งานลูกเสือ เล่นรอบกองไฟ
ใช้กองไฟเทียมนะครับ เพราะว่าเล่นในฤดูฝนตอนนี้กำลังซ้อมนะ เดียวสักพักจะเข้าทำการแสดงจะทำไรครับ แหมยืนเท่เชีย การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์การแสดงเป็นนักรบในประวัติศาสตร์
อบรมลูกเสือชาวบ้าน ต.บ่อทอง
วันนี้มาอบรมลูกเสือชาวบ้านที่ บ้านบ่อทอง สนุกมั๊กๆเลย ตามมาดูเลยครับผมเครื่องสังเวยจ้า มีไรบ้างเอ่ยดูซิหน้านีฤดูฝนก็ต้องจัดในอาคารนะครับมีการอบรมในวิชาต่างๆที่ให้ความรู้มากมาย ถ้าใครยังไม่เคยอบรมก็น่าจะเข้าอบรมดูนะครับว่าเขาทำอย่างไรกันบ้างมีกิจกรรมกลางแจ้งใครเคยอบรมแล้วคงจะมองภาพออกมาดูภาพมุมกว้างกัน
รุ่งเช้าของวันที่เก้า
วันนี้ วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 คงจะมีเพียงวันเดียวในรอบชีวิตของเราได้ตื่นขึ้นมาเห็นความเบิกบาน ของธรรมชาติที่ใกล้ตัวพันธุ์หมู่ไม้แทรกตัวขึ้นมาจากพื้นดินเติบโตชูช่อขาวบริสุทธิ์ซึ่งได้รับการดูแลจากสายลมละอองฝนแสงแดดที่เหมาะสมผักเสี้ยนออกดอกส่งกลิ่นหอมละไมเตรียมที่จะออกผลเพื่อรักษาสายพันธุ์เป็นพืชที่นำมาดองรับประทานได้อร่อยจ้าแม้นไม่ได้ปลูกไม่ต้องเสียค่าดูแลแต่เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์จึงออกยอดอ่อนมาให้เก็บไปดองผลหรือฝักของผักเสี้ยนเริ่มจะแก่เมื่อแก่เต็มที่ฝักก็จะปิแย้มออกเป็นช่องให้แรงลมพัดพาเมล็ดอันน้อยๆให้ล่องลอยไปตามกระแสลม หล่นฝังในพื้นดินรอเวลาอุนภูมิที่พอเหมาะจะเกิดเป็นต้นใหม่ ใบบัวบกเป็นผักอีชนิดหนึ่งที่นำมาจิ้มน้ำพริกแซ็บหลายๆเด้อ เมื่อคืนนี้ได้อาบน้ำฝนที่พร่ำลงมาดูช่อใบสดชื่นเชียวละลำน้ำพระปรง ยังคงทำหน้าที่หล่อเลี้ยงผืนป่า หมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายตามสายน้ำได้ใช้สอย ไหลลงสู่ชุมชนเมืองบานบุรีแย้มออก ส่งยิ้มมาให้อย่างอบอุ่นแม้นแต่ขอนไม้ผุก็ยังมีดอกเห็ดได้อาศัยเป็นที่เกิดก่อความงดงามภายใต้ร่มไทรที่ช่ำเย็น มาไหว้พระขอพร ให้เป็นสุขกันอย่างทั่วหน้าอายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกท่านครับชาวบล็อกแก้ง
หลวงพ่อทวด หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล
หลวงพ่อทวด หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคลประวัติหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด หลวงพ่อทวด หรือ สมเด็จพะโค๊ะ มีนามเดิมว่าปู เป็นบุตรนายหู นางจัน วัน เดือน ปี เกิดของเด็กชายปู บ้างว่าเป็นเดือน 4 ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. 2125 บ้างว่าปี พ.ศ. 990 ฉลู สัมฤทธิศก บ้างว่า พ.ศ. 2131 โดยอนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นปลายสมัยมหาธรรมราชา อาจเป็นปี พ.