**สมมุติ**

หลวงปู่พุทธอิสระ-ลูกรัก เจ้าจงให้ประโยชน์ต่อ"สมมุติ" จงอย่ามองข้ามเรื่องเล็กน้อย ที่เป็นกฏเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนของสัตว์สังคมทุกชั้น เพราะมันเป็นบันไดขั้นแรก และขั้นสุดท้าย ในการเข้าถึง"พระธรรม".......

**วิมุตติ-วิมุตติธรรม**

หลวงปู่พุทธอิสระ-1)ลูกรัก.... "วิมุตติธรรม"-คำสอนนี้ พระศาสดา มิได้ทรงปฏิเสธว่า ไม่มีอะไร แต่ทรงบอกว่า อะไรเหล่านั้น มิได้มีตัวตน.....โอ้...!!ที่แท้ มันเป็นเพียง"ธรรมธาตุ"แห่งธาตุ และอะไรเหล่านั้น ก็ทำงานไปตามลักษณะของมันเท่านั้นเอง.......

2)ลูกรัก....ศีล-การทำกายและวาจาให้เรียบร้อย.....
สมาธิ-การมีใจตั้งมั่น.....
ปัญญา-การรอบรู้ในกองสังขาร......
"วิมุตติ"-คือ ความหลุดพ้นอย่างอิสระ......
เหล่านี้-คือ อุดมการณ์ของปู่เจ้า........

หมายเหตุ กองสังขาร-หมายถึง ร่างกาย ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม(Webmaster)

วิมุติ-หลุดพ้น?

วิมุติกับหลุดพ้น เป็นอันเดียวกันหรือไม่อย่างไรคะ?

ผู้ตั้งกระทู้ อริยะ ทองนพคุณ ( ariya@yahoo.com ) ::วันที่ 03-09-2005 21:12:58

ความเห็นที่ 1 (215847)

วิมุติ- เกิดที่จิตหลุดพ้น ก็ออกจากจิต หมายเอา อัตตา-ที่มีอยู่ในจิตออก สิ่งที่ฝังอยู่ในจิต เราเรียกว่า อุปาทาน เมื่อจิตกำเนิดเป็นกายกับใจ กายใจ -ก็เป็นส่วนหนึ่งของจิต แต่เมื่อจิตวิมุติ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง ก็สลัดอัตตา(กาย) ที่อยู่ในจิตออกจากจิต(อุปาทายรูป)-"สิ่งที่นำเข้าจิต แล้วออกจากจิตได้" เช่น ปากรับประทานอาหาร น้ำ....จมูก-นำลมหายใจเข้าสู่กาย แล้วเข้าใจว่า กายคือเรา กายคือของๆเรา.....แท้จริงแล้ว จิตอาศัยธาตุ 4 เพื่อดำรงจิตอยู่ในโลก ในการศึกษาธรรม ค้นหาธรรม แล้วละธรรม เข้าสู่วิมุติ-ความหลุดพ้น จากสสาร-พลังงาน......


ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมญาณ ( dhammayan@hotmail.com ) วันที่ 04-09-2005 21:47:40

ความเห็นที่ 2 (231045)
ก็อันเดียวกันนั่นแหละ ถึงวิมุติ จิตก็หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงไง.....ที่จริงสรรพสิ่งในโลกก็คือสมมุติทั้งสิ้น แต่ก่อนที่เราจะถึงวิมุติ เราก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจกับสมมุติให้ดีก่อน ว่ามันคืออะไร? จะทำยังไงกับมัน?.....เมื่อเข้าใจสมมุติ ยอมรับสมมุติ ใช้สมมุติให้เป็น ใช้สมมุตินั้นให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ยึดติดในสมมุตินั้น ทำสมมุติให้เป็นวิมุติ ทำสัญญาให้เป็นปัญญา......โดยวิธีใส่"ตัวรู้" คือ ตัวสติสัมปชัญญะ ตัวสำคัญนี่แหละเข้าไปตามพิจารณาดูมันทุกฝีก้าว ทุกลมหายใจเข้าออก จดจ่อ ตามมันให้ทันทุกอิริยาบถ ท่วงท่วงท่า ทุกลีลา ทุกสภาวะ ไม่ว่าจะสงบ เอะอะ ค่อย ดัง วุ่นวายขนาดไหน อย่างไร เมื่อเราตามทัน รู้เท่าทัน รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างมันก็คือธรรมชาติ มีการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-เปลี่ยนแปร-แล้วดับไป ตามกฎไตรลักษณ์ทุกอย่าง ไม่มีกฎไหนที่กว้างและครอบคลุมความจริงได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว นั่นแหละจะพบเองว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่สลักสำคัญอะไรเลย ปล่อยวางทุกอย่างลงไว้ตามที่เดิมของมัน แล้วจิตใจเราจะเบาสบาย สงบ สว่าง เย็น ไม่มีอะไรจะมามีอิทธิพล ทำร้ายจิตใจเราได้อีกต่อไป นี่แหละคือความเป็นอิสระเสรีที่แท้จริง คือ การหลุดพ้น หรือวิมุติละนะ......

ฟังเสมือนว่า

วิมุติ ละในสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง ต่างจากจาคะ
ทาน นั้นให้บางครั้งคราว แต่จาคะนั้นยกให้
ทั้งโลกนี้คืนโลก ผู้ทำจาคะไม่ยึดสิ่งใดไว้
จาคะ จึงเป็นคำอธิบายพฤติกรรม

แต่วิมุติ น่าจะอธิบายลักษณะจิต ไม่ใช่เพียง
พฤติกรรม หมายรวมการที่จิตหลุดจากสิ่งทั้ง
ที่ประกอบจากธาตุ 4 และสิ่งที่ไม่มีธาตุ 4 ประกอบ


หากละแต่สิ่งที่มีธาตุ 4 ประกอบ ก็ยังติดนามธรรม
เช่น เข้าฌาณแล้วติดฌาณได้ แต่ วิมุติ นี่
ละทั้งที่ประกอบมาจากธาตุ 4 โดยไม่ใช่จิตทำ
เป็นอวิชชาแต่เก่าก่อน เช่น พรหมณ์ลิขิตมา
(พรหมณ์ลิขิต เป็นอวิชชา) อวิชชาเลยก่อสังขาร
จากธาตุ 4 แต่หลังจากอวิชชาก่อสังขาร ยังมีจิต
ก่อกรรมเอง โดยปรุงจากขันธ์ห้า กาย เวทนา
สัญญา สังขาร และวิญญาณ พวกนี้ กาย เกิด
จากธาตุ 4 ประกอบกัน ด้วยอวิชชาก่อกำเนิด
แต่เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ มีแต่ใน
จิตคนปรุงมา

ละกายว่าไม่ใช่อัตตา ไม่มีตัวตน แล้วยังต้องละ
สิ่งที่จิตปรุงแต่งทั้งหมด จิตก็หลุดพ้นแท้จริง

เรียกว่าวิมุติ หรือเปล่าครับ?