สำหรับอาบัติข้อนี้มีความจริงที่สำคัญก็คือ
(๑) ธรรมเนียมเรื่องพระไม่รับปัจจัย คือพระภิกษุเมื่อเวลาที่มีญาติโยมมาปวารณาถวายเงินค่าจีวรก็จะตอบชัดเจนว่า พระรับปัจจัยไม่ได้นะโยม
(๒)ธรรมเนียมเรื่องพระจัดหาไวยาวัจกร คือเมื่อญาติโยมแสดงเจตนาว่าจะถวายและเขาถามว่ามีใครเป็นไวยาวัจกรของท่านทั้งหลายไหมครับ พระภิกษุก็สามารถหาชาวบ้านมาเป็นไวยาวัจกรในการรับเงินได้ อันนี้เป็นธรรมเนียมที่ชัดเจนมากที่สุดครับ คือ การมีไวยาวัจกรนั้นไม่ได้หมายความว่ามีเป็นการส่วนตัวแต่มีเพื่อพระทั้งวัด
(๓) ข้อขัดแย้งกับไวยาวัจกร ความจริงที่เจ็บปวดเรื่องนี้ก็คือ เมื่อพระตั้งไวยาวัจกรเสร็จแล้วเกิดไวยาวัจกรเบี้ยวไม่ทำหน้าที่ก็มีครับ ซึ่งอาจจะเห็นแก่เงินหรือมีธุระปะปังมากก็เลยไม่ทำหน้าที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับพระ ซึ่งเมื่อมีความขัดแย้งพระพุทธองค์ไม่ให้ไปด่าว่าหรือโวยวายกับไวยาวัจกรนะครับเพราะจะอาบัติเพราะการด่าอีก ดังนั้น การมีเรื่องกับไวยาวัจกรของพระย่อมเป็นเรื่องปกติ
(๔) วิธีแก้ไขความขัดแย้งกับไวยาวัจกร เมื่อมีเหตุที่ไวยาวัจกรมีปัญหาพระพุทธองค์ให้ไปทวงครับคือไปถามถามไม่ได้ผลให้ไปยืนให้เห็นไปยืนให้เห็นไม่เป็นผลก็โทรศัพท์หาเจ้าของเงินให้มาเอาเงินคืนไปเพราะทรัพย์นั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการเอามาเป็นค่าจีวร นี่ไง คือมาตรการในการเอาคืนไวยาวัจกรหัวใสในสมัยพุทธกาลล่ะ
๒. โกสิยวรรค ในวรรคนี้มีอาบัติที่เกี่ยวข้องกับเงินทองอยู่ ๓ ข้อคือ ๘-๙-๑๐ คือ
(๘) รูปิยสิกขาบท ว่าด้วยการรับรูปิยะ
ดังปรากฏในพระบัญญัติ ว่า ก็ ภิกษุใดรับหรือใช้ให้ผู้อื่นรับทองและเงิน หรือยินดีทองและเงินที่เขาเก็บไว้ให้ ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์(วิ.ม.(ไทย)๒/๕๘๓/๑๐๘.)
หมายเหตุ :
อันนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องพระกับเงินที่เรามาเถียงๆกันอยู่นี่ว่าพระรับเงินได้หรือไม่ได้ ซึ่งอาบัติหรือข้อห้ามข้อนี้เข้าได้กับพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสมาตลอดว่า เราไม่ได้กล่าวว่า ภิกษุพึงยินดีและแสวงหาทองและเงิน ไม่ว่ากรณีใด ๆ(วิ.ม.(ไทย)๕/๒๙๙/๑๒๙.)
คือทรงเน้นย้ำว่าพระสงฆ์กับเงินนั้นโดยภาพรวมอาจจะเป็นเรื่องที่ญาติโยมสามารถถวายเงินวัดหรือสร้างวัดด้วยเงินทองหรือทำบุญให้วัดได้ แต่ก็ไม่ได้ให้พระนั้นรับเงินหรือรูปิยะได้
(๙) รูปิยสังโวหารสิกขาบท ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนรูปิยะ
ดังปรากฏในพระบัญญัติ ว่า ก็ภิกษุใดทำการแลกเปลี่ยนกันด้วยรูปิยะชนิดต่าง ๆ ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ที่ชื่อว่า รูปิยะ ได้แก่ วัตถุที่มีสีดุจพระฉวีของพระศาสดา กหาปณะ มาสก ที่ทำด้วยโลหะ มาสกที่ทำด้วยไม้ มาสกที่ทำด้วยครั่ง ที่ใช้เป็นอัตราสำหรับ แลกเปลี่ยนซื้อขายกัน(วิ.ม.(ไทย)๒/๕๘๘/๑๑๓.)
หมายเหตุ :
ในเรื่องนี้นอกจากการที่ทรงห้าไม่ให้รับรูปิยะแล้วยังไม่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนด้วยรูปิยะอีก สาเหตุของการไม่อนุญาตเรื่องนี้เพราะการแลกเปลี่ยนรูปิยะเป็นการกระทำที่เหมือนชาวบ้านไม่เหมาะสมกับสมณสารูป อันนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆครับ
(๑๐) กยวิกกยสิกขาบท ว่าด้วยการซื้อขาย
ดังปรากฏในพระบัญญัติว่า ก็ ภิกษุใดทำการซื้อขายมีประการต่าง ๆ ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ (วิ.ม.(ไทย)๒/๕๙๔/๑๑๘.)