|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
การฉีดกลูตาไธโอน(บทความจาก นพ.โกสินทร์)
สวัสดีค่ะ วันนี้ pink ขออินเทรนด์กะเค้าสักหน่อย จะเรื่องอะไรหล่ะค่ะ ก็เรื่องการฉีดสารให้ผิวขาวใสนะสิ พอดีอ่านพบบทความในหนังสือแพรวเล่มล่าสุด ได้เจอบทความจาก นพ.โกสินทร์ แจ่มเพ็ชรรัตน์ เห็นว่ามีประโยชน์ดี เลย พิมพ์ออกมาให้อ่านกันค่ะ
Q : ดิฉันเพิ่งไปพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี เขาเป็นคนคล้ำหน้าตาก็ไม่ใส แต่คราวนี้ทำเอาดิฉันอึ้งไปเลยค่ะ เพราะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผิวใสทั่วตัว เขาบอกว่าไปฉีดวิตามินทางเส้นเลือดมา อยากทราบว่าคืออะไรค่ะ
A : สารอาหารที่กำลังได้รับความนิยมที่กล่าวถึงคือ กลูตาไธโอน (Glutathione) ปัจจุบันเริ่มมีโรงพยาบาลและคลินิคชั้นนำหลายแห่งนำมาใช้ฉีดเป็นสารอาหารให้กับร่างกาย ตามธรรมชาติ ร่างกายสามารถสร้างกลูตาไธโอนนี้ได้อยู่แล้ว พบมากบริเวณตับ แต่เมื่อายุมากขึ้นจะสร้างได้น้อยลงตามลำดับ
สารอาหารกลูตาไธโอนนี้มีคุณประโยชน์มากมายออกฤทธิ์ในระดับเซลล์ ทำให้เกิดพลังงาน เกิดความกระชุ่มกระชวย อ่อนเยาว์ ทั้งยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ในร่างกาย คอยกำจัดอนุมูลอิสระ (Free radicals) ตัวร้ายที่ทำให้เซลล์ร่างกายเสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เรามักไม่ได้รับจากการรับประทานอาหารตามธรรมชาติหรือจากอาหารเสริมสักเท่าไหร่ เพราะว่าถูกทำลายได้ง่ายบริเวณลำไส้
สารกลูตาไธโอนนี้มีประโยชน์มากมายโดยใช้ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย เพิ่มระบบภูมิต้านทาน และการนำของระบบภายในร่างกาย
ในด้านผิวพรรณยังออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปทั่วร่างกาย จึงทำให้คนที่ได้รับสารอาหารชนิดนี้มีผิวพรรณที่ผุดผ่อง ขาวใส หรือดูมีสุขภาพผิวที่ดีกว่าคนทั่วไป
Q : ฉีดกันอย่างไรค่ะ มีข้อแทรกซ้อนอะไรบ้าง และฉีดได้บ่อยแค่ไหนค่ะ
A : สามารถฉีดได้สอง วิธี คือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และเข้าทางเส้นเลือด ขนาดที่ได้ผลดีคือ 600 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์ แต่การฉีดทางกล้ามเนื้อค่อนข้างปวดและเห็นผลได้ช้ากว่า เพราะสารอาหารจะค่อยๆออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
ในขณะที่การฉีดเข้าทางหลอดเลือด จะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า เพราะสามารถออกฤทธ์ได้ทันทีทั่วร่างกาย มักฉีดร่วมกับวิตามินซีเข้าทางเส้นเลือดช้าๆประมาณ 10-15 นาที จะทำให้ระดับวิตามินซีออกฤทธิ์ในร่างกายได้ดีขึ้น
โดยสารอาหารทั้งสองชนิด (กลูตาไธโอน+วิตามินซี) จะทำงานเสริมฤทธิ์กันในด้านผิวพรรณ จึงทำให้ผิวสดใส ป้องกันความเสื่อม และทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น
ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีข้อแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เพราะล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไม่ใช่ยาหรือสารแปลกปลอม แต่ต้องฉีดโดยแพทย์หรือพยาบาลที่มีประสบการณ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยไม่ควรฉีดในรายที่มีปัญหาโรคลมชัก เบาหวาน โรคเลือด สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
สามารถฉีดได้สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3-5 สัปดาห์ แล้วเว้นระยะห่างออกไปตามความเหมาะสม โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก เช่นผิวดูสดใส ร่างกายกระชุ่มกระชวย แผลหายได้เร็วขึ้น แต่อาจไม่ชัดเจน โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในครั้งที่ 3-4
ทั้งนี้ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละคนแบะตัวอนุมูลอิสระที่มีอยู่เดิมในร่างกายที่แตกต่างกัน คล้ายๆกับการล้างพิษ หากพิษมากหรือมีความเสื่อมมากก็ต้องใช้สารอาหารหรือตัวต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น เมื่อสภาพร่างกายได้รับการฟื้นฟูผิวสดใสจนเป็นที่พอใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีดเป็นกระจำ สามารถฉีดได้เป็นครั้งคราว เสมือนนักกีฬาที่อ่อนล้าก็ฉีดวิตามินบำรุงร่างกายสักหน่อย พบว่าหลังฉีดกลูตาไธโอนและวิตามินซีเข้าไปในร่างกายจะอยู่ได้นาน 2 เดือนโดยประมาณ แล้วค่อยๆลดระดับลงเรื่อยๆจนหมดไป
ที่มา : แพรว คอลัมน์ Beauty Quiz นพ.โกสินทร์ แจ่มเพ็ชรรัตน์
ก็เป็นอีกทางเลือกนึงของคนที่อยากมีผิวขาว ใส นะค่ะ แต่อาจจะเจ็บตัวกันหน่อย
Create Date : 14 กันยายน 2550 |
Last Update : 14 กันยายน 2550 19:04:12 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1782 Pageviews. |
|
|
|
โดย: s.o.s วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:20:51:46 น. |
|
|
|
โดย: แมวจอมกวน วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:0:24:55 น. |
|
|
|
โดย: เพกร วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:18:13:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|