ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
อายุของกินนร

ภัลลาติยชาดก
ว่าด้วยอายุของกินนร



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภพระนางมัลลิกาเทวี ตรัสพระธรรมเทศนานี้มี ดังนี้.

ได้ยินว่า วันหนึ่งอาศัยเหตุที่พระนางมัลลิกาเทวี บรรทมร่วมกับพระเจ้าโกศลราช จึงเกิดวิวาทบาดหมางกันขึ้น พระราชาทรงกริ้วถึงกับไม่ทอดพระเนตรเหลียวแลพระนางมัลลิกาอัครมเหสี พระนางจึงทรงพระดำริว่า พระตถาคตเจ้าจะไม่ทรงทราบเรื่องที่พระราชาทรงกริ้วเราหรือหนอ ? พระศาสดาทรงทราบเหตุนั้น จึงวันรุ่งขึ้น แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ทรงดำเนินไปถึงประตูพระราชวัง พระราชาจัดการรับเสด็จ ทรงรับบาตรแล้วทูลเสด็จสู่ปราสาท อาราธนาภิกษุสงฆ์ให้นั่ง โดยลำดับแล้ว ถวายน้ำทักษิโณทก ทรงอังคาสด้วยพระกระยาหารอันประณีต เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

พระศาสดาตรัสถามว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร เหตุไรหนอ พระนางมัลลิกาบรมราชเทวี จึงทรง หายไปไม่ปรากฏ เมื่อท้าวเธอทูลตอบว่า เพราะพระนางเพลิดเพลินมัวเมาในความสุขส่วนตัวเสีย จึงตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร ในชาติก่อนพระองค์ทรงบังเกิด ในกำเนิดกินนร พลัดจากนางกินรีไปหนึ่งราตรี ต้องเที่ยวปริเทวนาการอยู่ถึง เจ็ดร้อยปีมิใช่หรือ ? เมื่อพระราชาทูลอาราธนา จึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัส ดังต่อไปนี้

ในอดีตกาล เมื่อครั้งพระเจ้าภัลลาติกราช เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี ทรงพระดำริว่า เราจักบริโภคเนื้อย่างสุกด้วยถ่าน จึง ทรงมอบราชสมบัติแก่หมู่อำมาตย์แล้วทรงสะพักราชปัญจาวุธ แวดล้อมด้วยหมู่สุนัขที่ฝึกหัดดีแล้ว เสด็จออกจากพระนครไปยังหิมวันตประเทศ เสด็จถึงแม่น้ำน้อยแห่งหนึ่ง ไม่สามารถจะข้ามฝั่งน้ำไปได้ จึงพระราชดำเนินเลียบไปตามกระแส น้ำนั้น ทรงฆ่ามฤคและสุกรเป็นต้นแล้ว เสวยเนื้อย่างสุกด้วยถ่านเพลิง พลางเสด็จขึ้นยังที่เนินอันสูง ณ บนที่ราบสูงนั้นมีแม่น้ำน้อย ๆ เป็นที่น่ารื่นรมย์ ยามที่น้ำเต็มบริบูรณ์ นทีธารนั้นจะมีส่วนลึกประมาณราวนมไหลผ่านอยู่เสมอ ในเวลาอื่น จะมีน้ำลดลงประมาณแค่แข้งและเข่า มีปลาและเต่าแหวกว่ายไปมา อยู่ดาษดื่น ที่ชายหาดมีทรายสะอาดขาวราวกับแผ่นเงิน สองฟากฝั่งมีพรรณ หมู่ไม้สะพรั่ง สล้างไปด้วยดอกแลผลนานาชนิด หมู่วิหคและภมรมากมายที่หลงใหลในดอกผลและรส ต่างพากันมาคลึงเคล้า ทั้งหมู่พิพิธมฤคามฤคีเล่า ก็เข้าเสพอาศัย ร่มเงาต้นไม้ก็เย็นสนิท
ที่ฝั่งน้ำเหมวดีนทีน่ารื่นรมย์อย่างนี้ มีกินนรสองตัวผัวเมียคลอเคลียจุมพิตซึ่งกันและกัน แล้วร้องไห้คร่ำครวญ อยู่โดยนานัปการ เมื่อพระราชาเสด็จขึ้นภูเขาคันธมาทน์ ทางฝั่งนทีนั้น ทอดพระเนตรเห็นกินนรเหล่านั้นแล้วทรงพระดำริว่า เพราะเหตุไรเล่าหนอ กินนรทั้งคู่นี้จึงมาปริเทวนาการอยู่อย่างนี้ เราจักถามดู จึงดีดพระหัตถ์ ขึงพระเนตรดูหมู่สุนัข สุนัขที่ฝึกหัดดีแล้วทั้งหลายก็พากันวิ่งเข้าซ่อนยังพุ่มไม้ หมอบราบติดดินอยู่โดยสัญญานั้น พระราชาทรงทราบว่าสุนัขเหล่านั้นแอบซ่อนแล้ว ทรงวางแล่งธนูและอาวุธอื่นพิงไว้กับต้นไม้ ไม่ทำเสียงพระบาท ให้ดัง ค่อย ๆ เสด็จไปยังสำนักกินนรเหล่านั้น แล้วตรัสถามกินนรทั้งสองว่า เพราะเหตุไร เจ้าทั้งสองจึงพากันร้องไห้.
