นั่นนำมาสู่ผลงานรักที่ดังไปทั้งโลกเรื่อง Four Weddings and a Funeral (กำกับโดย Mike Newell) ที่แจ้งเกิด Curtis ในฐานะนักเขียนบทหนังรักมือทอง ต้นทุนแค่ไม่กี่ล้าน แต่กระหน่ำทำรายได้ไป 244 ล้านเหรียญจากทั่วโลก ทำสถิติหนังจากเกาะอังกฤษที่โกยเงินสูงสุด ตามด้วยการเข้าชิงออสการ์และลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์และบทยอดเยี่ยม และส่งให้ Hugh Grant กลายเป็นพระเอกในฝันของสาวๆ นับแต่นั้น
จุดที่ทำให้ Four Weddings and a Funeral ได้รับความนิยมก็ด้วยความเฉียบของหนัง ตั้งแต่บทพูดที่ทั้งฮาและ แทรกจิตวิทยาลงไปอย่างพอเหมาะ ตามด้วยตัวละครที่แม้จะเยอะแต่ก็แบ่งความเด่นกันแบบทั่วถึง นอกจากนี้แต่ละคนยังแสดงได้น่ารัก บรรยากาศในเรื่องก็สวยงามตามสไตล์หนังอังกฤษ และที่ลืมไม่ได้คือการวิจารณ์ความรักของชาร์ลส (Grant) พระเอกในเรื่องที่เป็นหนุ่มอังกฤษซึ่งบางครั้งก็เก็บงำความรู้สึกเกินไปหรือไม่ก็เอาแต่วาดฝัน ราวกับ Curtis พยายามจะบอกหนุ่มอังกฤษร่วมชาติว่า ความรักที่เอาแต่เหนียมอายไร้การแสดงออก ซ้ำยังติดอยู่กับการวาดหวังนั้นมันจะนำมาซึ่งความสมหวังได้อย่างไร!
Four Weddings and a Funeral ยังมีประเด็นปลีกย่อยเกี่ยวข้องกับความรักอีกเพียบ ทำให้ผู้ชมพากันประทับใจ ส่วน Curtis นั้นก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง หาพล็อตดีๆ สำหรับหนังรักลำดับต่อไป ซึ่งเขาได้ไอเดียในคืนหนึ่ง ว่ามันจะเป็นอย่างไร หากชายหนุ่มที่แสนจะธรรมดาคนหนึ่งได้เดินเที่ยวกับดาราดังที่รู้จักไปทั่วโลก ท่านคงรู้แล้วใช่ไหมครับว่ามันคือหนังเรื่องอะไร
สมัยก่อนผมเคยคิดนะครับว่า มันจะเป็นยังไงถ้าผมได้ไปดินเนอร์ที่บ้านเพื่อนพร้อมกับพาดาราดังแห่งยุคไปด้วย อาจจะเป็นมาดอนน่าหรือใครก็ตาม เพื่อนผมจะมีปฏิกิริยายังไง การดินเนอร์ครั้งนั้นจะออกมาแบบไหน และพอกินกันเสร็จแล้วพวกเขาจะพูดถึงผมกันอย่างไร Curtis เล่าถึงไอเดียที่ก่อให้เกิด Notting Hill
ไม่ใช่เรื่องแปลกครับที่งานนี้จะทำเงินกระหน่ำหนักกว่าเก่า พร้อมด้วยคำชมอีกหลายกระบุง เพราะเนื้อหามันผสมเอาหนังรักโรแมนติกเข้ากับเรื่องราวแบบเทพนิยายสไตล์ซินเดอเรลล่า ที่คราวนี้สลับให้ชายธรรมดาได้เจอเจ้าหญิงแทน มันเป็นเหมือนความฝันของผู้ชายทุกคนที่จะได้พบรักกับดาราสาวชื่อก้องโลก ส่วนผู้หญิงก็อยากเข้าไปสัมผัสเรื่องราวแบบนี้ไม่แพ้กัน ผลก็คือมีคนควักกระเป๋าจ่ายเงินให้หนังเรื่องนี้ รวมแล้ว 363 ล้านเหรียญจากทั่วโลก ทุบสถิติ Four Weddings and a Funeral กลายเป็นหนังอังกฤษที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลทันที
แต่คุณเชื่อไหมครับว่า Curtis เคยบ่นร่ำๆ ว่าไม่ค่อยพอใจกับงานชิ้นนี้ จนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ทราบไหมว่าวาระที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม คือตอนนั่งดู Notting Hill แล้วรู้สึกว่า นี่มัน Four Weddings and a Funeral นี่หน่า!
ผลงานการันตี: กำกับ The Parent Trap (1998), What Women Want (2000), Something's Gotta Give (2003) และ The Holiday (2006) (และเขียนบททุกเรื่อง ยกเว้น What Women Want)
คอหนังทั้งหลายอาจเพิ่งมารู้จักเธอตอนทำ What Women Want แต่ผมติดตามผลงานของเธอมาตั้งแต่สมัยยังทำงานร่วมกับอดีตสามี Charles Shyer เจ้าของผลงานที่ผมชอบตลอดกาลอย่าง Father of the Bride ทั้งสองพบรักกันในวงการหลังกล้อง เมื่อ Shyer เขียนบทหนังมาสักเรื่อง Meyer ก็จะช่วยเกลาให้ และบทหนังเรื่องแรกที่ทั้งคู่ทำร่วมกันคือ Private Benjamin (1980) ที่ส่งให้ Goldie Hawn เข้าชิงออสการ์ พร้อมทั้งบทหนังที่ทั้งคู่ช่วยกันเขียนก็เข้าชิงออสการ์ไปอีกหนึ่งรางวัล และทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกันในปีนั้นเอง
ทั้ง Shyer และ Meyers ได้ร่วมกันทำหนังออกมาอีกหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็สนุกสนาน แฝงประเด็นความรักในครอบครัวลงไปอย่างน่าปรบมือ เรื่องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดหนีไม่พ้น Father of the Bride ที่ได้ทั้งเงินและได้คำชม ทำให้ชื่อของ Shyer เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็มีคำพูดวงในกล่าวว่าความสำเร็จแท้ๆ ของหนังทั้งหลายที่ Shyer กำกับมาจากแรงผลักดันของ Meyers ผู้เป็นภรรยาเป็นสำคัญ โดยเฉพาะบทภาพยนตร์ที่ผู้รู้ต่างบอกว่าเธอเป็นคนเติมทั้งอารมณ์ขัน, ความอบอุ่นและมิติตัวละครลงไป ซึ่งตอนนั้นคนส่วนใหญ่ยังไม่ปักใจเชื่อนัก