แม่










Create Date : 24 มีนาคม 2550
Last Update : 24 มีนาคม 2550 8:58:54 น.
Counter : 253 Pageviews.

0 comment
ทายนิสัย 16 แบบจากแบบทดสอบ
แบบทดสอบทายนิสัย แต่ห้ามดูเฉลยก่อนนะ เดี๋ยวไม่แม่น เลือกข้อที่ใกล้เคียงมากที่สุดนะ

วิธีการ : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าข้อที่เลือก แล้วนำมาเรียงกัน

1. บุคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร?
(I) ชอบสันโดษ, คิดก่อนทำ, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
(E) ชอบเข้าสังคม, ชอบไปงานสังสรรค์, ทำก่อนคิด, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน. สิ่งของ, สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่
2. เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร?
(S) ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล, ดูถึงปัญหาปัจจุบัน, ดูถึงหลักความเป็นจริง
(N) ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล, คาดการณ์ล่วงหน้า, ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น

3. คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา? (โดยสัญชาตญาณของคุณ)
(T) ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ, ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง, คิดถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ
(F) ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ, ตัดสินใจจากความชอบ, ความต้องการ, คิดถึงความต้องการ และการตอบสนองของตน

4. คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร?
(J) ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน , ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ , ชอบตัดสินใจเพื่อให้จบปัญหา
(P) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว , ไม่ยึดติด , มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ , รับฟังความคิดผู้อื่น


มาเฉลยเลยดีกว่า.. ไม่อยากให้เพื่อนๆ รอนานแระ จะบอกว่ามีหลายแบบมากเลยคับ ทั้งหมด 16 แบบนะ ตรงไม่ตรงยังไงแจ้งข่าวด้วยนะคับ ^___^
ใครแอบดูระวังนะ

คำเฉลย :

ISTJ - The Duty Fulfiller " ผู้สำเร็จ "
- มีสมาธิสูง , เงียบ , เป็นคนรักครอบครัว
- ละเอียด , จริงจัง และ ไว้ใจได้
- ทำงานหนัก , เจ้าระเบียบ และ มีความรับผิดชอบสูง
- อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขา ซื้อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้
- ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก

ISTP - The Mechanic " ช่างเครื่อง "
- เงียบ , ชอบผจญภัย และ กีฬา
- ชอบเสี่ยง , เป็นตัวของตัวเอง , แก้ปัญหาเก่ง
- มองโลกในแง่ดี แต่อาจโกรธง่ายตอนเครียด
- ปกติไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ ทั้งดีและไม่ดี

ISFJ - The Nurturer " ผู้ดูแล "
- เงียบ , ใจดี , มีสติ
- มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่
- คิดถึงคนอื่นก่อนตัว , จำคนเก่ง
- เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์
- ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง

ISFP - The Artist " ศิลปิน "
- เงียบ , ใจดี , จริงจัง และ อ่อนไหว
- ไม่ชอบการโต้แย้ง, ไม่ชอบระเบียบ
- ความคิดสร้างสรรค์ และ ไม่เหมือนใคร , รักขอบสวยของงาม
- เข้าใจยาก , เปิดเผยตัวเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น
- ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง

INFJ - The Protector " ผู้ป้องกัน "
- ความคิดสร้างสรรค์ , อ่อนไหว , เป็นตัวของตัวเอง
- เก่งเรื่องคน และ สถานการณ์
- เป็นคนลึกซึ้ง ,ซับซ้อน , ชอบความเป็นส่วนตัว
- เข้าใจยาก , มีความมั่นใจในตัวเองสูง, ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง

INFP - The Idealist " นักอุดมการณ์ "
- เงียบ , ซื่อสัตย์, ชอบอุดมการณ์
- ชอบช่วยเหลือ และ เข้าใจคนอื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง
- ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
- มีความคิดสร้างสรรค์

INTJ - The Scientist " นักวิทยาศาสตร์ "
- ฉลาด ...... มุ่งมั่น , ไม่เหมือนใคร
- เป็นผู้นำที่ดี, มีความมั่นใจสูง, มองการณ์ไกล
- ชอบคิดคนเดียว และ ชอบอยู่คนเดียว, ชอบด่วนสรุป, ไม่ชอบรายละเอียด, คิดว่าตนเองถูกเสมอ
- บอกความรู้สึกไม่เก่ง, จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

INTP - The Thinker " นักคิด "
- ความคิดสร้างสรรค์ , เป็นตัวของตัวเอง , มีเหตุมีผล และ มีความสามารถสูง
- ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น , ไม่ชอบระเบียบ
- ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก , ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
- เงียบ , ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง
- มีอารมณ์ซับซ้อน , ไม่อยู่นิ่ง และ แปรปรวน

ESTP - The Doer " ผู้กระทำ "
- เป็นมิตร , ยืดหยุ่นง่าย , เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง
- ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่ผลลัพธ์
- ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จึงทำให้ผ่านไปเร็ว
- รักสนุก , สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
- ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ
- เบื่อง่าย

ESTJ - The Guardian "ผู้พิทักษ์"
- มีระเบียบ, ซื่อตรง, ตรงไปตรงมา
- มีความมั่นใจในตัวเอง, มีความสามารถ, ทำงานหนัก, เป็นผู้นำ
- ชอบความปลอดภัย และ ความสงบสุข
- บอกความรู้สึก และ ความห่วงใยไม่เก่ง

ESFP - The Performer " ผู้แสดง "
- อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้, มีมนุษยสัมพันธ์ดี, รักสนุก และ ทำงานเป็นทีมได้ดี
- มองโลกในแง่ดี , ต้อนรับทุกคน แต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน
- ไม่ชอบงานประจำ , คิดมากเวลาเครียด
- รักสวยรักงาม

ESFJ - The Caregiver " นักใส่ใจ"
- มีน้ำใจ , คนชอบ , มีสติ , มีความรับผิดชอบ
- เก่งเรื่องคน , เข้าใจ , สนใจ และ ปรับตามคนได้
- ชอบให้คนชอบ , ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง
- รักสงบ และ ความปลอดภัย , ไว้ใจได้ , กระตือรือร้น
- อ่อนไหว , ต้องการการเห็นด้วยจากผู้อื่น

ENFP - The Inspirer " ผู้มีแรงบันดาลใจ "
- มีความคิดสร้างสรรค์ , กระตือรือร้น , ยืดหยุ่น
- ต้อนรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด
- มีมนุษยสัมพันธ์ดี , ชอบให้คนชอบ แต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย
- เป็นคนร่าเริง และ ชอบเป็นอิสระ

ENFJ - The Giver " ผู้ให้ "
- มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก , ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ
- ไม่ชอบอยู่คนเดียว , ต้องการอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา
- มีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบหลาย ๆ อย่าง
- มีความมั่นใจในตัวเอง , เจ้าระเบียบ

ENTP - The Visionary " ผู้มีวิสัยทัศน์ "
- มีความคิดสร้างสรรค์ , ฉลาด , แก้ปัญหาเก่ง
- ชอบไอเดียใหม่ , ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ
- ชอบคุย , คุยเก่ง , หัวไว
- ไม่สนใจเรื่องความรู้สึก แต่เพียงจะให้งานสำเร็จ
- บางครั้งอาจจะเคร่งครัดกับคนรอบข้าง

ENTJ - The Executive " ผู้บริหาร "
- เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด , พูดต่อหน้าคนเก่ง , ฉลาด , มีความรู้
- เห็นความสำคัญในความรู้ และ ความสามารถ , ไม่มีความอดทนกับคนทำงานไม่เก่ง
- แก้ปัญหาเก่ง , สามารถเข้าใจปัญหาซับซ้อน
- เจ้ากี้เจ้าการ , ไม่มีความอดทน , เด็ดขาด , น่าเกรงขาม

อย่าลืมตอบหน่อยนะครับว่าแม่นมั้ย



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2550 23:12:49 น.
Counter : 392 Pageviews.

