คุณพ่อดีเด่นแห่งทะเลหมายถึงอะไร
สัตว์ทะเลหลายชนิดจะมีการดูแลฟูมฟักไข่และตัวอ่อนของมันระยะหนึ่ง ดังเช่นปูตัวเมียจะอุ้มไข่ที่ถูกผสมแล้วของมันหรือที่เราเรียกว่าไข่แก่ไว้ระยะหนึ่งที่ตะปิ้งใต้ท้องของมัน หรือการที่พวกหอยฝาเดียวมีการวางไข่ใน เปลือกหุ้มไข่ก็เป็นการดูแลไข่และตัวอ่อนแบบหนึ่ง ปลาดาวบางชนิดจะใช้แขนของมันเกาะแน่นกับพื้นทำเสมือนเป็นถุงอุ้มไข่ไว้ โดยหันด้านปากเข้าหาพื้นแล้วอยู่ในลักษณะนี้ในขณะที่มันดูแลไข่และตัวอ่อนของมัน ปลาฉลามเองก็ดูแลไข่และตัวอ่อนของมันอย่างมากโดยมีการวางไข่ ซึ่งมีปลอกหุ้มที่แข็งแรง ตัวอ่อนจะเจริญวัยภายในปลอกหุ้มไข่ ปลาฉลามบางชนิดจะตั้งท้องโดยที่ตัวอ่อนจะเจริญอยู่ภายในช่องอวัยวะสืบพันธุ์ของแม่ปลา การพัฒนาของตัวอ่อนจะเกิดขึ้นในตัวแม่จนกระทั่งคลอดออกมาเป็นตัว ซึ่งพบได้สองแบบคือแบบแรกตัวอ่อนที่อยู่ในตัวแม่จะได้อาหารจากไข่ ไข่จะมีการสะสมอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ ส่วนแบบที่สองนั้นตัวอ่อนจะได้รับอาหารจากตัวแม่โดยผ่านทางรถและสายสะดือปลาทะเลกระดูกแข็งหลายชนิดจะ ดูแลไข่และตัวอ่อนของมันโดยการที่มีไข่ที่ถูกผสมแล้วเจริญภายในตัวของมันและตัวมันจะออกลูกเป็นตัวเลย ปลาบางชนิดจะอมไข่ไว้เช่นปลาดุกทะเลบางชนิดจะอมไข่ที่ถูกผสมไว้เป็นเวลานานเป็นเดือน ตัวที่มีบทบาทคือปลาดุกตัวผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคุณพ่อที่แสนดีและเสียสละ ตลอดเวลาที่อมไข่อยู่นี้ปลาดุกตัวผู้จะอดอาหารมันจะดูแลไข่จนพัฒนาเป็นลูกปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายน้ำเข้าออกช่อง ปากของพ่อปลา ลูกปลาจะอาศัยอยู่กับพ่อจนกว่า มันจะดูแลตัวเองได้ คุณพ่อดีเด่นในทะเลที่น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีคือ ม้าน้ำและปลาจิ้มฟันจระเข้ แม่ม้าน้ำ จะวางไข่ไว้ในกระเป๋าช่องท้องของพ่อม้าน้ำ พ่อม้าน้ำจะปล่อยเชื้อตัวผู้ไปผสมกับไข่และดูแลฟูมฟักไข่เหล่านี้ เอง ตัวอ่อนจะได้อาหารจากตัวพ่อจนกว่ามันจะฟักเป็นลูกม้าน้ำตัวเล็ก ๆ พ่อม้าน้ำจะบิดตัวไปมาเพื่อสลัดเอาลูกม้าน้ำที่โตแล้วออกจากช่องกระเป๋า

ข้อมูลจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์



Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 25 มกราคม 2553 23:18:06 น.
Counter : 297 Pageviews.

0 comment
สวยทันใจด้วยโบท็อกซ์ (Health plus )
สวยทันใจด้วยโบท็อกซ์ (Health plus )

เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า Botox พอจะรู้ว่าโบท็อกซ์เป็นวิธีเสริมสวยลดริ้วรอย แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเขาทำกันได้อย่างไร

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับโบท็อกซ์ก่อนนะคะ จะว่าไปแล้วนั้นโบท็อกซ์เป็นชื่อการค้าของตัวยาที่เรียกว่า โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) พอพูดถึงท็อกซิน มันก็คือสารพิษอย่างหนึ่ง ความจริงแล้วต้นกำเนิดของตัวยาชนิดนี้ก็มาจากสารพิษที่แบคทีเรียชนิดหนึ่งสร้างขึ้นมา มักจะพบในอาหารกระป๋องที่เน่าบูด เมื่อรับประทานเข้าไปมีผลให้สารนี้ไป ทำให้เกิดการคลายตัวหรือเป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อผนังลำไส้ชั่วคราว จึงเกิดปัญหาท้องเสียอย่างรุนแรง เพราะกล้ามเนื้อลำไส้ไม่สามารถบีบรัดตัวไว้ได้

ด้วยความช่างสังเกตของแพทย์ จึงมีนายแพทย์ชาวแคนาดาคิดว่าในเมื่อสารชนิดนี้สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้จึงน่าจะนำมารักษาคนไข้ที่มีปัญหาขยิบตาบ่อยๆ เป็นอัตโนมัติแบบห้ามไม่ได้ และก็พบว่า เมื่อฉีดเจ้าสารโบท็อกซ์เข้าไปให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาสามารถลดปัญหากะพริบตาบ่อยเกินไปหรือตาขยิบตลอดเวลา และนับเป็นโชคดีของคุณผู้หญิงเรา ที่บังเอิญภรรยาของคุณหมอโรคตาท่านนี้เป็นแพทย์ผิวหนัง จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเรานำสารชนิดนี้มาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อที่เกร็งมากจนปรากฏเป็นรอยขมวดคิ้ว ริ้วรอยที่หน้าผากจากการเลิกคิ้ว และรอยตีนกา ก็น่าจะได้ผลเช่นกันและเมื่อได้ทำการทดลองกับคนใช้หลายๆ ราย ก็พบว่าสารโบทูลินัม ท็อกซินนั้น เมื่อนำมาสกัดทำให้บริสุทธิ์ เจือจางให้ได้ความเข้มข้นที่เหมาะสม และนำกลับเข้าไปฉีดกล้ามเนื้อที่มีการเกร็งตัวผิดปกติ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดริ้วรอยได้ผลดี

และนี่คือที่มาที่ไปของการนำสาร โบทูลินัม ท็อกซิน หรือเรียกย่อๆ ว่า โบท็อกซ์ มาใช้ลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะรอยตีนการอบดวงตา รอยขมวดคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก ซึ่งนับว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ แต่สมัยแรกๆ นั้น คุณหมอชาวอเมริกันชอบฉีดในปริมาณเยอะๆ ทำให้หน้าเรียบกริบ จนไม่สามารถแสดงสีหน้าตามปกติได้ จะยิ้มก็ไม่เต็มที่ เพราะกล้ามเนื้อหดตึงไม่ได้ บางครั้งจึงดูเหมือนหน้าหลอกไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่คุณหมอทั้งหลายมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีการฉีด ใส่ตัวยาน้อยลง เลือกเฉพาะกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งจริง ๆ คุณจึงสามารถขยับยิ้มได้ตามปกติ และมีริ้วรอยน้อยลง

ในปัจจุบันยังมีเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์เพื่อยกหน้า ซึ่งไม่ได้ฉีดเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อเหมือนโบท็อกซ์แบบเดิม แต่เป็นการเจือจางตัวยา และฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาไปกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ เมื่อผิวหนังชั้นนี้แข็งแรงขึ้น ผิวหน้าก็จะดูเรียบและยกกระชับขึ้นมาได้

แต่เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์นั้น ใช่ว่าจะได้ผลยืนยาวไปตลอด ทั้งนี้ก็เพราะร่างกายเราจะตรวจเจอได้ว่า มีสารสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสุดท้ายก็จะหาทางกำจัดออกไป การฉีดโบท็อกซ์จึงให้ผลในการลดริ้วรอย และยกกระชับผิวหน้า เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ 3-6 เดือน และก็ต้องกลับมาฉีดซ้ำใหม่ ปีหนึ่งจึงอาจต้องเติมโบท็อกซ์กันถึง 2-3 ครั้ง

มีข้อควรระวังบ้างเหมือนกัน คนส่วนใหญ่มักไม่แพ้สารโบทูลินัม ท็อกซิน แต่อาจจะมีบางคนที่มีปฏิกิริยาบวมแดงได้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะโดยทั่วไปแล้วหลังจากฉีด อาจจะบวมแดงเพียงแค่ 1-2 วัน มีรอยฟกช้ำจากเข็มได้บ้างแต่ก็เป็นไปได้น้อย แต่บางครั้งหากคุณฉีดโบท็อกซ์จำนวนเยอะๆ บ่อยครั้ง ต่อเนื่องกันนานๆ ร่างกายเราอาจจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้สามารถกำจัดตัวยา ซึ่งเป็นเสมือนสิ่งแปลกปลอมออกไปจากผิวหนังและร่างกายเราได้เร็วขึ้น แทนที่จะได้ผลของโบท็อกซ์ยาว 5-6 เดือน ก็กลายเป็นว่าเดือนกว่าๆ ริ้วรอย ตีนกาก็กลับมาถามหาอีกแล้ว เพราะร่างกายเรามีประสิทธิภาพในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ดียิ่งขึ้น พบปัญหานี้ไม่บ่อย ยกเว้นในคนที่ฉีดปริมาณมากๆ และบ่อยครั้งจริงๆ

ความจริงการแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น และหน้าหย่อนคล้อยด้วยการฉีดโบท็อกซ์นั้น นับเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วทันใจ เพียงแค่ 1-2 วันก็รู้สึกได้ถึงความตึงกระชับของผิว และริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยตีนกาจางหายไปได้ในพริบตา เพียงแต่ผลไม่อยู่ยาว ดังนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพความงามทั้งหลาย จึงมักแนะนำให้คุณทำควบคู่ไปกับการใช้เลเซอร์บางชนิด ที่มีผลไปกระตุ้นให้ชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินแข็งแรงคงทนอยู่ยาวๆ จึงจะเห็นผลในแง่ของการรักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นและกระชับผิว ป้องกันความหย่อนยานของผิวหน้าอย่างเห็นผลในระยะยาว และที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้ครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมสภาพ จึงจะช่วยให้เห็นผลดียิ่งขึ้น





ที่มา หนังสือHealth plus No.46 ธันวาคม 2552




Create Date : 09 มกราคม 2553
Last Update : 9 มกราคม 2553 0:47:01 น.
Counter : 201 Pageviews.

