พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2555
 
10 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 







 

บทสัมภาษณ์ คุณสงกรานต์ วีระพงษ์ "13 MAYSA" (น้าสง pantip โต๊ะกล้อง)



บทสัมภาษณ์ คุณกรานต์ (สงกรานต์ วีระพงษ์) "13 MAYSA"



บทสัมภาษณ์ครั้งที่ 4 ในคอลัมน์ Fi Meet Multiply วันนี้เราได้นั่งอมยิ้มจากการอ่านบทสัมภาษณ์จากช่างภาพอาชีพ อารมณ์ดี คุณสงกรานต์ วีระพงษ์ หรือ 13maysa จาก 13maysa.multiply.com ผู้มีความสุขกับการถ่ายภาพ ที่พาตัวเองและผู้ที่ได้ดูภาพถ่าย เสมือนไปยังโลกอีกใบหนึ่ง ที่ตาทั้งสองคู่ของเราอาจไม่เคยสังเกตเห็น แต่การถ่ายภาพกลับ ทำให้สิ่งธรรมดาที่เราเห็นอยู่จนชินตา กลายเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์



ชื่อ- นามสกุล

นายสงกรานต์ วีระพงษ์

ประวัติส่วนตัว

จบปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสิต

อาชีพที่ผ่านมา

เป็นบรรณาธิการ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น  K.K.Book และประสบการณ์การทำหนังสือคอมมิค 8 ปี (ตั้งแต่เรียน ปี 1) Art Director  บริษัทโฆษณา  Leo Burnett Thailand Agency (เริ่มจากชนะเลิศประกวดโฆษณา Badaward) เป็น Graphic Design ออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นอาจารย์  มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสิต ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายถ่ายภาพให้กับเด็กพิการทางหู ปัจจุบัน ฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพ Wedding, Event, Food, Advertising, รับปริญญา, ถ่ายภาพประกอบจัดทำหนังสือ ต่าง ๆ

ประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพ  

ยุคแรก

เริ่ม ถ่ายภาพตั้งแต่ ม.ต้น-ม.ปลาย กล้องคอมแพ็กฟิล์มแบบธรรมดา ๆ แต่เริ่มจริงจังตอนเรียน ปี 1 ครับ ใช้กล้อง Canon AE-1 เป็นกล้องแมนวล ใช้ฟิล์ม ถ่ายตลอดเรียน 4 ปี ส่วนใหญ่ ถ่าย ขาว-ดำ และเรียนรู้การล้าง-อัดขยายภาพในห้องมืด ตอนนั้นมีเลนส์ 2 ตัว คือ Canon FD 50 1.8 และ Tamron 35-135 4.5-5.6

ยุคกลาง

ต่อมาเริ่มทำงาน ก็ได้ Canon EOS 300D + Kids มาใช้ 2 เดือน กล้องหายไปจากโต๊ะทำงาน เสียดายมาก ต่อมาได้ Canon EOS 350D + Kids มาฝึกถ่ายต่อประมาณ 5 เดือน ตามมาด้วยเลนส์ Canon EFS 10-22  3.5-4.5 , Sigma Apo 70-300 4.5-5.6 macro, Canon EF 50 1.8 ใน 1 ปีแรก ออกทริปถ่ายภาพวันหยุดตลอดด้วยการตั้งโจทย์แต่ละครั้งที่ออกไปถ่ายภาพ และมีการออกไปแก้ไขมุมมองเดิมเพื่อพัฒนา ฝึกฝนเทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อศึกษาอารมณ์ในภาพ ส่วนใหญ่เน้นถ่าย Life Photography

ยุคปลาย

เริ่ม รับงานถ่ายภาพในวันหยุดบ้าง จึงเปลี่ยนชุดกล้องใหม่ เปลี่ยนมาใช้  Canon EOS 30D ได้เลนส์ Sigma 70-200 2.8, Canon EF 24-105 f 4L, Canon EF 17-40 f 4L ต่อมาเปลี่ยน ช่วงเทเล มาใช้ Canon EF 70-200 f4L แทน เป็นชุดเลนส์ 3 กษัตริย์ชุดเล็กของตระกูล L

