อมตะมหานิพพาน ผู้เบิกบาน-ผู้รู้-และผู้ตื่น ไม่มีกลางวันและกลางคืน แสนสดชื่นบรมสุขอยู่ทุกยาม คิดดี-พูดดี-ทำดี สร้างบารมีให้งดงาม สดใสใต้ฟ้าคราม ทำหน้าที่ตราบวันตาย ฯ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

ตรวจสอบผลการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมไปสักระยะและระยะต่อๆไป เราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่า เราก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว ?จะรู้เอง หรือว่าตรวจสอบแล้วพอจะรู้ได้? เอาอะไรมาตรวจสอบว่าเราถึงขั้นอริยะขึ้นไหนแล้ว ?

กัลยาณมิตร
kalyanamittra@hotmail.com




 

Create Date : 06 มกราคม 2549
10 comments
Last Update : 6 มกราคม 2549 17:55:21 น.
Counter : 820 Pageviews.

 


ตรวจสอบได้โดยใช้"ตัวตรวจสอบ"ดังนี้

1.ศีล 5/กุศลกรรมบถ 10-40
2.บารมี 10 ทัศ/บารมี 30 ทัศ
3.สังโยชน์ 10

ศีล-คือ ข้อห้าม/ข้อปฏิบัติมิให้ทำความชั่วทาง
กาย-วาจา โดยทั่วไป.....
กุศลกรรมบถ-คือ ข้อปฏิบัติในคุณงามความดี บุญกุศลทั้งกาย-วาจา-ใจ ตั้งแต่ขั้นต้นและขั้นพัฒนา.....
บารมี-คือบุญกุศลที่สั่งสมสร้างมาแต่อดีตชาติถึงชาติปัจจุบัน ที่เรียกว่า "กำลังใจ" นั่นแหละ......ก็มีหลายระดับตั้งแต่ขั้นต้น-กลาง-และสูง......
สังโยชน์- คือ กิเลสที่ผูกมัดใจคน สัตว์ทั่วไป หรือธรรมที่มัดรัดรึงคน สัตว์ไว้กับความทุกข์ มี 10 อย่าง คือ
สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 อย่าง ได้แก่
1)สักกายทิฏฐิ-ความเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน 2)วิจิกิจฉา-ความลังเลสงสัย 3)สีลัพพตปรามาส-ความถือทั่นในศีลพรต 4)กามราคะ-ความติดใจในกามคุณ 5)ปฏิฆะ-ความกระทบกระทั่งในใจ.....
สังโยชน์เบื้องสูง 5 อย่าง ได้แก่
6)รูปราคะ-ความติดใจในรูปธรรม 7)อรูปราคะ-ความติดใจในอรูปธรรม 8)มานะ-ความถิอว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ 9)อุทธัจจะ-ความฟุ้งซ่าน 10)อวิชชา-ความไม่รู้จริง......

 

โดย: พุทธญาณbuddhayan@hotmail.com (AmataMahaNippan ) 7 มกราคม 2549 20:16:28 น.  

 

ศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์- ใช้ "เมตตาบารมี" เพื่อไม่ฆ่าสัตว์ และใช้ "อุเบกขาบารมี" เพื่อหยุดกินเนื้อสัตว์.....

ศีลข้อ 2 ห้ามลักทรัพย์-ใช้ "ทานบารมี" และ "อธิษฐานบารมี" เพื่อการทำทาน ในการทำความดี.......

ศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม- ใช้ "เนกขัมมะบารมี" ถือสันโดษเป็นพื้นฐาน และอาศัย "ขันติบารมี" เป็นทางดำเนิน.......

ศีลข้อ 4 ห้ามพูดปด- ใช้ "สัจจะบารมี" เป็นบรรทัดฐาน แล้วใช้ "ปัญญาบารมี" เป็นทางดำเนิน.......

ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มสุรา - ใช้ "วิริยะบารมี" เป็นบรรทัดฐาน แล้วใช้ "ศีลบารมี" เป็นทางดำเนิน คือ ละความชั่วทั้งปวง......