6 comment
มีลูกสุนัขมาขาย
เจ้าของร้านตอกป้ายติดไว้เหนือประตูมีข้อความว่า "มีลูกสุนัขขาย"
นี่เป็นวิธีดึงดูดเด็กเล็ก ๆ ได้อย่างดี

เด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวใต้ป้ายแผ่นนั้น และถามว่าลูกหมาที่ขายราคาเท่าไรครับ
"มีหลายราคา ตั้งแต่ 30 ไปจนถึง 50 เหรียญ" เจ้าของร้านตอบ

หนูน้อยล้วงเข้าไปในกระเป๋าและควักสตางค์ออกมาผมมีอยู่ 2.37 เหรียญเอง
ขอผมดูพวกมันหน่อยได้ไหมครับ เจ้าของร้านยิ้มแล้วผิวปาก
เจ้าเลดี้วิ่งออกมาจากเฉลียงข้างร้านพร้อมกับลูกสุนัขขนฟูอีก 5 ตัว
หนึ่งในนั้นเดินตามมาช้าๆ หนูน้อยสนใจลูกหมาตัวนี้ทันที
เห็นได้ชัดว่ามันเดินลากขาเหมือนเป็นหมาพิการ
หมาตัวเล็กๆ นั่นเป็นอะไรครับ

เจ้าของร้านบอกว่าสัตวแพทย์ตรวจตรวจเจ้าลูกหมาตัวนี้แล้วพบว่ามันไม่มีสะโพก
มันจะต้องเดินขากะเผลกและจะพิการไปตลอดชีวิต

เด็กชายตื่นเต้นขึ้นมาทันที "ผมขอซื้อลูกหมาตัวนี้ได้ไหมฮะ"
เจ้าของร้านตอบว่า อย่าเลยหนูคงไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอก
แต่ถ้าหนูอยากได้จริงๆ ล่ะก็ ฉันจะยกให้......?!@!@#
หนูน้อยเริ่มไม่พอใจ เขาจ้องหน้าเจ้าของร้านพร้อมกับชี้นิ้วพูดว่า
“ผมไม่ต้องการให้คุณยกมันให้ผมฟรีๆ หมาตัวนี้มีค่ามากเท่ากับตัวอื่นๆ"
ทั้งหมดและผมก็จะจ่ายให้คุณเต็มราคาด้วย
แต่ผมจะให้คุณไปก่อน 2.37 เหรียญ และจะผ่อนให้เดือนละ 50 เซ็นต์จนกว่าจะครบ

เจ้าของร้านยังค้านอีกว่า หนูไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอกมันวิ่งไม่ได้
กระโดดก็ไม่ได้ และเล่นกับหนูเหมือนกับลูกหมาตัวอื่นๆ ก็ไม่ได้
ถึงตอนนี้หนูน้อยจึงนั่งลงและถกขากางเกงให้เจ้าของร้านเห็นขาข้างซ้ายที่ลีบเล็ก
และมีเหล็กแท่งใหญ่พยุงเอาไว้
เขาเงยหน้ามองเจ้าของร้านและพูดนุ่มๆ ว่า นี่ไง ผมเองก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน
และลูกหมาตัวนี้ก็คงต้องการใครสักคนที่เข้าใจมัน

เจ้าของร้าน......................!



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2550 23:01:52 น.
Counter : 282 Pageviews.

0 comment
๖๐ ข้อคิดบันทึกไว้จากใจ"พ่อ"

ลูกจงจำไว้ว่า…
การไม่ต่อสู้ในบางกรณี
กลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ กว่าการต่อสู้
อย่างเอาเป็นเอาตาย


ลูกจงอย่าเลือกของที่ชอบ
ด้วยความอยากของลูก
แต่จงเลือกด้วยสติปัญญา
และพิจารณาถึงประโยชน์
และโทษของมันเสียก่อน



ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี
ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน
แต่เขาไม่เข้าใจว่า
อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี


ลูกจะตำหนิ ติเตียนใคร
ก็จงดูตนเองเสียก่อน
อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้