ยุคปัจจุบัน

ได้ลาออกจากงานประจำ มาเป็นฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพเต็มตัวครับ กล้องที่รองรับงานหนัก วันต่อวัน เช่นถ่ายภาพวิถีชีวิตของจิตวิญญาณ ภูมิปัญญาไทย ของ สสว และ Otop เพื่อจัดทำเป็นหนังสือภาคภาษาอังกฤษ เพื่อส่งไปต่างประเทศ การถ่ายภาพใช้เวลา 24 วัน เดินทาง 3500 กิโล เกือบทั่วภาคเหนือ  ได้ภาพมา 350G งานนี้ทำให้ Canon 5D อายุ 6 เดือนถึงกับ ม่านชัตเตอร์พังไป 1 ตัว การทำงานแบบนี้ จำเป็นมากสำหรับกล้องสำรองตัวที่ 2 และการถ่ายงานพิธีต่าง ๆ การใช้กล้อง 2 บอดี้ จะทำให้เราไม่พลาดโอกาสในการเปลี่ยนเลนส์ รวมถึงหมดปัญหาเรื่องฝุ่นเข้ากล้องได้มาก

ปัจจุบันใช้อุปกรณ์ดังนี้

Canon DSLR  EOS 5D 2 ตัว
Sigma 20 mm 1.8
Canon  EF 50 mm  1.4
Canon EF  85 mm 1.8
Canon EF  24-105 f4L
Canon EF  70-200 2.8L
Reflex Lens 300mm f5.6
Canon Speedlight  580EXll
Canon Speedlight  430EX
Canon STE2 Speedlite Transmitter
CF Card 32 G + Storage&Viewer 20G
Tripod Manfrotto 322RC2 + Benro A158 n6
Studio Strobe Light  SLS-640ML  Slave Sensor  

ผลงานการประกวดถ่ายภาพ
เริ่มต้นจากประกวดเล็ก ๆ ที่ชนะจากการโหวตของสมาชิก ในห้องแกลลอรี่ ของเว็บไซด์ พันทิป ดอท คอม ภาพนกพิราบ หัวข้อ Animal in Action

Link  pantip.com/cafe/gallery/topic/G3847055/G3847055.html




และได้ตีพิมพ์ลงนิตยสาร Jpeg Magazine ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ภาพนักมวย ชนะเลิศในหัวข้อ 9 to 5 (อาชีพ)

Link  fotoinfomag.com/images/stories/multiply/13maysa/jpegsmallsw6.jpg


ได้ชนะเลิศ  Best of Theme#1 Canon Photo Marathon 07 หัวข้อ "ชีวิตพอเพียง"
Link  fotoinfomag.com/images/stories/multiply/13maysa/big2an2.jpg

มีโอกาสที่ดีได้ถูกติดต่อให้นำภาพไปแสดง งานนิทรรศการโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
วันที่ 29-30 กันยายน 2550 ณ Hall 9 ศูนย์แสดงสินค้าและงานประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

Link 13maysa.multiply.com/photos/album/84/13Maysa_Exhibition_Gallery_Impact_Hall_9