ส่วนสีของจิต(รัศมีจิต)ตามบารมี(บัวบารมี) มีดังนี้.-

1)ทานบารมี-สีแดง.....2)ศีลบารมี-สีเหลือง.....3)เนกขัมมะบารมี-สีชมภู.....4)เมตตาบารมี- สีเขียว......5)ปัญญาบารมี-สีโอรส หรือสีแสด.......6)สัจจะบารมี-สีฟ้า......7)อธิษฐานบารมี-สีม่วง....8)ขันติบารมี-สีเทา.......9)วิริยะบารมี-สีขาว.......10)อุเบกขาบารมี-สีใส......


 

โดย: ธรรมญาณdhammayan5000@yahoo.com IP: 202.47.238.245 8 มกราคม 2549 21:15:21 น.  

 

วันนี้ธรรมญาณเปิดเว็บไวต์ใหม่เป็นของตนเอง ชื่อ สุขาวดี แล้ว ยินดีด้วยครับ เข้าไปเยี่ยมชมกันได้เลย......

//sukhawadee.bloggang.com

 

โดย: ชัย กรุงศรีchaikrungsri@hotmail.com (Sukhawadee ) 9 มกราคม 2549 19:20:24 น.  

 


มีหลายๆท่านสอบถามผมมาไม่น้อยว่า เราปฏิบัติธรรมไปนี่ก็นานพอสมควรแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราไปถึงไหนกันแล้ว ไกล้นิพพานไปบ้างหรือยัง ? แค่ไหน?.....ผมเองก็ยังหาข้อยุติเรื่องนี้ไม่ได้นะบอกตรงๆ บางคนก็บอกว่า ผู้ที่จะรู้ว่าใครบรรลุมรรค-ผล-นิพพานได้นั้น มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว....บ้างก็ว่าผู้บรรลุธรรมที่เหนือกว่าเรา หรือชั้นเดียวกัน ก็สามารถจะรู้ได้ว่าเราไปถึงไหนแล้ว ?...บางคน อย่างหลานสาวผม ที่เป็นหลานพระพุทธเจ้ากัสสปะ ที่เหลืออยู่คนเดียวยังไม่เข้านิพพาน เขาบอกว่า เขาต้องไปนิพพานชาตินี้ เพราะถึงเวลาแล้ว ผมพบเขาเมื่อเดือนสองเดือนมานี่เอง เขามาเยี่ยมเยือนที่บ้านพร้อมกับแม่และน้องๆเขา ผมก็ถามเรื่องนี้ หลานสาวตอบอย่างมั่นใจว่า คนปฏิบัติเอง ย่อมรู้เองว่า ว่าตนเองไปถึงไหน บรรลุธรรมขั้นใด ได้อะไรแล้วบ้าง ?.....ผมก็ไม่ได้ถามเขาว่า ผมล่ะไปถึงไหนแล้ว ? เพราะผมเอง ไม่ได้สนใจตรงจุดนี้ ไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม.....มีพระสงฆ์มาบอกว่า เรากำลังจะผ่านจุดนั้นจุดนี้ และผ่านไปแล้วเมื่อนั่นเมื่อนี่ ผมเองก็เฉยๆ ไม่ได้เชื่อใคร.......บางคนก็บอกว่า ไม่มีทางจะรู้ได้เลย ยกเว้นบรรลุอรหัตตผลนั่นแหละถึงจะรู้ว่าตนเองได้อะไร เมื่อไร ?และก็รู้ไปถึงคนอื่นๆด้วย ถ้าท่านอยากจะรู้ ......แต่ผมก็จะพยายามหาคำตอบเป็นข้อสรุปให้ได้ระดับหนึ่งเท่าที่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ มีใครที่นี่และที่เข้ามาในนิพพานนี่สนใจบ้างไหมครับ ?
โดย: พุทธญาณBuddhayan@gmail.com [6 ม.ค. 49 19:47] ( IP A:202.47.238.235 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
ช่างเถอะ จะมีใครสนใจหรือเปล่า? แต่ต้องมีแน่ๆ สนใจไม่ใช่อยากรู้ก็ ได้ สนใจเพื่อเป็นข้อมูล เป็นความรู้ว่า ถ้าเราพบเจออย่างนี้ แล้วเราก็สะกิดใจว่า อ้อ...อันนี้เราก็ได้แล้วนี่นา ผ่านแล้วนี่ สนใจไม่ใช่อยากได้ เพราะการปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด เราต้องไม่คิดคาดหวังว่าเราจะได้อะไรเลย ทำไปเรื่อยๆสบายๆ แค่ให้เราอยู่ได้ในโลกอย่างไม่มีความทุกข์ มันก็ใช้ได้แล้ว ไม่ใช่หรือ ?....ตัวอยาก(โลภะ)-นี่แหละ มันจะทำให้เราไม่ได้ ไม่ถึงอะไรสักอย่าง เผลอๆหลงตัวเอง(กลายเป็นโมหะ) มารเอาไปเป็นบริวารซะเลย เพราะเขาคอยจ้องตามตะครุบตาเป็นมันอยู่แล้ว สารพัดละที่เขาจะหลอก รู้ไม่เท่าทันกันละก็จบสิ้นกันเลย น่าเสียดายบารมีที่สร้างสมมายาวนานมากๆ ได้มาก็ให้คนอื่นมาฮุบเอากินซะนี่ เจ็บปวดไหมล่ะ? ......เขาเรียกว่า ตกสูงนะ ไม่ใช่ตกต่ำ ตกต่ำน่ะไม่เท่าไร ไม่ค่อยเจ็บ แต่ตกสูงนี่ปางตายนะ จะบอกให้ ไม่ตายก็คางเหลืองครับ.....

