One Fine Day :)
Group Blog
 
All blogs
 

หนังสือเล่มที่หนึ่งของปีนี้ ... แม่น้ำนี้ชื่อนิจนิรันดร์

ติดตามตามติดผลงานของคุณร่มแก้วมาอย่างลับๆ ไม่บอกใคร อันที่จริง เราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าชอบงานของคนนี้ จนกระทั่งเริ่มเห็นว่าชั้นหนังสือตนเอง มุมหนังสือโปรดมีของคนนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยเริ่มรู้ตัว

สำหรับเล่มนี้ จริงๆตั้งใจจะสอยมาอ่านตั้งนานแล้ว แต่ติดว่าเราขี้งก อยากไปซื้อร้านประจำจะได้ส่วนลดเพิ่มสักสิบยี่สิบบาท (พอดีช่วงนั้นเงินช็อตอย่างหาที่สุดมิได้ เจ้าพ่อเจ้าแม่ชักกริ้ว 5555) แล้วทำยังไง๊ ยังไงก็ไม่ได้ไปร้านนั้นเสียที พอมีโอกาสไป มันก็ไม่มีอีก

ทุรนทุรายพอควรค่ะ เพราะอยากได้มาก ฟังชื่อแล้วมันรู้สึกเศร้าลึกๆ โหวงๆ เหมาะสมกับท้ายๆปลายปีที่เรามักรู้สึกแบบนี้เสมอ พอรู้ว่าเป็นชื่อเพลงยิ่งเคลิ้มหนัก (ตอนเคลิ้มนี้ยังไม่ได้อ่านสักตัวเลยนะ เหอๆ) ผู้หญิงบ้าหนังสือบ้าดนตรีอย่างเราเสร็จคุณร่มแก้วอยู่หมัดทีเดียว

หลังจากคลาดแคล้วมานาน พอสอบเสร็จปุ๊บเราก็ไม่รออะไรอีก แถมฐานะการเงินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก๊ากกก อิฉันก็เลยตรงดิ่งจากโรงพยาบาลไปยังร้านหนังสือที่ใกล้ที่สุด ซื้อฉับๆๆๆ สามสี่เล่ม อย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน


และแล้ว แม่น้ำนี้ชื่อนิจนิรันดร์ ...ก็ถูกจัดอยู่ในมุมโปรดตลอดกาลของอิฉันอีกเล่มหนึ่ง
************************************

เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของนิสิตสาวที่แอบรักอาจารย์ตัวเองโดยไม่รู้มาก่อนว่าเขาแต่งงานแล้ว แล้วโชคชะตาก็พาสายน้ำไหลย้อนกลับ ย้่อนเวลาไปได้ถึงช่วงก่อนที่เขาจะแต่งงาน เปิดโอกาสให้เธอได้แย่งชิงก่อนเขาจะเป็นของคนอื่น หากกลับกลายเป็นว่าแปดปีก่อนนั้น อาจารย์กลับไม่ใช่คนอย่างที่เป็นในปัจจุบ้น น้องชายคนใจร้ายของอาจารย์ต่างหากกลับเป็นคนทำให้เธอชักสับสน หวั่นไหว



ตอนแรกที่อ่านแอบไม่ชอบบุคลิกนางเอกค่ะ ช่วงฉากแรกๆมันเป็นตอนที่นางเอกกำลังผิดหวังจากอาจารย์ที่แต่งงานแล้ว ดูท่าทางเธอ desperate มาก เราก็หัวเก่าอยู่ไม่น้อย คือ แหม นั่นน่ะ อาจารย์เชียวนะ ไปคิดไปหวังอะไรกับเขาขนาดเอาขงเอาของไปให้ แม่คุณนี่มันน่าซัดจริงๆ พอทำอะไรไม่ถูกเธอก็จะกระโดดน้ำซะงั้น

แต่เอาเป็นว่าอภัยให้ค่ะ เพราะฉากแรกเธอกำลังมึนตึ้บอย่างไม่คาดฝัน เพราะอยู่ดีๆ ภรรยาอาจารย์ก็แวบจากแห่งหนตำบลไหนไม่รู้มาโผล่ข้างๆ ตัว ใครๆมันก็ช็อคแหละ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มๆเฉลยว่า นางเอกไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะ อาจารย์ต่างหากที่ทำ

แล้วอ่านไปเรื่อยๆ นางเอกชักกลับมาเป็นปกติ คำพูดคำจาเท่าทันคนอื่นละ โดยเฉพาะพระเอกผู้เป็นน้องชายอาจารย์นั่นเอง บางทีอ่านไปยิ้่มไป โห นางเอกนี่มันฉลาดจริงๆ ชักจะปลื้มขึ้นมารางๆ

พอเจอฉากฟาดฟันฝีปากกับพระเอกน่ารักๆเข้าไป เสร็จค่ะ หมูหวานเสร็จคุณร่มแก้วไปตามระเบียบ
************************************

มีปมอยู่หลายปมตั้งแต่ นางเอกย้อนมาได้ไง ทำไมต้องย้อนมาหาคนนี้ ทำไม และำทำไม ซึ่งแก้ได้หมดแหละค่ะ มีแค่แอบไม่เข้าใจการกระทำของพระเอกตอนเจอนางเอกฉากแรกๆ ทำไมต้องดุอย่างนั้นด้วยค้า ตัวเองก็น่าจะรู้ "ความจริง" รู้ปมทุกปมมาแปดปีแล้วนี่นา แต่พอนึกอีกที ถ้ามันไม่เป็นแบบนี้ เราก็อาจจะไม่สนุกก็ได้ ถ้าผู้ชายมาพลีสตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าเรา เราคงจะไม่ชอบเขาแน่ๆเลย * อิ๊ เข้าขั้นซาดิสม์ มาโซหน่อยๆหรือเปล่าเนี่ยกุ