สไตล์การถ่ายภาพ

ผม ยืนยันว่า ชอบการถ่ายภาพ Life มากที่สุด ชอบอ่านหนังสือปรัชญา และจิตวิทยามาแต่เด็ก ชอบเรียนรู้เรื่องราวของคน ว่าง ๆ ก็เดินใน กทม ถ่าย street Life มารู้ตอนหลังว่าเลือดความเป็นไทยของผมค่อนข้างสูง จึงตั้งความหวังไว้ว่า จะเดินทางเก็บภาพ ศิลปะและประเพณีของไทยให้หมดประเทศ สนใจที่จะไปเก็บภาพไว้จนกระทั่งปัจจุบัน ได้ศึกษาและเรียนรู้การถ่ายภาพ Documantary Photoภาพถ่ายเชิงสารคดี เพราะจะได้เก็บครบทุกมุมมองของแต่ละประเพณี ตั้งแต่เริ่มจนจบ ศึกษาประวัติ และทำหารบ้านเรื่อง มุมมอง ทิศทาง แสง เทคนิค เพื่อพัฒนาการถ่าย รวมถึง Portrait ก็ชอบ เพราะอาชีพการถ่ายงาน weddingต้องเรียนรู้การจัดท่าแบบสไตลิส และการจัดไฟสตูดิโอ กำลังศึกษาอยู่เช่นกัน



1. อะไรคือความสุขของ "การถ่ายภาพ"? ของคุณ

ตอน เป็นเด็ก รู้ว่าเราชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ประกวดวาดภาพได้รางวัล รู้สึกเป็นพรสวรรค์ เหมือนมันอยู่ในเลือด บ้านไม้ที่มีแสงลอดผ่านชายคา ผ่านใบไม้ลงบนพื้นดิน เคลื่อนที่ไปมา มันสวยงาม แสงพระอาทิตย์ตกดิน อากาศดี ชอบมาก เลยคิดที่จะเรียนศิลปะ ชอบไปวาดภาพสีน้ำตามสถานที่ต่าง ๆ พอได้มาสนใจการถ่ายภาพ เรียนรู้ว่า กล้องได้พาเราไปในที่ต่าง ๆ เช่น วันหยุด สวนต้นไม้ร่มรื่น ภูเขาสูง ยอดดอย วัด ตลาด งานประเพณีต่าง ๆ  ทั้งหมดนี้ กล้องพาไป พาเราไปจากออฟฟิศ ไปจากการทำงานที่ต้องแข่งขัน ไปจากเตียง จากห้อง จากโลกไซเบอร์สเปส เป็นอีกมิติหนึ่งของชีวิต ที่ทำให้เราได้ผ่อนคลาย แรก ๆ จะเหนื่อยมาก

เพราะถ่ายภาพแบบไม่รู้ จุดประสงค์ รู้ว่าแต่ชอบถ่าย เดินไปเรื่อยไม่รู้จักเหนื่อย วันหนึ่งกดมาได้นับพัน ๆ ภาพก็มี ภาพก็ดีบ้างไม่ดีบ้างเกือบ ๆ บ้าง แต่ตอนนี้
มีการวางแผน พักผ่อนและรู้จักเวลาการถ่ายภาพที่เหมาะสม ทำให้เราแบ่งเวลาได้พักมากขึ้นรู้จักเน้น เลือก และรอ ภาพก็มีคุณภาพมากขึ้น
  
และ ที่สำคัญของ "การถ่ายภาพ" คือ มิตรภาพที่ได้ ผมจะมีกลุ่มถ่ายภาพ ผมตั้งชื่อว่า"กลุ่มป้าแม้น" และมีกลุ่มถ่ายภาพอื่น ๆมากมายที่ไปร่วมทริป แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ และไร้สาระได้เสมอ ทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้าที่การงานสำคัญหลากหลายมากแต่เราใจตรงกันที่ ถ่ายภาพ จะนัดเจอกัน บางทีไม่ได้ถ่ายภาพก็ได้เดินทางได้คุย ได้กิน ได้พบปะ แลกเปลี่ยน ทุกอย่างนี้ กล้องพาไปครับ มีความสุขมาก