วิธีตรวจสอบของผม มี 3 แนวทาง
1)ใช้ศีล 5-ทำการตรวจสอบ.....
2)ใช้บารมี 10 ทัศ-ทำการตรวจสอบ เช็คอย่างละเอียด........
3)ใช้ มรรค 8-ทำการตรวจสอบแบบรวบยอด......


โดย: พุทธญาณ [6 ม.ค. 49 20:27] ( IP A:202.47.238.235 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 2


ศีล5-ตรวจสอบปุถุชนคนธรรมดาและนักบวช ในขั้นโลกียะ-โลกุตตระ หรือแถมพกด้วย กุศลกรรมบถ10-40 ในขั้นโลกุตตระ ตั้งแต่พระโสดาบัน-พระสกิทาคามี-พระอนาคามี-พระอรหันต์......

บารมี 10 ทัศ/30 ทัศ-สำหรับผู้บำเพ็ญสาวกภูมิและพุทธภูมิโดยเฉพาะ.........

มรรค 8/หรือสังโยชน์ 10-สำหรับอุบาสก อุบาสิกา นักบวชตั้งแต่ขั้นโลกียะถึงขั้นโลกุตตระ......

เราจะเริ่มทำการตรวจสอบตนเองกันด้วยศีล 5 ก่อนเลย คู่ขนานไปกับ บารมี 10 ทัศ เพราะศีล 5 แต่ละข้อมีบารมีอยู่ในนั้นข้อละ 2 บารมี 5 ข้อก็ 10บารมีเป็นทศบารมี(บารมี10ทัศ)พอดี......
โดย: พุทธญาณ-ธรรมญาณbuddhayan@thai. [8 ม.ค. 49 12:47] ( IP A:202.47.238.189 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 3


ศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์- ใช้ "เมตตาบารมี" เพื่อไม่ฆ่าสัตว์ และใช้ "อุเบกขาบารมี" เพื่อหยุดกินเนื้อสัตว์.....

ศีลข้อ 2 ห้ามลักทรัพย์-ใช้ "ทานบารมี" และ "อธิษฐานบารมี" เพื่อการทำทาน ในการทำความดี.......

ศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม- ใช้ "เนกขัมมะบารมี" ถือสันโดษเป็นพื้นฐาน และอาศัย "ขันติบารมี" เป็นทางดำเนิน.......

ศีลข้อ 4 ห้ามพูดปด- ใช้ "สัจจะบารมี" เป็นบรรทัดฐาน แล้วใช้ "ปัญญาบารมี" เป็นทางดำเนิน.......

ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มสุรา - ใช้ "วิริยะบารมี" เป็นบรรทัดฐาน แล้วใช้ "ศีลบารมี" เป็นทางดำเนิน คือ ละความชั่วทั้งปวง......