ลูกจะเห็นว่า
ผู้มีสัมมาคาระวะ จะพบแต่ความเจริญ
การอ่อนน้อม
เป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ
การยกมือไหว้ผู้อื่นได้
คือการทำลาย ตัวกู-ของกู


ลูกพ่อต้องเป็นคนแข็งแรง…ไม่แข็งกระด้าง
ลูกพ่อต้องเป็นคนเรียบง่าย…ไม่มักง่าย
ลูกพ่อต้องเป็นคนอ่อนโยน..ไม่อ่อนแอ


ลูกของพ่อ..คล่องแคล่วว่องไว
เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว


เงินทองที่ลูกมี
ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป
ปัญญาที่ลูกหาได้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน


ถ้าลูกทำเด่น
จะถูกคนเขาเขม่นและสมน้ำหน้า
ลูกจะพลาดท่าลงมา..เพราะ
ความอยากเด่นอยกดัง

๑๐
ลูกจงจำไว้ว่า
เงินทองเป็นของนอกกาย
พ่อ แม่ สุขใจ
เมื่อพี่น้องรักกัน

๑๑
ลูกจงโอนอ่อนผ่อนตาม
อย่างฉลาดและสุขุม
การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะ
ดีกว่าการชนะด้วยอารมณ์

๑๒
ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา
ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญา
เขาเรียกว่าคนบ้าบิ่น

๑๓
ลูกต้องทำทุกอย่างด้วยความสุจริต
เมื่อสุจริต จิตผ่องใส
เมื่อทุจริต จิตหมองไหม้


๑๔
ทรัพย์สมบัติ ไม่ใช่สิ่งจำเป็น
ที่พ่อแม่จะให้แก่ลูก
ความรู้และความประพฤติดีเท่านั้น
ที่พ่อแม่ควรมอบให้แก่ลูก…อันเป็นที่รัก


๑๕
ลูกหลีกทางให้เขา
ก็คือหลีกทางให้เราหลุดพ้นจากอันตราย
ในที่สุดก็จะได้รับผลดีด้วยกัน
ทั้งเขาและเรา

๑๖
ปลายทางสุดท้ายของความไม่พอ
คือ…ความทุกข์

๑๗
ลูกจงจำไว้ว่า…
ผู้ที่ไม่มีใครให้อภัยผู้อื่น
คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ
การให้อภัยศัตรู คือการ สร้างมิตร

๑๘
ถ้าผู้อื่นหลอกเรา
เรารู้ง่ายและแก้ไขได้ง่าย
แต่ถ้าเราหลอกตัวลูกเอง
รู้ยาก แก้ไขได้ยาก


๑๙
ลูกควรจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม
ทำสิ่งที่ควรทำ
และต้องรู้ว่า สิ่งใดควรทำก่อน
สิ่งใดควรทำทีหลัง

๒๐
เมื่อลูกสังเกตดู จะพบว่า
ภายหลังเสียงหัวเราะ จะมีน้ำตา
ภายหลังเสียน้ำตา จะเห็นแสงธรรม
คือความจริงของชีวิต

๒๑
หกล้มเพราะก้าวเดินไปข้างหน้า
ยังดีกว่าลูกยืนเต๊ะท่าอยู่กับที่
เพราะถ้าลูกยืนไม่ดี…ก็จักมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี

๒๒
ลูกจงหาความสุขกับปัจจุบัน
อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต
อย่าหมกอยู่กับอดีต
จะทุกข์

๒๓
โชค…เข้าข้างผู้ที่มีความอ่อนน้อมเสมอ
ถ้าลูกเป็นผู้น้อยที่นอบน้อมผู้ใหญ่
ใคร ๆ ก็รัก
ถ้าลูเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย
ผู้น้อยก็มีความภักดี


๒๔
ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง
ขอให้ลูกคิดอยู่เสมอว่า
ถ้ามีสิ่งใดในโลก ที่ผู้อื่นทำได้
ไม่มีเหตุผลอะไร ที่เราจะทำไม่ได้