หลังๆมีแอบน้ำตาซึม ตอนงานแต่งงานอาจารย์ ซึมจริงๆนะ


ว่าแต่ว่าชื่อเรื่องแม่น้ำนี้ชื่อนิจนิรันดร์ ไม่ยักกะเห็นมีเพลงนี้นะคะ มีแต่เพลง River of no return ประกอบเป็นเมนหลักมากกว่า

ไม่อยากเล่ามาก แค่นี้ก็เล่าไปเยอะแล้ว เอาเป็นว่าชอบเนอะ สั้นๆ
คำพูด บทสนทนาฉลาดดี
พระเอกประทับใจ นางเอกก็ประทับใจ

เป็นหนึ่งเล่มที่อยู่หัวเตียงตอนนี้ค่ะ




 

Create Date : 16 มกราคม 2553    
Last Update : 16 มกราคม 2553 0:50:13 น.
Counter : 592 Pageviews.  

เกี่ยวนิยายน่ารักน่าเก็บจากงานหนังสือ ... แด่รัก ด้วยดวงใจ

รู้สึกว่าเรื่องนี้จะออกมานานแล้ว แต่คนไม่มีเวลาแบบเราไม่ได้ไปสอดส่่ายสายตาบนชั้นหนังสือนานแล้ว เหมือนกับห่างหายจากวงการนักอ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง พอกลับมาก็ถึงกับมึน เนื่องจากมีให้เก็บเยอะไปหมดไม่หวาดไม่ไหว นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ไปสอยมาจากงานเมื่ออาทิตย์ก่อน และปัจจุบันก็ขึ้นแท่นเป็นหนังสือแสนรักของเราไปเรียบร้อยยย



หลังจากสอดส่ายสายตาบนสำันักพิมพ์โปรดอยู่ไม่นาน ก็พบกับหน้าปกที่เป็นรูป steth หูฟังอันคุ้นเคย มือรีบตะปบด้วยความเคียดแค้น หูฟังดิฉันเพิ่งหายไปค่ะแหม เพิ่งถอยมาอันใหม่เอี่ยม เงาวับ ถูกใครก็ไม่รู้ฉกไป แสนจะเซ็งทีเดียว ตอนนี้เลยทำมึน หยิบของเพื่อนมั่วไปมาระหว่างเก็บตังค์ซื้ออันใหม่ คราวนี้จะเอาสีไม่เหมือนใครเลย แล้วก็เอามาระบายใหม่ ใครหยิบมั่วไปจะได้รู้กัน!

ว่าแต่จะมีคนไข้อยากตรวจกับหมอที่พกหูฟังลายประหลาดๆป่าววะ?

เอาละนอกเรื่อง เอาเป็นว่าหยิบมาพลิกๆ เห็นเป็นเรื่องของนักเรียนแพทย์ ไอ้เราก็เริ่มสนใจ เขียนออกมายังไงหว่า มีพร่ำบ่นรำพันแบบที่เราชอบทำไหม

ปรากฏว่าไม่มีละ! ว้าวๆ น่าสนใจจริงๆ คราวนี้เลยหยิบมาอ่านบทนำอย่างตั้งใจ และแล้วเล่มนี้กับอีกเล่มที่เป็นภาคต่อ ก็ขโมยเงินจากกระเป๋าเราออกไปอย่างง่ายดาย อย่างเต็มใจที่สุดเสียด้วย


ให้คะแนนเต็มจริงๆ ทั้งลีลา สำนวน และพล็อตเรื่อง
ประมาณ นางเอกเข้าเรียนหมอหลังจากประสบอุบัติเหตุจนเกือบตาย และคิดว่าการได้ช่วยเหลือคนอื่นพ้นจากความตายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ แต่ก็มีเหตุผลแอบแฝงคือการมาตามหาหมอที่ช่วยเหลือตัวเองไว้นั่นเอง! เนื้อเรื่องปล่อยให้เดาอยู่ตั้งนานแล้วคุณหมอที่นางเอกเรามีความหลังด้วยนี่มันใคร แต่ก็ไม่ปล่อยให้รอเปล่า เพราะมีอะไรน่ารักน่าหยิกวิ่งเข้ามาชนตลอด อ่านแล้วยิ้มๆเหมือนคนบ้าจนเพื่อนถามว่าเป็นอะไรมากไหม


ก็ไม่รู้ว่าหัวใจเราโอนเอียงเนื่องจากนางเอกเป็นนิสิตแพทย์เหมือนกันหรือไม่?? แล้วพระเอกเป็นอาจารย์หมอศัลย์นี่มันเกี่ยวอะไรกับที่ดิฉันเพิ่งเรียนเข้าเรียนแผนกศัลยกรรมหรือไม่?? แต่คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันเท่าไร (เสียงเพื่อนตะโกนข้ามมาว่าไม่จริง! 555+)


เกร็ดในเรื่องอ่านแล้วถึงกับจุกในอกเพราะหลังจากเรียนๆๆ อย่างคนไม่มีเวลามาสักพัก อุดมการณ์ที่บอกว่า จะให้เวลากับคนไข้เต็มที่นั้น ก็เริ่มจะห่างหายไป เริ่มเอาเวลามาให้ตัวเองมั่ง ให้ครอบครัวตัวเองมั่ง แต่คนในเรื่องไม่เป็นแบบนั้น พวกเขายังคงตั้งใจ ยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างที่สุด ว่าการเป็นหมอด้วยหัวใจ มันเป็นยังงี้นี่เอง