ส่วนสีของจิต(รัศมีจิต)ตามบารมี(บัวบารมี) มีดังนี้.-

1)ทานบารมี-สีแดง.....2)ศีลบารมี-สีเหลือง.....3)เนกขัมมะบารมี-สีชมภู.....4)เมตตาบารมี- สีเขียว......5)ปัญญาบารมี-สีโอรส หรือสีแสด.......6)สัจจะบารมี-สีฟ้า......7)อธิษฐานบารมี-สีม่วง....8)ขันติบารมี-สีเทา.......9)วิริยะบารมี-สีขาว.......10)อุเบกขาบารมี-สีใส......



โดย: ธรรมญาณdammayan@hotmail.com [8 ม.ค. 49 21:06] ( IP A:202.47.238.245 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 4


การตรวจสอบโดยศีล 5-แนะนำให้ลองให้คะแนนตัวเองข้อละ 20 คะแนน ลองทำดูทุกวันๆ ว่าวันนี้ศีลแต่ละข้อเราทำได้แค่ไหนบ้าง แล้วบันทึกเก็บไว้ดูต่อไป ปกติคนเราทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ท่านเรียกว่า พระโสดาปฏิมรรค มีเยอะไปในเมืองไทย แต่ถ้าทำได้เต็ม 100% ทุกข้อนี่เป็นพระโสดาปฏิผล เป็นพระอริยเจ้าขั้นต้นไปแล้วนะ ทำเล่นไป พระโสดาบันนี้ ได้ไม่ยาก แค่เคารพนับถือพระรัตนตรัย มั่นคง ไม่มีสงสัย ถือศีล 5 บริสุทธิ์ มีสัมมาทิฏฐิ ก็เป็นได้แล้ว หลวงพ่อฤาษีบอกว่า ลูกหลานคนไทยชาวพุทะทั้งหลาย ใครเกิดมาชาตินี้แล้วไม่ได้เป็นพระโสดาบันนี่ ถือว่าขาดทุน เสียชาติเกิดนะ จะบอกให้ ต้องเอาให้ได้ไว้ก่อน ปิดอบายภูมิป้องกันตัวเอาไว้ก่อน เกิดอีกไม่เกิน1-7ชาติก็เข้านิพพานแล้ว.........ไม่เห็นจะยากลำบากตรงไหนเลย ยิ่งผู้หยิงจะได้ง่ายกว่าผู้ชายเสียอีก เพราะปกติไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้กันอยู่แล้ว....
พระโสดาบันนี้-มีครอบครัว แต่งานมีลูกเมียผัวได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป โลภโกรธหลงยังมี แต่น้อย ....รักได้ แต่ไม่หลง โกรธได้ แต่ไม่อาฆาต พยาบาท โกรธแป๊บเดียวก็หายแล้ว ตัดอัตตาตัวตนได้ ไม่ถือตัว ปกติคือ เป็นคนถ่อมตัวมากๆ ใครว่าก็เฉย ฟังได้ไม่มีอาการอะไร เพราะมีปัญญาดีแล้ว รับฟังความเห็นของคนอื่นเสมอ แม้แต่เด็กๆสอน บริวารแนะนำท่านก็ไม่ว่า ไม่ถือสาแถมเอาไปคิดให้เกิดปัญญามากยิ่งขึ้นไปอีก....มีเรื่องเล่าตลกๆให้ฟังหน่อย เป็นเรื่องจริง สมัยหลวงพ่อโต วัดระฆัง มีหญิงกลางๆคนๆหนึ่งเข้ามาหา กราบเรียนว่า อิฉันเป็นพระโสดาบัน ผ่านญาณ 16 มาแล้ว ขอนมัสการ พร้อมยกมือไหว้ท่าน ท่านก็ทักทายดังๆต่อหน้าธารกำนัลว่า"Etorแหล!!"ทำนองคล้ายๆอย่างนั้น พระโสดาฯค้อนควับ โกรธหน้าแดงไม่เป็นผู้คน สะบัดก้นพรืดหันหน้าหนีกลับไปทันที!!!.....นี่เห็นไหมว่า หลวงพ่อโต ท่านน่ะขนาดไหน จะมาหลอกกันซะให้ยากเลย แค่อัตตา-ตัวเดียวหล่อนก็ยังละไม่ได้แล้ว จะเป็นโสดาฯอะไรกันล่ะ......ใครที่ชอบคุยโตโอ้อวด ระวังเจอดีโดนทดสอบไม่รู้ตัวนะ ผมจะบอกให้ ธรรมดา พระอริยะ ท่านไม่พูด ไม่บอกใครหรอกว่าท่านได้อะไร ยกเว้นจำเป็นจริงๆบางกรณีเท่านั้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯวัดเทพศิรินทร์ท่านบอกว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ที่พูดได้น่ะไม่จริงหรอก"......