2. คำว่า "ช่างภาพ" แตกต่างกับ "ผู้รักการถ่ายภาพ"? อย่างไรในมุมมองของคุณ13maysa
  
เป็น คำถามที่ดีมากครับ ปัจจุบันผมรับงานถ่ายภาพ บางครั้งถ่ายหลายวันติดต่อกัน บอกตามตรงว่าแบกอุปกรณ์ไปด้วยนี่เหนื่อยมาก บางครั้งหยุดนอนพักเป็นวัน บางทีหนักสุดก็ล้มป่วยเลย แต่แม้วันทำงานของผมคือ การถ่ายภาพ  วันหยุดของผมก็ยังคงออกไปถ่ายภาพเล่นกับเพื่อนได้อีก เหมือนกับว่าเราเป็นทั้งผู้รักการถ่ายภาพ และ เป็น ช่างภาพ ไปในเวลาเดียวกัน
  
คำว่า "ช่างภาพ" ผมมองไปถึง "ผู้รับจ้างถ่ายภาพมือใหม่ถึงมืออาชีพ" นะครับ ช่างภาพมักจะมีสไตล์ เทคนิค ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่ามีจุดแตกต่างที่ทำให้ลูกค้าสนใจ พอกล้าที่จะเลือกที่จ้างมาทำงาน การทำงานอาชีพ มันกดดันมากกว่าถ่ายภาพสนุก ๆ ไม่ใช่แค่ไปกดชัตเตอร์แล้วได้ภาพ ต้องคำนึงถึงคุณภาพของภาพที่ดี จังหวะที่ เนื้อหาที่ดี ต้องให้ได้ภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด ช่างภาพที่ดี  ต้องมีการพัฒนาเสมอในเรื่องมุมมอง อย่างงานถ่ายภาพรับปริญญา  บัณฑิตมีหลายบุคลิค หลายนิสัย หลายรูปร่างหน้าตา

เรา ควรถ่ายออกมาให้ตรงกับความเป็นตัวเองของแบบ เช่น เขาน่ารัก เขาร่าเริงเขาสวย เขาทะเล้น ไม่ใช่ถ่ายทุกคนในสไตล์เหมือนกันหมด รูปแบบเดิม ๆ ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตคนใช้หลากหลาย ลูกค้ารู้จักเลือกมากขึ้นเราต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่การใช้อุปกรณ์ก็จะใช้เท่าที่มี เท่าที่จำเป็นและใช้คุ้ม เพราะการเปลี่ยนเงินที่เหนื่อยมาเป็นอุปกรณ์ไปหมด เป็นเรื่องที่เหนื่อยใจมาก ๆ 555 ลืม ๆ เก็บเงิน ๆ อ้าว เผลอลืมไปเลยว่าเราต้องมีแฟน ลืมไปเลยว่าเราต้องแต่งงาน 555 กำ
  
คำ ว่า "ผู้รักการถ่ายภาพ" ในมืออาชีพก็เป็นได้ ไม่ใช่จำกัดแค่มีอใหม่ถึงกึ่งมืออาชีพเท่านั้นแต่กลุ่มนี้เขาเลือกที่จะถ่าย และไม่ถ่าย หรือ พัฒนา ตามสิ่งที่ใจ เขาต้องการ รับจ้างบ้าง การถ่ายภาพแบบนี้มีความสุขครับ  แต่ส่วนใหญ่จะหมดเงินไปกับการอยากรู้ อยากทดลอง  อยากมีกับอุปกรณ์ถ่ายภาพที่แพงมากมาย เพราะตอนนี้ กล้องเปลี่ยนรุ่นใหม่ตลอดเวลา มันเป็นเทรนด์ ที่ผู้รักการถ่ายภาพทุกคนต้องเผชิญและเรียนรู้ให้มาก  

3. จาก Profile ในหน้า Home คุณ 13Maysa เป็นช่างภาพงาน Wedding งานรับปริญญา ถ่ายสินค้า ถ่ายแฟชั่นและงานอีเว้นท์ ให้เรียงลำดับความยากง่ายในแต่ละงาน?จากมากที่สุดไปน้อยที่สุด พร้อมเหตุผลประกอบ  

