|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
Between Love And Hate--วงสวิงของความรัก
น่าขันนักที่ผมนึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังตลก/โรแมนติกอย่างที่ข้อมูลให้ไว้
สำหรับผมมันไม่ตลกเลยสักนิด
หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังรักโศกๆ ที่ผมต้องจำไปอีกนานว่าเสียน้ำตาให้มันมากแค่ไหน
และเป็นหนังรักที่พูดความจริงอันเจ็บปวดอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนดูเลยสักนิด ว่าจะทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปกับเรื่องราวของคนทั้งสองในหนังเรื่องนี้อย่างยอมจำนน
หนังเล่าเรื่องง่ายมาก ง่ายจนเหมือนไม่มีอะไรจะต้องค้นหา หรือคิดตาม แต่มันจริงแสนจริงจนไม่อาจหาข้อมาตำหนิได้เลย และนี่คือหมัดเด็ดของหนังเรื่องนี้
Between Love And Hate หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ The Unbearable Lightness Of Dating ซึ่งการตั้งชื่อหนังคงตั้งใจเลียนแบบชื่อหนัง/หนังสือ เรื่อง The Unbearable Lightness Of Being อันโด่งดัง
และเสียดสีเป็นนัยๆว่า ความรักหรือการนัดเดท นั้นเบาหวิวสุดจะทนกว่าเยอะ
เรื่องราวของหนังเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างชีวิตจริงที่ตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้งและดัดจริต ยุนอา เธอเป็นสาวสวย ดุ และแกร่ง เธอทำงานในคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ส่วนยังวอน เป็นลูกชายที่ดีของแม่ เป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ และมีเพื่อนฝูงที่สำมะเลเทเมา
ความรักครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเธอเริ่มก่อน
ภายใต้ความสัมพันธ์อันป่วยไข้ที่น่าจะเดาตอนจบได้ไม่ยาก เธอและเขาดูเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วๆ ไป ไม่ได้รักกันจี๋จ๋า มีทั้งการทะเลาะเบาะแว้ง มีการตบตีด่าทอ มีการงอนง้อ มีเซ็กซ์แบบเร่าร้อนรุนแรง หรือเซ็กซ์แบบผู้ให้แต่ฝ่ายเดียว มีรักๆ เลิกๆ
แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์แบบนี้แหละที่ไม่อาจตัดขาด
ช่วงหลังๆ แม่กับพ่อของผมทะเลาะกันบ่อยขึ้น แม่บอกว่าพ่อไม่เหมือนก่อน และแม่ก็เต้นเร่าๆ ว่าจะหย่าท่าเดียว แต่นี่ก็นานหลายปีแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นเขาหย่ากันเสียที (ผมจะได้มีข้อแม้ทำตัวเกมะเหรกเกเรได้ เพราะอาศัยข้ออ้างว่าครอบครัวแตกยแก เป็นเด็กขาดความอบอุ่น)
ผมว่าก็คงเหมือนกับยุนอาและยังวุน ชีวิตคู่มันต้องเต็มไปด้วยบทดสอบ การฝ่าฟันและประคับประคองกันและกัน คู่ที่เราเห็นว่าเขาทะเลาะกันและไม่น่าจะมีความสุขในการอยู่ร่วมกัน บางทีการทะเบาะแว้งมันอาจจะเป็นเพียงข้อพิสูจน์หนึ่งของการอยู่ร่วมกัน
ว่าสุดท้ายแล้วเราแยกกันอยู่ไม่ได้หรอก
คงมีอีกหลากหลายความสัมพันธ์ที่ควมรักไม่ได้เป็นคำตอบเดียวสำหรับการอยู่ร่วมกันจนตายไปข้างหนึ่ง อย่างที่เราได้ยิน ได้เห็น ได้ดู ในนิยายรักหรือภาพยนตร์โรแมนติกทั้งหลายที่ตัดตอนจบเหลือไว้เพียงทั้งสองคนรักกัน
คู่ชาย-หญิงคนจีนคู่หนึ่งที่ผมรู้จัก ที่ถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน ผมไม่รู้ว่าเขาเอ่ยปากว่ารักกันเหมือนโรมิโอกับจูเลียตหรอเปล่า เขามีลูกด้วยกัน 6 คน และยังอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน โดยไม่ภรรยาไม่เคยถามว่าคุณรักฉันหรือเปล่า หรือสามีก็ไม่เคยถามว่าคุณรักผมหรือยัง