ศ. 2125 หือ 2131 ตอนเด็กชายปูยังเป็นทารก มีเรื่องเล่าเป็นปฏิหาริย์เอาไว้ว่าหลังจากนางจันเลิกอยู่ไฟก็ออกเกี่ยวข้าวทันที วันหนึ่งนางไปเก็บข้าวก็เอาบุตรให้นอนในเปลใต้ต้นหว้างูบองสลาขึ้นมานอนบนเปลนั้น มารดา บิดาเห็นตกใจ งูก็เลื้อยหายไป แต่ได้คายแก้ววิเศษเอาไว้ให้ เมื่อเด็กชายปูอายุได้ 7 ขวบ บิดาได้นำไปฝากกับท่านสมภารจวงซึ่งเป็นพี่ชายของนางจันผู้เป็นมารดา (หลวงลุง) วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมากสามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 10 ขวบ ก็บวชเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษให้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับพระชินเสนที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงมากมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อได้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ต่อมาก็ได้เข้ารับการอุปสมบท มีฉายาว่า ราโมธมฺมิโก แต่คนทั่วไปเรียกว่า เจ้าสามีราม เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆอีกหลายวัด เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอ จึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพรเกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วนเรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่ถึง 7 วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดอาเพศในครั้งนี้เป็นเพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะ ได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาดขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้นท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในน้ำทะเล ก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วงเจ้าสามีราม จึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืดจึงช่วงกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้นเจ้าสามีรามเป็นชีต้น หรืออาจารย์ของเจ้าสำเภาอิน สืบมาอภินิหารที่ท่านสามีรามเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นที่โจษขานมาถึงบัดนี้และเหตุการณ์ตอนนี้เล่าเสริมพิสดารขึ้นว่า ตอนแรกนายอินเชื่อมั่นว่าพระสามีรามเป็นกาลกิณีเรือจึงต้องพายุเพราะก่อนมาไม่เคยเป็น เมื่อคลื่นลมสงบจึงคิดจะเอาเจ้าสามีรามปล่อยเกาะ แต่ครั้นเห็นปาฏิหาริย์จึงขอขมาโทษ ในยุคนี้และสมัยนี้ เกือบจะไม่มีชาวไทยคนใดเลย ที่จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือได้ฟังกิติศัพท์เล่าลือเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้ บ้างก็เป็นเรื่องของความคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุสยองจากไฟไหม้หรือจากภัยพิบัติ นานัปการ และหลวงพ่อทวดมิใช่จะคุ้มครองเฉพาะด้านอุบัติเหตุเท่านั้น แม้แต่ในทางโชคลาภ ก็ให้ผลอย่างดีที่สุด ดังที่ได้ประจักษ์แก่ผู้เลื่อมใสมาแล้ว วัดห้วยมงคล เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เดิมใช้ชื่อว่า วัดห้วยคต ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามใหม่จากห้วยคต เป็นห้วยมงคล ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ อีกมากมาย กว่าสี่สิบปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยี่ยมประชาชนด้วยโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพสกนิกรให้มีฐานะดีขึ้น ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้าและโครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้าน ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุลรองสมุหราชองครักษ์ได้มีดำริที่จะสร้าง หลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ รวมทั้งเผยแพร่และสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน ด้วยเรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ที่พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน และรู้จักกันเป็นอย่างดี จึงก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐและเอกชนในการสร้างประติมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกาลนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอันเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวด บัดนี้รูปหล่อหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร ได้จัดสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะให้พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศได้เดินทางมานมัสการกราบไหว้ เคารพสักการะ ด้วยเส้นทางที่สะดวกต่อการคมนาคม นอกจากนี้ที่วัดห้วยมงคลแห่งนี้ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแกละสลักจากได้ตะเคียนทองขนาดใหญ่อายุกว่าพันปี ที่ฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ลึกกว่า 10 เมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าต้นไม้ที่มีแก่นสูง 1 คืบขึ้นไปจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องคุ้มครองคนที่มาสักการบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจึงมีอนุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ(คัดลอกจากเอกสารวัดห้วยมงคล ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์1เจ้าแม่ตะเคียนทองครับผม 23วันนี้พามาไหว้พระ จะได้มีบุญกันมากๆ สาธุสาธุ
วัดถ้ำเขาย้อยเพชรบุรี
ประวัติกล่าวว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทอง (๑๘๙๓-๑๙๑๒) เคยเสด็จตั้งทัพในบริเวณถ้ำแห่งนี้ และครังเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงผนวดอยู่นั้น ก่อน พ.ศ.๒๓๙๔ พระองค์ได้เสด็จธุดงวัตรมาปักกลด วิปัสสนาที่หน้าเขาย้อย และทรงมาประทัพนั่งกรรมฐานในถ้ำเข้าย้อยภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปปางต่างๆนอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีช่องเล็กๆ ด้านบนมีแสงสว่างส่องลงมาในถ้ำได้ ซึ่งตั้งชื่อต่างๆตามลักษณะที่เห็น เช่น ถ้ำดาว ถ้ำพระจันทร์ เป็นต้น 1234567891011จุดซื้อของฝากก่อนกลับ ขนมหม้อแกงเมืองเพชร แจ่มเปล่า 12ต้องขอตัวกลับแล้วละวันหน้าจะมาใหม่ ก่อนกลับมีของฝากจากสูตรการทำขนมหม้อแกงเมืองเพชรตำนานอาชีพพันธ์ ทรงประเสริฐ"แม่กิมไล้" ตำนานขนมหวาน ขนมหม้อแกง เมืองเพชร ตอนที่ 2เรื่องราวตำนานอาชีพของขนมหวาน "แม่กิมไล้" เจ้าของร้านขนมหวานและขนมหม้อแกง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศยาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งฉบับนี้เป็นตอนที่ 2 เรื่องกำลังเข้มข้นและน่าติดตามอ่านกันจนจบ และจะแถมท้ายด้วยความกรุณาของ คุณกิมไล้ ที่จะเปิดเผยสูตรการทำขนมหม้อแกงเมืองเพชร สูตรเดียวกับที่ทำขายกันมานาน