ล่วงฤดูเหมันต์แล้ว ไยเล่าเจ้าทั้งสอง จึงมายืนกระซิบกระซาบกันอยู่เนือง ๆ ที่ริมฝั่งเหมวดีนทีนี้ เราขอถามเจ้าทั้งสองผู้มีเพศพรรณเหมือนร่างมนุษย์ ชนทั้งหลายในมนุษยโลกรู้จักเจ้าทั้งสองว่าเป็นอะไร.
กินนรได้สดับพระราชดำรัสถามแล้วก็นิ่งเสีย ฝ่ายนางกินรีจึงกราบทูล โต้ตอบพระราชาว่า
ข้าแต่ท่านพรานผู้สหาย เราทั้งสองเป็นมฤค มีเพศพรรณปรากฏเหมือนมนุษย์ เที่ยวอยู่ตามแม่น้ำเหล่านี้ คือ มาลาคิรีนที ปัณฑรกนที ติกูฏนทีซึ่งมีน้ำใสเย็นสนิท ชาวโลกรู้จักเราทั้งสองว่าเป็นกินนร.
ลำดับนั้น พระราชาได้ตรัสว่า
เจ้าทั้งสองเหมือนได้รับความทุกข์ร้อนเสียเหลือเกิน ปริเทวนาการอยู่ เจ้าทั้งสองรักกัน ได้สวมกอดกันสมความรักแล้ว ดูก่อนกินนรทั้งสองผู้มีเพศพรรณเหมือนกายมนุษย์ เราขอถามเจ้าทั้งหลาย เหตุไรเจ้าทั้งสองจึงเศร้าโศก ร้องไห้ บ่นเพ้ออยู่ในป่านี้ไม่สร่างซาเลย
ต่อจากนี้ไป เป็นคาถาแสดงการปราศรัยโต้ตอบกันระหว่างพระราชา กับนางกินรีทั้งสอง ดังต่อไปนี้
นางกินรีทูลตอบว่า
ข้าแต่ท่านนายพราน เราทั้งสองไม่อยากจะจากกัน ก็ต้องจากกัน แยกกันอยู่สิ้นราตรีหนึ่ง เมื่อมาระลึกถึงกันและกัน ก็เดือดร้อนเศร้าโศกถึงกันตลอดราตรีหนึ่งที่ล่วงไปนั้นว่า ราตรีนั้นจักไม่มีอีก.
พระราชาตรัสถามว่า
เจ้าทั้งสองคิดถึงทรัพย์ที่หายไปหรือ หรือว่าคิดถึงมารดาบิดาผู้ล่วงลับไปแล้วจึงได้เดือดร้อนอยู่สิ้นราตรีหนึ่ง เราขอถามเจ้าทั้งสองผู้มีเพศพรรณดังกายมนุษย์ เหตุไรเจ้าทั้งสองจึงต้องจากกันไป.
นางกินรีทูลว่า
ท่านเห็นนทีนี้แห่งใด มีกระแสเชี่ยว ไหลมาในระหว่างหุบผา ปกคลุมไปด้วยหมู่ไม้นานาพรรณ ในฤดูฝน กินนรสามีสุดที่รักของดิฉันได้ข้ามแม่น้ำนั้นไปด้วยสำคัญว่า ดิฉันจะติดตามมาข้างหลัง.
