมก็ไม่คิดว่า ผ่องทิพย์จะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ กลัวการสูญเสียจนทำให้อาละวาดควบคุมตัวเองไม่อยู่ คงเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่เขาเสียล่ะครับ”
       “คุณเทพไม่คิดจะช่วยเธอให้หายดีเหรอคะ”
       “ผมทำมาตลอด แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป...ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ผ่องทิพย์ต้องกลับมาอยู่ในโลกปกติให้ได้”
       “หญิงเอาใจช่วยนะคะ”
       เทพยิ้มให้ หญิงมานศรีเห็นใจเทพด้วยความบริสุทธิ์ใจ

       ผ่องทิพย์ถูกขังอยู่ในห้อง ทุบประตูตะโกนลั่น
       “เปิดประตูสิ เปิดประตู!”
       บุญปลูกยืนหน้าเศร้าอยู่หน้าห้อง มองประตูที่ถูกล็อกด้วยกุญแจเอาไว้
       “คุณนายขา...ทำใจให้เย็นๆ สงบๆนะคะ คิดถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน นอนหลับสบาย”
       ผ่องทิพย์ถีบประตูโครม จนบุญปลูกผงะจากประตูด้วยความตกใจ
       “แกสิไปหลับให้สบายในหลุมเลย นังบุญปลูก ไปเอากุญแจมาเดี๋ยวนี้!”
       “กุญแจอยู่กับนายล้วนค่ะ บุญปลูกไม่กล้าหรอก หน้ามันยังกะยักษ์กะมาร...นายใหญ่สั่งเอาไว้ว่าให้คุณนายสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องสักพักก่อน นะคะว่าง่ายๆนะ อย่าดื้อ”
       ผ่องทิพย์ทนไม่ไหว
       “กรี๊ด”
       บุญปลูกอุดหู เหนื่อยหน่าย
       “พูดกับคนหรือสากกะเบือกันแน่วะเนี่ย”
       พวงทอง เข้ามากับขวัญตาก็มองอย่างแปลกใจ
       “มีอะไร บุญปลูก...ทำไมล็อกประตูห้องคุณผ่องแบบนั้น”
       ขวัญตายิ้มเยาะ สะใจ บุญปลูกหน้าเสีย ไม่รู้จะอธิบายให้พวงทองที่หน้าเครียดมากยังไงดี

       ทิวเดินหน้าเหี้ยมเข้ามาในออฟฟิศเทพ ในมือกำบางอย่างเอาไว้อยู่ ทิวเดินมาถึงหน้าห้องเทพ หญิงมานศรี ซึ่งนั่งทำงานอยู่ เข้าไปขวางเอาไว้
       “นัดไว้หรือเปล่า”
       “ไม่ต้องนัด ฉันก็มีสิทธิ์เข้าไป”
       “แต่นายก็ควรจะมีมารยาท”
       ทิวตะคอก
       “เป็นแค่เลขา แต่ใช้คำว่าฉันกับนายกับฉันได้ยังไง พูดใหม่”
       “ฉันไม่มีวันพูดดีกับคนไม่มีคุณธรรมอย่างนาย เชิญออกไปได้แล้ว”
       ทิวมองหน้าหญิงมานศรี ท้าทาย ไม่สนใจผลักประตูเข้าไป หญิงมานศรีพยายามห้าม
       “เอ๊ะ บอกว่าคุณเทพไม่อยู่”
       “ไม่ได้โง่! ทำไมจะไม่รู้ ว่าอยู่”
       ทิวผลักประตูเข้าไปจนได้ หญิงมานศรีต้องรีบตามเข้าไป

       เทพนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเมื่อทิวผลักประตูเข้าไป หญิงมานศรีตามเข้ามาหน้าตาตื่น เทพหันไปทักทาย
       “อ้าวทิว...”
       “หญิงห้ามเขาไว้แล้วค่ะ แต่...”
       ทิวยิ้มเยาะหญิงสาว
       “บอกแล้วไง ว่าฉันจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้”
       “ว่ามาสิ...นาย...”
       เทพพูดไม่ทันขาดคำ ทิวโยนปลอกกระสุนลงบนโต๊ะ
       “ปลอกกระสุน...เอามาให้ฉันทำไม”
       “เพราะมันเป็นของลูกน้องคุณที่ตั้งใจยิงผม”
       “กล่าวหากันลอยๆได้ทุกวันนะ”
       “ก็ได้...จะไม่ยอมรับก็ได้ แต่นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป สงครามระหว่างคุณกับผมมันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
       ทิวมองหน้าเทพอย่างท้าทาย เทพไม่หลบตา
       “ฉันก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อกำลังถูกท้าทายศักดิ์ศรีแบบนี้ ทั้งๆที่พยายามอดทนมาโดยตลอด...ต่อไปนี้ ฉันก็จะไม่ออมมือให้กับคนพาลอย่างนายอีกเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะรักนายมากแค่ไหนก็ตาม ทิว”
       ทิวระเบิดหัวเราะ ขำ
       “ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ”
       ทิวหัวเราะที่เห็นการเสแสร้งของเทพก่อนจะหันมาหัวเราะใส่หน้าหญิงมานศรี ทิวหัวเราะออกไป เทพมองทิวอย่างจงเกลียดจงชัง หญิงมานศรีตามทิวออกไปทันที
       “คนโรคจิต”
       เทพหยิบปลอกกระสุนขึ้นมาดู สายตาวาว ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาล้วน
       “ล้วน...คราวนี้ เอาให้ปางตาย ให้มันเข็ดหลาบสักที”
       เทพกระแทกหูโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียว

       ด้านหญิงมานศรีเดินตามทิวมา
       “เดี๋ยวก่อนนายทิว ทำไมไม่เปิดตาเปิดใจให้กับความดีซะบ้าง”
       ทิวหันกลับมาตะคอกใส่
       “ถ้าคิดจะสั่งสอนฉัน เก็บปากเธอไว้ให้ฉันจูบ ดูจะมีประโยชน์มากกว่านะ...ว่ามั้ย ทุกคน”
       ทิวหันไปถามพนักงาน ที่ต่างอึ้งกันเป็นแถวที่ได้ยินทิวพูดเรื่องจูบกับหญิงมานศรี
       “หรือทนไม่ไหว อยากโดนตรงนี้ มา”
       ทิวจะเข้าไปหา หญิงมานศรีขยับหนีทันทีอย่างเจ็บใจ
       “คนอย่างนาย...มันเกินเยียวยาจริงๆ”
       หญิงมานศรีเดินหนีไปอย่างเจ็บใจ รู้สึกอายสายตาพนักงาน ทิวยิ้มเยาะ ไม่สนใจโลก เดินออกไป
       ทิวมาขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่เข้มติดเครื่องรออยู่ เข้มขี่ออกไป รถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาจากมุมหนึ่ง ตามรถมอเตอร์ไซค์ของทิวและเข้มไป

       ผ่องทิพย์ทั้งเตะ ทั้งถีบทั้งทุบประตูห้องไม่หยุด
       “เอาฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ พี่พวงช่วยฉันด้วย ไม่ใช่วัวไม่ใช่ควายนะ เอามาขังไว้แบบนี้ไม่ได้”
       พวงทองอยู่หน้าห้องถอนใจ ไม่รู้จะจัดการยังไงดี
       “บุญปลูก...นายใหญ่บอกหรือเปล่า จะให้คุณผ่องอยู่ในห้องนานแค่ไหน”
       ขวัญตาสอดขึ้นทันที
       “ขังลืมได้เลยก็ดีนะ”
       พวงทองมองดุ ขวัญตาทำไม่รู้ไม่ชี้ บุญปลูกส่ายหน้า
       “ไม่ได้บอกค่ะ บอกแค่ว่า...ให้หายบ้าก่อน ค่อยออกมา”
       ผ่องทิพย์ตวาดลั่นออกมา
       “นังบุญปลูก นังตอแหล คุณเทพไม่มีทางว่าฉันบ้า แกนั่นแหละที่ว่าฉัน”
       ขวัญตาทนไม่ไหว
       “คนที่นี่ทุกคนว่าพี่ผ่องบ้าทั้งนั้นแหละค่า”
       “นังขวัญตา! อย่ามาสาระแน พี่พวง ช่วยผ่องด้วย”
       พวงทองหันไปสั่งบุญปลูก
       “บุญปลูก ไปบอกนายล้วน...ว่าฉันขอกุญแจ”
       บุญปลูกหน้าจ๋อย
       “แต่...”
       “ไม่มีแต่!”
       “ก็ได้ค่ะ...”
       บุญปลูกรีบออกไป พวงทองถอนใจ ขวัญตายิ้มแสยะ สมน้ำหน้าผ่องทิพย์เหลือเกิน
       “เฮ้อ...สงสารคนกำลังตกกระป๋อง ทำอะไรก็ผิด แถมถูกด่าว่าบ้า”
       ผ่องทิพย์ตวาดแว้ด
       “แกก็เหมือนกันนังขวัญตา กำลังถูกเฉดหัวทิ้งเป็นของเก่า ยังจะมาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้”
       ขวัญตาฉุนทันที เดินออกไป พลางบ่น
       “ถูกเฉดหัวทิ้งเป็นของเก่าเหรอ ฮึ...คนอย่างขวัญตาไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกหรอก ไม่มีคุณเทพ ก็ยังมี คนอื่นให้แก้ขัด”

ขวัญตายิ้มพราว เมื่อคิดถึงทิว
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000062021&Page=4



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 9:09:38 น. 0 comments
Counter : 246 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.