พร้อมกับความรู้เรื่องขนมเมืองเพชรมาเล่าสู่กันเพื่อจะได้กระจ่างในเรื่องขนมแบบไทยๆ ที่มีความเป็นมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจากสมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยปัจจุบัน มาติดตามอ่านกันต่อได้เลยครับเข้าวงการขนมหม้อแกงขนมหม้อแกงเมืองเพชรเป็นขนมพื้นเมืองของจังหวัดเพชรบุรี รสชาติอร่อยมาก ใครเป็นผู้คิดค้นทำเป็นคนแรกไม่สามารถบอกได้ชัดเจน เท่าที่ทราบจากการบอกเล่าของคุณกิมไล้ว่า ขนมหม้อแกงเมืองเพชรนั้นมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยคุณแม่ยังเป็นสาวรุ่นทำขายกันหลายเจ้า ใช้ชื่อว่า ขนมหม้อแกง เมืองเพชร ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนหรือขายที่ไหน ก็มักจะบอกว่าเป็นขนมหม้อแกงสูตรเพชรบุรีกันทั้งนั้น รสชาติก็ผิดแผกกันไปตามความชอบของคนทำ ไม่มีมาตรฐานการผลิตเช่นปัจจุบันคุณกิมไล้ใช้ชีวิตขายขนมหวานแบบไทยๆ ประเภทของเชื่อม ต้ม และนึ่ง ขายประจำที่จังหวัดเพชรบุรี ในขณะเดียวกันที่ คุณกลม ก็ยังคงรับราชการเป็นตำรวจ เมื่อย้ายมาอยู่ที่เพชรบุรีก็ได้เลื่อนยศไปถึงขั้น "จ่า" คือ จ.ส.ต.กลม บุญประเสริฐ แต่คนในจังหวัดเพชรบุรีมักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า จ่ากลม ซึ่งผมเองก็ต้องขออนุญาตเรียกตามไปด้วยดาวรุ่งดวงใหม่ของขนมหม้อแกงจากเดิมที่เป็นเพียงแม่ค้าขายขนมธรรมดาๆ แต่มีความสามารถมากมายทำขนมไทยได้หลากหลายชนิด แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำขนมหม้อแกงออกมาขายแข่งกับเขาบ้าง ลำพังทำขนมไทยแบบเชื่อม ต้ม และนึ่ง วันๆ ก็ดีอยู่แล้ว ขึ้นชั้นเทียบรัศมีแม่ค้าเดิมๆ ในจังหวัดได้เป็นอย่างดี เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และในวงการข้าราชการของจังหวัดคนเราจะดังหรือมีชื่อเสียงอะไรก็ไม่สามารถจะมาหยุดได้ ต้นเหตุก็มีงานประจำจังหวัดเพชรบุรีคือ งานกาชาดและสงกรานต์ประจำปี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีในสมัย ปี 2515 คือ คุณเอนก พยัคฆ์พันธ์ ได้จัดให้มีการประกวดการทำ "ขนมไทย เมืองเพชร" โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นประเภทมืออาชีพชั้นยอด สั่งขนมเข้าประกวดกันอย่างคับคั่ง คุณกิมไล้เองนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะเข้าประกวดกับเขา แต่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้การสนับสนุน คุณกิมไล้จึงต้องเข้าประกวดกับเขาด้วย โดยการทำขนมหม้อแกงสูตรของตัวเอง แทนที่จะทำขนมตามแนวถนัดที่ขายอยู่ประจำ โดยให้ความเห็นว่า อยากลองของใหม่กำเนิดขนมหม้อแกง แม่กิมไล้การประกวดขนมไทย เมืองเพชร โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หลายท่านเป็นผู้ตัดสิน กระทำกันด้วยวิธีการตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรม การคัดเลือกและตัดสินให้คะแนนสุดยอดขนมไทย เมืองเพชร ไม่มีการติดชื่อเสียงเรียงนามของผู้เข้าแข่งขัน แต่ใช้เครื่องหมายพิเศษทำเป็นความลับโดยกรรมการไม่ทราบว่าเป็นขนมของใครส่งเข้าประกวด ผลการตัดสินของคณะกรรมการปรากฏว่า คุณกิมไล้ชนะเลิศขนมหม้อแกง จังหวัดเพชรบุรี