นิดหนึ่งนี้อุทิศแด่ชาวนา ผู้ต่ำต้อยน้อยหน้าเหลือแสน ลำบากยากจนข้นแค้น ไป่แม้นชาวฟ้ามหานคร

เรียนรู้การเพาะเห็ดฟางแบบมือสมัครเล่น (ตอนที่ 2)

ปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน

ในปัจจุบันนี้มีการกระแสเพื่อสร้างความตื่นตัว อยากจะให้เกษตรกรได้เพาะเห็ดฟางในโรงเรือน โดยมีการจัดอบรมของหน่วยงานภาคเอกชนต่าง ๆ มากมาย มีค่าบริการหรือค่าลงทะเบียนค่อนข้างสูงบางครั้งถึงสองหรือสามพันบาท เรียนวันเดียวจบคือบรรยายในเอกสารแล้วก็พาไปดูในโรงเพาะเห็ด ท่านเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะว่าผู้ที่ได้รับการอบรมแล้วเมื่อนำไปปฏิบัติ สร้างโรงเรือน สร้างที่ต้มน้ำ ที่อบไอน้ำ ทำแบบที่ไปอบรมมา การลงทุนในการก่อสร้างต่าง ๆ ในปัจจุบัน แม้จะใช้วัสดุที่ราคาต่ำลงมาเพียงใด แต่ก็ยังลงทุนมากค่าใช้จ่ายระหว่างที่จะใช้เพาะเห็ดในโรงเรือนก็ยังมาก คือลงทุนในการเพาะเห็ดระบบโรงเรือนต้นทุนค่อนข้างจะสูง เพาะในครั้งแรกก็จะได้ผลผลิตเห็ดออกมาในระดับที่ค่อนข้างพอใจ หรือบางคนยังได้ไม่มากก็คิดที่จะทำให้ดีขึ้นในคราวต่อไป เพราะความรู้อาจจะยังไม่พอ แต่พอเริ่มปลูกไปไม่กี่รอบก็จะเริ่มมีปัญหา เมื่อเข้าไปทำงานในโรงเรือนที่ใช้เพาะเห็ดแล้วก็จะปรากฏว่าเกิดอาการคัน การคันนี้ก็เกิดจากตัวไรซึ่งก็แสดงว่าการรักษาสภาพความสะอาด อนามัยสิ่งแวดล้อมภายในโรงเพาะเห็ดนั้นยังไม่ดีพอ ต่อมาการเพาะได้ผลผลิตในเกณฑ์ที่ต่ำ นี่ก็เป็นปัญหาที่ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ก็ก็เกิดมีผู้ทำสูตรอาหารเสริมขายในราคาแพง จำหน่ายเสริมเพิ่มเติมแข่งขันกันมากมายหลายเจ้า เกษตรกรบางคนมีปัญหาหวังผลเกินความรู้พื้นฐาน ที่รู้เพียงแค่ไปอบรมมา โดยจ่ายเงินไปสองหรือสามพันบาท บางคนมีความรู้ไม่มากแต่คิดว่ามีความรู้มากแล้ว ไม่แสวงหาความรู้ที่เป็นระบบที่เป็นพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ไม่ใจเย็นศึกษาวิธีการเพาะ ไม่ศึกษานิสัยของเห็ด ปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเห็ดให้รู้ให้มากขึ้น ดังนั้นผลที่สุดเพาะเห็ดในโรงเรือน บางคนก็เหนื่อยก็ไม่คุ้ม แต่คิดผิดคิดว่าเป็นเรื่องของโชคไม่ดีที่ผลผลิตไม่ดี บางคนก็แก้ปัญหาโดยการบนเจ้าที่ ทำให้พวงมาลัยขายดีแต่เห็ดนั้นไม่ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่เกษตรกรควรจะให้ความสำคัญคือแหล่งผลิตก้อนเชื้อจะต้องพยายามทำการคัดเลือกหรือเสาะหาแหล่งที่มีคุณภาพค่อนข้างดีไว้ใจได้ มิฉะนั้นจะทำให้ผลผลิตของเราต่ำกว่ามาตรฐาน บวกกับประสบการณ์ที่น้อยอยู่แล้วด้วยยิ่งไปกันใหญ่ โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จก็จะมีน้อยมาก





แนวทางและวิธีแก้ปัญหา

เกษตรกรที่ต้องการจะเพาะเห็ดฟาง จากฟางข้าว เปลือกหัวมันสำปะหลังหรือจากวัสดุอื่นๆ ควรที่จะทำการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้รอบคอบดีเสียก่อน ไม่โลภ ค่อย ๆ เริ่มต้นจากงานขนาดเล็กคือทำงานเล็กจะได้มีความเข้าใจ ความชำนาญ มีประสบการณ์ ทำความรู้จักกับเห็ดให้มากขึ้นและเพียงพอเสียก่อน เมื่อเพาะในขนาดเล็กจำนวนไม่มาก แล้วสามารถที่จะทำกำไรได้ แล้วจึงค่อย ๆ ขยายให้ใหญ่ขึ้น เวลาไปศึกษาไปดูงานที่ฟาร์มเห็ด ดูแล้วอย่าเลียนแบบงานของเขาเอามาใช้ทันทีเพราะบางครั้งปัจจัยต่าง ๆ อาจจะไม่เหมือนกัน น้ำก็ไม่เหมือนกัน วัตถุดิบก็ไม่เหมือนกัน เชื้อเห็ดก็คนละเจ้า มีปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนั้นเวลาไปดูงานที่ใดที่หนึ่งแล้วก็อย่างเพิ่งเชื่อหรือรับข้อมูลนั้นๆ ทันทีทั้ง 100 % ต้องค่อยศึกษาค่อยทำไปก่อน คือ ต้องยอมเสียเวลาทำไปจากงานขนาดเล็กให้ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น และในระหว่างนั้นให้ศึกษาให้มากขึ้น ให้รู้จักการเพาะเห็ดฟางอย่างเพียงพอเสียก่อน ถ้ารู้ทั้งระบบก็จะทำให้ไม่ต้องลงทุนขนาดใหญ่ เงินไปจม มีการลงทุนแล้วก็เกิดการเสียหายที่ทำแล้วไม่คุ้มค่าในงานหลายอย่าง ซึ่งในอดีตเขาก็จะพูดกันว่าเป็น NPL เช่น มีตึก อาคาร โกดังที่ไม่ได้ใช้หรือสร้างไม่เสร็จ นั่นก็เป็น NPL คือทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่ควรที่จะให้มีการลงทุนทำโรงเพาะเห็ดแบบโรงเรือน แล้วภายหลังขาดทุนทำไม่ได้ ทิ้งเอาไว้เฉย ๆ ก็จะกลายเป็น NPL ของโรงเพาะเห็ดก็จะน่าเสียดาย
ควรที่จะศึกษาหาความรู้ทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติให้เข้าใจแจ่มแจ้งเสียก่อน หาแหล่งข้อมูลตำรับตรามาอ่านให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีปัญหาติดขัดตรงไหนที่ยังไม่เข้าใจก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อาจจะเข้าไปปรึกษาสอบถามกับผู้รู้และผู้มีประสบการณ์ทั้งหลาย และทดลองปฏิบัติจากขนาดเล็ก ๆ เสียก่อน จนมั่นใจแล้วจึงค่อยลงทุน พยายามหาแหล่งวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น หาง่าย สะดวกสบายในการขนย้าย และใกล้กับสถานที่เพาะให้มากที่สุด แต่ถ้าในท้องถิ่นของเราไม่มีวัสดุอุปกรณ์ที่สะดวกสบายตามที่ได้กล่าวไว้ แนะนำว่าไม่ควรทำการเพาะเห็ดจะทำให้ต้นทุนสูง ผลผลิตออกมาก็จะราคาแพง สู้กับคู่แข่งในท้องตลาดไม่ได้ ทำให้ขาดทุนได้ ถ้ามีการศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะพบกับปัญหาหรืออุปสรรคอะไรก็ตาม ก็เชื่อแน่ว่า เราสามารถที่จะฝ่าข้ามไปได้อย่างแน่นอนครับ




 

Create Date : 02 มกราคม 2551   
Last Update : 2 มกราคม 2551 10:37:10 น.   
Counter : 581 Pageviews.  