.bloggang.com/emo/emo15.gif>

 

โดย: พุทธญาณbuddhayan5000@yahoo.com (AmataNippan ) 9 มกราคม 2549 20:54:36 น.  

 




การตรวจสอบด้วยกุศลกรรมบถ10 หรือกุศลกรรมบถ 40 นี่ก็คล้ายๆกับศีล 5 กับ บารมี10 ทัศ-บารมี 30 ทัศ เพียงแต่ว่า นี่เป็นอีกระดับหนึ่งที่ละเอียดกว่าศีล 5......ปกติคนทั่วไปจะไม่รู้ว่าศีล 5 นี่ละเอียดลึกซึ้งที่สุด ศีล 5 ไม่ใช่ข้อห้าม แต่เป็นข้อที่ต้องนำไปปฏิบัติ จึงจะเกิดผลดี เป็นคุณงามความดี เป็นบุญกุศลแก่ตนเองและผู้อื่นด้วย ในศีล5แต่ละข้อก็ผนวกไว้ด้วยบารมีข้อละ 2 บารมี ก็จะทำให้ตรวจสอบได้ละเอียดขึ้น ศีล 5 ที่ปรากฏทั่วไป นั่นเป็นศีลหัวข้อหลักๆที่สำคัญมาก เป็นหัวใจของศีลแต่ละข้อ ข้อปลีกย่อยก็บาปเบาลดหลั่นลงมาตามส่วน เช่น ไม่ได้ฆ่าสัตว์ แต่ทรมานสัตว์ แกล้งยั่วสัตว์ ทำให้สัตว์ตกใจ ทำร้ายร่างกายมัน ก็บาปลดหลั่นลงมาตามส่วน ข้ออื่นๆก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นบารมี 10 ก็ลองให้คะแนนดูก็ได้ บารมีละ 10 คะแนน บารมี 10 ก็ 100 คะแนน จดบันทึกไว้แล้วตรวจเก็บข้อมูลดู......ถ้าเป็นกุศลกรรมบถ 40 หรือบารมี 30 ทัศ ก็เป็นเรื่องของพวกพุทธภูมิ ที่บารมีแก่กล้า มีกำลังใจสูงด้วยมหาปณิธาน กุศลกรรมก็ยกเป็น 4 ระดับ คือ ไม่ทำเอง ไม่ใช้คนอื่นทำ ไม่ยินดีในการกระทำนั้น และไม่ส่งเสริมในการกระทำนั้น.......เรื่องบารมีก็ยกไป 3 ระดับ บารมี-อุปบารมี-ปรมัตถบารมี ค่อนไปทางด้านพระอริยเจ้าไปแล้ว ใครทำได้ก็ขออนุโมทนาด้วยความจริงใจ พวกนี้ทำได้แล้วตั้งใจทำตลอดชีวิตไปเลย สังเกตได้แม้ตัวเอง.......
พระสกิทาคามี-โลภ-โกรธ-หลงมีแต่น้อยกว่าพระโสดาบัน
พระอนาคามี-เหมือนพระโสดาฯและสกิทาฯ แต่ตัดกามราคะได้เด็ดขาด ถ้ายังมีราคะ ติดกามอยู่ยังไม่ใช่ สำหรับชาย ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯยืนยันว่าต่อมลูกหมากในถุงอัณฑะจะหยุดทำงานแห้งฝ่อไปโดยอัตโนมัติ เรียกว่าน้ำกามเหือดแห้งหายไปเลย.......
ถ้าเป็นระดับอรหันต์-ก็สุดยอดแล้ว ตัดโลภ-โกรธ-หลงได้หมดแล้ว คือ ยังมีอยู่ แต่รู้เท่าทันทุกขณะจิต ไม่เอาสักอย่างแล้ว เหมือนไฟหมดเชื้อแล้วนั่นเอง ......การกระทำของทำนเป็นเพียงกิริยาเท่านั้น มิใช่กรรม เพราะท่านอยู่เหนือโลกเหนือธรรมไปแล้ว........

