Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
หัดรู้ หัดดู

แม่แอมเบอร์เห็นstatusของmsnน้องสาวเขียนว่า
"ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา" แล้วนึกฉงนใจอย่างยิ่ง

แอบดีใจว่าโอ้...น้องเราคงต้องขยันฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์
แล้วคอยหัดรู้หัดดูไปได้เป็นอย่างดีแน่

แต่ก็ไม่วางใจความเชื่อนั้นสนิทหรอก ฮิๆ

ก็ถามน้องไปว่า "เห็นความจริงแล้วรึ ว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราจริงๆ"

น้องสาวตอบด้วยตัวหนังสือใหญ่เบ้อเร่อเทิ่ม
"ไม่เห็นหรอก"

ตามมาด้วย "พยายามบอกตัวเองไว้จะได้ไม่เสียใจ"

แม่แอมเบอร์แนะ "ไม่ดูกายดูใจไปล่ะ จะได้ไม่ต้องคอยบอกตัวเองเรื่อยๆ"

น้องเปรย "ดูไม่เป็น มันเหมือนคิดเอามากกว่าน่ะ"

แม่แอมเบอร์ "เก่งหนิ รู้ว่ามันคิดก็ถูกแล้ว"

น้อง "มันจะดูได้ตอนไม่ดีมากกว่า เช่น รู้ว่า อ๊ะ โกรธ"

แม่แอมเบอร์ "แล้ว?"

น้อง "ก็ไม่ทำไรต่อ"

แม่แอมเบอร์ "ก็ถูกอีก รู้แล้วไม่ทำอะไรต่อ"

น้อง "ไม่ค่อยได้ดูน่ะ พอนึกได้ว่าไม่ได้ดูเลย ก็เลยมาดูหน่อย แต่มันก็ไม่มีอะไรให้ดู"

แม่แอมเบอร์ "ตอนที่นึกได้ว่าไม่ได้ดูเลย มันรู้สึกผิดใช่ไหม"

น้อง "ใช่"

แม่แอมเบอร์ "ก็รู้ทันไปว่ารู้สึกผิด แต่ถ้าเรารู้ไม่ทัน รู้สึกผิดเลยอยากดู ถ้ารู้ทันว่าอยากก็ได้ รู้ทันอันไหนก็รู้อันนั้น"

"แต่ถ้าเราดูไม่ทันความอยาก แล้วเราไปดูใจโดยที่มีความอยากบงการเนี่ย มันไม่เกิดสติหรอก ใจที่มีอกุศลจะเป็นกุศลไปพร้อมกันไม่ได้"

"คราวหน้าลองไปดูนะ ถ้ารู้ทันว่าอยาก แล้วมันไม่หายก็ช่างมัน เรื่องของมันไม่ใช่เรื่องของเรา เรามีหน้าที่ดูอย่างเดียว เหมือนดูละครน่ะ แต่ไม่เข้าไปเล่นด้วย"

"ดูไปเบาๆ ไม่ต้องไปจับให้มั่นคั้นให้ตายนะ เราดูไม่ใช่เพื่อจะเอา ดูเหมือนดูเล่นๆน่ะ แล้วจะดีเอง มันจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ค่าเท่ากัน แต่เรามักคิดว่าอยากดี จะเอาดี พอไม่ดีก็ไม่ชอบ ลองหัดรู้ความยินดียินร้ายที่เกิดขึ้นหลังรู้สภาวะไปก็ได้"

"หัดว่ายน้ำให้เป็นก่อนจมนะ รอให้ถึงตอนนั้นไม่ทันแล้ว จำไว้นะ"

"ถ้าเราดูบ่อยๆ อีกหน่อยจะเห็นเองว่าทุกข์มีอยู่ แต่เราไม่จำเป็นต้องแบก"

น้องก็ฟัง "อืมๆ" ไปเรื่อยๆ....

ทำไมเราถึงต้องมาคอยรู้กายใจ?
เพื่อให้ใจเห็นความจริงและยอมรับว่ามันไม่ใช่เรา
จนใจวางทุกสิ่งลงด้วยตัวของมันเองจริงๆ
ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดกันอีก
//www.dhammada.net/2010/04/23/2095/

พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า ถ้าเรายังท่องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อย อย่าหวังเลยว่าจะรอดพ้นจากนรกไปได้

เดี๋ยวนี้เราเห็นคนจำนวนมากที่หลงเชื่อในสิ่งผิดว่าถูก แล้วก่อกรรมทำเข็ญมากมาย เรามองแล้วอาจจะรู้สึกไม่อยากเชื่อว่าทำไมเขาถึงเป็นไปได้ขนาดนั้น

แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า เราจะไม่หลงผิดอย่างเดียวกัน
ใช่ว่าชาตินี้เรารู้ว่าอะไรดีชั่ว แล้วชาติหน้าเราจะรู้อย่างนี้ได้อีกตลอดไปนะ

เราจะรู้ได้ยังไงว่า เราเกิดชาติต่อๆไปจะไม่หลงผิด แล้วทำชั่วอย่างสุดโต่งจนยากจะกลับมามีความเห็นถูก เดินไปในทางสว่างได้อย่างนี้อีก ได้มาเจอครูผู้รู้จริงและบอกทางที่ถูกให้เรา ได้เจอกัลยาณมิตรที่ประคับประคองให้ได้เดินไปสู่ทางสว่าง เป็นไปเพื่อไม่ต้องทุกข์อีกได้อย่างปัจจุบันนี้อีก