WEDDING

ผมอาจเพิ่งเริ่มเข้ารับอาชีพ ช่างภาพเต็มตัวไม่นาน ดูเหมือนจะยากหมด 555 แต่ก็ทำได้หมดนะ ตอนนี้เริ่ม สบาย ๆ งานหลักผมตอนนี้เลยคือ wedding ที่เป็นทั้ง pre wedding และงานพิธีต่าง ๆ ที่ยากคือ เราต้องศึกษา วัฒนธรรม ประเพณี พิธีงานแต่ง ของแต่ละศาสนา แต่ละชนชาติ เราต้องรู้ขั้นตอนใดสำคัญ แล้วต้องไม่พลาดโอกาสนั้น การถ่ายพรีเว็ดดิ้ง ก็พยายามถึงบุคลิกของคู่รัก ถึงความเป็นธรรมชาติออกมา ส่วนใหญ่ผมหมดเวลาไปกับการทำการบ้านและคิดก่อนถ่ายมาก พอถึงเวลาถ่ายเราก็วางแผนและทำตาม พร้อมที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เสมอเรื่องแสง เรื่องดิน ฟ้า อากาศ ฝนตกนี่ พรีเว็ดดิ้งสวยมาก ได้ความรู้สึกที่ต่างจากใคร ๆ อยู่ที่ว่าเราจะทำให้ออกมาอย่างไร แต่เทคนิคที่ดีกว่าใด ๆ คือ มิตรภาพ ความมีน้ำใจ การสนใจฟัง และแลกเปลี่ยน มุมมองกับแบบที่มาถ่าย ทำให้เหมือนเป็นเพื่อนกัน มาสนุกกัน อารฒณ์และจังหวะที่ดี ได้มาจาก ความเป็นธรรมชาติในการทำงานของช่างภาพกับแบบครับ  





งานรับปริญญา

รอง มานี่น่าจะเป็นงานรับปริญญาครับ ยอมรับเลยว่าเหนื่อยมาก การเดินตามบัญฑิต ตากแดด และถ่ายภาพในทุกสภาพแสง นี่เป็นการฝึกคุมกล้องได้ดี แต่การกดชัตเตอร์ วินาทีต่อวินาทีนี่ ต้องคิดให้เร็ว เพราะบัณฑิตชอบถ่ายภาพ ถึงจ้างช่างภาพ คิดมุมนี้เสร็จกดชัตเตอร์ปุ๊บ น้องบัณฑิตตะโกนเลย ท่าไหนอีกคะพี่ 555 ทั้งวัน หากเจอบัณฑิตเพื่อนเยอะ ๆ นี่ เจ็บตับเลย 555 แต่การถ่ายภาพรับปริญญา ช่างภาพควรเข้าใจบัณฑิตให้มาก
  
หลับตาแล้ว นึกภาพ คน ๆ หนึ่ง ตื่นตี 2 แต่งหน้า กินน้อย อดนอน แดดร้อนฝืนยิ้ม ต้องให้ดูสดใส เพื่อน ญาติ ตัวเอง สวยไหม หล่อไหมท่าที่เราทำเชยไหม น่าอายไหม โทรศัพท์ดังตลอดวัน หาเพื่อนไม่เจอหาญาติไม่เจอ เพื่อนงอแง ต้องวิ่งเพราะต้องเข้าหอตรงเวลาแต่ก็ห่วงว่าจะได้ถ่ายรูปน้อย กลัวรูปไม่สวย แฟนจะมาไหม วันนี้หากแฟนไม่เคยเจอครอบครัวก็จะได้เจอเอาใจบัณฑิตมาใส่ใจเรา หากเขาหงุดหงิด ขี้บ่น งอแง เข้าใจเขาหากเราเคยรับปริญญามาก่อน เราจะรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน
  
นอกจากการเฝ้าสังเกตุ จังหวะ อารมณ์ เพื่อภาพที่ดี ก็ให้สังเกตุอารณ์ของบัณฑิตเสมอ น้ำสักขวด ผ้าเย็นสักผืน ทิชชู่ซับเหงื่อยื่นอย่าให้ขาดถ้ามีโอกาส หาช่อดอกไม้พลาสติกแบบใช้ได้หลายงานเล็กๆ แบบไม่หนักสักช่อ ทำกระเป๋าให้ว่างๆ หน่อยเผื่อช่วยเก็บของให้บัณฑิตแล้วก็ไม่ลืมบอกให้บัณฑิตเอารองเท้าแตะไป ด้วย... พัดลมตัวเล็กๆ ใส่ถ่านสักตัวก็แจ่มครับ...ถ้านัดเวลาไปสัก 7 โมงเช้าจะดีมากครับคนยังน้อยหามุมถ่ายได้เยอะ
  
ช่างภาพบางคนแต่งตัว มาไม่ให้เกียรติบัณฑิต หรือสถานที่เลยเข้าใจว่าต้องการความคล่องตัวสูงและเหงื่อไหลแต่ก็เอาพองาม น่ะครับคิดดูว่าพ่อของบัณฑิตบางท่านใส่สูทมาด้วยซ้ำ เรื่องสูบบุหรี่ก็ตามนั้น ในสถาบันการศึกษาห้ามสูบอยู่แล้ว หาที่หลบ ๆเอาก็พอได้ครับอาจจะดูเยอะ มากมาย ทำได้นิดหน่อยก็เท่าที่พอจะทำได้ครับผม
  
ทั้ง หมดไม่ใช่เพื่อเงินที่ได้มา แต่ เพื่อมิตรภาพ แม้จะพบกันสั้น ๆแต่มันจะกลายเป็นรอยยิ้มประทับใจที่ยาวนาน เพราะรูปถ่ายที่เราถ่าย จะทำให้บัณฑิตชื่นชมไปตลอดชีวิตเขา ถือไปไหนมาไหนตลอดเวลา  เพราะนอกจากเขาจะรู้สึกว่ารูปเขาสวยแล้ว เขายังจำได้เสมอว่าช่างภาพที่มาถ่ายยืนถือกล้องท่าอะไร  พูดอะไรให้เขา หัวเราะในภาพนั้น เอากระดาษซับมันให้โดยที่แฟนก็ไม่เคยทำมาก่อน 555 ว่าไปน่าน อย่างไม่มีวันลืม...  









ถ่ายภาพสินค้า

งาน ถ่ายภาพสินค้า ไฟสตู อย่างเช่นถ่ายภาพอาหาร เราจัดไฟ มีสไตล์ลิสมาจัดเราก็กดชัตเตอร์อย่างเดียว หามุมมองที่ดีคุยกับสไตล์ลิสและลูกค้าถึงความเห็น ที่ตรงกัน งานแบบนี้ ยากตรงที่รสนิยม และความชอบ ต้องคุยกับลูกค้าให้ชัดเจน และร่วมทำพร้อมกันแก้ไขทันที งานแบบนี้ประสบการณ์ทำไปมาก ๆ จะทำให้เรา คล่องตัวขึ้นเรื่อย ๆ ครับ  

ถ่ายแฟชั่น

ถ่ายแฟชั่นยังไม่เคย ครับ แต่อีเว้นท์นี่สนุกครับ อย่างงานคินเสิร์ต บอยป็อด งานคอนเสิร์ต ของน้องโต๋ งานเปิดตัว งานแจกรางวัล งานเหล่านี้มีเวลาให้คิด และ อิสระมากในการถ่ายภาพมุมมองที่งานต้องการก็ไม่ยากนัก คนถ่ายงานอีเว้นท์จะเข้าใจ ป้าย ชื่อที่มา บุคคลสำคัญในงาน บรรยากาศ ภาพมอบรางวัล การแสดง เหล่านี้ ต้องเก็บให้ครบถ้วน
  