 

โดย: พุทธญาณbuddhayan@hotmail.com (Sukhawadee ) 10 มกราคม 2549 17:12:26 น.  

 


การตรวจสอบด้วยศีล5-กุศลกรรมบถ10-40, บารมี10-30 ทัศ ก็ผ่านไปแล้ว เหลืออยู่แต่การตรวจสอบด้วยมรรค 8/หรือสังโยชน์ 10(ตรงข้าม)ในกระบวนการรวบยอด ก็ต้องมาดูกันหน่อย พอเป็นสังเขปว่ามรรค 8 นี่คือ อะไร ? สังโยชน์ 10 คือ อะไร ?......

มรรค 8-เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ มีอยู่ 8 ประการ คือ
1)สัมมาทิฏฐิ-เห็นชอบ (ตัวนี้คือตัวมรรคแท้ๆสำคัญสุดยอด แตกออกเป็น 7 ประการในข้อต่อไปนั่นเอง) 2)สัมมาสังกัปปะ-ดำริ(คิด)ชอบ 3)สัมมาวาจา-พูดชอบ 4)สัมมากัมมันตะ-ทำการ(งาน)ชอบ 5)สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6)สัมมาวายามะ-เพียรชอบ 7)สัมมาสติ-ระลึกชอบ 8)สัมมาสมาธิ-ตั้งใจมั่นชอบ......
สังโยชน์-ฝ่ายลบ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี 10 อย่าง สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 เบื้องสูง 5 คือ
เบื้องต่ำ 1)สักกายทิฏฐิ-ความเห็นว่าเป็นตัวของตน 2)วิจิกิจฉา-ความลังเลสงสัย 3)สีลัพพตปรามาส-ความถือมั่นศีลพรต 4)กามราคะ-ความติดใจในกามคุณ 5)ปฏิฆะ-ความกระทบกระทั่งในใจ......
เบื้องสูง 6)รูปราคะ-ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต 7)อรูปราคะ-ความติดใจในอรูปธรรม 8)มานะ-ความถือว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ 9)อุทธัจจะ-ความฟุ้งซ่าน 10)อวิชชา-ความไม่รู้จริง(ตัวสุดท้ายก่อนสำเร็จขั้นสูงสุด-คือ ตัวอนุสัยนั่นเอง)......
พระโสดาบัน-ละสังโยชน์ฯได้ 3ข้อแรก พระสกิทาคามี- เหมือนโสดาฯใน 3 ข้อแรก แต่ทำข้อ4-5ให้เบาบางลงด้วย พระอนาคามี-ละได้ 5ข้อแรกทั้งหมด พระอรหันต์-ละได้หมดทั้ง 10 ข้อ........
การตรวจสอบด้วยสังโยชน์ 10 หรือมรรค 8 นี้ แน่นอนที่สุด ในพุทธศาสนาถ้าผิดหลักไปจากมรรค 8 ก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธแน่นอน จำไว้เป็นหลักได้เลย มรรค 8 ข้อ หัวใจคือ ข้อแรก สัมมาทิฏฐิ ทำไมเอาไว้ข้อแรก เพราะถ้าไม่ได้ตัวนี้ อีก 7 ข้อก็ไม่มีทางจะได้ จะถึงหรอก ต้องเอามาเข้าทางให้ได้ก่อน ไม่วกวน หลงทาง ลงเหว ลงห้วยไป เสียเวลาเปล่าๆ ......มรรค 8 คือ ทางสายกลาง-มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายเอก-สติปัฏฐาน 4 มีทางสายเดียวเท่านั้น ผิดจากนี้ไม่ใช่ทั้งนั้น......โดยสรุป คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา หรือนัยหนึ่ง คือ สติ-สมาธิ-ปัญญา ศีล คือ สติ+สัมปชัญญะ เป็นอันเดียวกัน สมาธิ-เป็นแหล่งเก็บพลังจิตทั้งหมดไว้ที่นี่ เหมือนกักน้ำไว้ในเขื่อน พอเปิดช่องเล็กๆไป จะมีกำลังส่งสูงมาก เมื่อสมาธิสูงได้ที่ สติก็เป็นมหาสติ ปัญญาก็เป็นมหาปัญญา ก็เข้าไปประหารกิเลส จนถึงความหลุดพ้นได้.....
การตรวจสอบ/ทุกแบบที่ว่ามา ก็ลองนำไปใช้ดู ตรวจสอบตนเอง ให้คะแนนตนเอง ตรวจให้พบข้อบกพร่องของตนเอง แล้วแก้ไข เหมือนหลักการ QC คือ PDCA นั่นแหละ......P คือ Plan-วางแผน ...D คือ Do-ทำ ....C คือ Check-ตรวจสอบ..... A คือ Action-ดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา คล้ายๆกับหลักอิทธิบาท 4 นั่นแหละ ญี่ปุ่น ฝรั่งก็ลอกแบบของดีไปจากพุทธศาสนาทั้งนั้น.......
หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก่อนนิพพานละสังขารไป ท่านฝากเตือนพุทธศาสนิกชนคนไทยไว้ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่เป็นพระอริยะ แต่ยังสำคัญตนผิดไปว่า เป็นพระอรหันต์แล้ว โปรดกลับไปพิจารณาไตร่ตรองทบทวนสิ่งที่กล่าวผ่านมาแล้วทั้งหมดดูว่า ตนเองอยู่ตรงไหนกันแน่ ? ถ้าถูกด่า แล้วยังเต้น ยอมรับไม่ได้ ยังไม่ใช่หรอก ถ้าด่า แล้วยิ้มได้ ขอบคุณด้วยที่มาเป็นครูสอน มาด่า มาสอน มาให้สติ มาพัฒนายกระดับจิตขึ้นไปอีกระดับ ก็ใกล้นิพพานเข้าไปอีก จวนเต็มทีแล้วครับ .....การปฏิบัติ-ต้องไม่คาดหวังอะไรเลย จะได้ก็ได้เอง จะถึงก็ถึงเอง ถ้าอยาก ถ้าคุย ก็ยังห่างอยู่ แต่ก็จวนแล้วละ ต้องพยายามอีกหน่อยครับ.......ขอจงมีความเจริญในธรรมทุกท่าน เทอญ ฯ.....