๒๕
ความโศกเศร้าเสียใจ
มิได้ทำให้ใครได้รับประโยชน์อะไร
นอกจากทำให้ศัตรูของเราดีใจและ
สมน้ำหน้า

๒๖
เมื่อพบภัยที่อยู่ข้างหน้า
จงหนีเข้าหาพระดีกว่าหนีเข้าหาโจร
ซึ่งโจรจักฉกฉวยโอกาสเอาจากเราเสมอ
…อย่างคาดไม่ถึง

๒๗
คนเรามีความโลภทุกคน
ถ้าโลภมาก…ก็จะทุกข์มาก
ถ้าโลภน้อย…ก็จะทุกข์น้อย
ถ้าไม่โลภ…ก็จะไม่ทุกข์

๒๘
ถ้าลูกประพฤติดี
ลูกก็จะพบกับคนประพฤติดี
ถ้าลูกประพฤติชั่ว
ลูกก็จะพบกับคนประพฤติชั่ว
ขอให้ลูกเลือกคบให้ถูกต้องเถิด
ลูกจักเป็นคนที่โชคดี

๒๙
ลูกอย่ากลัวไปเลยว่า
จะได้แต่งงานกับคนไม่ดี
ถ้าลูกไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยว
ลูกก็จะพบคู่ครองที่ไม่สูบ
ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยวเช่นกัน

๓๐
ไม่ว่าคนหรือสัตว์
ต้องการคำอ่อนหวาน
ลูกก็เช่นกัน ควรพูดคำอ่อนหวานแก่ผู้อื่น
เมื่อลูกอ่อนหวานแก่ผู้อื่น
ผู้อื่นก็จะอ่อนหวานกับลูก

๓๑
ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว
เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน
ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่าผิดศีลธรรม

๓๒
ลูกจงจำไว้ว่า…
ศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า
เพราะฉะนั้น
อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย

๓๓
ลูกจงสนุกกับการใช้เงิน และพร้อมกันนั้น
ลูกต้องสนุกกับการเก็บรักษาเงินด้วย
และยิ่งกว่านั้น
ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์
คือหาด้วยความถูกต้อง

๓๔
การกระทำของลูก บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง
แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป
ได้อย่างไร
คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น

๓๕
ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นผู้ฉลาด
ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็นคนโง่
ขอให้ลูกจงกล้าหาญอย่างชาญฉลาด


๓๖
บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้
สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก
สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้
เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น

๓๗
ลูกจงจำไว้ว่า…
ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร
ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น
แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ
แต่คนเรา…โดยส่วนมาก
ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น


๓๘
เมื่อมีปัญหา แก้ให้ถูกจุด จักพ้นทุกข์เร็ว
อย่าเป็นเช่นคุณยายแก่ ๆ
มองหาเข็มที่เสาไฟ เพราะมีแสงสว่าง
แต่หาเท่าใดก็ไม่พบ
เพราะเหตุว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
เข็มหายในบ้าน แล้วมาหานอกบ้าน
เพียงเพราะในบ้านไม่มีแสงไฟฟ้า…
น่าขันไหมล่ะ

๓๙
ลูกจงจำไว้ว่า
คนเห็นแก่เงิน คบยาก
คนเห็นแก่งาน คบง่าย
คนเห็นแก่ผู้อื่น คบสบาย

๔๐
ถ้าลูกปราถนาให้ผู้อื่นรัก
ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก
ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น

๔๑
ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม
สำคัญที่สุด…ลูกอย่าข้ามตัวเอง

๔๒
ผู้กล้าหาญ คือผู้ที่สามารถบังคับตัวเองได้
ถ้าลูกจักปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงราก
แต่ถ้าจะปลูกจิตใจ
ต้องบำรุงด้วยศีล ด้วยธรรม


๔๓
ลูกเกิดเป็นคนแล้ว ต้องพยายามทำดีที่สุด
เมื่อทำดีที่สุดแล้ว นอกนั้นแล้วแต่ฟ้าลิขิต
โบราณว่า
ลิขิตเป็นของฟ้า ( ผลของการกระทำ )
ชะตาเป็นของคน ( การกระทำของตัวเอง )

๔๔
ลูกควรจะยอมผิดใจกับคนสุภาพชน
แต่อย่าผิดใจกับคนพาล
จะเดือดร้อนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

๔๕
การไม่ระวังการใช้จ่าย เล็ก ๆ น้อย ๆ
อาจทำให้ล่มจมได้
ดังเช่นเรือมีรูรั่วเล็กๆ
อาจทำให้เรือใหญ่จมได้


๔๖
โรคภัยทางร่างกาย จะเข้ามาทางปาก
ภัยพิบัติ ก็จะออกจากปากของเราเช่นกัน
เมื่อลูกจะพูดสิ่งใด จงพิจารณาให้ดีๆ

๔๗
การโกรธ เป็นวิสัยของปุถุชน
การให้อภัย เป็นวิสัยของบัณฑิต
ลูกพ่อจะเป็นบัณฑิต จึงต้องฝึกการให้อภัย
ด้วยความมีเมตตา
เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้


๔๘
การเดินทางหมื่นลี้ต้องมีก้าวแรก
ยามลูกมีอำนาจ จงอย่าเหลิงอำนาจ
ยามลูกมีความสุขก็อย่างหลงระเริง
ระวังความทุกข์จักตามมา

๔๙
ถ้าลูกให้เงินเพื่อนยืม…ระวัง
จะเสียเงิน…จะเสียเพื่อน…จะเสียใจ
เพราะฉะนั้นลูกอย่าให้เงินใครยืม
ถ้ามีก็ให้เขาไปเลย

๕๐
ถ้าลูกระแวงสงสัยใครแล้ว
ลูกอย่าทำธุรกิจร่วมกัน
เพราะจะมีแต่ระแวงกัน การงานไม่ราบรื่น
ความทุกข์จะเข้ามาในจิตใจลูก

๕๑
เรือที่ออกทะเล
ปฏิเสธคลื่นลมไม่ได้ ฉันใด
ชีวิตของลูก
ปฏิเสธอุปสรรคไม่ได้ ฉันนั้น


๕๒
ลูกสังเกตดูจักรู้ว่า
ผู้เป็นคนดี มักอ่อนน้อมถ่อมตน
ผู้โง่เขลามักหยิ่งยโส ทะนงตน
คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด
คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด
หรือยากให้คนอื่นรู้ว่าฉลาด
จึงโอ้อวด คุยเบ่ง ทับถมคนอื่น
ส่วนคนฉลาดมักไม่อวดตัว
จักเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน
ไม่หยิ่งยโส ไม่โอหัง
และชอบประกาศความดีของผู้อื่น

๕๓
แมลงผึ้ง ชอบของหอมของหวาน
แมลงวัน ชอบของเหม็นของเน่าเสีย
ถ้าลูกชอบสิ่งที่ไม่ดี คบคนไม่ดี คิดไม่ดี
พูดไม่ดี ทำไม่ดี ไปสู่สถานที่ไม่ดีแล้ว
ลูกก็จะเปรียบเช่นแมลงวัน
ซึ่งไม่มีใครชอบหรืออยากจะให้ความรัก
แต่ถ้าลูกคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี
และไปแต่เฉพาะที่ดี
ลูกก็เป็นเช่นแมลงผึ้ง
คนดีใคร ๆ ก็อยากคบด้วย
ถ้าลูกเป็นแมลงผึ้ง ลูกก็จะได้พบกับดอกไม้
ถ้าลูกเป็นแมลงวัน
ลูกก็จะได้พบกับของเน่าเหม็น
คำโบราณว่าไว้
ขี้เกียจ เป็นแมลงวัน
ขยัน เป็นแมงผึ้ง


