้้ ๛IV-Believe In Yourself-IX๛

ประสบการณ์ทำงานเดิน-วิ่ง

หลังจากที่เสร็จจาการรับสมัครลงทะเบียนผู้เข้าร่วมเดินวิ่งการกุศล ที่ผมกับเพื่อนๆพี่ๆกรรมการกองพันนักศึกษาวิชาทหารไปช่วยงานกัน เราก็ตกลงว่าจะไปนอนกันที่โรงเรียน เพราะพรุ่งนี้ต้องมาอีกครั้งตอนตีสี่ เื่พื่อคอยรับลงทะเบียน และช่วยงานต่ออีกวัน แต่แน่นอนว่าผู้ชายไปนอนรวมกัน 11 คน มีคอม และไม่มีคนคุม มีหรือที่จะได้นอน ^^ ทันทีที่หาบอลมาได้ เราก็ลงสนามกันตอนเกือบ ๆ 4 ทุ่มแล้ว จะมีซักกี่คนกันที่ได้เล่นบอลตอนดึกๆ ที่โรงเรียน มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ๆ กับการที่ได้มีส่วนร่วมในการทำงาน แล้วได้มาพักผ่อนสนุกสนานร่วมกัน...
หลังจากที่ฟาดแข้งรอกุญแจห้องกันจนถึง 5 ทุ่ม ป้าโสมก็ไปเปิดห้องบริการให้พวกเราไปนอนกัน แล้วก็แบ่งคนออกไปซื้อของกินกะสบู่ พร้อมกับเช่าหนังและเพลย์ 2 มาเล่นวินนิ่ง

แต่ค่อนข้างจะน่าผิดหวังไม่น้อยที่ไม่สามารถเช่าเครื่องเพลย์ 2 มาได้ (อดเล่นวินนิ่งเลย) หนังที่เช่ามาก็น่าเบื่อ ๆ โคด ๆ ผมก็เลยกะว่าจะไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว แต่นอนยังไงก็ไม่หลับ

ผมเลยชวนผบ.ปัง ไปเดินเล่นกัน แล้วก็ไปนั่งกลางสนามฟุตซอล จนตีสี่ครึ่ง ก็ไปปลุกเพื่อน ๆ และไปทำงานต่อ...

งานนี้ก็เป็นง่าย ๆ แต่น่าเบื่อมาก ๆ แค่คอยรับใบสมัครแล้วแจกหมายเลขวิ่งให้กับผู้เข้าแข่งขัน งานนี้เป็นงานวิ่งที่มีคนน้อยที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็น อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ทำให้ไม่ค่อยจะมีคนต่างจังหวัดเข้ามา

สำหรับผู้ที่เข้าเส้นชัย ในรุ่นมินิมาราธอน จะได้รับองค์จตุคามไปบูชา (เอามาล่อ ว่างั้นเหอะ) แล้วยังมีรุ่น VIP ที่เสียค่าสมัครไปตั้ง 1000 ได้จตุคามมาสามองค์ สำหรับในมุมมองของผม งานนี้ค่อนข้างจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของจำนวนคน เพราะมีน้อยกว่าที่คาดการไว้มาก

จะเห็นได้ว่าเรื่องของการโฆษณาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการจัดกิจกรรมอะไรซักอย่าง ไม่งั้นคนอื่นเขาก็คงไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

และอีกเรื่องคือ กระแสของจตุคามคงจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เพราะคนแห่มากันน้อย อีกไม่นานจตุคามก็คงกลายเป็นเพียงอดีต และจะได้เห็นกันว่าจะมีซักกี่คนที่บูชาด้วยจิตศรัทธาจริง ๆ
แล้วในอีกไม่นาน วัตถุทางจิตใจอย่างอื่นก็คงจะขึ้นมาแทน

การยึดถือในวัตถุนิยม คงเป็นเพราะ คนไทยเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่อาจจะดีขึ้นได้อีก จึงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อถือตามแต่แรงศรัทธาของแต่ละคน ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้

และงานนี้ยังช่วยปลุกกระตุ้นให้ผมกระตือรือร้นที่จะทำงานให้กองพันอีกครั้ง จากที่ผมรู้สึกเหนื่อยมานาน...

