Group Blog
 
All blogs
 
คนไทยยังไม่รู้จักกองทุนรวมเพราะ?

ก่อนไปถึงคำถามข้างต้น อาจจะมีคำถามที่ควรถามอีกหนึ่งคำถามคือ คนไทย(ส่วนใหญ่) ออมเงินด้วยวิธีใด?

ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีระบบทุนนิยมแบบ Bank Base Economy หรือหมายความเป็นภาษาไทยก็คือ พึ่งพากับระบบธนาคารก่อนเป็นอันดับแรกนั้นเองครับ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยคุณปุ่ คุณย่ายังสาวๆแล้ว จะเห็นว่าทุกครัวเรือน คนเกือบทุกคนทั่วประเทศไทย มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย สิ้นเดือน ก.ค. 2550 ที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศ มีบัญชีเงินฝากรวมทุกบัญชีทั้งสิ้น 70.9 ล้านบัญชี มีมูลค่าเงินรวมทั้งหมด 6.8 ล้านล้านบาท และนี่คือคำตอบคว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังออมเงินในระบบธนาคารอยู่ แต่ทั้งนี้ ขอแยกให้ชัดเจนเข้าไปอีกระดับหนึ่ง เนื่องจากพอบอกว่าเงินฝากธนาคารนั้น ได้รวมเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งอาจไม่ใช่เงินออมของภาคครัวเรือนอย่างแท้จริงก็ได้ พอมาดูเฉพาะเงินฝากประจำที่มีอายุครบกำหนดมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ( 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี หรือมากกว่า) จะเห็นว่า ลดลงเหลือยอดเงินรวมทั้งสิ้นแค่ 2.1 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็น 30% ของเงินฝากทั้งหมดในระบบธนาคาร คิดตามผมให้ทันนะครับ คุณคิดว่า เงินฝากประจำ เป็นการออมเงินที่มีประสิทธิภาพแล้วจริงๆหรือ?

ถ้าถามถึงแหล่งเงินออม หรือแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุดในตลาด คำตอบก็คือ เงินฝากธนาคาร ทั้งๆที่เรารู้ว่า แหล่งออมนี่ เป็นที่ที่ผลตอบแทนต่ำที่สุด แต่ทำไมเรายังมีเงินอยู่ในบัญชีเงินฝากมากกว่าการไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นล่ะ สาเหตุหลักๆก็คือ ปัจจุบันเงินฝากธนาคารได้รับการประกันเงินต้นทั้งจำนวน โดยสถาบันรับประกันเงินฝากนั้นเอง (กองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน) จึงทำให้ประชาชนมีความรู้สึกสบายใจ และกินอิ่มนอนหลับกับเงินฝากธนาคารมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ แต่เราคงได้ยินข่าวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาแล้วว่า รัฐบาลจะยกเลิกการรับประกันเงินฝากทั้งจำนวน โดยภายใน 5 ปี นับจากวันที่บังคับใช้กฎหมาย คาดว่า ธนาคารพาณิชย์จะประกันเงินฝากเพียงแค่ 1 ล้านบาท ต่อหนึ่งคน พอเห็นเหตุการณ์ในอนาคตไหมครับ ต่อไปนี้ เงินฝากจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดความเสี่ยงเหมือนแต่ก่อนแล้ว และหากใครมีเงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านบาท หากต้องการความปลอดภัยในเงินของตัวเอง อาจต้องใช้กลยุทธ์ ฝากธนาคารละ 1 ล้านบาท หลายๆธนาคารไป คุ้มหรือเปล่า นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ



อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ก็สรุปได้เลยว่า สาเหตุที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกองทุนรวม หรือยังไม่ลงทุนผ่านกองทุนรวม ก็เป็นเพราะ เรายังคุ้นเคยกับเงินฝากธนาคาร และเงินฝากธนาคารให้ความคุ้มครองเงินต้นเราได้ดีที่สุดนั้นเอง เวลาเราเดินไปถอนตังค์ที่ธนาคาร ยังไม่มีธนาคารไหนปฎิเสธการถอนเงินของเรา ถูกไหมครับ อย่างมาก ผู้จัดการสาขาก็เดินมาถามว่าเอาเงินไปทำอะไร อย่าถอนไปเลย แต่สุดท้าย ถ้าเราจะถอนจริงๆ เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่หรอกครับ


ถึงแม้รัฐบาลจะไม่ยกเลิกนโยบายรับประกันเงินฝากในเร็ววันนี้ ผมก็ยังมองว่า เงินฝาก ควรเป็นที่รักษาสภาพคล่อง และเงินฉุกเฉิน ไม่ควรเป็นแหล่งออมเงินแหล่งใหญ่ของประชาชนอยู่ดี มีเหตุผลนะครับ ไม่ได้อ้างขึ้นมาลอยๆเพราะตัวเองอยู่ในธุรกิจกองทุนรวม ประการแรก ผมมองว่า เงินฝากธนาคาร ไม่สามารถชนะอัตราเงินเฟ้อได้ตลอด เมื่อไหร่ก็ตามที่เงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก นั้นหมายความว่ากำลังการซื้อของเราลดน้อยลง Wealth ของเราก็น้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นจะดูผลตอบแทนในรูปตัวเงินอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน ประการที่สอง ลองคิดวางแผนในอนาคตหลังเกษียญดูสิครับ ว่าเราต้องการมีเงินไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตเท่าไหร่ ยิ่งหากมีความต้องการใช้เงินในบั้นปลายชีวิตเพิ่มขึ้น หากรายได้เราไม่ได้โตตามอย่างสอดคล้องกับเป้าหมาย จำนวนเงินที่เราต้องออมระหว่างทำงานก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ “การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นก็ทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นเช่นกัน” โดยที่ไม่ได้ลดอำนาจการจับจ่ายใช้สอยในปัจจุบันลงไปมากมายแต่อย่างใด