และในขณะนั้นตัวของคุณกิมไล้กำลังสาละวนอยู่กับการขายขนมของตัวเอง ได้ยินประกาศทางวิทยุกระจายเสียงในท้องถิ่นว่าได้รับรางวัลชนะเลิศ ก็สร้างความดีใจกันทั้งครอบครัว คุณกิมไล้รู้สึกภาคภูมิใจที่ตอนแรกไม่อยากจะเข้าประกวด และสิ่งสำคัญคือ ไม่เคยทำขนมหม้อแกงมาก่อน แต่อาศัยว่าอยากลองของใหม่ และเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองว่า ต้องทำได้ เชื่อในสมองของตนเองที่จะปรับปรุงและพัฒนารูปแบบเป็นสูตรของตัวเอง กล้าแข่งขันกับเจ้าเดิมๆ อย่างมั่นใจ เมื่อได้รางวัลชนะเลิศแล้วก็อยากจะทำขนมหม้อแกงสูตรแม่กิมไล้ออกจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองรสชาติขนมหม้อแกงสูตรใหม่ๆ ผลการตอบรับปรากฏว่า ดีมากจนต้องเพิ่มยอดขนมหม้อแกงออกมารองรับมากขึ้นทุกวัน จากวันที่ได้รางวัลชนะเลิศเมื่อปี พ.ศ. 2515 จนมาถึงทุกวันนี้ ปี พ.ศ. 2550-2551 นับเวลาได้ 35 ปีแล้ว รสชาติไม่เคยเปลี่ยน มาตรฐานการทำเหมือนเดิม ผิดไปบ้างก็คือการอบด้วยเตาแก๊สแทนที่จะใช้การอบแบบสมัยก่อนเท่านั้นสัญลักษณ์ขนมหม้อแกง เพชรบุรี ขนมหม้อแกงแม่กิมไล้อาจจะไม่ใช่เป็นเจ้าแรกของจังหวัดเพชรบุรี เพราะก่อนหน้านี้มีขนมหม้อแกงหลายๆ เจ้า ซึ่งก็ใช้คำว่า "แม่" นำหน้าตัวเอง รวมไปถึงมีร้านขายขนมหม้อแกงรุ่นใหม่ๆ เกิดตามหลังกันมาก็หลายเจ้า แต่ที่ยังอยู่ยงคงกะพันกันมานานนับสิบๆ ปี ก็ของร้านแม่กิมไล้นี่แหละครับ หลายเจ้าได้ล้มหายตายจากไปจากวงการ หลายเจ้าที่เคยเป็นคนเพชรบุรีโดยกำเนิดต้องโอนถ่ายกิจการให้กับคนต่างท้องถิ่นไปทำแทนแต่ก็ยังคงใช้ขนมหม้อแกง เมืองเพชร กันอย่างเหนียวแน่นคุณกิมไล้ กล่าวว่า ทำขนมหม้อแกงออกมาขายอย่างเต็มตัวเมื่อปี พ.ศ. 2515 ราคาขายถาดละ 6 บาท จนกระทั่งทุกวันนี้ ราคาถาดละ 35 บาท ราคาขึ้นลงตามท้องตลาด แต่คุณภาพในการผลิตยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คัดเลือกวัตถุดิบมีคุณภาพและใหม่สดเสมอ ของถูกของแพงก็ไม่ได้ลดปริมาณเครื่องปรุงแต่ประการใด รักษามาตรฐานอย่างเหนียวแน่น ขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ จึงครองตลาดและครองใจลูกค้าขนมไทย เมืองเพชร มาโดยตลอดการทำขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ ออกสู่ตลาดจนมีปริมาณมาก ทำให้คุณกิมไล้ต้องตัดรายการขนมต้ม ขนมห่อใบตอง ขนมลูกตาล ขนมกล้วยออกไป เพราะมีรายการขนมหม้อแกงเข้ามาแทนที่ ส่วนขนมเชื่อม เช่น ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมชั้น ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ เลยต้องทำต่อไปเบื้องหลังความสำเร็จคุณกิมไล้บอกกล่าวถึงเรื่องราวความสำเร็จในการทำงานให้กับผู้เขียนด้วยความภูมิใจว่า คนเราต้องมีความมานะพยายาม อดทน และต่อสู้ความลำบากอย่างไม่ท้อถอย ตัวเองเกิดมาในครอบครัวคนมีฐานะดี แต่พอมีครอบครัวก็ต้องออกมาสร้างครอบครัวใหม่ ก็ต้องช่วยกันร่วมสร้างฐานะ สามีหรือคุณกลมเป็นเพียงนายสิบตำรวจจนๆ แต่ก็เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงาน ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนและรีดไถประชาชน และสิ่งสำคัญ เขาเป็นคนดีที่คอยให้ความช่วยเหลืองานบ้านมาตลอด