4. มีเทคนิคอย่างไร ให้ได้ภาพที่แปลกใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอคะ
    
แต่ ก่อนถ่ายภาพ คิดแต่ต้องจังหวะดี แสงต้องสวย แต่ตอนนี้ มาดูภาพเหล่านั้น รู้สึกเฉย ๆ เนื้อหาไม่มี ไม่ครบถ้วน ไม่จบในภาพเดียว ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก แค่สวย ผมจึงศึกษา ประสิทธิภาพของกล้องว่ามันมีการกำหนดแสงได้ กำหนดสปีดได้มันย้อมสีให้ได้ความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นได้ มุมกล้องที่ปกปิดให้คิดและเปิดเผยให้น่าสนใจ ชั้นเชิงของมุมมอง การเล่าผ่านฉากหน้าหรือการถ่ายแบบไวด์ประชิดตัวให้อลังการ สิ่งเหล่านี้ต้องฝึก เราต้องถ่ายภาพในสิ่งตาคนเราเห็นเหมือนกันออกมาให้น่าสนใจ หากถ่ายมาปกติอย่างที่ตาเห็น คนก็รู้สึกคุ้นเคย ชิน ก็จะรู้สึกธรรมดา
    
กล้อง สามารถถ่ายในสิ่งที่ตาคนเราไม่เห็นได้  แต่สร้างภาพที่จินตนาการเห็นได้ เช่น หรี่รูรับแสงแคบสุด  ถ่ายพระอาทิยต์ย้อนแสงให้เป็นแฉก กำหนดภาพให้ โอเวอร์ จนสว่างหมด แต่มีรายละเอียด ที่น่าสนใจหลงเหลืออยู่ไม่ก็อันเดอร์มาก ๆ เห็นแค่แสงริบ ๆ รอบรูปร่าง การแพนกล้องสัมพันธ์สปีดต่ำ สัมพันธ์ม่านชัตเตอร์ชุดที่สอง ระเบิดซูม ชัตเตอร์ Bสภาพแสงน้อย เทคนิคเหล่านี้ บอกเล่าอารมณ์ได้ต่างกันเราควรฝึกให้เป็นให้หมด และเลือกเทคนิคที่ดีที่สุด ให้ตรงอารมณ์ความหมายของภาพที่เราจะสื่อในภาพ การศึกษาเรื่ององค์ประกอบศิลป์สำคัญอารมณ์ความรู้สึก ของเส้น แสง สี และน้ำหนัก ทิศทาง การฝึกฝนนำมาเสริมเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
  
การถ่ายไลฟ์ ของผม จะอาศัยค่อยเป็นค่อยไป คุย สนทนา ทักทายให้คุ้นเคยหากทำได้ และใช้เวลา รอ จับจังหวะที่ดี โดยที่แบบเต็มใจและเป็นธรรมชาติ อัธยาศัยที่ดี นอบน้อม และเคารพทุก ๆ คน ทำให้เราไม่รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า





5.ในทุกอัลบั้มจะมีลายน้ำเก๋ไก๋ประดับอยู่บนภาพถ่ายเสมอ ทำยากไหมคะ ใช้ไอเดียอย่างไรในการทำภาพลายน้ำของแต่ละอัลบั้ม

บาง ครั้ง ฟร้อนท์ภาษาไทย ที่เป็นภาษาลายมือ ตามป้ายโรงลิเก ริมขอบเรือ ป้ายร้านค้า ป้ายประชาสัมพันธ์ จะมีการเขียนมือหรืออกแบบที่กลืนกับสภาพแวดล้อม ผมมักจะถ่ายช็อตเหล่านั้นมาไดคัต แล้ว วางอาร์ตเวิร์คกับภาพ บางทีก็ดีไซน์เอง ร่างด้วยมือ เดินเส้นด้วย Adobe Illustrator ลงสี และจัดวาง แต่ก่อนทำงานกราฟฟิก ดีไซน์ ออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เลยชอบที่จะทำให้ภาพดูเก๋ไก๋กลมกลืนครับ