๕๔
ผู้ที่รู้จักประมาณตน เป็นคนฉลาด
ลูกควรใช้จ่ายตามฐานะ
ลูกจักไม่ขัดสนตลอดไป

๕๕
ถ้าลูกมีความพากเพียรและถ่อมตนแล้ว
ภายใต้ท้องฟ้า…ลูกของพ่อจักทำได้ทุกสิ่ง
ธรรมะสอนไว้ว่า
คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร

๕๖
ถ้าลูกทำงานด้วยความรีบร้อน ร้อนรน
มักทำความผิดพลาด มาให้ลูกเสมอ
ลูกต้องทำด้วยความรวดเร็ว แบบมีสติ
จึงจะประสบความสำเร็จได้
อย่างถูกต้องและราบรื่น

๕๗
การนินทาและว่าร้ายต่อผู้อื่น…
มันเจ็บปวดมากว่ามีดที่กรีดเนื้อเขา
มากมายหลายเท่านัก
เมื่อลูกเข้าใจอย่างนี้แล้ว
อย่านินทา อย่าว่าร้ายผู้อื่นเลย
เพราะเมื่อเขาเจ็บปวดเพราะคำพูดของเราแล้ว
เขาก็สามารถทำความผิดกับเราได้
เราก็เดือดร้อน


๕๘
คนขี้เกียจ มักอ้างว่า ยังไม่ต้องทำ
เพราะเช้าไป เพราะเย็นไป
เพราะร้อนไป เพราะหนาวไป
เพราะฝนตก เพราะแดดออก
ถ้าลูกอ้างอย่างนี้ จะทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ

๕๙
ในสมัยนี้ ใครก็ชอบแต่ของดี ๆ
แต่ไม่รู้ว่า อย่างไรถึงจะดี
จึงขอเตือนว่า
ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคิด
ลูกต้องคิดแต่ดีดี
ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่พูด
ลูกต้องพูดดีดี
ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่ทำ
ลูกต้องทำดีดี
ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคบคน
ลูกต้องคบคบดีดี
ลูกของพ่อ…ดีแต่จะไป
ลูกต้องไปดีดี
ลูกจง คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี
ไปสู่สถานที่ดีดี


๖๐
ถ้าลูกละเลยเรื่องเล็กน้อย
กระทำผิดเพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน
ลูกอาจต้องเสียใจอย่างใหญ่หลวง
ในภายหน้า
คิดกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นคิดไม่ดีกับเรา ในวันหน้า
ทำกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นกระทำต่อเราไม่ดี ในวันหน้า
รังแกผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นรังแก ในวันหน้า
โกงผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นโกง ในวันหน้า
โกหกผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นโกหกในวันหน้า
เหยียดหยามผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นเหยียดหยาม ในวันหน้า
โกรธผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่น ในวันหน้า
ริษยา อาฆาตผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นริษยา อาฆาต ในวันหน้า
ฆ่าผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นฆ่า ในวันหน้า
ในทางตรงกันข้าม…
ถ้าลูกรักและเมตตาผู้อื่น ในวันนี้
ลูกก็จักได้รับความรักและเมตตา
ในวันข้างหน้า