พอเวลาจะหวานก็หวานซ้าาา ไม่น่าเชื่อว่าจะน่ารักน่าหยิกขนาดนี้
ฮึ่ม! มองซ้ายมองขวาดิฉันไม่เห็นว่าเพื่อนหมอผู้ชายของดิฉันคนไหน มันจะเป็นแบบนี้เลย
เอ๊ะ หรือมันไปเป็นกับคนอื่นนอกคณะวะ
คงงั้นสินะ ผู้หญิงมันของตายในคณะนี่หว่า
ฮืออออออออออออออออออออออออออ

เอาประโยคมาล่อ
เป็นฉากตอนพระัเอกกำลังจะเข้าไปช่วยนางเอกที่ติดอยู่ในรถ + น้ำมันรั่ว + มีสายไฟขาดแถวๆนั้น เลยถูกห้ามไว้ คุณหมอก็ถอดเสื้อกาวน์ทิ้งแล้วพูดว่าาาาา
(จำมาจากความทรงจำ อาจไม่ค่อยเหมือนนะ)

"ถ้าการเป็นหมอมันทำให้คนที่ฉันรักต้องตาย ถ้ามันทำให้รักษาคนสำคัญที่สุดในชีวิตเอาไว้ไม่ได้ มันก็ไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไป"

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2552    
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 23:42:31 น.
Counter : 389 Pageviews.  

เปิดถุงงานหนังสือ...แบบดีเลย์

เบี้ยวมาหลายวันแล้ว วันนี้ก็ชำระสะสางซะหน่อย เดี๋ยวจะไม่ได้เขียนกันพอดี

งานหนังสือปีนี้ เสียตังค์ไม่มากเลยค่ะ เหตุผลหลักสำคัญคือ เวลาเดินน้อยมากๆ แถมซื้อมาก็ยังไม่ทราบว่าจะได้อ่านเมื่อไร แม้คนขายจะพยายามเชียร์ว่าหนังสือไม่เน่าไม่บูดนะฮ้า แต่อิฉันก็ยังแอบลังเลนิดๆหน่อยๆ ยิ่งถ้าซื้อมาแล้วดั๊นมีเวลาอ่านมันจะยิ่งรู้สึกผิด เพราะแปลว่าเบียดเบียนเวลาอ่านหนังสือเรียนไปแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย


ปกติ ปลายฝนต้นหนาวยังงี้ เรามักจะรู้สึกสบายๆ ไม่รีบไม่ร้อน ไม่สะทกสะท้านกับสภาพแวดล้อมรอบกายมากนักหรอกค่ะ ฟังเพลงไปวันๆ ปล่อยความคิดปล่อยหัวใจไปกับบรรยากาศหวานๆปลายปี มีปีนี้แหละที่รู้สึกรุ่มร้อนดั่งไฟลนก้นตลอดเวลา หาอารมณ์สุนทรีไม่ได้เลย แม้ว่าจะพยายามโดดเรียนไปทำท่าทางสุนทรีอยู่แถวๆสยามมั่ง แต่ก็ไม่ได้ผล


มาเริ่มที่เล่มแรกกันเลยดีกว่า
หนังสือที่ ตรงดิ่งเข้าไปซื้อแบบไม่กลัวผู้คนเบียด คือเล่มนี้เองค่ะ "ลอนดอนไดอารี่ 1.1* พอจะมีเวลาให้ความสุขบ้างไหม" เล่มนี้ตามติดแต่ตั้งเห็นพี่เอ๋เค้าเอาปกมาลงในบล็อกเค้าแล้วล่ะ พี่คนนี้เขียนอะไรๆก็ล้วงเงินออกไปจากกระเป๋าเราได้ทุกที คนบ้าอะไร เขียนสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจได้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละ

ตอนซื้อก็มีอุปสรรคนะคะ วันที่ไปวันแรก ไอเราก็อุตส่าห์มุ่งตรงไปยังบูธอะบุ๊ก เห็นเล่มนี้อยู่ไวๆ ตรงชั้นที่กำลังรอจ่ายตังค์ ในใจก็คิดว่า นี่แหละ ในที่สุดก็จะได้อ่านแล้วโว้ย จะแอบอู้พีบีแอลมานั่งอ่านให้ฉ่ำใจไปเรยย

นั่นแหละค่ะ ใช่เลย เดากันแม่นล้ว เล่มที่เห็นมันเป็นเล่มสุดท้าย

โห ปีกหักห่อเหี่ยวทีเดียว จนไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเลยนะนั่น เดินไปบลิส หนังสือของนักเขียนคนโปรดของฉันก็เห็นของโปสเตอร์แล้ว แต่แต่แต่ มันยังไม่มา!! อู๊ยย สรุปวันแรกเจ็บปวดอย่างแรงค่ะ เจียดเวลาไปแล้วยังไม่ได้ของที่ต้องการมา



สำหรับเล่มนี้อ่านแล้วไปนิดหนึ่งค่ะ รูปสวยเรื่องเล่างามมีมุมแปลกๆที่ไม่เคยคิดให้ประทับใจเหมือนเคย ยังไม่อยากให้จบไวนักเลยค่อยๆละเลียดและเล็มอ่าน ช่วงนี้ก็เอาติดตัวไปคณะทุกวันเลย ไปอวดเพื่อนๆว่า ฉันได้เป็นเจ้าของมันแล้วนะ แม้จะเป็นพิมพ์ครั้งที่สามก็เหอะ ถือว่าซื้อภายในอาทิตย์แรกที่มันวางขายแล้วกัน