.......แรงบันดาลใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาไ้ด้ง่าย ๆ ถ้าทีแล้ว จงจดจำมันไว้ให้ดี......





 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2550 1:04:43 น.
Counter : 938 Pageviews.  

คะแนนสอบ ll บทเรียนราคาแพงที่ต้องยอมรับ

หลังจากมิดเทอมไป พร้อมกับความโล่งใจเพียงไม่นาน ความสุขผ่านไป ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ที่โรงเรียนหยุดให้
( ม.6 สอบวันจันทร์เพิ่มมา)
ความทุกข์ใหม่ก็เข้ามาแทนการสอบในสัปดาห์ก่อนที่จบไปแล้ว

จริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ผมควรจะต้องยอมรับมัน ในเมื่อทั้งหมดที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ผมเลือกที่จะทำทั้งสิ้น ผมอ้างไม่ได้ว่า การไปทำงานที่สุราษฎ์ก่อนสอบทั้งสัปดาห์ ทำให้ทำข้อสอบได้ไม่ดี ในเมื่อเพื่อนหมด ได้คะแนนดีกว่าผมในหลายๆ วิชา ทั้งที่ไปด้วยกัน

เคมีเป็นวิชาแรกที่ผมทราบคะแนน 14.5 จาก 20 แต้ม อ.ปัดให้เป็น 15 ก็ดูโอเคนะ แต่คะแนนเพื่อนๆที่ตามมา (ผมเลื่อนจากเลขที่ 2 เป็นหนึ่ง เนื่องจากเลขที่ 1 ไปซิ่วเตรียม)
แต่ละคนผ่าน 80% ทั้งนั้นเลย


นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเ่ท่านั้น
- เลขหลักตามมาชวนให้อบอุ่นใจเล็กน้อยด้วยคะแนน 17/20 แต่ขอโทษครับ เพื่อนๆ 19-20/20 -*-
- แล้วเลขเสริมตามมาหลอกหลอนด้วย 13/20 จริงๆผมควรจะได้ 14 นะ ถ้า 8 ของผม ไม่เป็น 2 ยกกำลัง 4 ซะ -*-
- ฟิสิกส์ หลังจากที่รู้ตัวว่าผิดโง่ๆเยอะมาก 14/20
- อังกิดเสริม ทำไมยากกว่าปีก่อนฟะ 12.5/20
- ดาราสาด นี่ถ้าได้อ่านคู่มือไอเอ๋มัน น่าจะได้มากกว่านี้ มีอย่างที่ไหน มีหน้าึนึงจาก 7ข้อ มันออก 5 -*- เก็บได้ 45/60

ทั้งหมดนี้ยังพอจะรับได้ แต่เมื่อวานกะวันนี้นี่น่ะสิ
- ชีวะ ผมว่าผมทำได้นา ถึงจะตกรูปภาพไปบางส่วน หลังจากที่อ.สาธยายซะยืดยาว ถึงแนวทางการวัดผลและประเมินผลของแก อ.บอกว่าถ้าวัดผลอย่างเดียวแบบที่อ.ท่านอื่นๆทำกัน จะมีแต่คนได้ 9 ไม่มีใครได้ 10 เต็ม ผลที่ออกมาสำหรับผม
6 -*- เต็ม 10 ตามด้วยโจ้ 5 เต็ม 10 เล่นเอาเพื่อนคนอื่นเริ่มใจไม่ดีแล้ว แต่หลังจากนัน้ เอ๋ 8.5/10 แล้วคะแนนก็อยู่ประมาณนั้นแหละ
แล้วอ.ก้อบอกชื่อคนที่เขียนคำตอบบรรยายไม่ได้เรื่องต้องปรับปรุงมา
แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง สมกับคะแนน 6/10 ที่ได้มา มีชื่อผมด้วย -*-

ตามมาด้วยที่ย่ำแย่กว่านั้น อังกิด หลังจากที่ทำผิดไปช่วงนึง ประกอบกับพื้นฐานอันยวบยาบของผม อันเป็นผลมาจากการไม่ตั้งใจในตอนม.ต้น ทั้งๆที่ นี้เป็นวิชาที่ผมตั้งใจอ่านที่สุด ตลอดช่วงการสอบนี้ ผมช่วยกันติวเรื่อง infitive กับไอเอ๋ เป็นชั่วโมงเลย นี้อ่านมากสุดแล้วนะเนี่ย -*- ตกลงออกสี่ข้อ

เฮ้อ เครียด แล้วไอที่ผิดทั้งดุ้น อ.ให้เรื่องมาเรื่องนึงแล้วเป็นช่องไว้ที่กริยา แล้วให้คำไว้ด้านหลัง แล้วที่คำสั่งก็มีเขียนว่า past simple past perfect แล้วก็อีกหลาย tense เลย แล้วที่คำตอบ อ.ก็ให้เติมคำ ไอผมก็นึกว่าอ.จะให้เอาไปใส่ว่าที่เว้นไว่้เป็น tense อะไร ผมก็ใส่ past sim past con อะไรไปเต็มหมด ที่ไหนได้ อ.ให้เติมกริยาที่เปลี่ยนไปตาม tense แล้ว -*- เฮ้อ ตกลง เต็ม 60 ได้มา 37
- แล้วสังคม หลินบอกคะแนน "เลขที่ 2 ได้ 16 " ในใจเราก็คิด เฮ้อ โอเค ได้ 80% อีกซักตัว แล้วหลินก็พูดต่อ "เต็ม 30" ช๊อกเรยคับ เกือบตก ได้ไงฟะ
แต่หลังจากนั้น ซุปกะหมัด ได้ท๊อปที่ 23 แต้ม... ค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายพอๆกับชีวะเลย -*-

ผมค่อนข้างจะเครียดกับคะแนนที่ออกมา ผมรู้ว่าเพราะอะไร ผมรู้สึกเหนื่อยในช่วงปลาย ๆ เพราะตอนปิดเทอมทำงานตลอด แต่นั่นต้องไม่เป็นข้ออ้างสำหรับผม เอ๋ก็ทำงานกนร.หนักกว่าผมอีก แล้วก็ไม่ได้เรียนพิเศษ แต่ทำไมคะแนนที่ออกมา ถึงแตกต่าง...



ผมรู้ว่าคะแนนเทอมนี้ อาจจะ่ค่อนข้างลำบากที่จะรักษาเลข 4 ไว้ ถ้าหากไม่ทุ่มเทกว่านี้ ถ้าผมยังเล่นเอม เปิดคอมเกือบทุกวัน
ผมเคยคิดอยู่เสมอว่าทำงานจนไม่ค่อยจะได้อ่านหนังสือ แต่จริงๆแล้วเราเองต่างหากที่มัวแต่เอาเวลาไปทำอะไรอยู่...

คะแนนคราวนี้ ผมจะเก็บไว้เป็นบทเรียน ความรู้สึกที่ต้องมองเพื่อนๆดีใจกับคะแนนที่ได้ตามเป้าหมาย แต่ผมกลับต้องทนเจ็บปวดกับความผิดหวังกับคะแนนที่ออกมา ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอ แต่พอเห็นคนอื่นได้คะแนนดีๆกันหลายๆคน ก็ทำให้ผมรู้สึกตกต่ำลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

จากนี้ไปผมจะต้องวิ่งแล้ว ผมเดินทอดน่องมานานพอแล้ว สำหรับครึ่งเทอมที่ผ่านมา ผมไม่อาจะหยุด แล้วพักได้ เพราะนั่นจะทำให้ผมมีแต่จะถอยหลัง ผมต้องวิ่ง ถึงเหนื่อยแค่ไหน ก็จะต้องวิ่ง ให้ถึงเส้นชัยแล้วค่อยพัก ผมเลือกที่จะทำกิจกรรม ผมบอกว่าอยากทำกิจกรรม อยากเหนื่อย นี่ก็ได้เหนื่อยสมใจแล้วไง ? ผมบอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกครั้ง ที่รู้สึกอยากจะวางมือจากงานที่ทำ ในเมื่อผมเป็นคนเลือกเอง เลือกที่จะทำสิ่งเหล่านี้ ไปพร้อมกับการเีรียนด้วย

ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเลือกแล้ว ในเมื่อเราตัดสินใจเลือกมันไปแล้ว
เรื่องบางเรื่องที่เราเลือกไป อาจจะตัดสินใจใหม่ได้
แต่เรื่องบางเรื่อง เราไม่อาจที่จะย้อนมาตัดสินใจใหม่ได้อีก

เราจะต้องทำสิ่งที่เราเลือกอย่างเต็มที่ อย่างมีสติ แม้ผลสุดท้ายจะออกมาดีหรือร้าย ก็จงภูมิใจเถอะว่า ที่ผ่านมา เราได้ทำเต็มที่แล้ว...







 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2550 0:06:38 น.
Counter : 801 Pageviews.  

เขียนยังไงดีอ่า???

เขียนบล๊อกมาก้อหลายอันแล้ว แต่อ่านๆดูแล้ว มันไม่ค่อยจะดูน่าสนใจเท่าไหร่เลย (ขนาดอ่านเองนะนี่) บางทีก็เขียนๆไป แล้วมันก็ดูยาวเกินไปยังไงก็ไม่รู้

อยากจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเล่าเรื่องยังไงให้ดึงดูดความสนใจคนอ่าน
แล้วสามารถทำให้คนอ่านนำไปคิดต่อได้ด้วย

เรื่องบางเรื่อง ดูยิ่งใหญ่สำหรับเรา แต่พอนำมาเขียนเล่าแล้ว มันก็ดูเป็นเค่เรื่องธรรมดาไป เลยอยากจะขอแนวทางการเล่าเรื่องดีๆ เพื่อที่จะสร้างบล๊อกธรรมดาๆนี้ ให้บล๊อกที่เก็บเรื่องราวดีๆไว้นานๆ




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2550 18:39:33 น.
Counter : 694 Pageviews.  

กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง

หลังจากงานสัปดาห์หนังสือที่จัดที่มอ.หมดไป ผมก็ได้หนังสือติดมือมาแค่สามเล่ม...

เล่มแรก... "มากกว่านั้น" หน้ากระดาษที่บรรจุไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผู้เีขียน ได้ไปท่องเที่ยวมาเล่าเป็นประสบการณ์ให้ได้อ่านกัน แล้วจบด้วยการให้ผู้อ่าน ได้คิดต่อเนื่องไปได้อีก ผมอ่านแล้วก็ยากที่จะทำใจวางลง เพื่อที่จะไปหยิบหนังสือเรียนมาอ่านเตรียมสอบ ^^"

เล่มต่อมา... "เขียนฝันด้วยชีวิต" หนังสือรางวัลนวนิยายดีเด่นเล่มนี้ผมอ่านไปได้ประมาณ 1 ในสี่แล้ว เป็นอัตชีวประวัติ เล่าเรื่องราวของตนเอง ก่อนที่จะมาเป็นนักเขียน เขาออกจากบ้านที่อีสาน มาทำงานที่กรุงเทพ เขาต้องทนตรากตรำทำงาน ย้ายที่ทำงานหลายต่อหลายครั้ง บางที เกือบจะดี แต่ก็มีอะไรแย่ๆ เ้ามาเสมอ ประกอบกับความฝันที่จะแต่งหนังสือของเขาที่เขาพากระดาษและปากกาไปทกที่ เพื่อแต่งหนังสือให้จบ ที่ผมอ่านมา เขาเปลี่ยนงานมามากมาย เป็นเสมียน เป็นลูกจ้าง เป็นคนงาน เป็นคนสวน เป็นคนเฝ้าวังกุ้ง เป็นนักศึกษา และอีกมาก ที่ผมยังอ่านเรื่องราวของเขาไม่จบ...
แต่ทุกๆที่ เขาจะเป็นนักเขียนเสมอ...

ทั้งสองเล่มนี้ ผมพบคำว่า "กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง "

มากกว่านั้น ใ้ห้คำๆนี้ เป็นชื่อบท ๆ นึง เขาได้ยกตัวอย่างเรื่องๆหนึ่งมา ทำให้ผมพยายามคิดว่า จะเป็นอย่างไร ถ้าเราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

เมื่อผมไ้ด้อ่านเจออีกครั้ง ในเขียนฝันด้วยชีวิต เขาเล่าให้ฟังว่า หลังกลับจากงาน เขาแวะไปร้านหนังสือ มีหนังสือแปล เล่มหนึ่ง ที่เขาอยากจะซื้อมาอ่าน
กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง... เมื่อเขานึกถึงคำๆนี้ เขาก็รู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ และร้องไห้เพียงลำพัง...

จากเรื่องราวของเขาในณะนั้น ทำให้ผมเข้าใจว่าในสถานการณ์เช่นนั้นของเขา เลวร้ายเพียงใด
กับการทีเขาต้องทนทำงานเพื่อความฝันของตนเอง เพื่อความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้ และไม่กล้าที่จะกลับไปบ้าน หากไม่กลับไปพร้อมความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...

ผมก็ได้แต่หวังว่า ทางเดินที่จะเลือกเดินต่อไป จะไม่นำพาผมไปสู่สถานการณ์เช่นนี้ เพราะมันคงไม่ใช่อะไรที่แก้ออกมาได้ง่ายๆแน่...




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2550 11:50:45 น.
Counter : 633 Pageviews.  

พระบรมราโชวาท - - -> เรื่อง ความสามัคคี...

ลองอ่าน ๆ เล่น แล้วลองนำไปคิดกันดูนะครับ...



"...ความสามัคคีนี้ หมายถึงว่ามีสิ่งใดที่อาจ ขัดแย้งซึ่งกัน และกันบ้าง ก็ต้องปรองดองกันเสีย และหา ทางออกโดยที่ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง กันเพราะความสามัคคีเป็นกำลังอย่างสูงสุดของ หมู่ชน..."

"...ความพอพระราชหฤทัยของพระราชาอยู่ที่ว่า แต่ ละคนจะทำหน้าที่ของตัวด้วยความตั้งใจ มีความ คิดพิจารณาที่รอบคอบ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง กัน ส่งเสริมความสามัคคี และปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ส่วน รวม..."


"...ชาติของเรารักษาเอกราชอธิปไตยมาได้จนถึงทุก วันนี้ด้วยความสามัคคี ผู้ใดเดือดร้อนก็ได้รับการ บรรเทาความเดือดร้อนนี่เป็นหลักสำคัญของการปกครอง ประเทศไทยมาแต่โบราณกาล..."


"...ประเทศไหนถ้าประชาชนพลเมือง มีความสามัคคีกลมเกลียว กันดี มีระเบียบวินัย ประเทศนั้นก็เจริญและอยู่ ในฐานะดีจึงเห็น ได้ว่าความสามัคคีกลมเกลียวกันระหว่างคนในชาติ และ ความเข้าใจรักษาระเบียบวินัยเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่ง ที่จะช่วยนำประเทศชาติสู่ความวัฒนาถาวร..."


"... การที่ประเทศของเราได้รักษาอธิปไตย และดำรงฐานะมา ด้วยดีได้ตลอดมานั้น ก็ด้วยอาศัยความร่วมมือ ของทุกๆฝ่าย ต่างช่วยกันปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ด้วย ความสามัคคีและความพร้อมที่จะเสียสละ เพื่อประโยชน์ ของส่วนรวม...




อยากจะวอนขอคนไทย ให้มีความรักความสามัคคีกัน เราแบ่งแยกกันทางความคิด เพื่อความหลากหลายและความพัฒนาได้ แต่เราไม่ควรที่จะแตกแยกกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความบาดหมาง ความโกรธแค้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็จะเหลือเพียงแค่... ความสูญเสีย...




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2550    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2550 10:35:49 น.
Counter : 2328 Pageviews.  

1  2  3  4  

winos
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บล็อกนี้ ก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก หลักๆก็อยากจะหาเรื่องมาลง หรือมาเขียนไว้ให้ทุกคนได้อ่านกัน เหมือนกับพ๊อกเก็ตบุ๊กเล่มนึง นึกเรื่องไรได้ก็เขียนไปเรื่อยๆ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมในบล๊อกนี้ครับ


สถิติเว็บไซต์

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add winos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.