 

โดย: พุทธญาณbuddhayan@yahoo.co.uk IP: 202.47.238.240 11 มกราคม 2549 21:55:00 น.  

 



ศีล 5-ตรวจที่"กาย"กับ"ปาก"........
บารมี10-ตรวจที่"ใจ" มี"กำลังใจ"ครบ 10 หรือไม่ ?.....
กุศลกรรมบถ10-40 : ตรวจที่ "กาย-วาจา-และใจ" แถมตรวจที่"จิต"อีกต่างหาก 10 คือ
1)สัมผัส 2)ความรู้สึก 3)จำ 4)เจตนา 5)รู้ตัว 6)วิตก 7)วิจาร 8)ปิติ 9)สุข 10)เอกัคคตา........
สังโยชน์10-ก็ดูสิ่งตรงข้ามกับบารมี 10.......
มรรค 8- ก็ตรวจที่ รูปธรรม 4-นามธรรม 4 รู้จริง-รู้ลึก-รู้ชัด-รู้ทาง-และรู้ปฏิบัติ กับ"กาย"และ"ใจ"อย่างถูกต้อง.......

 

โดย: ธรรมญาณdhammayan@gmail.com IP: 202.47.238.240 11 มกราคม 2549 22:07:31 น.  

 




น่าจะถึงบทสรุปสุดท้ายแล้วสำหรับกระทู้นี้ ก็หวังว่าท่านผู้สนใจคงจะได้ศึกษา ทำความเข้าใจ นำไปทบทวน ตรวจสอบตนเองหรือผู้ที่ท่านคาดหมายว่า ว่าจะเป็นอะไร ได้อะไร ? ขอจงมีความสุข ความเจริญในธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันทุกรูปทุกนาม เทอญฯ

ปุจฉา-พระโสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี ท่านรู้ตัวท่านเองหรือไม่ ว่าท่านเป็นอะไร ? ได้อะไรแล้วบ้าง? เพราะอะไร ?