การเลือกเขาเป็นคู่ครองไม่ใช่ดูที่ความร่ำรวย และประเพณีก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ชีวิตครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญมีลูกๆ ชายหญิง 5 คน เป็นกำลังใจให้มาตลอด ลูกๆ ทุกคนเป็นคนดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่เป็นอย่างดี ทุกคนช่วยกันสร้างฐานะให้มั่นคง คุณกิมไล้จึงเปรียบเสมือนเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาช่วยเสริมส่ง ทำให้มีกิจการร้านขนมเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด คุณกิมไล้ ย้ำเสมอว่า ต้องค้าขายด้วยความเป็นธรรม อย่าเอาเปรียบลูกค้า ร่ำรวยมีเงินแล้วต้องทำบุญทำทาน ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยชีวิตวันนี้ของคุณกิมไล้ คุณกิมไล้ในวัย 74 ปี ดำรงชีวิตมากับขนมไทย เมืองเพชร และประสบความสำเร็จกับขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ มายาวนานหลายสิบปี ทุกวันนี้ที่ร้านขายขนมที่ตั้งอยู่หน้าเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี คุณกิมไล้จะตื่นแต่เช้า ทำภารกิจประจำวันเสร็จแล้วก็เริ่มต้นดูแลความเรียบร้อยในการทำขนมชนิดต่างๆ ตู้อบหลายสิบเตา และบรรดากระทะหลายๆ ใบ กำลังถูกจัดเตรียม บรรดาลูกๆ หลานๆ ของคุณกิมไล้กำลังเริ่มการทำขนม คุณกิมไล้จะเดินไปมา ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมี คุณปรีดา บุญประเสริฐ ลูกชายเป็นผู้ช่วยทั้งการผลิตและการขายหน้าร้านทุกวันนี้ถึงแม้ว่า คุณกลม หรือจ่ากลม จะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2535 แต่คุณกิมไล้ก็มีความสุขอยู่กับลูกๆ รวม 5 คน และเพลิดเพลินกับบรรดาหลานๆ 10 กว่าคน คอยดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพของคุณกิมไล้อย่างใกล้ชิดร้านขายขนมหม้อแกง และขนมไทย เมืองเพชร ภายใต้ชื่อ แม่กิมไล้ มีด้วยกัน 2 แห่ง คือ บริเวณหน้าถนนเขาวัง และบริเวณปากทางออกจากจังหวัดเพชรบุรี ที่จะเข้ากรุงเทพฯ เป็นศูนย์ขายสินค้าของฝาก และจุดพักรถ ใช้ชื่อ แม่กิมไล้ อย่างชัดเจนส่วนที่ร้านหน้าเขาวังจะเห็นเด่นชัด สังเกตได้จากรูปถ่ายของจ่ากลมขนาดใหญ่วางโชว์อยู่กลางบ้าน เป็นที่สักการะของลูกๆ และเป็นกำลังใจที่สำคัญของลูกๆ อยู่เสมอตำนานขนมเมืองเพชร จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์ของความหวานจากน้ำตาลเมืองเพชร น้ำตาลเมืองเพชรจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขนมหวานของเพชรบุรีมีความหวานโดดเด่นมีชื่อเสียงรู้จักกันดีขนมไทย เมืองเพชร จะมีส่วนสำคัญในการทำอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ แป้ง มะพร้าว และน้ำตาล แต่หลังจากสมัยกรุงศรีอยุธยา มีฝรั่งต่างชาติเข้ามาทำการค้า มีการนำเอา "ไข่" เข้ามาเป็นส่วนประกอบจากการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ในอดีต ได้กล่าวถึง "ท้าวทองกีบม้า" หรือ มารี กีมาร์ ชาวโปรตุเกส เข้ามาอาศัยในกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งท้าวทองกีบม้าได้ใช้ความรู้ทางการทำขนมในแบบผสมผสานของโปรตุเกสหรือของไทยๆ จนลงตัว