ส่วนดิฉันมัวเลือกเก็บดอกไม้ ร้อยเป็นพวงมาลัย ด้วยคิดว่าสามีของเราจักได้ทัดทรงดอกไม้ ส่วนเราก็จักได้สอดแซมดอกไม้ เข้าไปนอนแนบสามีที่รักนั้น.และคืนวันนี้ เราทั้งสองจะอยู่ ณ ที่ใด พวงมาลัยที่ทำไว้นี้แหละ จักเป็นเครื่องปูลาด สำหรับเราทั้งสอง ณ ที่นั้น
อนึ่ง ดิฉันมัวเลินเล่อ บดกฤษณาดำ และจันทน์แดงด้วยศิลา ด้วยคิดว่า สามีที่รักของเราจักได้ประพรมร่างกาย ส่วนเราประพรมร่างกายแล้ว จะเข้าไปนอนแนบชิดสามีที่รักนั้น.
ก็ในเวลาที่นางกินรีนั้นยืนอยู่ที่ฝั่งฟากนี้นั้นเอง เมฆฝนก็ตั้งเค้าขึ้น ฝนก็ได้ตกหนัก น้ำในแม่น้ำท่วมท้นขึ้นมา ทั้งในขณะนั้นพระอาทิตย์ก็อัสดงคตไปแล้ว สายฟ้าก็แลบแปลบปลาบ ธรรมดาว่า กินนรทั้งหลายย่อมกลัวน้ำ เพราะฉะนั้น นางกินรีนั้น จึงไม่สามารถจะข้ามไปฝั่งโน้นได้ นางก็กล่าวต่อไปว่า
ครั้งนั้น น้ำมีกระแสเชี่ยวไหลมา พัดเอาดอกไม้ที่ดิฉันเก็บมาวางไว้ไปหมดสิ้น เพียงครู่เดียวเท่านั้นน้ำก็ขึ้นเต็มฝั่ง ถึงเวลาเย็นดิฉันก็ข้ามไปไม่ได้.
คราวนั้นเราทั้งสองอยู่กันคนละฝั่งน้ำ ในเวลาฟ้าแลบ มองเห็นหน้ากัน ก็หัวเราะครั้งหนึ่ง ในเวลามืดมองไม่เห็น กันก็ร้องไห้ ในเวลาฟ้าแลบมองเห็นหน้ากันก็หัวเราะอีกครั้งหนึ่ง เราทั้งสองได้ผ่านคืนนั้นไปโดยยาก.
ข้าแต่นายพราน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เราทั้งสองข้ามแม่น้ำอันแห้งแล้วมาสวมกอดกันและกันร้องไห้อยู่คราวหนึ่ง หัวเราะอยู่คราวหนึ่ง.
ข้าแต่นายพรานผู้ภูมิบาล เมื่อครั้งก่อน เราทั้งสองได้พรากกันอยู่ราตรีหนึ่ง แล้วเมื่อได้พบกันก็ได้คร่ำครวญอาลัยหากันอยู่อย่างนี้นานถึง ๖๙๗ ปี ชีวิตความเป็นอยู่ของท่านนี้ มีกำหนดเพียงร้อยปีหนึ่งเท่านั้น เมื่อชีวิตความเป็นอยู่มีเล็กน้อยอย่างนี้ ใครเล่าเล่าหนอจะพึงอยู่โดยปราศจากภรรยาสุดที่รักได้.
พระราชาตรัสถามว่า
ดูก่อนสหาย อายุของพวกท่านมีประมาณเท่าไร ถ้าท่านทั้งสองรู้ ก็จงบอกอายุของพวกท่านแก่เรา ขอท่านทั้งหลายอย่าได้บิดพลิ้ว จงบอกอายุของพวกท่านแก่เรา ตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากวุฒบุคคล หรือจากตำรับตำรา.
นางกินรีทูลตอบว่า
ข้าแต่นายพราน อายุของเราทั้งสองประมาณ ๑,๐๐๐ ปี อนึ่ง ในระหว่างอายุนั้น โรคร้ายย่อมไม่มี มีความทุกข์น้อย มีแต่ความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เราทั้งสองยังรักกันไม่จืดจางก็ต้องมาละทิ้งชีวิตไป.