เรียนรู้การเพาะเห็ดฟางแบบมือสมัครเล่น (ตอนที่ 1)

เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับเห็ด
ในช่วงฤดูฝนของทุก ๆ ปี ชาวบ้านก็จะมีรายได้จากการเก็บเห็ดจากป่าธรรมชาติไว้กินเองและถ้าได้มาจำนวนมาก ทานไม่หมด เหลือก็จะนำออกไปขายกันอย่างมากมายและหลากหลายชนิด ทำให้ชาวบ้านมีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้นมาในฤดูกาลนี้อย่างถ้วนหน้า เห็ดแต่ละชนิดที่เกิดขึ้นมานั้นก็อาศัยปัจจัยเกื้อหนุนที่เหมาะสมต่อความต้องการของเขา เมื่อมีปัจจัยและองค์ประกอบที่เหมาะสมต่อเห็ดชนิดนั้นๆ ก็จะเกิดดอกเห็ดเกิดขึ้นมา ได้ตรงตามชนิดของอาหารและสายพันธุ์ของเห็ดนั้น ๆ บางชนิดก็เกิดจากการพึ่งพาอาศัยแบ่งปันอาหารให้กันและกัน เช่นเห็ดที่เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้อาหารจากรากของพืช (เอ็กโตมัยคอร์รัยซ่า) เช่น เห็นตับเต่า, เห็ดตีนแรด, เห็ดมะม่วง, เห็ดขอน ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันการที่จะทำให้เห็ดพวกนี้มีความสามารถเกิดที่รากของพืชและออกดอกให้ผลผลิตได้ตามความต้องการของเรานั้นยังไม่สามารถที่จะทำได้ในขณะนี้ ยังคงต้องพึ่งพาอาศัยฤดูกาลที่เหมาะสม เห็ดบางชนิดก็ต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตอื่นคอยช่วยดูแลบำรุงรักษาเช่นเห็ดปลวกหรือเห็ดโคน ซึ่งเป็นเห็ดที่มนุษย์ยังไม่สามารถที่จะนำมาผลิตเองได้ ดังนั้นจึงเป็นเห็ดที่ค่อนข้างราคาจะดีและสูงมาก ปีหนึ่งก็จะออกดอกมาให้พวกเราได้รับประทานกันเพียงครั้งเดียว เห็ดปลวกหรือเห็ดโคนนี้เขาต้องอาศัยกองทัพปลวกช่วยในการเลี้ยงและหาอาหารให้ เพื่อสร้างความเจริญเติบโตขึ้นมาจึงจะสามารถที่จะกำเนิดออกมาเป็นดอกได้ ถัดมาก็เป็นชนิดที่อาศัยแร่ธาตุหรือสารอาหารจากเศษซากของพืชโดยกินซากพืชเป็นอาหารในการเลี้ยงตัวและสร้างเส้นใยให้เจริญเป็นดอกเห็ดเกิดขึ้นมา โดยเฉพาะเศษซากของวัตถุดิบที่เหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เปลือกหัวมันสำปะหลัง, เปลือกฝักถั่วเขียว, เปลือกฝักถั่วเหลือง, เศษฟางข้าว, เศษที่เหลือจากการทำการสีเอาเมล็ดพืชออก ไม่ว่าจะเป็นทานตะวัน ซังข้าวโพดป่นที่ร่วงหล่น หรือแม้แต่ต้นข้าวโพดป่นที่ร่วงหล่น ซึ่งบางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค นี่จึงเป็นเหตุผลในการที่จะนำเสนอข้อมูลให้กลุ่มที่สนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มของมือใหม่หรือมือสมัครเล่นทั้งหลายจะได้ทำการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม เผื่อว่าจะได้ทดลองทำการผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริมกัน อย่างน้อยเพื่อเป็นค่าขนมของน้อง ๆ ในครอบครัว หรือค่ากับข้าว หรือให้เพียงพอไปจุนเจือเกื้อหนุนค่าน้ำมันที่สูงขึ้นทุกวัน (ช่างตรงข้ามกับราคารถที่เราใช้ทุกวันเสียจริง ๆ อีกเหมือนกัน ) และอื่นๆ อีกจิปาถะในยุคข้าวยากหมากแพงเช่นสมัยนี้ก็ได้นะครับไม่มากก็น้อย ในตระกูลเห็ดทั้งหมดก็เห็นว่าเห็ดฟางน่าจะมีผู้ที่สนใจเพาะกันเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุผลจากความรู้สึกที่คุ้นเคยและได้สัมผัสอยู่บ่อย ๆ จึงคิดว่าน่าจะเป็นเห็ดที่ทำการผลิตได้ง่ายและไม่ยุ่งยากมากเกินไป
จากการที่ประเทศของเรามีวัสดุเหลือใช้จากการทำเกษตรอย่างมากมาย เช่น ฟางข้าว, เปลืองมัน, เปลือกถั่วทั้งหลาย นั้น จึงพอ มีทางที่จะพัฒนาก่อให้เกิดเป็นอาชีพของเกษตรกรได้อย่างไม่ยาก และถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ลองนึกถึงภาพกองฟางกองใหญ่ ๆ หรือกองเปลือกมันที่สูงใหญ่เป็นภูเขาเลากาทั้งหลายจากโรงงานผลิตแป้งมัน ซึ่งถ้าเข้าถึงฤดูฝนทำให้ได้รับความชื้นและมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้มีเห็ดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นอยู่แต่เพียงบนกอง แต่ภายในกองนั้นไม่มี เพราะไม่สามารถที่จะเกิดได้ แต่ภายในกองวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรนั้นกลับมีแร่ธาตุอาหารของเห็ดหลงเหลืออยู่อีกมากมายกับไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย และเห็ดอีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเกิดขึ้นบริเวณรอบกองฟางหรือกองเปลือกมัน หรือเปลือกถั่ว ทั้งหลายนั้นก็ยังน้อยนิดต่อวัตถุดิบที่ถูกทิ้งไปตามธรรมชาติ ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบกับปริมาณของวัตถุดิบที่เหลือใช้จากการเกษตรทั้งหมดต่อจำนวนเห็ดที่ปล่อยให้เกิดขึ้นโดยธรรมชาตินับว่าน้อยมาก และเป็นการเกษตรที่ไม่แน่นอนไม่รู้ว่าฝนจะตกเมื่อใด ตกลงมาได้พอเหมาะพอดีหรือเปล่าแล้วก็มีสปอร์ของเชื้อราเห็ดจากที่อื่นปลิวมาหรือไม่ อย่างไร ดังนั้นการที่จะทำให้เป็นการเกษตรอย่างมีระบบ เพื่อที่จะสามารถกำหนดให้ผลผลิตออกมาค่อนข้างที่จะแน่นอนและตรงตามเป้าหมายและมีความสม่ำเสมอนั้น ก็สามารถใช้วิทยาการเข้าไปช่วยได้ การเพาะเห็ดถ้าทำการเพาะบนดิน เป็นการเริ่มงานขนาดเล็กไปก่อน ก็เป็นวิธีการลงทุนน้อยแต่ได้เงินเร็ว คือประมาณแค่ 7 – 10 วันก็สามารถเก็บเห็ดเอาไปขายได้ ส่วนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมาะสมต่อการขายก็เก็บเอาไว้กินเอง บริโภคในครอบครัว ทำแล้วขยับขยายเปลี่ยนแปลงพื้นที่ไป ปัญหาก็น้อย ราคาของเห็ดฟางก็ดีทั่วประเทศไทย กิโลกรัมละประมาณ 40 - 50 บาท