ชาตินี้ เวลานี้ นาทีนี้จึงเป็นนาทีทองของสังสารวัฏ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้

เวลานี้เรายังมีโอกาส จึงควรฉกฉวยไว้ให้ได้มากที่สุดด้วยการสั่งสมเหตุให้พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ ไม่ละเลย ไม่ท้อถอย

ใครจะรู้ล่ะว่าเราจะตายเมื่อไหร่
เราอาจจะเดินอยู่บนฟุตบาท แล้วสิบล้อวิ่งพุ่งชนตายคาที่
หรือกินข้าว แล้วข้าวติดคอตาย
หรือเกิดไฟไหม้ แล้วอยู่ในที่แออัด หนีออกมาไม่ได้ โดนไฟคลอกตาย

อย่าคิดว่านั่นเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของคนอื่น จะไม่เกิดแก่เรา
แหม ก็เราเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหน มันถึงจะไม่เกิดแก่เราล่ะ
ความตายเป็นสิ่งใกล้ตัว เหมือนเยื่อบางๆ ชีวิตเรายืนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา
มีเวลาตรงไหนให้ประมาทได้บ้าง?

เราทุกคนอยากมีความสุข อยากหนีทุกข์ไปไกลๆกันทั้งนั้น
แต่หลงไปสร้างเหตุให้ทุกข์ไปเรื่อยๆด้วยความไม่รู้
แล้วก็มาคร่ำครวญว่าทุกข์เหลือเกิน
ทำยังไงจะไม่ทุกข์ ทำยังไงจะมีความสุขตลอดไป

วิธีที่จะไม่ทุกข์อีกมีอยู่จริง และได้ผลจริง100%ถ้าทำเหตุถูก
และคนมากมายทั้งในอดีตไกลและใกล้ และในปัจจุบัน
ก็ก้าวพ้นทุกข์ไปได้อย่างถาวรมานักต่อนักด้วยวิธีเดียวกันนี้

เราจะเป็นหนึ่งในคนที่พ้นไปจากทุกข์ได้หรือไม่
อยู่ที่ว่าจะเริ่มก้าวไปตามเส้นทางนี้หรือไม่
มุ่งมั่นพอไหมที่จะศึกษามันจนถึงที่สุด
อดทนได้ไหมที่จะเรียนรู้กายใจอย่างที่มันเป็นทุกๆวันเท่าที่จะทำได้
สู้ไหม ไม่ว่าจะขยันก็ปฏิบัติ ขี้เกียจก็ปฏิบัติ
ตราบใดที่ไม่ถึงที่หมาย ไม่เข้าใจความรู้ที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้เป็นอันไม่เลิก
อย่างน้อยขอแค่เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้
แค่นี้ก็เป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตแล้ว

ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก
ไม่ใช่เป็นเพียงความเชื่อ ลัทธิ หรือนิยายปรัมปรา
ไม่ใช่เรื่องของคนแก่ คนหัวโบราณ
แต่เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันล้วนๆ ไม่จำกัดเวลา อายุ เพศ การศึกษา อะไรใดๆ
เป็นเรื่องของสิ่งที่คนทุกคนแสวงหา (แต่คนมักไม่รู้เลยไปแสวงหาจากที่อื่น)

ไม่จำเป็นต้องมีศรัทธา หรือเชื่ออยู่ก่อน
แต่ศาสนาพุทธท้าให้มาลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ได้เห็นเอง ได้เข้าใจเอง แล้วจึงค่อยเชื่อ
//www.dhammada.net/2010/04/22/2110/

ถ้าไม่พิสูจน์ แต่เชื่อเลย ก็ไม่ฉลาด
แต่ถ้าไม่พิสูจน์แล้วบอกว่าไม่เชื่อก็ไม่ฉลาดอีกเหมือนกัน

หากวันนี้ท่านมองข้ามโอกาสดียิ่งนี้ไป
วันหนึ่งท่านอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเส้นทางนี้อีกแล้ว

อะไรๆมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราอยากนะท่านนะ
แต่เป็นไปตามครรลองของเหตุปัจจัย
เพราะฉะนั้น ถ้าท่านอยากได้ผลเช่นไร ท่านต้องสร้างเหตุให้ตรง

ไม่เริ่มวันนี้ แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่
แค่คิดว่าเอาไว้ก่อน แค่นี้ก็สายเกินไปแล้ว...

See เว็บวิมุตติ เว็บธรรมดา ดังตฤณ แสงดาวส่องทาง และนิตยสารธรรมะใกล้ตัว
(เลือกจาก Link ด้านขวาของหน้า แล้วจะพาไปที่เว็บเองค่ะ)



Create Date : 07 พฤษภาคม 2553
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 10:05:51 น. 6 comments
Counter : 365 Pageviews.

 


โดย: nuyza_za วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:27:19 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:49:12 น.  

 
หวัดดีจ้ะซัง


โดย: Love At First Click วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:11:10 น.  

 
อนุโมทนาน้องมี่ & น้องของน้องมี่ด้วย :)


โดย: พี่เก๋ IP: 124.120.253.152 วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:17:44 น.  

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:23:52 น.  

 
ทำไมเราถึงต้องมาคอยรู้กายใจ?
เพื่อให้ใจเห็นความจริงและยอมรับว่ามันไม่ใช่เรา
อนุโมทนาบุญด้วย/ลัลลา


โดย: ลัลลา IP: 203.170.19.2 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:11:24:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่แอมเบอร์
Location :
United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





Friends' blogs
[Add แม่แอมเบอร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.