ตีความหนัง...ตีความชีวิต
สารบัญภาพยนตร์
จัดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2012
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(แยกตามลัทธิ)
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(ตาม ค.ศ.)
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
8 กันยายน 2554

Insomnia(2002)



บทความมาจาก https://www.a-bellamy.com/วิเคราะห์-insomnia2002/

Insomnia(2002)

จิตสำนึกแห่งความชั่วดี




ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน

Insomnia คือภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของโนแลนและเป็นเรื่องแรกที่เขาไม่ได้เขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาเอง(นับถึงปัจจุบัน) เพราะเป็นหนังรีเมค ของ Insomnia ภาพยนตร์เล็กๆสัญชาตินอร์เวย์

สันนิษฐานว่าโนแลนคงถูกใจกับตัวละครหลักที่มีความขัดแย้งภายในจิตใจ(จิตวิทยา) ซึ่งเป็นแนวถนัดของโนแลน หลังจากเขาประสบความสำเร็จกับหนังอินดี้แนวจิตวิทยา 2 เรื่องก่อนหน้า (Following 1997,Memento 2000)

และอาจกล่าวได้ว่าหลังจากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของเงิน โนแลน ก็ขึ้นชื่อเป็นผู้กำกับชั้นแนวหน้าโดยทันที เพราะหลังจากนั้น โนแลนก็ได้ทำแต่หนังใหญ่ทุนสร้าง 100 ล้านดอลล์ลาร์สหรัฐฯขึ้นไป ยกเว้นเรื่อง The Prestige (ทุนประมาน 40 ล้าน)

ความยาว 118 นาที

นับตั้งแต่ดูหนังของโนแลนมา เรื่องนี้ดูจะเป็นหนังที่เบี่ยงสไตล์ของโนแลนที่สุดแล้ว เพราะนอกจากตัวละครหลัก บทบาทของตัวละครตัวอื่นๆดูจะธรรมดาเกินไป(พอค้นข้อมูลจึงเข้าใจเพราะบทหนังนำมาจากหนังรีเมคนี่เอง) แต่สิ่งที่น่าสนใจของ Insomnia ก็คือการต่อสู้ทางจิตใจของตัวละครหลัก ยิ่งได้ Al pacino มาเล่นบทนักสืบ วิล ดอว์เมอร์ด้วยแล้วจึงยิ่งน่าสนใจเป็นทวีคูณ

โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อนักสืบ ดอว์เมอร์ ได้ถูกส่งไปทำหน้าที่แกะรอยฆาตกรที่ฆ่าหญิงสาววัยรุ่นกับนักสืบแฮ๊ปคู่หูของเขาในเมืองอลาสก้า ซึ่งเป็นเมืองแห่งพระทิตย์เที่ยงคืน ทำให้นักสืบดอว์เมอร์ นอนไม่หลับตลอดภารกิจ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่อง Insomnia คือโรคนอนไม่หลับนั่นเอง

เนื่องจากมุมมองของหนัง(point of view) จะเน้นไปที่นักสืบดอว์เมอร์เป็นสำคัญ บทความนี้จึงจะวิเคราะห์ทางด้านความคิด จิตใจและการกระทำ ของตัวนักสืบดอว์เมอร์เอง ซึ่งคือตัวละครสำคัญที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้

หลังจากบรรทัดนี้ไปจะมีการเปิดเผยสาระสำคัญของหนังเพื่อให้การวิเคราะห์เป็นไปอย่างละเอียดลึกซึ้ง ดังนั้นจะเป็นการดีสำหรับคนที่ชมภาพยนตร์แล้ว สำหรับผู้ชมที่ยังไม่ได้ชม การอ่านบทความชิ้นนี้ก็อาจจะเป็นแนวทางในการชมของหนังได้ เพราะประเด็นความซับซ้อนทางจิต รวมทั้งคุณธรรมในการเป็นตำรวจที่ดีหรือไม่ของนักสืบดอร์เมอร์นั้นอยู่ที่การตัดสินใจของผู้ชมในการให้คำตอบทั้งหมด

นักสืบ วิล ดอร์เมอร์(Al pacio)


นักสืบวิล ดอร์เมอร์ ถูกส่งมาไขคดีฆาตกรรมหญิงสาววัย 17 ปีกับคู่หูของเขา การทำงานของดอร์เมอร์เองเป็นไปอย่างก้าวหน้า อาจะเพราะจากประสบการณ์การทำงานและความสามารถของเขา ซึ่งก็คงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า วิล ดอร์เมอร์คือตำรวจที่เก่งมาก จากการประณีตในการสืบเสาะหาหลักฐานเล็กๆน้อยๆ ทำให้เป็นขวัญใจนักหญิงสืบท้องถิ่นอย่าง เอลลี่ เบอร์(Hilary Swank)ทันที

แต่สิ่งที่มันตะขิดตะขวงใจ ดอร์เมอร์ก็คือ เขาและคู่หู ถูกตรวจสอบจากกองกิจการภายในของเมืองแอลเอ(เมืองที่ส่งเขามา)ในบางเรื่องที่ไปเฉลยในตอนท้ายๆของหนัง รู้แต่เพียงว่า แฮ็ป คู่หู ของเขาพร้อมจะยอมรับ และนั่นจะทำให้คนร้ายที่ดอร์เมอร์เคยจับจะหลุดรอดเป็นอิสระ รวมทั้งคดีความต่างๆ ของวิล ต้องถูกสอบสวนใหม่ทั้งหมด

จะเห็นได้ว่า วิล ดอร์เมอร์ ค่อนข้างจะเป็นเดือดเป็นร้อนในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่วิล ทำมาทั้งหมดในชีวิตการเป็นตำรวจจะไม่เหลือค่าอะไร และอาจถึงขั้นโดนไล่ออก ดังนั้นวิล จะหัวแข็งในเรื่องนี้และจะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด เพราะวิล คงยอมไม่ได้หากคนร้ายที่มีความผิดจริงกลับต้องมาลอยนวล แตกต่างจาก แฮ็ป คู่หู ที่ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร ขอให้เขาเอาตัวรอดไม่ตกเป็นบ่วงแหก็พอ ซึ่งก็คือความเห็นแก่ตัวนั่นเอง

แต่แล้วเหตุการณ์ที่เป็นจุดขัดแย้งก็ได้ดำเนินขึ้น หลังนักสืบดอร์เมอร์ ได้เจอเบาะแสคนร้ายใกล้กระท่อมริมน้ำ จึงจัดกำลังตำรวจไปดักรอ แต่ด้วยความเลินเล่อของตำรวจท้องถิ่นทำให้คนร้ายไหวตัวทัน นักสืบดอว์เมอร์กับพรรคพวกจึงต้องวิ่งไล่ตาม จนตำรวจรายหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บ แต่ดอร์เมอร์ยังคงวิ่งไล่ตามคนร้ายไปในสภาพหมอกลงจัด

ระหว่างมองหาคนร้ายอยู่นั้น ดอร์เมอร์ก็พบและใช้ปืนสำรองยิงไปในทันที แต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าคนที่ถูกยิงกลับเป็น แฮ็ป คู่หูของเขา และคู่หูของเขาก่อนตายก็ได้บอกเขาว่า ดอร์เมอร์ตั้งใจที่จะยิงเขา นั่นทำให้ดอร์เมอร์ชักไม่แน่ใจว่าเขาเจตนายิงคู่หูของเขาหรือเปล่า ด้วยความไม่แน่ใจ ดอร์เมอร์บอกตำรวจรายอื่นที่มาพบศพว่า คนร้ายเป็นคนยิง

เหตุการณ์นี้ผู้ชมคงเห็นได้ชัดว่ามันคืออุบัติเหตุอย่างแน่นอน จากสภาพอากาศที่หมอกลงจัดจึงไม่เห็นว่าใครอยู่เบื้องหน้า แต่ทำไมดอร์เมอร์ ถึงยังไม่แน่ใจ หรือกลัวว่าถ้าบอกไปว่าเป็นอุบัติเหตุ ทางฝ่ายกองกิจการภายในจะไม่คิดไปเช่นนั้น เพราะทางนั้นก็รู้อยู่ว่า แฮ็ป กำลังจะบอกเรื่องราวบางอย่าง ที่ดอร์เมอร์ต้องการปิดบัง นั่นทำให้สภาพจิตใจดอร์เมอร์ย่ำแย่สุดๆ

ดอร์เมอร์นอนไม่หลับเพราะแสงจากพระอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาดอร์เมอร์คงเข้าใจว่าเพราะแสงจึงนอนไม่หลับ แต่ โนแลน ได้ใช้ภาพตัดเข้ามาถึงความคิดของ ดอร์เมอร์(ซึ่งเป็นสไตล์ของโนแลนในการให้เห็นภาพความคิดแวบๆของตัวละคร)ซึ่งเป็น ภาพเลือด ภาพคู่หู นั่นพอจะทำให้ผู้ชมรู้ได้ว่า ที่ดอร์เมอร์นอนไม่หลับเพราะจิตใจยังพะวงกับเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ แต่เหมือนดอร์เมอร์ยังไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่

และด้วยจากการที่คนร้ายได้ทิ้งปืนไว้ในที่เกิดเหตุ บวกกับการที่ดอร์เมอร์ต้องการโยนความผิดให้คนร้าย จึงได้เปลี่ยนสลับหลักฐานโดยการเอากระสุนของคนร้ายใส่เข้าไปแทนกระสุนของตนเอง เพื่อเป็นการมัดตัวคนร้ายอย่างง่ายดาย การที่จะเอากระสุนจากปืนคนร้ายออกมาได้ก็ต้องลั่นไก ใส่บางสิ่ง

ซึ่งหนังสื่อสารได้อย่างดีอย่างยิ่งในฉากนี้ โดยการที่ดอร์เมอร์ได้ไปพบซากหมาตายที่ซอกตึก ดอร์เมอร์จึงเอาปืนคนร้ายลั่นไกใส่หมาตัวนั้น และแหวกเอากระสุนออกมา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีในการจนมุมทางจิตใจของดอร์เมอร์ ซึ่งเป็นภาวะที่แทบจะเรียกว่าความมีคุณธรรมหรือความดีของดอร์เมอร์แทบจะไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว



ทั้งนี้ก็ยังได้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในจิตใจของดอร์เมอร์อีกครั้งหนึ่ง ในฉากที่นักสืบหญิง เอลลี่ เบอร์ ได้เขียนรายงานการตายของนักสืบแฮ็ป ว่าคนร้ายเป็นผู้ยิง และขอให้นักสืบดอร์เมอร์เซ็นชื่อ แต่ดอร์เมอร์กลับลังเลและเลือกจะไม่เซ็นชื่อทั้งๆที่ในใจต้องการโยนความผิดให้ผู้ร้ายก็ตาม นั้นทำให้ผู้ชมเกิดความสงสัยในภาวะจิตใจลึกๆของดอร์เมอร์

ซึ่งเป็นสิ่งที่โนแลนถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี และอาจจะทำให้ผู้ชมสงสัยว่านักสืบดอร์เมอร์แท้จริงแล้วเป็นคนดีหรือเลวกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามจากการกระทำของดอว์เมอร์ในห้องพักโดยการโยนตราเจ้าหน้าที่ตำรวจทิ้งไป ก็พอจะอธิบายได้ว่าความรู้สึกของดอร์เมอร์ไม่หลงเหลือถึงความเป็นตำรวจ(คุณธรรมความดี)ในจิตใจอีกแล้ว

ซึ่งเหตุการ์ณต่อมาคือการที่คนร้าย(Robin William) ได้โทรศัพท์หา ดอว์เมอร์ เพราะคนร้ายเห็นเหตุการณ์ในวันที่ดอว์เมอร์ ยิงคู่หู ทำให้เป็นโอกาสดีของคนร้ายที่จะใช้เป็นข้อต่อรองในการโยนแพะให้กับแฟนผู้ตายที่ชอบทำร้ายร่างกายเธอแทน

ซึ่งจากการประชันกันระหว่าง Al pacino กับ Robin William เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะทั้งคู่ถือเป็นดาราดังระดับฮอลลีวู้ด แต่ผู้เขียนจะละเลยในส่วนนี้ไป จะวิเคราะห์ในส่วนที่ประเด็นจิตใจของนักสืบดอว์เมอร์เท่านั้น

ซึ่งจะพบว่าการต่อรองของคนร้ายในการโยนแพะให้กับแรนดี้(แฟนผู้ตาย) มันยิ่งทำให้ดอว์เมอร์รู้สึกจิตตกมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะดอว์เมอร์เองคงอาจคิดว่า ตัวเองคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวง เรื่องราวของกองกิจการภายในกำลังส่งผลต่องานในอลาสก้า ทั้งๆที่คนร้ายมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ไม่สามารถที่จะจับได้ ปล่อยให้ลอยนวลไป

ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือการที่คนร้ายเล่าเหตุการณ์การฆาตกรรมหญิงสาวอย่างเลือดเย็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมยังพร้อมใจให้โยนแพะไปให้แรนดี้แฟนของผู้ตายเสียอีก ณ เวลานี้สิ่งที่ดอว์เมอร์ ปกป้องจากการปกปิดความลับเพื่อความยุติธรรมกำลังเป็นผลส่งต่อเนื่องถึงสิ่งที่ไม่ยุติธรรมในอนาคตเสียแล้ว




ร่างกายของ ดอว์เมอร์ ยากจะทนทานไหวต่อการไม่ได้หลับตลอดระยะเวลาปฎิบัติภารกิจ เขาเฝ้าคิดว่าการนอนไม่หลับของเขาเพียงเพราะแสงพระอาทิตย์เที่ยงคืน จึงพยายามนำสก็อตเทปไปปิดตามบริเวณที่แสงลอดผ่าน

จนกระทั่งผู้คุมโรงแรมได้เข้ามาตักเตือนดอว์เมอร์ในการทำเสียงดังโครมคราม แต่ดอว์เมอร์แก้ตัวไปว่าแสงมันสว่างเกินไปนอนไม่หลับ แต่ทันทีที่ผู้คุมโรงแรมกล่าวว่า ห้องนี้มันมืดจะตาย อีกทั้งยังเปิดไฟทำให้ห้องสว่างจ้าแสบตาขึ้นมา นั่นทำให้ดอว์เมอร์เข้าใจว่าสิ่งใดคือสิ่งรบกวนภายในจิตใจเขาตลอดมา

ฉากนี้ ดอว์เมอร์ยังได้ระบายบางสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขาออกมา นั้นคือหตุการณ์ที่นำพาให้เขาถูกตรวจสอบจากกองกิจการภายใน และถามความคิดเห็นจากผู้คุมโรงแรม จนเธอกล่าวว่า “มันขึ้นอยู่ที่ว่าตอนนั้นคุณคิดว่าอะไรคือสิ่งถูกต้อง แล้วคุณจะอยู่กับสิ่งที่ทำมันได้หรือเปล่า”

เมื่อดอว์เมอร์ได้ฟังดังนั้น จิตวิญญาณที่แตกกระจายของดอว์เมอร์ก็ถูกประสานกลับมาเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือความดีและยุติธรรม ตราตำรวจที่ถูกโยนทิ้งถูกเก็บมาอีกครั้ง ด้วยความมาดมั่นใจในการเป็นตำรวจที่ดี เป้าหมายของเขาคือการลากคอคนร้ายมาเข้าคุกสถานเดียวให้จงได้ โดยไม่สนถึงเรื่องอื่นที่มันเคยรบกวนจิตใจ

ดอว์เมอร์พบว่า นักสืบ เอลลี่ เบอร์ ถูกล่อลวงไปหาคนร้ายที่กระท่อมซะแล้ว เขาจึงรีบไปช่วยและเกิดการยิงต่อสู้ ดอว์เมอร์ จนสุดท้ายดอว์เมอร์ ยิงใส่คนร้ายจนตาย โดยตัวเขาเองก็โดนยิงเช่นกัน แล้วนักสืบหญิง เอลลี่ เบอร์ ก็ได้พยายามโยนปลอกกระสุนทิ้งเพื่อการลบล้างความผิดของดอว์เมอร์ที่ยิงคู่หูของเขา แต่ดอว์เมอร์บอกว่าอย่าทำ และเขาก็ขอหลับไป(ตาย)ตลอดกาล

จะเห็นชัดว่าในฉากตอนจบเรื่อง ที่ดอว์เมอร์ได้ฆ่าคนร้ายลงแล้ว แม้นักสืบเอลลี่ เบอร์ จะเข้าใจว่า นักสืบดอว์เมอร์ไม่ได้ตั้งใจยิงคู่หู โดยเขาจะช่วยลบล้างความผิดโดยการทิ้งปลอกกระสุนที่เธอไปเจอในที่เกิดเหตุ แต่ดอว์เมอร์ไม่ต้องการให้ทำเช่นนั้น เพราะกลัวว่าในอนาคต เอลลี่ เบอร์ จะหลงผิดในการกระทำที่คิดว่าเล็กๆน้อยๆ อย่างที่เกิดขึ้นเหมือนนักสืบดอว์เมอร์เอง

สุดท้ายแล้วนักสืบดอว์เมอร์ก็สามารถหลับลงได้เสียที จากการต้องต่อสู้กับความคิดด้านจิตใจของตัวเองมานานแสนนาน แม้การหลับลงในครั้งนี้จะไม่สามารถฟื้นได้อีกก็ตาม แต่นักสืบดอว์เมอร์คงสมหวังเป็นอย่างดี

บางทีเส้นกั้นแห่งความดีและเลว มันอยู่ใกล้กันอย่างไม่น่าเชื่อ ความคิดใต้จิตสำนึกที่ดี แต่ผลการกระทำก็อาจไปในทางที่ไม่ดีก็เป็นได้ คงเป็นหน้าที่ของผู้ชมแล้วว่าจะตีความในเรื่องของความดีและเลวไปในทิศทางใด แต่อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เข้ามาสำรวจจิตใจตัวเองลึกๆว่า แท้จริงแล้วคุณค่าแห่งความดีและเลวมันอยู่ตรงไหนกันในจิตใจมนุษย์เรา

คะแนน 7.25/10
เกรด B






Create Date : 08 กันยายน 2554
Last Update : 8 พฤษภาคม 2561 0:17:55 น. 2 comments
Counter : 2144 Pageviews.  

 
สุดยอดไปเลยค่ะ ชอบอ่ะ


โดย: นินะนิ IP: 115.67.12.88 วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:15:03:41 น.  

 
เจ๋งว่ะ


โดย: midfielcl IP: 125.24.95.104 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:0:22:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

A-Bellamy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ย้ายบล็อกแล้วนะครับ ติดตามกันต่อได้ที่ http://www.A-Bellamy.com ครับ

พูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่Facebook

สนุกกับการอ่านบล็อกนะครับ


บทความล่าสุด
Jack the Giant Slayer (2013)
The Tree of Life(2011)
Iron Man (2013)
ลัทธิ Constructivism
คู่กรรม(2013)
Stoker(2013)
Amour(2012)
Silver Linings Playbook(2012)
Zero Dark Thirty(2012)
Les Misérables(2012)


บทความแนะนำ
จัดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2012
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(แยกตามลัทธิ)
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(ตาม ค.ศ.)
สารบัญภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

[Add A-Bellamy's blog to your web]