0 comment
ทำไมเมื่อแมวตาย คนอียิปต์โบราณถึงต้องเก็บรักษาซากแมวไว้ในรูปมัมมี่
สุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์ เล่าเรื่องนี้ใว้ในหนังสือ แมวไทยดังนี้

อดีตกาลในประเทศอียิปต์ วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ได้มีงานฉลองเทพเจ้าแมวที่เรียกว่า พาชต์ (Pasht) เป็นเทศกาลใหญ่กระทำกันในโบสถ์ ซึ่งมีรูปปั้นหินมหึมาของเทพเจ้าแมวประดิษฐานอยู่บนแท่น เทพเจ้ามีร่างกายเป็นสตรีเพศ แต่มีศีรษะเป็นแมว ได้มีพิธีเซ่นสรวงด้วยเนื้อสัตว์ น้ำผึ้ง และผลไม้มีสาวงามประดับศีรษะด้วยดอกไม้ ออกมาร้องเพลงร่ายรำถวายเทพเจ้าเป็นการสนุกสนาน มีคนไปร่วมงานถึง ๗ แสนคน

ในนิยายของอียิปต์โบราณเล่าว่า พาชต์หรือจันทราเทพี ซึ่งคนพื้นเมืองก็เรียกว่าแมว เป็นมเหสีของรา (Ra) หรือสุริยเทพตอนกลางคืนราต้องไปซ่อนตัวอยู่ยมโลก พาชต์เก็บแสงอาทิตย์ไว้ในดวงตา และช่วยส่องให้ราเดินทางไปโดยสะดวก ในการเดินทางแต่ละครั้ง ราต้องต่อสู้กับงูใหญ่ที่เข้ามาขวางทาง รามักจะจำแลงร่างเป็นแมวในการต่อสู้กับงู ถ้าสู้ชนะก็จะนำแสงสว่างกลับไปสู่โลกได้ในวันรุ่งขึ้น ส่วนงูก็ถูกทำร้ายถึงเลือดตกยางออก แต่พอวันรุ่งขึ้นก็กลับหายสนิท และต่อสู้กับราอีกไม่มีที่สิ้นสุด ถ้างูใหญ่มีชัยก็จะไม่มีแสงสว่างในวันรุ่งขึ้น นั่นคือการเกิดสุริยคราส ผู้คนจะช่วยกันส่งเสียงตะโกนเต็มที่ เพื่อให้งูใหญ่ตกใจและปล่อยรา แล้วแสงอาทิตย์ก็จะคืนมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่งกล่าวกันว่า พาชต์ก็เคยแปลงตัวเป็นแมวเช่นเดียวกัน ชาวอียิปต์โบราณจึงเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพเจ้าจำแลง

กฎหมายอียิปต์โบราณห้ามนำแมวออกนอกประเทศ และถ้าใครพบแมวในต่างประเทศจะต้องนำกลับมาบ้านด้วย นอกจากนี้ผู้ใดจะฆ่าแมวไม่ได้ ถ้าแมวตาย คนในครอบครัวจะต้องไว้ทุกข์โกนคิ้ว และเอาซากศพแมวไปทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาไว้ในครอบครัวที่มั่งคั่ง มัมมี่แมวจะห่อด้วยผ้าลินินสองสีและมัดทำลวดลายสวยงาม หีบใส่มัมมี่ทำด้วยบรอนช์ประดับเพชร พลอย และนำไปฝังไว้ในสุสานใกล้โบสถ์ของพาชต์ ณ เมืองบูบาสติส ในปัจจุบันมัมมี่แมวบางตัวยังคงเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานของอียิปต์ที่เมืองไคโร และที่พิพิธภัณฑสถานของอังกฤษในกรุงลอนดอน

ดังนั้นการเลี้ยงแมวของอียิปต์นับว่าได้กระทำมาตั้งแต่โบราณกาล เพราะนอกจากรูปปั้นแมว มัมมี่แมว แล้ว ยังมีภาพเขียนผนังเกี่ยวกับแมวเหลืออยู่เป็นประจักษ์พยานอีกด้วยอียิปต์เป็นชาติแรกที่ฝึกแมวซึ่งเดิมเป็นสัตว์ป่า ให้เชื่องและเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อให้ช่วยจับหนู

“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”



Create Date : 12 ธันวาคม 2552
Last Update : 12 ธันวาคม 2552 2:16:31 น.
Counter : 262 Pageviews.

0 comment

sorryumbrella
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]