วิสัชนา-รู้ตัวก็มี เข้าใจผิดก็มี ไม่รู้ตัวก็มี........

รู้ตัว-ก็ต้องระดับ เจโตวิมุติ.......ส่วนปัญญาวิมุติ รู้ว่าละกิเลสได้แล้ว แต่ไม่ยึดติดว่าได้หรือไม่? กิเลส-ตัณหา ไม่เกิดอีกเป็นพอ แล้วเขาวัดกันที่ตอนทิ้งขันธ์ ว่าจะรักษาอารมณ์ได้หรือไม่? ตราบเท่าที่ยังอยู่ในโลกแห่ง อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตาอันไม่เที่ยงนี้ ก็ต้องรักษาอารมณ์ให้อยู่ในอาสวักขยญาณตลอดเวลา ฌาน-ตกเมื่อใด ญาณ-ก็เสื่อมเมื่อนั้น......

ปุจฉา-พระอนาคามีต่างกับพระสกิทาคามีอย่างไรบ้าง? พอสังเกตได้หรือไม่ ประการใด ?

วิสัชนา-พระอนาคามี-คือ ผู้ออกจากบ้าน(กาย+ใจ)แล้ว.....

กาย-คือ โสดา ละกายได้ ได้"โสดา"..........

ใจ-คือ สกิทาคามี ละใจได้-ตัดใจได้ ก็ได้"สกิทาคามี".......

ถ้าละ"กาย"-ตัด"ใจ"ได้ ก็ได้ "อนาคามี"..........

ก็ให้สังเกตดูพฤติกรรมของท่าน(หรือแม้ของเราเอง)ว่า ยึดกาย-ยึดใจอยู่หรือไม่? หรือเพียงแต่ ละกายได้ ตัดใจไม่ได้ หรือตัดกาย-ใจได้ทั้งสองอย่าง.........



ผู้ตั้งกระทู้ ธรรมญาณ ( dhammayan@hotmail.com ) ::วันที่ 12-01-2006 07:47:28

ความเห็นที่ 1 (354219)

ตัวอย่างพระผู้สำเร็จเป็นพระอนาคามีคือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ และสมเด็จย่า พระบรมราชชนนีของพวกเราทั้งหลาย ท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ไปสำเร็จอรหันต์ข้างบนโน้น สำหรับสมเด็จย่ามีท่านผู้รู้บอกว่า ปัจจุบันท่านเป็น "พระสยามเทวาธิราชองค์ที่ 13"ดูแลรักษาประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ด้วย แต่องค์พระสยามเทวาธิราชองค์ที่ทำหน้าที่โดยตรงเป็นหลักอยู่ขณะนี้ คือ สมเด็จพระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 ครับ(หมุนเวียนกันตามวาระ ความเหมาะสม).......นิพพานะ ปัจจโย โหตุ อนุโมทามิ สาธุ ๆ ๆ .......

 

โดย: พุทธญาณbuddhayan@hotmail.com IP: 202.47.238.245 12 มกราคม 2549 8:05:10 น.  

 

You will know yourself ( Pujuttang ) or Lord Buddha will let you know if you are a Pra Sodabun.
1. You have confidence in Sil 5.
2. You have confidence in Lord Buddha,
adhamma and Sanka.
3. You have confidence in Nibbaba in this life time.

 

โดย: Nothingness IP: 68.73.118.36 18 กุมภาพันธ์ 2549 12:13:41 น.  

 

 

โดย: นิติพงษ์ พงษ์ชะอุ่มดี IP: 203.151.24.11 6 กรกฎาคม 2549 15:45:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


AmataMahaNippan
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อภิมหาอมตะนิพพาน เหนือวิมานพรหมสวรรค์ ณ ชั้นไหน ?
บรมสุขแห่งนิพพานเบิกบานใจ ไม่เหมือนใครไหนเลยที่เคยมี....

บัวบาน บางเขน
Buaban_Bangkhen@hotmail.com
New Comments
Friends' blogs
[Add AmataMahaNippan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.