เสน่ห์แห่งเพชร สไตล์คุณ
|
|||||||||||||
อาการใจสั่น ปกติ หรือ ไม่ปกติ
อาการใจสั่น ปกติ หรือ ไม่ปกติใจสั่น แบบไหนต้องไปหาหมอ ใจสั่น แบบไหนต้องไปหาหมอ (โรงพยาบาลพญาไท) โดย นพ.จีระศักดิ์ สิริธัญญานันท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 3 อาการใจสั่น เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่หลายคนเคยเจอ บางรายหมายถึงปกติ แต่บางรายอาจถือว่าไม่ปกติก็ได้ โดยทั่วไปเรามักรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ ในภาวะที่หัวใจบีบตัวแรง เต้นเร็ว ในขณะออกกำลังกาย แต่ในภาวะที่ไม่มีอะไรมากระตุ้นเลย ในบางคนอาจจะเกิดอาการใจสั่น จนทำให้เกิดข้อกังวลสงสัยว่า หัวใจฉันเกิดความผิดปกติหรือไม่ 6 ลักษณะอาการใจสั่นที่เกิดขึ้นได้ 1. อาการใจสั่นที่อาจเกิดจากความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ หรือโรคหัวใจ 2. อาการใจสั่นร่วมกับอาการอื่น เช่น หน้ามืด เป็นลมหมดสติ เจ็บ แน่นหน้าอก หรือเหนื่อยหอบกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงโรคหัวใจรุนแรงควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว 3. อาการใจสั่นที่เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยไม่สัมผัสกับการออกแรง และสามารถหายได้เอง ผู้ป่วยมักแยกอาการแตกต่างกันขณะที่มีและไม่มีอาการใจสั่น 4. อาการใจสั่นที่เกิดร่วมกับจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ 5. อาการใจสั่นในผู้ป่วยที่ทราบว่าเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยที่เคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตาย จากหลอดเลือดอุดตัน หัวใจโตล้มเหลว หัวใจผิดปกติแต่กำเนิด 6. อาการใจสั่นในผู้ป่วยที่มีประวัติ คนในครอบครัว ใกล้ชิด เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะการเสียชีวิตกะทันหัน ก่อนวัยอันควร ในบางครั้งที่หัวใจเต้นเร็วมาก อาจเกิดการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อย หรือเวียนศีรษะ บางครั้งหัวใจเต้นเร็วจนไม่สามารถพยุงความดันโลหิต ก็จะส่งผลให้เกิดการหน้ามืด เวียนศีรษะได้ และถ้าอาการเกิดขึ้นขณะที่อยู่นิ่ง ๆ โดยอาการเกิดขึ้นและหยุดทันที ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์หรือสัมพันธ์กับอาการเวียนหัว วูบ หน้ามืด มักมีสาเหตุจากวงจรไฟฟ้าเต้นผิดปกติ เพราะหากเกิดการตื่นเต้น เครียด หรือการออกกำลังกาย มักจะมีการเต้นเร็ว ค่อยๆ เป็น และค่อย ๆ เต้นช้าลงเรื่อย ๆ ทั้งนี้ภาวะหัวใจเต้นเร็วบ่อยครั้งที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ แต่เกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะเลือดจาง ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ จากโรคท้องร่วงหรือเสียเลือดมาก ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาแล้ว ภาวะหัวใจเต้นเร็ว ก็จะกลับสู่ปกติ โดยไม่ต้องใช้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ สิ่งที่กระตุ้น ที่จะทำให้เกิดภาวะใจสั่น คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะความเครียด การอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะขาดน้ำ การเจ็บป่วยจากโรค เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือทำงานมากเกินไป ยาบางชนิด โรคหัวใจ เช็กสภาพหัวใจด้วยตัวคุณเอง หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่นั้น หากคุณไปพบคุณหมอในเวลาต่อมา อาการและการเต้นผิดจังหวะของหัวใจได้หายแล้ว การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจไม่กี่วินาที อาจไม่พบความผิดปกติ ดังนั้น คุณอาจมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย โดยการจับชีพจร และนับอัตราการเต้นของชีพจรในระยะเวลา 1 นาที และสังเกตจังหวะของชีพจรเร็วกว่าปกติหรือไม่ ชีพจรสม่ำเสมอหรือเร็วช้าไม่สม่ำเสมออย่างไร หรือสำรวจด้วยการเช็กสมรรถภาพร่างกาย หากลดลง เช่น เหนื่อยง่าย มีอาการเจ็บหน้าอก หน้ามืดเป็นลมบ่อย หัวใจสั่นมากผิดปกติทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกาย มีอาการบวมในร่างกายเกิดขึ้น นอนราบไม่ได้ ต้องนอนหัวสูงเท่านั้น ในรายที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะเช็กสภาพหัวใจได้ง่าย แต่ในรายที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย แน่นอน วิ่งนิดหน่อย คุณก็เหนื่อยแล้ว การดูแลรักษาในเบื้องต้น คุณหมอจะสอบถามประวัติการตรวจร่างกาย การตรวจเอ็กซเรย์เงาปอด และหัวใจ และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อช่วยการวินิจฉัย หรือนำไปสู่การส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมที่เหมาะสม ส่วนใครสงสัยว่า ฉันอาจมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาดหรือไม่นั้น แพทย์อาจส่งตรวจการเต้นของหัวใจด้วยการเดิน วิ่ง สายพานเลื่อน หรือผู้ใดที่สงสัยว่าตัวเองมีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ลิ้นหัวใจตีบ หรือผนังกั้นหัวใจรั่ว หรือโรคของ เยื่อหุ้มหัวใจ คุณหมอก็จะส่งตรวจด้วย เครื่องตรวจเสียงสะท้อนหัวใจ (Ecohocardigraphy) อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ การรักษายังขึ้นอยู่กับผลการตรวจว่า มีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ ถ้ามี การที่หัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นเป็นชนิดใด และที่สำคัญมีสาเหตุจากโรคหัวใจ หรือความผิดปกติของอวัยวะใด การรักษาที่สำคัญ คือ รักษาที่สาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว หากหลอดเลือดหัวใจตีบมาก อาจต้องได้รับการรักษาด้วยการ ขยายหลอดเลือดหัวใจ เช่น การทำบอลลูน หรือการถ่างหลอดเลือด ด้วยขดลวดต่อไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพญาไท Cr : narubet butsuwan 3 ท่าขาเพรียวสวย
Free TextEditor เตือนสาว ๆ ฮิตใส่เลกกิ้งระวังพุง-ก้นหย่อน!!!
ที่มา : เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก dahong.co.kr Free TextEditor เอามาจากหนังสือเรื่อง กินเป็นลืมป่วยจ้า
ผลไม้เพื่อสุขภาพ โยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว
( ล้างลำไส้เล็ก ) ประโยชน์ของโยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว คือ - ล้างไขมันในลำไส้เล็ก ทำให้ระบบดูดซึมดี ตัวจุลินทรีย์ที่เกิดในโยเกิตจะช่วยย่อยไขมันจากนม และ กินความหวานจากน้ำผึ้ง เพื่อสร้างและเลี้ยงตัวจุลินทรีย์เองให้เติบโต เมื่อกินโยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว เข้าไป นอกจากจะล้างลำไส้แล้ว ยังมีไขมันฝ่ายดีและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้ากินเวลา 13.00 - 15.00 น. จะไปช่วยย่อยขยะในลำไส้เล็กเพื่อเปลี่ยนขยะให้เป็น บี 12 ส่งไปเลี้ยงสมองได้ดีมาก กินตอนเช้าจะลดความอ้วน กินตอนบ่ายล้างลำไส้เล็ก กินตอนเย็นจะอ้วน - ถ้าไม่มีน้ำผึ้ง ก็ใช้น้ำอ้อยแทนได้ และถ้าไม่มีมะนาวก็ใช้น้ำส้มคั้น หรือ ส้มจี๊ดแทน จะได้วิตามินซี จากผลไม้โดยตรง - คนที่เป็นเบาหวานกินได้ เพราะจุลินทรีย์จะกินความหวานจากน้ำผึ้งก่อน เมื่อผสมโยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว เสร็จแล้ว ควรตั้งทิ้งไว้สักพักหนึ่ง เพื่อให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ขยายตัวก่อนแล้วจึงดื่ม ถ้ากินในปริมาณ 500 ซีซี จะช่วยล้าง ถึงลำไส้ใหญ่ได้ - เด็กกินแล้วจะช่วยย่อย ทำให้อารมณ์ดี บำรุงสมองไ้ด้ดี สูตรที่ใช้ - โยเกิตรสธรรมชาติ ครึ่งถ้วย - นมสด 1 แก้ว - น้ำผึ้ง 1 - 2 ช้อนโต๊ะ - มะนาวครึ่งลูก ( รสชาดปรับได้ตามใจชอบ ) สูตรไม่ตายตัว ปรับได้ ขอให้ทำให้อร่อยแล้วกินได้ก็พอ |
tar na
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เพชรแท้ย่อมส่องแสงเจิดจรัส แม้อยู่ในที่มืด เปรียบเสมือนคนดี ย่อมเปล่งประกายความดี แม้ตกอยู่ในดงโจร Facebook : https://www.facebook.com/theonejewelry หน้าร้าน : เซ็นทรัลรามอินทรา ชั้น 1 จันทร์ – เสาร์ เวลา 11.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) เว็บไซต์ : http://www.theonejewelry.net
Group Blog
All Blog Link |
||||||||||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |