- ถึงวันนัด TVS เบบี๋ตัวน้อย ก่อนมาเราก็ได้ดูคลิปใน YT ที่บรรดาคุณแม่โพสต์ในช่วง Weeks นี้จะเห็นหัวใจดวงน้อยๆกระพริบๆ
- เราไปถึงคลีนิคคิวแรก วันนี้คุณหมอมาช้ากว่าทุกครั้ง ทำให้เรานั่งรอคุณหมอไป...หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนรอฟังผลสอบ ตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด
- และก็ได้เวลาเข้าไป TVS เบบี๋ คุณหมอเริ่มอัลตร้าซาวด์เราก็ดูจอไปพร้อมคุณหมอ คุณหมอวนดูอยู่นาน และสีหน้าคุณหมอเริ่มไม่ค่อยดี คุณหมอก็เริ่มอธิบายว่าตรงส่วนไหนคือ รก / น้ำคร่ำ / ขนาดเด็ก 8.1 mm / ถุงไข่แดง แต่ที่เราและคุณหมอไม่เห็น คือ หัวใจกระพริบ
- เราไม่ได้เตรียมรับมือกับเรื่องนี้ เราคิดแต่เรื่องดีๆตลอด และก่อนหน้าก็ไม่มีสัญญาณแปลกๆให้เราสังหรณ์ใจ คุณหมอแจ้งกับเราว่า ในช่วงอายุครรภ์เท่านี้ควรจะต้องเห็นหัวใจกระพริบแล้ว แต่ของเราไม่มีเลย ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณไม่ดี คาดว่าเด็กน่าจะเพิ่งเริ่มหยุดการเติบโตไปไม่กี่วัน คุณหมอคอยพูดให้กำลังใจดี แต่เราและสามีก็ยังช็อค
- คุณหมอ นัดเรา TVS เด็ก อีก 3 สัปดาห์ เพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้ง
- แม้เด็กจะเริ่มหยุดการเติบโต อาการแพ้ท้องยังคงมาอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากยังมีรกของเดก็อยู่ในท้องเรา จึงทำให้แพ้ท้องได้อยู่เหมือนคนท้องปกติ
- คุณหมอแนะนำให้ร่างกายเรา ขับเด็กออกมาเองตามการคัดกรองโดยธรรมชาติ เพราะ ถ้าเด็กมีความผิดปกติ เด็กคนนั้นจะไม่สามารถไปต่อได้ตลอดรอดฝั่งจนวันคลอด เนื่องจากธรรมชาติ จะเป็นผู้คัดกรองเอง TT
- จริงๆเราอยากรีบให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว ถ้าเบบี๋เค้าไม่อยู่กับเราแล้ว...เราได้ลองปรึกษาเรื่องขูดมดลูก แต่คุณหมอเราไม่แนะนำให้ขูด เพราะ จะทำให้มดลูกเกิดการบาดเจ็บ มีโอกาสติดเชื้อ และจะทำให้มีลูกยากในอนาคต สุดท้ายก็ต้องรอให้ร่างกายขับออกมาเอง ซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ในกรณีที่ตั้งครรภ์ผิดปกติ และจำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์
มีวิธีการยุติการตั้งครรภ์ทำให้แท้งออกมาได้หลายวิธี ไม่ได้มีแต่เฉพาะการขูดมดลูกอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีวิธีอื่นอีกไม่ว่าจะเป็น
#วิธีที่ 1 : เราอาจจะใช้วิธีการรอให้ร่างกายแท้งออกมาเอง
เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าถ้าตัวอ่อนผิดปกติ ธรรมชาติจะไม่ให้ไปต่อ ร่างกายจะเริ่มจัดการตัวเองโดยมดลูกจะมีการบีบตัวเพื่อขับออกมาในที่สุด แต่ข้อเสียก็คือเราไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าเมื่อไหร่จะเกิดอาการแท้งเสียที โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลา 2-6 สัปดาห์กว่าที่ร่างกายจะจัดการตัวเองและทำให้แท้งออกมา
#วิธีที่ 2 : เราสามารถกินยาหรือ เหน็บยาทางช่องคลอด
เพื่อช่วยกระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัวทำให้มีอาการแท้งออกมาได้เองเร็วขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ธรรมชาติจัดการตัวเองเพียงอย่างเดียว ทำให้เราสามารถควบคุมคาดการณ์ได้ว่าจะแท้งออกมาได้เมื่อไหร่
⏩และถ้าหากหลังแท้งแล้วพบว่าแท้งออกมาได้หมดก็ถือว่าจบ ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
⏩แต่ถ้าไม่หมดค่อยพิจารณาขูดหรือดูดมดลูกทีหลัง
#วิธีที่ 3 : การขูดหรือดูดมดลูกเลยตั้งแต่แรก ทั้งๆที่ยังไม่มีอาการเลือดออกมาก่อน
โดยส่วนตัวแล้วแนะนำว่า ‼️ #ควรหลีกเลี่ยงการขูดมดลูกเป็นวิธีแรก เพราะการขูดมดลูกตั้งแต่แรกนั้น ถุงการตั้งครรภ์และรกยังเกาะติดแน่นในโพรงมดลูก และยังมีชิ้นเนื้อที่ต้องกำจัดออกเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลานานกว่าที่จะขูดหรือดูดเอาถุงการตั้งครรภ์และรกออกมาได้หมด มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บต่อโพรงมดลูกได้มากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดพังผืดในโพรงมดลูกได้ ส่งผลให้มีปัญหามีลูกยากตามมาได้ในอนาคต ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทำแท้งด้วยการขูดมดลูกมาเป็นวิธีแรก
(cr.Dr.เช้าตรู่)
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 และ 9 ของการตั้งครรภ์
- เมื่อเริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 และ 9 เราเริ่มมีอากาารแพ้ท้องอย่างหนักมาก กินอะไรเข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ต้องอาเจียนออกมา กินน้ำก็อาเจียน กินไม่ค่อยลง
- เราเริ่มน้ำหนักลดลงทุกสัปดาห์ นน.เราหายไป 4 โล จากอาการแพ้ท้องที่ยังคงมีอยู่
- ตั้งแต่พอเรารู้ว่า เบบี๋ จะไม่อยู่กับเราแล้ว เรากลายเป็นคนหดหู่ เศร้า ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีพลังที่จะสู้กับอาการแพ้ท้องอีกเลย
- เราแพ้ท้องหนักมากจนร่างกายเราเกิดภาวะขาดน้ำ อาเจียนบ่อยจนปวดหัวหนักมาก ทรมานจนทนไม่ไหว สรุปได้แอดมิดนอนโรงพยาบาลไป 1 คืน ได้ทั้งน้ำเกลือ ยาแก้แพ้ วิตามินที่ช่วยให้มีความอยากอาหาร จนร่างกายเรากลับมาดีขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ยาแก้แพ้มาช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน
- เรียกได้ว่าเป็น 3 สัปดาห์ที่เลวร้าย และเรายังต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ เราอยากให้มันจบไวๆแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เราเริ่มทำใจได้บ้าง บวกกับคุณสามี ป๊า ม้า และครอบครัวที่คอยให้กำลังใจสู้ต่อไป