จนเป็นที่นิยมมาถึงปัจจุบันความเป็นมาของขนมไทยที่ได้พัฒนาต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมปัง ขนมไข่ ขนมอบแบบต่างๆ ล้วนสืบทอดมาจากท้าวทองกีบม้า หรือ มารี กีมาร์ แทบทั้งสิ้นขนมเมืองเพชรที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดี เช่น ขนมขี้หนู คือ อร่อย นุ่ม และไม่หวานจัด หอมด้วยการอบควันเทียน ดอกมะลิ และดอกกระดังงา ขนมชนิดนี้ทำยากมาก ต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญ ข้าวเกรียบงา เป็นขนมอบตากแห้งคู่กับเมืองเพชรมานับ 100 ปี ทำจากข้าวเจ้า งา มะพร้าว และน้ำตาลโตนด เสร็จแล้วต้องนำมาตากแห้งและบรรจุเป็นมัดห่อด้วยกระดาษแก้วสีต่างๆ ดูสวยงาม เวลารับประทานต้องนำมาปิ้งไฟอ่อนๆ ขนมหม้อแกง เมืองเพชร เป็นขนมพื้นเมืองของเพชรบุรี ใช้ส่วนผสมของไข่เป็ด กะทิสดคั้นจากมะพร้าว แป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลโตนด ผสมกันแล้วนำไปอบ ในอดีตใช้เตาถ่าน แต่ปัจจุบันใช้เตาแก๊สหรือไฟฟ้า รสชาติอร่อยมาก นอกจาก 3 ชนิดนี้แล้ว ยังแยกออกเป็นประเภทเชื่อม ประเภทกวน ประเภทอบและผิง ประเภทต้มและเปียก ประเภทฉาบ ประเภทแช่อิ่ม หากนับแยกรวมกันแล้วนับได้เป็น 100 ชนิด ผมไม่สามารถจะใช้เวลาจำแนกให้หมดได้ ต้องขออภัยด้วยครับ และนี่คือเรื่องราวของตำนานขนมเมืองเพชรสูตรเด็ดจากแม่กิมไล้ด้วยความกรุณาจากคุณกิมไล้ ท่านได้ให้สูตรการทำขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ มาให้ท่านทดลองทำ จะทำกินเองในครอบครัว หรือทำเป็นธุรกิจเชิญตามสบายครับส่วนผสม1. ไข่เป็ด 2 ถ้วย2. หัวกะทิ 2 ถ้วย3. เนื้อมะพร้าว 1 กิโลกรัม4. เผือกต้มสุก 1/2 ถ้วย5. น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย6. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยวิธีการทำ1. ผสมน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ไข่เป็ดให้เข้ากัน2. คั้นกะทิให้ได้หัวกะทิ ผสม ข้อ 1 กรองด้วยผ้าขาวบาง3. เผือกต้มสุกบดละเอียดผสมลงไป4. ตักหยอดลงบนพิมพ์ คนส่วนผสมให้เข้ากันโดยไม่มีฟองอากาศ5. นำเข้าเตาอบใช้ไฟ 400 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที นำออกจากเตาเรื่องราวของตำนานขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ จังหวัดเพชรบุรี จบลงด้วยความเรียบร้อยทุกประการ ขอเรียนว่า ผมไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังที่จะนำเสนอร้านหนึ่งร้านใดเป็นพิเศษ การที่ผมเลือกเอาเรื่องของแม่กิมไล้มาเป็นตัวอย่างก็เพราะว่าผมได้สอบถามและหาข้อมูลมาก่อน ศึกษาจากคนในพื้นที่จนได้เรื่องที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้เป็นแบบอย่าง นอกจากการต่อสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ความครองตนในชีวิตครอบครัว ความสำเร็จด้านอาชีพ จนได้รับการยกย่องให้เป็นคุณแม่ตัวอย่างของจังหวัดเพชรบุรี ย่อมเป็นที่รับรองได้ว่า เรื่องราวตำนานของขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ นั้นย่อมไม่ธรรมดา สูตรขนมจาก //info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07062150151&srcday=2008/01/15&search=no