ก่อนจบท้าย
หน้าที่ที่ลูกควรปฏิบัติต่อผู้อื่น คือ การมอบน้ำใจให้แก่กันและกันดังต่อไปนี้
๑. ลูกควรมองทุกคนที่พบกันด้วยสายตาที่เป็นมิตร
๒. ลูกควรยิ้มให้ทุกคนที่พบกัน เริ่มแรกยิ้มด้วยสายตา
ยิ้มด้วยใบหน้าและริมฝีปากและด้วยจิตใจที่เป็นกันเอง
๓. ลูกควรทำความรู้จักกับผู้อื่นด้วยการยิ้มและทักทาย
๔. ลูกควรโบกมือส่งยิ้มให้กับเด็ก ๆ ที่ลูกพบเห็นโดยทั่วไป
๕. ลูกควรมองคนในแง่ดี ให้มองว่าไม่มีใครจะเลวทั้งหมด
๖. ลูกควรมองว่าคนเราเป็นมิตรกันได้แม้จะมีความคิดต่างกัน
๗. ลูกควรกล่าวคำสวัสดี ยกมือไหว้ ยิ้มหรือก้มหัวตามความเหมาะสม
ตามฐานะของตนแล้วแต่กรณี
๘. ลูกควรพยายามเรียกชื่อคนที่เราสนทนาด้วยระวังอย่าเรียกชื่อคนผิด
๙. ลูกควรตั้งใจรับฟังคนอื่นพูด อย่าขัดคอเขา ต้องรู้จักสังเกตให้ดี
๑๐. ลูกควรใช้คำพูดให้ติดปาก คือคำว่า ขอบคุณ ขอโทษ
๑๑. ลูกควรพูดด้วยความสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน ไม่พูดหยาบคาย
๑๒. ลูกควรพูดชมเชยผู้อื่นเป็นประจำ
๑๓. ลูกควรพูดถึงคนอื่นและผู้บังคับบัญชาในด้านดีกับคนที่เขารู้จัก
๑๔. ลูกควรรู้จักขัดแย้งโดยไม่ให้เขาเสียน้ำใจ
๑๕. ลูกควรพูดคุย ในสิ่งที่ผู้คุยให้ความสนใจ
๑๖. ลูกควรหาเรืองดีดี หรือเรื่องคนทำดีมาคุยกันบ้าง
๑๗. ลูกควรหาเวลางดเว้นการพูดที่ไม่ดี หรืองดเว้นการโกรธอย่างน้อย ๑
วันต่อสัปดาห์
๑๘. ลูกไม่ควรหาเรื่องจับผิดคนอื่นโดยไม่ใช้ปัญญา
๑๙. ลูกควรให้ความเห็นใจ ปลอบใจคนที่กำลังมีความทุกข์


ด้วยรัก….


จาก พ่อ





Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 23:45:49 น.
Counter : 281 Pageviews.

0 comment
พุทธิปัญญาจากหมาขี้เรื้อน
เรื่องนี้เคยอ่านจากเว็บ //www.pi-ohm.com มานานแล้ว เห็นว่ามีประโยชน์ดี เลยอยากให้ทุกคนได้อ่านกัน
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน

เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้วผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน

พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบายเมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน

แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ

วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง

เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่

ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา

ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต!

ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ

กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ

อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่า แห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง

วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง

เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก

อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น พระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มาก ขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติ กลางลานทรายด้วยท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณร น้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน

อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ

เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวันเดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรง นี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน

แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจหาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรก สิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน

เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่าเจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก"

พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว

ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้นในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยน
ไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน

จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเองเมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา"

โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า

หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ

ถ้าเรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่า เราย้ายงาน ไปที่ไหน เราก็ บ่น ว่า สถานที่เหล่านั้น สกปรกสิ้นดี


เท่าที่ผ่านมา มีลูกศิษย์ที่เกิดปัญหาในการปรับตัวในที่ทำงานมาบ่นให้ฟังบ่อยๆ บางคนเปลี่ยนงานบ่อยมาก เลยอยากให้อ่านเรื่องนี้ไว้เตือนใจบ้าง ว่าบางครั้งการที่เราจะเปลี่ยนคนอื่นนั้นยากกว่าการที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับงานตรงนั้น



Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 23:33:59 น.
Counter : 417 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

vishnu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog ส่วนตัว เพื่อเผยแพร่สาระดีๆ แก่พี่ เพื่อน น้อง และลูก(ศิษย์)
ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น หากท่านใดมีคำแนะนำดีๆ Comment มาได้ใน About me ครับ แล้วจะพยายามทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
สำหรับ เรื่องดีๆ ที่น่าอ่าน Blog ที่ไม่มีชื่อผมและวันเขียนลงท้ายไว้ แปลว่าหยิบมาจากที่อื่นนะครับ



ต้องการสืบค้นข้อมูล
เชิญได้ที่นี่ครับ




ค้นหาใน GOOGLE.CO.TH
ค้นหาใน CodeTukyang.com
All Blog