|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กินเป็ดปักกิ่งกันเห๊อะ
มาอยู่ปักกิ่งทั้งที ได้กินเป็ดปักกิ่งมาแล้วก็ตั้งหลายหน ถ่ายรูปเตรียมไว้ก็นานโข วันนี้วันดี ม่า มากินเป็ดปักกิ่งกัน
เป็ดปักกิ่งนั้น มีชื่อภาษาจีนว่า kaoya (เข่ายา) หรือ อีกชื่อนึงที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีคือ Beijing Duck ส่วนประกอบในการกินเป็ดปักกิ่งนั้น อย่างแรกที่แน่ ๆ เลย คือ เป็ดย่าง ตามด้วย แตงกวา ต้นหอม น้ำจิ้มสีน้ำตาลข้น ๆ และแผ่นแป้งสำหรับห่อทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นเข้าด้วยกัน แล้วส่งเข้าปาก
ตัวเป็ดนั้น บางร้านจะแล่แค่หนังเป็ดให้เรากินเท่านั้น แต่บางร้านก็จะแล่ทั้งหนังทั้งเนื้อส่งให้เราหมด พอแล่เนื้อหมดตัวแล้ว เค้าก็จะนำซี่โครงเป็ดที่เหลือ นำไปต้มน้ำซุปให้ลูกค้าอีกที แต่ขอบอกว่าน้ำซุปเป็ดที่นี่นั้น ไม่ถูกปากไทยดำอย่างพลเป็นอย่างมาก พลว่ารสชาดเหมือนน้ำเปล่า ทุกครั้งที่เค้าถามว่าจะเอาน้ำซุปด้วยไหม ก็ได้แต่ส่ายหน้าตลอด กินแต่เป็ดนี่แหละ น้ำซุปไม่ถูกปากก็อย่ากินดีกว่า เสียอารมณ์
ในปักกิ่งนั้น มีร้านเป็ดปักกิ่งมากมายหลายร้าน ทั้งร้านธรรมดาสามัญ ยัน ร้านเลิศหรูอลังการงานสร้าง ราคาก็มีตั้งแต่ตัวละไม่กี่สิบหยวน ไปจนถึงตัวละเป็นร้อยหยวน (1 หยวนประมาณ 4 บาทกว่า ๆ - 5 บาท)
พูดมากก็เสียเวลา มาดูรูปกันดีกว่าน้อ ว่าจะน่ากินไหม ร้านแรกเป็นร้านแถวบ้าน ร้านแบบบ้าน ๆ ธรรมดาสามัญ สั่งเสร็จก็นั่งรอให้เค้าเอามาเสริฟแค่นั้นเอง
ร้านต่อมาที่อยากให้ดูกัน จะว่าพิเศษกว่าร้านอื่นไหมก็ไม่เท่าไร แต่ที่อยากให้ดูกันก็เพราะว่าที่นี่มีดีที่แผ่นแป้ง คือ ที่เคยเห็นมา แผ่นแป้งสำหรับห่อเป็ดนั้น จะมีแต่สีขาว แต่ร้านนี้มีสองสี คือ สีขาว และ สีเขียว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเค้าทำสองสี แต่มีผลให้คนกินอย่างพล เกิดความอยากกินมากขึ้นเป็นพิเศษ น่ากินยังไง ลองดูดิ แต่จะมีใครคิดเหมือนพลบ้างไหมเนี่ย ว่ามันดูน่ากินจริง ๆ
ร้านนี้พิเศษอีกหน่อย ตรงที่ให้ลูกค้าไปยืนดูตอนเค้าย่างเป็ดได้
ระหว่างรอเป็ด เค้าก็ยกเครื่องเคียงอย่างอื่นมาเสริฟ
ร้านนี้มีแถมน้ำตาลมาให้ด้วย ไม่เคยเจอมาก่อน แล้วก็อะไรอีกอย่างไม่รู้วางคู่กะน้ำตาล แต่วันนั้นไม่มีใครแตะน้ำตาลกะของคู่กันสักคน
แล้วก็มาถึงนี่ แผ่นแป้งสีเขียวที่ช่วยทำให้พลเจริญอาหารยิ่งขึ้น (จริง ๆ เป็นข้ออ้าง สีไหน ๆ ก็กินหมดเหมือนกัน )
ส่วนเป็ดที่ย่างเสร็จแล้วนั้น เค้าก็มีการแล่เนื้อโชว์ที่ข้าง ๆ โต๊ะเราเลย คนแล่เป็ดนั้นมีการท้าให้นับอีกนะ ว่าเป็ดหนึ่งตัวเนี่ย เค้าหั่นได้ตัวละ 120 ชิ้น แต่อย่างว่าใครมันจะมัวไปนั้งนับว่ามันได้ 120 ชิ้นจริงหรือเปล่า พอเป็ดถึงโต๊ะ ทั้งไทยทั้งฝรั่งก็กินกันหมุบหมับแล้ว
ทุกอย่างพร้อมก็เริ่มลงมือกินกันเลย
มาถึงแผ่นสีเขียว ไม่เชื่อดูดิ ว่ามันน่ากินขนาดไหน
เรื่องเป็ดปักกิ่งเนี่ย นึก ๆ ถึงเพื่อน ๆ ญาติ ๆ คุณคำรณหลายคนแล้วก็ขำ ๆ นะ มีอยู่คน เธอเป็นคนฝรั่งเศส เพิ่งเคยมาเอเชียเป็นครั้งแรก ที่ต้องมา เพราะสามีเธออยากมาเยี่ยมพี่ชายที่ฮ่องกง เลยถือโอกาสแวะมาเที่ยวที่ปักกิ่งก่อน
คุณคำรณกะพล ก็แสดงความมีน้ำใจพาไปเลี้ยงอาหาร และเสนอว่าไหน ๆ ก็มาปักกิ่งแล้วก็ต้องกินเป็ดปักกิ่งสิ เธอก็เออ ๆ ออ ๆ แต่พอเป็ดมาถึงโต๊ะ การณ์กลับกลายเป็นว่าเธอไม่ยอมกินเป็ดด้วยเหตุผลที่ว่า เธอสงสารเป็ด โน่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน สรุปคือเธอไม่ไว้ใจอาหารที่เมืองจีนนี่เอง นึก ๆ แล้วอยากด่ามันจริง ๆ เลย ห่าจิก อะไร ๆ ก็ไม่กิน แล้วเสือกมาเมืองจีนทำไม พลเป็นคนไทยแท้ ๆ แต่พอเห็นกิริยาอาการของเค้าที่แสดงออกต่ออาหารจีน ยังนึกโมโหแทนคนจีนเลย