 

Create Date : 02 มกราคม 2551   
Last Update : 2 มกราคม 2551 10:37:25 น.   
Counter : 516 Pageviews.  

รู้จักกับปลวกให้มากขึ้น เพื่อหาวิธีป้องกันกำจัดอย่างถูกวิธีและปลอดสารพิษ

ผมคิดว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเจอกันบ่อยของทุก ๆ คนที่มีบ้านเป็นของตัวเองมักจะหนีไม่พ้นเรื่องความทุกข์ใจ ความหวาดระแวง และกังวลเกี่ยวกับเรื่องของปลวก ที่คอยรบกวนบุกรุกเข้ามาทำลายโครงสร้างและตัวอาคารของบ้านอย่างเงียบๆ โดยที่เจ้าของบ้านไม่มีโอกาสได้รู้เนื้อรู้ตัวกันเลยล่ะ หรือบางทีกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป เพราะปลวกได้เข้ามาทำลายบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ปลวกอาจจะเข้ามากัดกินฝ้าเพดาน, ผนังพื้นไม้ปาเก้, ห้องเก็บของ, โครงสร้างหลังคาในส่วนที่ทำ
ด้วยไม้, โคมไฟ, ต้นไม้, รั้วไม้ที่ล้อมรอบแปลงไม้ดอกไม้ประดับและอีกมากมาย ฯลฯ
ปลวก ก็จัดว่าเป็นแมลงชนิดหนึ่งนะครับ โดยมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า เทอร์ไมต์ (Termite) หรือบางพื้นที่ก็เรียก มดขาว (White ant) จัดเป็นแมลงในอันดับไอสอปเทอรา (Order Isoptera) คนละกลุ่มกันกับมด พวกมดเค้าจะอยู่ในอันดับ Hymenoptera เพราะฉะนั้นคู่นี้เขาก็จะเป็นศัตรูกันมากว่าที่จะเป็นพันธมิตรกันครับ เจอกันเมื่อไรเป็นต้องสู้กันทุกที เอาล่ะทีนี้เรามาดูและทำความรู้จักกับปลวกกันต่อนะครับ
ชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ก็ค่อนข้างที่จะสลับซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งครับ เพราะมีความรู้สึกเขาก็มีการแบ่งชั้นวรรณะเหมือนทางประเทศอินเดียเหมือนกัน โดยเขาจะมีกันอยู่ 3 วรรณะครับ แต่ละวรรณะก็มีรูปร่าง หน้าตา.... มีหน้าที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละวรรณะ โดยต่างคน.... เอ๊ย! ต่างตัวต่างก็รับผิดชอบตามหน้าที่ที่ได้รับกันไป ลองนึกกันดูเล่น ๆ แล้วเราก็จะรู้สึกว่าเขามีความรับผิดชอบ, มีระเบียบวินัยและมีความขยันแข็งกว่ามนุษย์บางคนอีกนะ เพราะวรรณะที่หนึ่งหรือวรรณะปลวกงานนี้เขาจะขยันทำงานอย่างมาก โดยทำงาน...งาน.....งาน.และก็......งานอยู่ตลอดเวลาครับ โดยเขาจะทำหน้าที่หาอาหารมาเลี้ยงสมาชิกภายในรัง ดูแลไข่ตลอดจนสร้างและซ่อมแซมรังให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยเป็นปรกติอยู่เสมอ ถัดมาวรรณะที่สอง คือ วรรณะทหาร จะมีลักษณะศรีษะและกรามใหญ่ ซึ่งบางครั้งใหญ่มากจนไม่สามารถที่จะกินอาหารด้วยตนเองได้ ต้องอาศัยพวกวรรณะทำงานป้อนให้ ปลวกทหารเขาจะทำหน้าที่เหมือนกับทหารของมนุษย์เหมือนกันครับ คือคอยดูแลป้องกันลาดตระเวณตรวจตราและกำจัดศัตรูที่เข้ามารุกรานและรบกวนประชากรภายในรัง และวรรณะสุดท้าย ก็คือวรรณะผสมพันธุ์ หรือเรียกว่า “แมลงเม่า” ทำหน้าที่สืบพันธุ์และวางไข่ ซึ่งจะมีปีกทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถที่จะสลัดปีกทิ้งได้ หลังจากผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียก็จะทำหน้าที่เป็น ควีน (Queen) ทำหน้าที่วางไข่
ในโลกใบนี้เขาว่ากันว่าปลวกที่เรารู้จักกันนั้นมีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าชนิด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นก็มีประมาณ 270 ชนิด และในบ้านเราคือประเทศไทยมีประมาณ 90 กว่าชนิด สำหรับพวกหรือชนิดอยากให้พวกเราทำความรู้จักกันไว้ก็คือชนิดที่เป็นภัยร้ายแรงต่อพืชผัก ไม้ผล สิ่งก่อสร้างและส่วนประกอบของอาคารบ้านเรือนที่ทำด้วยวัสดุไม้ก็มีอยู่ไม่กี่ชนิดนะครับ
1. Cryptotermes thailandis และ Cryptotermes domesticus คือชนิดของปลวกที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในเนื้อไม้ที่แหงสนิท เมื่อปลวกกัดกินเนือ้ไม้จะทิ้งมูลมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ออกมา ถ้ตกตรงไหน ลองได้เงยหน้าขึ้นไปมองก็จะพบต้นเหตุและทำการแก้ไขได้ทันทีเลยละครับ
2. Coptotermes gestrol และ Globitermes sulphureus คือชนิดที่อาศัยอยู่ใต้ดินเกือบตลอดอายุของมันและนับเป็นประเภทที่เป็นภัยร้ายแรงอย่างมากต่ออาคารบ้านเรือน และสิ่งก่อสร้างทั้งหลายไม่ว่าจะในเมืองหรือต่างจังหวัด เพราะความเสียหายที่เกิดจากปลวกพวกนี้มีถึง 95 % (เอกสารอ้างอิง : จดหมายข่าว วท. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทสไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ปีที่ 3 ฉบับที่ 7 เดือนกรกฎาคม 2543 หน้า 6-8)
ปลวกชนิดนี้ยังเป็นศัตรูสำคัญของอ้อยอีกด้วย โดยเขาสามารถที่จะเริ่มทำลายท่อนพันธุ์ตอนปลูกอ้อยทำให้อ้อยหยุดการเจริญเติบโตไม่งอกแตกหน่อออกมาและแห้งตาย เมื่ออ้อยโตมีลำ ปลวกนี้เขาก็จะเข้าไปกินเนื้ออ้อย โดยทำเป็นโพรงสูงขึ้นไป โพรงที่เนื้ออ้อยถูกกัดกินไปแล้วปลวกจะนำดินบรรจุแทนที่ ทำให้อ้อยหักล้มและแห้งตาย สามารถที่จะเข้าทำลายอ้อยได้ทุกการเจริญเติบโต แต่จะทำลายมากในช่วงระยที่แห้งแล้งนานๆ หรืออ้อยมีความอ่อนแอ
3. Coptotermes curvignathus คือชนิดที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวสวนยาง เป็นอันตรายต่อต้นยางทุก ๆ ระยะการเจริญเติบโตและยังทำลายพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด จะทำลายต้นยางกัดกินส่วนราก บริเวณโคนต้นใต้ผิวดิน และกัดกินต่อไปภายใน ลำต้นจนเป็นโพรง ในระยะนี้ต้นยางจะแสดงอาการใบเหลือง ต่อมาเมื่อระบบรากถูกทำลายอย่างมาก ก็จะทำให้ต้นยางตายในที่สุด สาเหตุนี้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายแก่ชาวสวน ทำให้ผลผลิตลดลง
วิธีการป้องกันกำจัดอย่างปลอดภัยและปลอดสารพิษในปัจจุบันนี้ เราก็สามารถที่จะกระทำได้ โดยในปัจจุบันได้มีพัฒนาการทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางชีวภาพที่ก้าวหน้าไปค่อนข้างจะเร็วมากพอสมควร เพราะสามารถที่จะนำเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในธรรมชาติหรือส่วนมากก็จะพบในรังปลวกที่ร้างแล้ว แล้วนำมาพัฒนาคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมและสามารถที่จะเข้าทำลายปลวกได้อย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม จุลินทรีย์เชื้อรากำจัดปลวกที่ที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า เมธาไรเซียม ( //www.thaigreenagro.com/product/order.aspx?productID=506 ) ซึ่งสามารถที่จะนำไปใช้ได้หลากหลายวิธีนะครับ เช่น นำผงสปอร์ไปโรยรอบแปลงเพาะชำ หรือรอบโคนต้นไม้ในสวน หรือในสวนไม้ป่าไม้ยืนต้น สวนยาง หรือจะนำผงเชื้อ 100 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตรทำการฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณบ้านหรือในแปลงพื้นที่เกษตรตามต้องการก็ได้ หรือจะนำไปโรยตรงบริเวณทางเดินของปลวกหรือบนฝ้าเพดานภายในอาคารเพื่อให้ปลวกเดินผ่านแล้วสัมผัสกับเชื้อและนำเข้าไปในรังทำให้ปลวกทั้งรังอาจจะได้รับเชื้อต่อกันไปเกิดโรคระบาดตายยกรัง เพราะนิสัยของปลวกเขาเป็นสัตว์สังคมชอบทำความสะอาดให้กัน เลียกัน สัมผัสกันอยู่สเมอ หรือเราจะใช้กระดาษลังสีน้ำตาลชุบน้ำให้เปียกชุ่มชื้นแล้วนำมาคลุกผสมกับเชื้อจุลินทรีย์เมธาไรเซียม แล้วนำไปวางล่อให้ปลวกเขาออกมากินหรือสัมผัสกับเชื้อนั้น แล้วนำเข้าไปแพร่เชื้อในรัง ทำให้ปลวกไม่สบายและตายในที่สุด