Remember me? ยังจำได้ไหม
นี่แหละค่ะ อีกเล่มที่เล่าไปก่อนหน้า คนเขียนคนนี้เราชอบเค้ามาก โซฟี คินเซลลาเขียนอะไรก็สนุกไปหมดเลย เป็นคนที่เขียนหนังสือภาษาอังกฤษแล้วเราสามารถอ่านได้จนจบโดยไม่ท้อไปก่อน คำศัพท์คำพูดจาเขาชัดเจนดีค่ะ แปลง่าย พล็อตก็ชัด ตรงที่อ่านไม่รู้เรื่องก็เลยเดาๆต่อไปได้ เหมาะกับนักเรียนภาษาอังกฤษพอไปวัดไปวาได้อย่างเรามาก

ที่ซื้อภาษาไทยคราวนี้เพราะอยากจะประหยัดเวลาอ่ะค่า ไม่งั้นเดือนหนึ่งก็คงไม่จบ ไม่มีเวลาแล้วยังทู่ซี้อ่านอังกฤษมันน่าสมเพชน้อยอยู่เมื่อไร ยิ่งตอนนี้พีบีแอลก็ทำให้ต้องอ่านเท็กซ์อังกฤษอย่างน้อยวันละหลายๆๆๆสิบหน้า ขออ่านแต่ไทยแสดงอาการอิงลิชโฟเบียแป๊บแล้วกัน ขี้เกียจเมาภาษาค่ะ

อีกอย่าง เล่มภาษาอังกฤษมันออกมานานมากแล้วล่ะ แต่ออกเป็นเล่มใหญ่ แพงเชียว ดังนั้นคิดสะระตะแล้ว ซื้อนี่แหละ คุ้มทั้งเงินประหยัดทั้งเวลา!

เล่มนี้ยังไม่ได้อ่านเลย แต่ skim reading ไปรอบถ้วนแล้ว ก็น่าจะสนุกดี ไว้อ่านจบจะมาเล่าอีกทีค่ะ



สรวงฟ้า ลักษณวดี
เป็นเล่มที่จับผลัดจับผลูได้มาอย่างแรง มีคำยุจากคนขายผสมกับยอดขายที่เห็นแล้วอึ้ง แถมคำโฆษณาที่ว่าเหมือนดั่งดวงหฤทัยค่า น่ารักมากมาย อู๊ย ตาลุกวาวตั้งแต่ได้ยินคำว่าดั่งดวงฯแล้วล่ะ ก็เลยซื้อมา

แต่อ่านแล้ว มันก็ไม่ค่อยเหมือนนะคะ ไม่ค่อยกุ๊กกิ๊กอย่างที่หวังไว้อ่ะค่ะ แอบเฟลนิดหน่อยก็แอบหวังไว้มากนี่นา แถมซื้อมาแล้วพ่อก็เดินมาตอกย้ำว่า สนพ.เนี้ย หนังสือแพง! ทำให้เรารู้สึกเสียใจไปสามวิ พอคิดอีกทีว่ามันเป็นเงินพ่อ เก๊าะเลยโล่งอก

อีกอย่างภาษาใช้ภาษาเหนือเยอะด้วย แม้จะมีคำแปลให้เป็นระยะๆ แต่ลูกกรุงเทพทั้งตัวอย่างเราไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ได้แต่เดาๆ จากความรู้ภาษาไทยที่ยังพอเหลือๆ เรียกว่าเราคุ้นกับอังกฤษมากกว่าก็ไม่ผิดนัก เลยอ่านได้วันละนิดวันละหน่อย ไม่งั้นงงค่ะ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

รวมๆก็สนุกตามมาตรฐานของคุณหญิงป้านะคะ



Change
หนังสือของอะบุ๊กค่ะ มีนักเขียนรับเชิญหลายท่าน มีคนที่เราแอบปลื้มตัวหนังสือมากมายด้วย แถมคอนเซปต์ก็เขียนเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงอันเป็นสิ่งเดียวของโลกที่ไม่เปลี่ยนไป (เข้าใจไหมคะ) ก็เลยหยิบมา

เล่มนี้พี่น้องประเสริฐกุลเขียนทั้งคู่เลยนะคะ ตอนแรก เราชอบคนน้องมากเลย อ่านมุมมองเค้าแล้วมันดูมีอะไรให้คิดต่อไปได้ แต่หลังๆ ดูจะเน้นเสียดสีอะไรสักอย่างมากไปสักหน่อย (เราก็ไม่ทราบนะคะว่าอะไร แต่อ่านแล้วมันให้ฟีลเหมือนอะไรก็เป็นไปได้ยาก) พอได้อ่านโลกจิตของคนพี่แล้วเปลี่ยนกรี๊ดแทนไทไปเลย ช่วงนั้นเรียนนิวโรอยู่ด้วยก็ยิ่งเคลิ้ม คนอะไรเอาบทยากๆมาเขียนให้ฮาได้ นับถือจริงๆค่ะ

ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน เก็บไว้ว่างๆเวลาต้องการแรงบันดาลใจจะทำอะไรค่ะ


แม่ค้าขนมหวาน ฬีฬา
แบบว่าแบบว่าได้ยินมานานว่าสนุก กุ๊กกิ๊กหวานมาบู๊ผลาญกลับไปนิดหน่อย แถมโด่งดังจนจะเอามาสร้างเป็นละครเชียวนะ ไม่ได้การแล้ว ต้องหามาอ่านก่อนว่ามันเป็นไง เดี๋ยวละครแปลงมันหายไปหมด จินตนาการฉันจะไม่ได้ทำงาน

ก็สนุกสมคำร่ำลือค่ะ แม้พล็อตช่วงท้ายจะแปร่งไปนิดๆ เหมือนแต่งไปๆแล้วก็เสริมเอาทีหลัง ยังไงไม่ว่ากันค่ะเพราะทำได้ค่อนข้างเนียบและก็สนุกอยู่ดี เราก็ชอบพระเอกแบบที่ดูมีอำนาจในตัวหน่อยๆอยู่แล้วก็เลยเข้าข้างค่ะ