รายต่อมา เป็นเพื่อนคุณคำรณที่มาใช้ชีวิตในปักกิ่ง ก่อนพวกเราเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว (ฝรั่งเศสอีกแล้ว) คืนนั้นที่เจอกันยังจำได้ดีว่า เธอกะสามีกินเป็นปักกิ่ง โดยการกินแค่เป็ดจิ้มน้ำจิ้มแค่นั้น แต่ไม่ยอมสนใจแผ่นแป้ง แตงกวา และ ต้นหอมเลย พอเห็นคุณคำรณกินเป็นโดยการห่อทุกอย่างเข้าด้วยกันในแผ่นแป้ง พวกเธอก็พากัน ว้าว โว้ว วู้ว ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย
ไทยดำอย่างพลก็ได้แต่นั่งนึกในใจ อะไรวะ มาอยู่ปักกิ่งตั้งสองปีแล้ว เป็นไปได้ยังไง ที่ไม่รู้ว่าเค้ากินเป็ดปักกิ่งกันยังไง เค้ามีแผ่นแป้งไว้เพื่ออะไร โอ้วจอร์จมันยอดมากกกกกกกกกกกก (สังเกตุปะ ว่าคนข้างบนก็คนฝรั่งเศส )
บล็อกนี้เม้าท์ยาวเกินไปละ ไปดีกว่า เริ่มต้นด้วยเป็ด แต่จบท้ายด้วยการเม้าท์ชาวบ้าน ไม่รู้เกี่ยวกันได้ยังไง
Create Date : 24 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 15:01:53 น. |
|
33 comments
|
Counter : 9743 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Mega-Batt วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:59:09 น. |
|
|
|
โดย: ขาวอวบ... IP: 114.128.84.21 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:04:25 น. |
|
|
|
โดย: MeJayya วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:56:46 น. |
|
|
|
โดย: พี่เอ๋ IP: 125.24.205.41 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:27:23 น. |
|
|
|
โดย: สหมิว (คำหม่อง ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:00:04 น. |
|
|
|
โดย: อีชีส (ladycake ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:40:08 น. |
|
|
|
โดย: Swiss Pe IP: 95.152.98.60 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:01:47 น. |
|
|
|
โดย: naydin วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:35:28 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:56:38 น. |
|
|
|
โดย: phavinee_p IP: 119.42.80.117 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:25:48 น. |
|
|
|
โดย: anchesa IP: 110.169.46.95 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:11:31 น. |
|
|
|
โดย: Khun_Pitta วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:35:31 น. |
|
|
|
โดย: madame_vann วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:14:30 น. |
|
|
|
โดย: A'Jim วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:37:40 น. |
|
|
|
โดย: อีชีส (ladycake ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:53:48 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:57:29 น. |
|
|
|
โดย: Khun_Pitta วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:36:40 น. |
|
|
|
โดย: ป้าแก่ (elastigirl ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:56:37 น. |
|
|
|
โดย: ColaGirl วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:31:15 น. |
|
|
|
โดย: เพื่อนสาวสุดสวย IP: 203.209.103.46 วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:20:37:18 น. |
|
|
|
โดย: ดญ.มด IP: 221.221.21.70 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:21:17:58 น. |
|
|
|
โดย: ห้องตรงข้าม 311 IP: 221.222.230.64 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:14:46:52 น. |
|
|
|
โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:00:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
หุหุ..เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย
เคยกินแต่เลาะเฉพาะหนังเป็ดครับ แล้วเนื้อเอาไปผัดกระเทียมพริกไทยมาเสิร์ฟทีหลัง
แบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่า รสชาติชีวิต เรียนรู้วัฒนธรรม ภาษาและอาหาร ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตเนอะพลเนอะ