Bloggang.com : pinknink :

เรื่องของฝ้ากับผิวหน้า

ชะแว้บบบ..มาแล้วจ้า หลังจากหยุดไป เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

วันนี้มาต่อกันกับเรื่อง แสงแดดกับเม็ดสี บนผิวของเรากันดีกว่า

เรื่องที่ pink นำมาเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องที่ ผู้หญิงทุกๆคน ไม่อยากให้เกิดกับตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ
ก็เรื่อง ฝ้า ไงหล่ะค่ะ (ฝ้าที่ว่านี่เป็นฝ้าบนใบหน้านะคะ ไม่ใช่ฝ้าไม้กระดานสร้างบ้าน....555)

ฝ้าเป็นผื่นสีน้ำตาลที่ใบหน้า โดยเฉพาะที่บริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก คาง บริเวณที่ถูกแสงแดด รอยโรคเกิดขึ้นช้า ๆ และมักเป็นเท่ากันที่ 2 ข้างของใบหน้า โรคนี้พบบ่อยในหญิงวัย 30 – 40 ปี แต่ปัจจุบันเริ่มพบมากขึ้นในผู้ชาย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

กลไกที่แท้จริงในการเกิดฝ้า ยังไม่ทราบแน่ชัด บริเวณรอยโรคพบว่าไม่มีจำนวนของเซลล์สร้างเม็ดสีต่างจากปกติ แต่เซลล์เหล่านี้จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
สาเหตุของฝ้า เชื่อว่าน่าจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยผิวฝรั่งจะเป็นฝ้าน้อยกว่าผิวสีมาก ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเล็ตเอและบีเป็นตัวกระตุ้นหรือทำให้ฝ้าเป็นมากขึ้นได้ทั้งสิ้น

ฮอร์โมนก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฝ้าเป็นมากขึ้น เนื่องจากพบว่าสตรีตั้งครรภ์หรือรับประทานยาคุมกำเนิดจะเป็นฝ้าได้ง่าย หลังคลอดหรือหลังหยุดยาดังกล่าว ฝ้ามักจะจางลงไปจึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศน่าจะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดฝ้า

ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญกับการเกิดฝ้า เนื่องจากพบอุบัติการณ์ของฝ้าในครอบครัวเดียวกับผู้ป่วยถึงร้อยละ 20–70 อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์นี้อาจเป็นอิทธิพลของพันธุกรรมหรือเป็นจากสิ่งแวดล้อมยังไม่ทราบแน่ชัด
เครื่องสำอางและยาก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ยาบางชนิด เช่น ยากันชัก หากรับประทานมักจะเกิดผื่นดำคล้ายฝ้าที่บริเวณใบหน้า การแพ้ส่วนผสมบางชนิดในเครื่องสำอาง เช่น สารให้กลิ่นหอมหรือสี อาจทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน

รู้อย่างนี้แล้ว เราก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้ากันนะค่ะ
ถึงแม้ว่าเราจะมี ฮอร์โมนเพศหญิงที่สามารถก่อให้เกิดฝ้าได้มากกว่าผู้ชาย แต่ถ้าเรา ป้องกันดีดี ฝ้าก็ จะไม่ย่างกรายเข้ามาบนในหน้าเราค่ะ

credit สถาบันโรคผิวหนัง

Create Date : 06 สิงหาคม 2550

0 comments

Last Update : 6 สิงหาคม 2550 16:21:51 น.

Counter : 1000 Pageviews.