พลับพลึงสีรุ้ง ฬีฬา
เล่มนี้ก็เห็นเค้าเชียร์อีกแล้ว แถมพิมพ์ครั้งที่สองภายในงานซะด้วย ไม่ได้การละ มันต้องดีแน่ ว่าแล้วหมูหวานก็ควักตังค์จ่ายไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เท่าที่อ่านก็สนุกดีนะคะเป็นเรื่องผู้หญิงสวยๆหลากสไตล์คนหนึ่ง ซึ่งเราชอบทีเดียวแบบว่าตอนนี้กำลังเปลี่ยนสไตล์เสื้อผ้าไปเยอะอยู่(แม้จะเทียบสไตล์แต่งหน้าไม่ได้)


ถือว่าโดนในระดับหนึ่งค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอ่านตอนเหนื่อยจากทำเคสหรือไงไม่ทราบ ความรู้สึกต่อพระเอกของอิฉันมันเฉื่อยชาชอบกล ช่วงนี้เบื่อคนหลงตัวเองมาก คนไม่นึกถึงใจใคร พระเอกในอุดมคติของเรามันต้อง โอเค คือทำอะไรมุ่งมั่น แต่ก็นึกถึงใจคนอื่นด้วย มีน้ำใจนักกีฬา สู้ต่อหน้าอะไรประมาณนี้ พอเวลาอ่านแล้วเจอผู้ชายแบบที่ผู้หญิงเขามีแฟนอยู่แล้ว แต่คิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา แย่งได้..เราก็เลยไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ

เอาเป็นว่าเล่มนี้ อ่านแล้วสบายๆไม่คิดมาก ชอบนางเอกแต่เฉยๆกับพระเอกค่ะ


Soulmate คนไหนที่ใช่คู่แท้
อันนี้เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาค่ะสนพ.มติชน คนเขียนเค้าเชื่อว่า คนที่มาคู่กันได้ในชาตินี้จะมีความเกี่ยวพันกันในชาติก่อน บางคู่ได้ครองคู่กันทุกชาติทุกภพต่อมา แต่บางคนก็ทำบุญร่วมกันไว้ให้ได้มาอยู่ด้วยกันพักเดียว พอหมดบุญก็แยกย้ายกันไป

แหม เราผู้ซึ่งเชื่อในความรักแท้ และคิดอยู่ในใจเสมอว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุด ที่คนสองคน ต่างที่มา ต่างพื้นเพ ต่างเพศ(??) มาพบกันในวันดีๆสักวันแล้วความรู้สึกก็งอกงามตรงกันขึ้นมาได้ จะมีสักกี่คนเป็นแบบนี้ นี่คือปาฏิหาริย์ชัดๆ

เห็นแล้วก็คว้าเล่มนี้มาแบบไม่คิดเลยค่ะ อ่านแล้วซาบซึ้งดีค่ะ เอาไว้อ่านก่อนนอนประจำ เผื่อจะเรียกคู่แท้ของเราปรากฏตัวขึ้นมาไวๆมั่ง


เอลันตรา ดวงตะวัน
ของดวงตะวัน ไม่มีอะไรต้องพรรณนาต่อค่ะ เป็นนักเขียนในดวงใจขึ้นแท่นไปอีกคนแล้ว อ่านของเค้าไปหมดทุกเล่มแล้วมั้ง เรียกว่าอ่านตั้งแต่ยุคแรกๆ สมัยหน้าปกเรียบๆเป็นรูปๆเดียวอยู่เลย ค่อยๆเห็นพัฒนาการทางการเขียนของคุณดวงตะวันเรื่อยๆ

สำหรับเรื่องนี้เป็นชุดธิโมส์ค่ะ เล่มที่เท่าไรแล้วขี้เกียจนับ เป็นภาคต่อหลั
จาก กาย กานาเมซกับกีระดาราสามพันปีก่อน แล้วผลุบกลับมาราชวงศ์ยุคปัจจุบันกับเจ้าชายสายเอลันตราและบอดี้การ์ดสุดสวย เล่มนี้จะย้อนเล่าไปถึงสายราชวงศ์เอลันตราว่ามีประวัติความเป็นมาจากใคร เฉลยปริศนาจากเล่มก่อนๆหลายที่ด้วย น่ารักดีค่ะ

พระเอกเล่มนี้ เราล่ะกรี๊ดกร๊าด เป็นแบบที่ชอบทีเดียวมุ่งมั่น อารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่นึกถึงใคร อ่านจบรวดเดียวในคืนเดียวอ่ะค่ะ ตอนเช้ากลายเป็นหมูแพนด้าไปเรียนพีบีแอลเลย


เงาเสน่หา นราเกตต์
พี่เกดเป็นอีกคนที่เราตามงานเขามาอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่สมัยเค้าเขียนดาวห่มฟ้า ที่ไล่ตามอ่านตั้งแต่เพิ่งเตรียมตัวสอบเข้าเตรียมอุดม พอสอบติดหมอจุฬาฯปุ๊บพี่ถึงค่อยเขียนจบน่ะค่ะ แฟนพันธุ์ทรหดเลย แต่เดี๋ยวนี้ผลงานพี่เค้าออกมาเรื่อยๆนะคะ แต่สไตล์พี่เค้าเรียบเรื่อยลงชอบกล คือ นางเอกมันคล้ายๆเดิมไปหน่อย

เงาเสน่หานี่ใช้จินตนาการเยอะมากนะคะกว่าจะปั้นออกมาได้ขนาดนี้ ขอปรบมือให้ดังๆเลยค่ะ มีหลายเรื่อง อย่างยีนรหัสเบสที่มันซ้ำกัน เวลาแบ่งตัวจะลดลงไปเรื่อยๆแล้วคาดว่าตรงนี้เองที่ทำให้คนแก่ลง เรื่องนี้เราเพิ่งเรียนในคณะไม่นานเองนะ มันลึกมากเลยทีเดียว ชื่นชมว่าข้อมูลปึ้กมากค่ะ

ถือเป็นเรื่องแปลกเรื่องหนึ่ง และก็น่าประทับใจอีกเรื่องค่ะ แม้พระเอกจะน่ากลัวโคตร จะน่ากลัวไปไหนอ่ะ ถามหน่อยฮึ!