จุดอ่อนที่ผมเห็นในมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ก็คือ คนไทยยังขาดความเข้าใจในการลงทุนในรูปแบบอื่น นอกเหนือจากเงินฝากธนาคารอีกเยอะครับ คำถามคือ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น? ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ผมมองว่า “เพราะรัฐบาลยังไม่กระตุ้นการลงทุน และให้ความรู้แก่ประชาชนในวงกว้าง” อีกอย่าง “เนื่องจากประชาชนคนไทย ยังมีความยึดติดกับการฝากเงินในธนาคารว่าปลอดภัยที่สุด” โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆประกอบอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องแปลกครับ ในประเทศกำลังพัฒนาทั่วทั้งโลก ก็ประสบกับปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากการลงทุน ถือเป็นศาสตร์แขนงใหม่ และเป็นเหมือนยาขมสำหรับคนที่บอกกันตัวเองบ่อยๆ ฉันไม่เก่งคำนวณ ฉันไม่เก่งเลข ทั้งนี้มุมมองนักลงทุนอย่างนี้ จึงเกิดปัญหาใหญ่ตามมาก็คือ การไม่ได้จัดทำแผนการเงิน หรือตั้งเป้าหมายทางการเงินอย่างชัดเจน เมื่อได้ออมเงิน หรือลงทุน ก็ทำไปเพราะคิดว่าควรทำ โดยไม่มีกรอบการตัดสินใจที่มั่นคง ด้วยพฤติกรรมการลงทุนอย่างนี้ เราก็มีสิทธิที่จะพลาดเป้าหมายการลงทุนของเราไปได้ ดังนั้นเรื่องเงินๆทองๆก็เลยเป็นเรื่องยากสำหรับคนไทยอีกจำนวนมากทีเดียว กองทุนรวม ก็คือการขยับความเสี่ยง เพื่อทดสอบความพร้อมสู่โลกการลงทุนที่มีโอกาสมากมายเกิดขึ้น เริ่มจากกองทุนรวมตราสารตลาดเงิน (Money Market Fund) ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ แต่สภาพคล่องใกล้เคียงเงินฝากออมทรัพย์ กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงนิดเดียว ประตูสู่โลกการลงทุนอยู่ในกองทุนนี่ล่ะครับ



โชคดีในการลงทุนครับ


Mr.Messenger
mutualfundlover.bloggang.com






Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 28 กันยายน 2550 11:55:37 น. 4 comments
Counter : 940 Pageviews.

 
เห็นด้วยครับ ...

เพราะว่าผมรู้จักกองทุนรวม แล้วก็ซื้อกองทุนรวมไว้ด้วยครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:16:06:31 น.  

 
อยากลองลงทุนกับกองทุนรวมบ้าง แต่ข้อมูลรายละเอียดต่างๆมันช่างยากที่จะทำความเข้าใจ


โดย: chu IP: 210.246.80.136 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:16:07:32 น.  

 
blog สวยและ hip มากเลยจ๊ะ


โดย: bella IP: 203.185.130.105 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:12:20 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ คนส่วนใหญ่ขาดความเข้าใจ ไม่รู้ และไม่กล้าลอง
เมื่อก่อนก็เคยเป็น แต่คิดว่า ถ้าไม่ลองจะไม่ได้เริ่มการบริหารเงินสักที
อาศัยคำแนะนำ และลองหาข้อมูล แล้วค่อยเริ่มลงทุน
ทำให้ได้เห็นผลตอบแทนที่แตกต่าง ด้วยเงินลงทุนเพียงไม่มาก และยังสนุกกับการบริหารเงินของตัวเองด้วย

blog สวยค่ะ พี่แมส


โดย: Rin IP: 58.8.93.251 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:26:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Cool Council
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เราเป็น Webblog อย่างไม่เป็นทางการของ McCann Pulse ประเทศไทย ที่มีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมทัศนคติและความคิดเห็นของกูรูในโต๊ะต่างๆของ Pantip ในหมวด

1.อาหาร และ เครื่องดื่ม
2.สุขภาพ และ ความงาม
3.สื่อต่างๆ และ ความบันเทิง
4.ไลฟ์สไตล์ และ เทรนด์
5.เทคโนโลยี และ อุปกรณ์สื่อสาร
6.การเงิน และ การลงทุน


Copyright ©2007 http://thecoolcouncil.bloggang.com
All rights reserved.
   
   
   

    
Friends' blogs
[Add The Cool Council's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.