พระเจ้าภัลลาติกราช ทรงสดับถ้อยคำของนางกินรี แล้วทรงดำริว่า น่าอัศจรรย์ กินนรเหล่านี้เป็นสัตว์เดียรัจฉาน พลัดพรากจากกันชั่วราตรีเดียว ยังเที่ยวร่ำไห้ถึงกันตลอดเวลา ๗๐๐ ปี ส่วนเราเองละเลยมหาสมบัติ ในความเป็นพระราชา มีอาชญาแผ่ไปถึง ๓๐๐ โยชน์ มาอยู่ในป่า น่าอนาถ เราได้ทำกิจที่ไม่ควรทำ ดังนี้แล้ว เสด็จนิวัติจากอรัญประเทศนั้นสู่พระนครพาราณสี อันหมู่มุขอำมาตย์ทูลถามว่า ขอเดชะมหาราชเจ้า พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นอะไรเป็นสิ่งอัศจรรย์ในหิมวันตประเทศ จึงตรัสบอกเหตุ ทั้งปวงที่ทรงประสบมา แล้วทรงบำเพ็ญกุศลมีทานเป็นต้น เสวยราชสมบัติ นับแต่วาระนั้นเป็นต้นมา.
พระบรมศาสดาเมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระเจ้าภัลลาติยะ ได้ทรงสดับถ้อยคำของกินนรทั้งสองนี้แล้ว ทรงพระดำริว่า ชีวิตเป็นของน้อย จึงเสด็จกลับ ไม่เสด็จล่าเนื้อ ได้ทรงบำเพ็ญทานเสวยราชสมบัติสืบมา.
พระบรมศาสดาครั้นตรัสพระคาถานี้แล้ว เมื่อจะทรงโอวาทซ้ำอีก ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า
มหาบพิตรทั้งสอง ทรงสดับเรื่องราวของกินนรทั้งหลายมิใช่มนุษย์นี้แล้ว จงทรงเบิกบานพระทัย อย่าได้ทรงทำความทะเลาะกันเลย กรรมอันเป็นโทษของตน อย่าได้ทำให้มหาบพิตรทั้งสองต้องเดือดร้อนเหมือนกรรมอันเป็นโทษของตน ทำให้กินนรสองสามีภรรยาเดือดร้อนอยู่ราตรีหนึ่ง ฉะนั้น.
มหาบพิตรทั้งสอง ทรงสดับเรื่องราวของกินนรทั้งหลายมิใช่มนุษย์นี้แล้ว จงทรงเบิกบานพระทัย อย่าได้ทรงทำความวิวาทบาดหมางกันเลย กรรมอันเป็นโทษของตน อย่าได้ทำให้มหาบพิตรทั้งสองต้องเดือดร้อน เหมือนกรรมอันเป็นโทษของตน ทำให้กินนรสองสามีภรรยาเดือดร้อนอยู่ราตรีหนึ่ง ฉะนั้น.
พระนางมัลลิกาเทวี ทรงสดับพระธรรมเทศนาของพระตถาคตเจ้าแล้ว เสด็จลุกขึ้นจากอาสนะ ทรงประคองอัญชลี เมื่อจะทรงชมเชยพระทศพล จึงตรัสว่า
หม่อมฉันมีใจเลื่อมใส ตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาของพระองค์ ที่พระองค์ทรงแสดงประกอบไปด้วยเหตุต่าง ๆ ประกอบไปด้วยประโยชน์ พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ ดับความกระวนกระวายใจของหม่อมฉันได้ ข้าแต่พระสมณะเจ้า ผู้ทรงนำความสุขมาให้หม่อมฉัน ขอพระองค์จงทรงมีชนมชีพยืนนานเถิด.
นับแต่นั้นมา พระเจ้าโกศลราชก็ทรงอยู่ร่วมสมัครสโมสร กับ พระนางมัลลิการาชเทวี.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม ชาดกว่า กินนรในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระเจ้าโกศลราช ในบัดนี้ กินรี ได้มาเป็นพระนางมัลลิการาชเทวี ส่วนพระเจ้าภัลลาติกราช ได้มาเป็น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล.


Create Date : 26 สิงหาคม 2554
Last Update : 28 กันยายน 2554 12:15:35 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.