รู้สึกจะหมดแล้วค่ะ เปิดถุงใบย่อมๆของนักเรียนเบี้ยน้อยหอยน้อยเวลาน้อยก็เงี้ยแหละค่ะ
มีใครซื้อเหมือนกับเราบ้างไหมคะ?




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2551 22:41:09 น.
Counter : 309 Pageviews.  

งานหนังสือ ผ่านสายตาของฉัน

มีข้าวของไม่กี่อย่างเท่านั้น ที่กล้าหาญชาญชัย เดินมาล้วงตังเราไปได้หน้าตาเฉย

หนึ่งคือ หนังสือ
สอง เครื่องสำอาง
และสาม ของกิน

แม้ว่าในช่วงปีท้ายๆมานี้ อันดับสองจะเริ่มเพิ่มมูลค่าตัวเองอย่างผิดหูผิดตา แต่ก็ยังไม่วายพ่ายแพ้ มิอาจโค่นล้มแชมป์ตลอดกาลอันดับหนึ่งลงได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก จนกว่าข้าน้อยจะจบมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง ออกไปใช้ทุนต่างจังหวัด ช่วงเงินเหลือเหล่านั้น นอกจากให้พ่อแม่แล้ว เครื่องสำอางแบรนด์ดังมากที่ปัจจุบันแค่มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ก็อาจจะได้มีในครอบครองบ้าง


ถ้าจะพูดว่า งานหนังสือ เป็นงานเดียวที่ขโมยเงินออกไปจากกระเป๋าเราได้มากที่สุด อันนี้ก็คงจะไม่ผิดความจริงเลย


ความทรงจำต่องานนี้มีมากเหลือเกิน เพราะเคยไปตั้งแต่มันจัดอยู่ตรงนู้น แถวๆคุรุสภา (ใช่หรือเปล่าหว่า) ยังเด็กเหลือเกิน สิ่งเดียวที่จำได้ก็คือ แอร์มีเท่าไรก็เหมือนไม่พอ ร้อนเหงื่อไหลโทรมเป็นก๊อกทีเดียว

สมัยนั้น คุณพ่อให้เงินไว้ครั้งละห้าร้อยบาท เด็กสิบขวบซื้อหนังสือได้ตั้งหลายเล่ม มีความสุขกับการอ่าน
แต่สมัยนี้ ถ้าพ่อสนับสนุนแค่ห้าร้อย คงต้องบอกว่าพ่อเล่นมุกอยู่แน่ๆ เพราะมันแปลว่า ซื้อได้อย่างมากสองเล่มนะ

บางปี เงินเดือนค่าขนมทั้งเดือนละลายไปกับหนังสือ แล้วเราก็หมกตัวอยู่ในบ้าน มีชีวิตไปวันๆด้วยมาม่าและกับข้าวที่คุ้ยหาได้ในตู้เย็น บางวันก็ไม่กิน ถือเป็นวิธีคุมน้ำหนักอย่างหนึ่ง เรียกว่ายอมทุกอย่างค่ะ แค่ได้ซื้อได้อ่านก็พอ

ใครมันว่าเด็กไทยอ่านหนังสือวันละเจ็ดบรรทัด อยากจะเถียงขาดใจจริงๆ
-------------------------------------
ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับงาน
นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาจัดในศูนย์สิริกิติ์ อาการเหงื่อไหลท่วมไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป เดินอย่างสบายใจมากขึ้น

หนังสือแพงขึ้น!

มีไปรษณีย์ส่งของ! รู้สึกว่าถือเบามากขึ้น และเหมือนยังซื้อได้อีกไหว ก็เลยเสียตังมากขึ้น

บูธหนังสือเอง เราก็เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ค่อยๆเกิดขึ้นค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อก่อน บางบูธ บางสนพ. คนเยอะจนเบียดไม่เข้า เดี๋ยวนี้ก็น้อยลง
บางสนพ. เริ่มต้นจาก บูธเล็กๆบล็อกเดียวในโซน ซี 1 ซี 2 ก็ขยับขยายใหญ่ขึ้นๆ จนกระทั่งย้ายฝั่งมาอยู่แพลนนารี่ฮอลล์ เปิดใหญ่โต

นิยายรักขายได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะนักเขียนรุ่นใหม่ๆ

ไม่เท่านั้น นิยายวายเลิฟ เกิร์ลเลิฟ ที่เมื่อก่อนขายกันใต้ดิน ก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นบูธในงานหนังสือกะเค้าได้เหมือนกัน

มีความเปลี่ยนแปลงของหน้าปกหนังสือ ที่ทำให้ดู
ทันสมัยขึ้น
เหมือนการ์ตูนลายเส้นยุ่งเหยิง
ทำให้แนวขึ้น
และอื่นๆอีกมากมาย


แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมก็ยังคงมีอยู่ อย่างน้อยๆก็ยังมีคนมาซื้อกับคนมาขายอ่ะนะ


นี่ถืองานอดิเรกของเราอย่างหนึ่งเลยนะเนี่ย ไม่เคยบอกใครเลย ระหว่างเดินในงาน นอกจากดูหนังสือแล้ว ฉันยังชอบดูคนที่มาเดินด้วย จะว่าชอบแอบมองชาวบ้านก็คงได้มั้ง ดูความสัมพันธ์ระหว่างคนซื้อกับคนขาย คนขายบางคนเชียร์อย่างเดียวไม่คุยมากจะขายของ บางคนชวนคุยเก่งไปเรื่องนู้นเรื่องนี้จนงงว่าไปถึงนั่นได้ไง บางคนพูด"ถามได้นะคะ"ซ้ำกันไปมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ส่วนบางคนก็มีกระเซ้าเย้าแหย่คนซื้อ ต่อปากต่อคำกันสนุกสนานไป คนซื้อบางคนก็อารมณ์ดีโต้ตอบกันนานเชียว

แหม แต่ไม่ค่อยมีคนขายทักฉันแฮะ

หรือฉันจะมีดวงเจอแต่คนขายจำพวกขายของอย่างเดียวกับพวกแผ่นเสียงตกร่องบ่อยๆ หรือว่าจริงๆแล้ว มัวแต่แอบมองคนอื่น หรือเราทำหน้าตาให้ไม่ค่อยรับแขก ขมวดคิ้วนิ่วหน้าข้าจะอ่านหนังสือมึงอย่าเพิ่งพูด ก็คิดกันไปได้ต่างๆนานาอ่ะนะ


อีกสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนก็คือความสุขที่ไหลวนอยู่รอบๆตัวเวลาเดิน คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ฉันชอบหนังสือ เมื่ออยู่ท่ามกลางพวกมัน เสมือนอยู่ในห้องสมุดขนาดใหญ่ยักษ์ที่ที่บ้านไม่มี แถมยังล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย มีทั้งน้องเล็กสวมแว่นอันโต เด็กประถมตาแป๋วจูงมือพ่อ น้องนักเรียนมอปลายมาพร้อมเสื้อหลุดออกนอกกางเกงหัวเราะกันตลอดเวลา วัยรุ่นผู้หญิงกับฝูงเพื่อนนับสิบและบรรดานิยายรัก พี่ชายมาดเข้มหอบหนังสือให้น้อง แฟนหนุ่มเดินตามสาวสวย คนทำงานเสื้อยับพับแขนแต่แววตาแจ่มใส คนโดดงานท่าทางเพลิดเพลิน ไปจนยันคนแก่มากับหลานตัวจ้อย


แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันมีความสุขกว่าที่จะมองพวกเขาอย่างเดียวนะ เพราะฉันคงไม่เอาใครไปด้วย จะได้ไม่ต้องพะวักพะวงมากมาย อยากหยุดตรงไหนก็หยุดได้

หรือคุณว่ายังไงคะ?

ปล. ครั้งหน้าจะมาเปิดถุงให้ดูค่ะ




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2551    
Last Update : 18 ตุลาคม 2551 22:48:18 น.
Counter : 323 Pageviews.  

หยิบ "วสันต์ลีลา" มาอ่านในวันฝนโปรย

ฝนโปรยปรายทั้งวันไม่หยุดหย่อนเลยช่วงนี้ทำให้อิฉันต้องติดแหงกอยู่กับบ้าน แต่เป็นการติดแหงกอย่างเต็มใจเป็นที่สุด เพราะอากาศมันเย็นสบาย เพิ่มอารมณ์ขี้เกียจๆได้ดีนักแล


ฝนครึ้มๆ ลมโชยเบาๆ เล่นเอาครึ้มอกครึ้มใจไปด้วย ถึงจะเหงานิดหน่อยแต่ก็เป็นเหงาแบบดิบๆ คือไม่ค่อยสุกมาก ไม่ทำให้รุ่มร้อนเท่าไร ทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปด้วยได้ ตกบ่ายก็นั่งดูหนังเก่า The classic คนเดียว แล้วก็ปล่อยความคิดอิจฉานางเอก ถ้าฝนตกแล้วมีคนทิ้งร่มเพื่อไปตากฝนกับเรายังงี้มั่ง มันก็คงจะดีไม่หยอก


อิจฉาฝน มากท่าดีนัก ก็เลยไปหยิบ "วสันต์ลีลา" ของแก้วเก้าลงมาจากชั้นหนังสือ



หนังสือเล่มนี้เรารักมาก รักที่สุด อ่านครั้งแรกตอนอยู่เตรียมนู่น พอดีนึกคึกเดินผ่านห้องสมุดตั้งหลายที เค้ามีชั้นจัดนิยายไว้เป็นโซนเลยอยู่ชั้นสอง แต่สมัยนี้ย้ายลงมาอยู่ข้างล่างแล้วมั้ง จบไปหลายปีแล้วก้อเงี้ย ไม่ค่อยรู้เรื่อง เล่มนี้ไม่ได้รู้จักมาก่อนหรอกแต่เห็นมันวางแหมะอยู่อย่างนั้นแหละ หยิบอย่างไม่รู้ตัวเหมือนโดนผู้หญิงเฟย์สะกดจิตเลยทีเดียว


[อ่านจบแล้วประทับใจมากกก ประทับใจห้องสมุด เมื่อเรื่องแรกมันดีก็เลยคาดหวังในเรื่องถัดๆไปที่ยืม แต่ทว่าจะให้โชคดีหยิบมั่วๆมาแล้วเจอเล่มที่มันสนุกๆ ก็คงเป็นได้ครั้งเดียวอ่ะแหละ 55+]


อ่อ ที่วางอยู่บนชั้นของเราน่ะ ไม่ได้มาจากห้องสมุดนะคะ เราอ่านจบแล้วไปซื้อมาเก็บไว้ตะหาก*

----------------------------------------------

วสันต์ลีลาเป็นเรื่องราวลึกลับนิดหน่อยค่ะ เกี่ยวกับตำนานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ซึ่งเชื่อว่า ผู้หญิงบางคนจะถูกพระเจ้าเลือกให้เป็นผู้หญิงเฟย์ ซึ่งก็มีอิทธิฤทธิ์อำนาจอะไรบางอย่างมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย เป็นต้นว่า เห็นอนาคตได้ ให้พรได้ สาปได้

เพลิน น้องนางเอกของเรา เป็นไฮโซแต่กำเนิดค่ะ ลูกสาวนักการเมืองไทยใหญ่โต แบบว่าพ่อรวย แม่สวย เป็นนางเอกประเภทที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง สมองไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าความสวยงามในวันหนึ่งๆ

(ตอนอ่านมาถึงตรงนี้ก็แอบเคืองๆนะคะ ปกติเราจะชอบคนขยัน คนหาความรู้ ก็เลยแปร่งๆนิดหน่อยตรงที่นางเอกเอาจริงๆก็จบแค่ป.6เท่านั้น)

ส่วนพระเอกเป็นประเภทพเนจรไร้อนาคตค่ะ มิลินท์เป็นลูกชายอดีตนายแบงค์หนีคดีผู้ฉาวโฉ่ อำนาจเงินที่ร่อยหรอลงไปทำให้เขาถูกทรยศจากผู้หญิงที่คิดว่าเป็นที่รัก และนั่นก็ทำให้เขาไม่ศรัทธาต่อหน้าตาสวยๆหรือคำหวานๆ จากใครอีก จนเพลินผู้มั่นใจในความงามของตัวเองถึงกับซวนเซเพราะเสน่ห์จากมิลินท์ไปซะแทน


และแล้วท่ามกลางบรรยากาศสวยงามในหุบเขา ปราสาทเก่าแก่โบราณน่าลุ่มหลง เพลิน-ซึ่งมีคู่หมั้นแล้ว-ก็ตกหลุมรักมิลินท์โดยไม่รู้ตัว


ผู้หญิงเฟย์เองก็รู้และอยากจะช่วยเหลือ หากยังมี "ความจริง" หลากหลายเกี่ยวกับครอบครัวที่เพลินยังไม่เคยรับรู้เพราะถูกเลี้ยงดูแบบไม่ต้องใช้สมองคิดมานานไป ผู้หญิงเฟย์จึงให้"พร" เป็นจี้คริสตัลรูปหัวใจ ถ้ามีใครเห็นเพลินห้อยจี้อันนี้ จะไม่มีวันจำได้เลยว่าเพลินคือเพลิน

และจะกลับมาจำได้ ก็ต่อเมื่อสามารถถอดสร้อย "ได้"


จี้อันนี้เองก็นำเพลินไปสู่ "ความจริง" ที่ไม่มีอะไรดีไปกว่า และไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเช่นกัน
----------------------------------------------

จากตอนแรกที่ไม่ชอบเพลิน ก็ค่อยๆชอบขึ้นเรื่อยๆ แต่ละตอนที่ผ่านไปมันแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของนางเอกได้ดีทีเดียว บทสนทนาคมมาก แรกๆอ่านแล้วรู้สึกเลยว่า อืม ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยมีสมองแฮะ ถ้าพูดแล้วเป็นยังงี้ อย่าพูดเลยจะดีกว่า (คล้ายๆดาราบางคนนะ อุ๊บส์) แต่พอหลังๆ ประโยคที่เพลินพูด มันเหมือนคนที่โตแล้วและตระหนักได้ถึงความไม่ง่ายของชีวิต สุดยอดจริงๆ


[เพื่อนสนิทเราถึงกับบอกว่า ถ้าไม่รู้เห็นว่าเพลินโดนเลี้ยงมายังไง คงหมั่นไส้สุดตรีน ตอนที่เธอบอกว่า "ฉันไม่รู้ว่าฉันอยากได้อะไร ความสวย ความรวย ฉันมีหมดแล้ว" แต่แบบ มันเถียงคุณหนูเพลินไม่ออกจริงๆ เพราะภายนอกเธอเป็นแบบนั้น ไม่ได้พูดอวดเลย]


ประโยคที่ชอบก็คือตอนที่ผู้หญิงเฟย์บอกกับเพลินว่า
"พรและคำสาปก็คือสิ่งเดียวกัน"


"เพลินเพิ่งรู้ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าความจริง และไม่มีอะไรร้ายไปกว่าความจริงเหมือนกัน"


"เวลาและความรักเหมือนกัน ทั้งเปลี่ยนแปลง และยาวนานชั่วนิรันดร" อันนี้มาจากนาฬิกาในสวนของปราสาทที่เพลินไปพักค่ะ เป็น Anon. นะเออ


และที่แน่นอนที่สุด คือประโยคที่มิลินท์พูดอันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง เราอ่านแล้วเพ้อไปหลายเดือนทีเดียว

"ความรักก็เหมือนกับสายฝน ถึงฤดูกาลของมัน มันก็จะโปรยปรายลงมาเอง ต่อให้คุณต้องการมันหรือไม่ก็ตาม แต่ตราบใดที่ท้องฟ้ายังแห้งแล้งไม่มีละอองน้ำ ต่อให้คุณต้องการแค่ไหน ฝนก็ไม่มาอยู่ดี"




 

Create Date : 28 เมษายน 2551    
Last Update : 28 เมษายน 2551 23:02:20 น.
Counter : 410 Pageviews.  

1  2  

หวานจ๋อยหยอด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้หญิงหน้ากลมชื่อหวานแต่เปรี้ยว
รักจะมองโลกผ่านเลนส์สีกุหลาบ
รักงานเขียนมากกว่าอะไร
รักคนไข้...หรือเปล่านะ?
รักและแคร์เพื่อนๆรอบตัว
รักครอบครัวที่สุด
Friends' blogs
[Add หวานจ๋อยหยอด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.