6.และถ้าจะรบกวนให้สอนทำลายน้ำเท่ห์ๆแบบคุณ 13maysa บ้าง จะได้หรือไม่
  
ได้ ครับ หากเราไดคัตตัวหนังสือที่เราถ่ายมาก็นำมาจัดวาง หากมันแรงไปทำลายภาพ เด่นเกินภาพ ก็กำหนดให้มันจางลง ในโปรแกรม Adobe Photoshop ให้ดูกลมกลืน หากเราออกแบบเอง เราต้องศึกษาสไตล์ ตัวอักษรที่ตรงกับเรื่องราว เช่นตัวอักษรจันกับภาพงานกินเจเยาวราช เป็นต้น ต้องเนียนครับ คนดูเขารู้ ศึกษาตัวอักษร และฝึกสังเกตจากงานออกแบบรอบ ๆ ตัว จะสามารถเลือกได้ดีขึ้น
  
7.เจอข้อสอบยากๆมาหลายข้อแล้ว...คราวนี้เราของ่ายๆค่ะ "ขออนุญาตนำเทคนิคระเบิดเงา" มาลงในบทสัมภาษณ์ได้หรือไม่?
  
ได้ ครับ เนื้อหาในเว็บ ข้อมูลการกำหนดกล้อง นำไปใช้ได้ครับ มีประโยชน์ต่อช่างภาพคนอื่น ๆ จะดีมากครับ ตอนผมเรียนรู้ ผมก็ต้องการ หลายคนสอนผมมา ผมก็อยากถ่ายทอดต่อ ๆ เหมือนเป็นการให้โอกาสคนอื่นนี่ ได้บุญครับ สาธุ 555  

แนะนำ "เทคนิคระเบิดเงา" โดยคุณ 13Maysa    

อุปกรณ์
  
    รีเฟล็ก ขนาดส่องได้ทั้งตัว 1 แผ่น
    แฟลช 580ex ll 1 ตัว
    กล้องติดเลนส์มุมกว้าง หรือเลนส์ ไวด์
    STE-2 สั่งแฟลช 1 ตัว

วิธีปรุง  

  จัด ให้นางแบบยืนก้มลง ชู 2 นิ้ว ช่างภาพเล็งกล้องที่หน้า โหมดวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ โฟกัสที่หน้า ล็อคกระบอกเลนส์ที่ m ถ่ายด้วยโหมด AV อันเดอร์ 1/2 สต็อป F 16 iso 100 กำหนดแฟลชให้ระยะที่ 24 มม. แสงไม่แรงมาก ยิงแสงตรงเข้าด้านซ้ายของนางแบบ กำหนดถือรีเฟล็ก ตบเงาด้านขวาของนางแบบ สะท้อนแบบเต็ม ๆ ขณะโฟกัสให้หลบแสงอาทิตย์ ล็อกกระบอกเลนส์แล้วค่อยจัดองค์ประกอบให้อาทิตย์ออกมา ระวังตา ไม่ต้องมองผ่านช่องมองภาพนานเกินไป ถ่ายแล้ว แก้ไขอันเดอร์ โอเวอร์ ตามถนัดครับผม ติดตามอ่านความคิดเห็นและข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ 3maysa.multiply.com/photos/album/113/113



ชมรมถ่ายภาพ | ชมรมช่างภาพ | ตากล้อง | สมาคมถ่ายภาพ | สมาคมช่างภาพ | ช่างภาพ | เว็บช่างภาพ | เว็บตากล้อง | เว็บถ่ายภาพ | เว็บรักกล้อง

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555
0 comments
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2555 3:21:49 น.
Counter : 7208 Pageviews.


amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.