บางทีความรักอาจะเป็นเพียงอารมณ์อันฟุ่มเฟือยของชนชั้นกลาง และคนหนุ่มสาวในยุคที่เต็มไปด้วยทางเลือกเช่นนี้
ยุนอากับยังวุนก็เช่นเดียวกัน หนังไม่ได้ทำให้เห็นว่าเขารักกันปานจะกลืนเหมือนในหนังเกาหลีเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้เราฝันหาความรักอันยิ่งใหญ่ และหนังก็ไม่ได้ทำให้เราเห็นเช่นเดียวกันว่าเขาทะเลาะกันจนต้องลาจากกันไปข้างหนึ่ง
มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ของคนสองคนอันธรรมดาสามัญ และจริงจนจับต้องได้กับตัวเรา
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแม่ของยังสุนต้องการให้เขาแต่งงานกับคู่หมั้นสาวที่หมั้นหมายมานานหลายปี และไม่ต้องการได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงทำงานคาราโอเกะ
เรื่องโศกๆ จึงเกิดขึ้น
ยุนอาฟูมฟายกับความผิดหวังของเธอ ถึงแม้เธอรู้แน่และทำเป็นไม่แคร์ถึงจุดจบว่าความสัมพันธ์ของเธอกับยังวุนจะเป็นเช่นนี้ แต่เธอก็เสียใจ ฟูมฟาย และพยายามดึงดันให้เรื่องการแต่งงานระหว่างยังวุนกับคู่หมั้นไม่เกิดขึ้น
ซึ่งเราก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าทำไมเป็นเช่นนั้น มีใครบ้างล่ะ จะไม่แอบฝันถึงตอนจบที่สวยหรู--จริงไหม
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอมีความหวังคือยังวุนก็รักเธอเช่นเดียวกัน--แล้วอย่างนี้ใครจะไม่หวังได้
แต่สุดท้ายยังวุนก็ต้องแต่งงาน
เธอเจ็บปวด แต่ความรักที่ฝังลึกที่ไม่เคยเผยออกมาให้เห็นในรูปบบของความโรแมนติก ก็ทำให้เธอยอมเป็นเมียน้อย เธอไม่ได้หวังจะครอบครองทั้งหมดในตัวเขา แต่ก็ยังหวังว่าคสามสัมพันธ์ระหว่างเธอและยังวุนจะไม่สิ้นสุดลงเพียงเพราะเขาแต่งงาน
แต่ความสัมพันธ์แบบนี้จะอยู่ได้นานเท่าไหร่กันเชียว
เธอเริ่มอาละวาด เริ่มมีปากเสียงกับยังวุนจนในที่สุดเธอเริ่มไปก่อกวนชีวิตการแต่งงานของเขา
ด้วยความที่ผมถือเหตุผล ศักดิ์ศรีและความหยิ่งยะโสเป็นใหญ่ ผมเริ่มไม่เข้าใจยึนอา เริ่มไม่เห็นคล้องกับสิ่งที่เธอทำ ผู้หญิงบุคลิกอย่างเธอ น่าจะเข้มแข็งกว่านี้ หยิ่งยะโสกว่านี้ และกล้าพอที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์อันเจ็บปวดนั้น ดีกว่าทำตัวเป็นนางร้ายที่ไม่มีใครเข้าใจ
แต่แล้วผมก็เริ่มเข้าใจเธอ
หลังจากการก่อกวนชีวิตครอบครัวของยังวุนครั้งนั้น เธอถูกยังวุนทำร้ายร่างกายปานตาย
และเธอก็เดินออกจากชีวิตเขา
ผมเข้าใจอารมณ์ เหตุผล และเธอคนนี้ด้วยน้ำตา จะให้เธอทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อหัวใจเธอมันเจ็บไปหมดแล้ว เธอรักเขาหมดใจ เธอจะทำตัวเป็นผู้หญิงมีศักดิ์ศรีแล้วเดินออกมาแบบนางเอกหนังไทยได้อย่างไรกัน ในเมื่อหัวใจมันบงการเธอไม่ได้แล้ว
เธอต้องเจ็บ เจ็บที่ร่างกาย เจ็บให้เจียนตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอเธอรัก เผื่อบางทีความเจ็บปวดทางร่างกายมันอาจจะกระทุ้งเตือนสติและเหตุผลที่ยังพอหลงเหลือตกตะกอนอยู่ในความคิดบ้าง และฉุดเธอให้ออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางเยียวยานั้นแล้ว
บางทีชีวิตก็ต้องเป็นแบบนี้ ใจเมื่อใจมันเจ็บจนไม่เจ็บแล้ว ร่างกายอาจจะเป็นตัวแทนที่ดีได้
แล้วเธอก็เก็บของออกจากบ้านโดยไม่บอกกล่าวเขา หายออกไปจากเมืองนั้น ชีวิตของเขาและความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ผมชอบสามฉากในหนังเรื่องนี้
ฉากแรกคือฉากที่ยังวุนเมาและยุนอาพยายามจะถอดเสื้อผ้าแล้วพาเขาไปนอน แต่ยังวุนดึงดันจะให้เธอทำออรัลให้ก่อนถึงจะนอน แล้วเธอก็ทำ
เฟมินิสต์หลายคนได้ดูฉากนี้เข้าคงร้องกรี๊ด...เพราะมันช่างส่อประเด็นแห่งการกดขี่ทางเพศเสียยิ่งกระไร
ผมไม่ได้เข้าข้างผู้ชาย แต่ฉากนี้มันทำให้เห็นว่า ในความสัมพันธ์หนึ่งๆ ที่มันมีการข่มเหง รังแกกันด้วยความรักใคร่นั้น การให้อย่างไม่ถือสามันเป็นองค์ประกอบที่ยิ่งใหญ่ที่ใครไม่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นคงไม่รู้หรอก มันอาจจะดูกดขี่ แต่สำหรับผมมันทำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เป็นความสัมพันธ์ที่จะขาดกันอย่างายดายไม่ได้ และชีวิตของยังวุนจะขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แน่นอน
ไม่ใช่เพราะเธอทำออรัลให้เขาอย่างไม่รังเกียจรังงอน แต่เป็นเพราะเธอ การกระทำของเธอ สิ่งที่หมดที่เธอทำให้ผู้ชายคนนี้ เต็มไปด้วยความรัก และการให้ ซึ่งมีผู้ชายคนนี้คนเดียวที่รับรู้ว่า เธอคือชีวิตของเขา
ฉากต่อมาคือฉากที่ยุนอาถูกทำร้ายร่างกาย (ซึ่งก็ยังไม่หนีประเด็นเรื่องการข่มเหงผู้หญิงเช่นเคย) ฉากนี้สำหรับผมมันคือคำตอบให้ผมได้ร้จักอารมณืผู้หญิง ความคิดของผู้หญิง และเข้าใจผู้หญิงมากกขึ้น เข้าใจว่าทำไมเธอต้องหึง ทำไมเธอต้องร้าย ทำไมเธอต้องเดือดดาล ชวนทะเลาะ มันทำให้ผมเข้าในยุนอาและประเด็นทั้งหมดของเรื่อง
โมเมนต์ตั้มอีกข้างหนึ่งของความรัก นั่นคือความเกลียด ที่เธอพยายามจะสวิงอารมณ์รักของเธอไปอีกข้างเพื่อที่จะหลุดพ้นจากชายที่เธอรัก จากความสัมพันธ์อันเจ็บปวด จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีกับผู้ชายคนนี้ ในขณะที่หนังทุกเรื่องเก็บงำความลับของความเป็นผู้หญิงไว้ เรื่องนี้คือหนังที่ดีที่สุดที่ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของความเป็นผู้หญิง ที่ก่อนหน้านี้เรามองว่า การหึงหวง การด่าทอ ชวนทะเลาะ หรือการทำตัวน่ารัวเกียจ มันเป็นเพียงอารมณ์อันร้ายกาจ การใช้อารมณ์นำเหตุผล แต่แท้จริงแล้ว เธอมีกระบวนการของเธอที่เราเองไม่เคยรับรู้อย่างลึกซึ้ง หรือขลาดเขลาเกินไปที่จะเข้าใจอารมณ์และการกระทำของเธอ
ฉากสุดท้ายคือฉากจบของเรื่อง ที่ถึงแม้จะไม่ได้ให้คำตอบอะไรมากมาย ว่าที่สุดแล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะจบลงอย่างไร
เพียงแค่แววตา ที่ทั้งสองจ้องมองกัน น้ำตาที่ไหลสะอื้นไม่หยุดหย่อนของทั้งคู่ มันก็พอจะบ่งบอกทุกเรื่องราว ทุกสิ่งอันระหว่างคนทั้งสองได้มากพอ
เธอคือผู้หญิงที่เขาไม่มีวันจะกำจัดออกไปจากหัวใจได้ และเขาก็คือผู้ชายที่เธอหนีไม่พ้น ถึงแม้เลือกที่จะหนีแล้วก็ตาม
หนังเรื่องนี้ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าความรักที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร ไม่มีคำว่าโรแมนติก ไม่มีฉากชวนเคลิบเคลิ้ม แต่มันชวนเราเข้าไปตั้งคำถามกับความสัมพันธ์อันจริงจัง แล้วเข้าไปหาคำตอบจากเรื่องราวของคนทั้งสอง
ที่บางครั้งคำว่าความสัมพันธ์มันอาจจไม่ได้มีเพียงแค่คำว่าฉันรักเธอ และถึงจะมีก็อาจไม่มากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของปัจจัยอื่นๆ ที่เรายังไม่เคยคิดถึง หรือหาคำตอบกันอย่างจริงจังเสียที
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2550 13:09:36 น. |
|
3 comments
|
Counter : 669 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มึนดี IP: 124.157.229.225 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:07:46 น. |
|
|
|
โดย: ดาริกามณี วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:31:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|