Mont
วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2550




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2550   
Last Update : 29 ธันวาคม 2550 17:38:31 น.   
Counter : 420 Pageviews.  

เกษตรปลอดสารพิษ ชีวิตจะปลอดภัย อายุขัยยืนนาน ลูกหลานรื่นเริง

สวัสดดีครับ สำหรับผู้ที่สนใจการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพ มือสมัครเล่น มือใหม่ มือเก่า ก็เข้าได้ทุกคนครับ ขอเชิญเข้ามาเยี่ยมชมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ที่นี่เลยนะครับ "ชีวิตจะได้มีสุขกับเกษตร"
ปลูกยางพาราและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ รองรับความต้องการของตลาดโลก




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2550   
Last Update : 24 ธันวาคม 2550 21:41:51 น.   
Counter : 684 Pageviews.  

ปลูกยางพาราและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ รองรับความต้องการของตลาดโลก


ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งเอเชียของเราก็มีการขยายตัวที่เกือบจะเรียกได้ว่าก้าวกระโดดเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเทศจีน, อินเดีย และเวียดนาม การขยายตัวของเศรษฐกิจค่อนข้างพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนบางครั้ง บางประเทศต้องออกมาเบรกตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ชะลอการเจริญเติบโตลงบ้าง มิฉะนั้นจะทำให้ให้เกิดความแตกต่างระหว่างรายได้ของประชาชนในประเทศมากเกินไปไม่สมดุล ทำให้เกิดการใช้ทรัพยาการกันอย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง, สินแร่, ไฟฟ้า, น้ำดื่ม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยางพารา ซึ่งในขณะนี้ประเทศจีนมีความต้องการเป็นอย่างมาก เพราะต้องนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางรถยนต์, ยางรถจักรยานยนต์, รถจักรยาน และวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในประเทศ
ดังจะสังเกตได้จากราคายางพาราในประเทศของเราในช่วงนี้ (ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.2550) ก็ยังอยู่ในราคาที่ค่อนข้างจะสูงประมาณ 65 – 73 บาท ซึ่งเปรียบเทียบกับยุคเศรษฐกิจในช่วงขาลงอย่างนี้ ซึ่งไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็จะเห็นข้าวของค่อนข้างที่จะมีการปรับราคากันสูงขึ้นอย่างมากมายหลายร้อยรายการ แม้กระทั่งอาหารของคนรายได้น้อยอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จก็ยังอยู่ไม่ได้ ดังนั้นเกษตรกรไทยควรมีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์เน้นผลิตผลิตผลทางพืชพันธุ์เกษตรให้มีคุณภาพสูงและปลอดสารพิษ ต้องเริ่มต้นมาให้ความสนใจตั้งแต่วันนี้กันแล้วนะครับ มิฉะนั้นถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปสักห้าปี สิบปี มัวแต่ศึกษาเกษตรแบบที่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษจนเก่ง จนชำนาญแล้วแต่กลับขายไม่ได้ ขายไม่ออก ก็ทำให้เปล่าประโยชน์ เพราะไม่มีใครยอมรับ เพราะในอนาคตใคร ๆ ก็ต้องหันมาดูแลเอาใจใส่ในคุณภาพชีวิตของตัวเองกันมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวผลิตพืชที่เป็นอาหารและเป็นพลังงานด้วย อย่างเช่น ยางพารา, ข้าว, อ้อย, ปาล์ม และ มันสำปะหลัง ฯลฯ เพื่อเตรียมไว้บริการให้กับประเทศที่พัฒนาและมีการขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างเดียว โดยลืมผลิตพืชไว้เป็นอาหารและพลังงาน
ปัจจุบันชมรมเกษตรปลอดสารพิษ มีบริการให้ข้อมูลและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิชาการเกษตรในรูปแบบปลอดสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นตรวจดิน, ตรวจน้ำ, วิเคราะห์ลักษณะโครงสร้างดินว่าควรจะต้องทำการปรับปรุงหรือเพิ่มเติมอะไร การใช้จุลินทรีย์, สารสกัดจากสมุนไพร และหินแร่ภูเขาไฟ ในการบำรุงรักษาจนสามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจำหน่ายได้ ซึ่งบริการตรงนี้จะช่วยให้เกษตรกรที่มีความสนใจในการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ แต่ยังไม่มีพื้นฐานหรือยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยแม้แต่น้อยก็สามารถที่จะทำได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบเล็กๆ หรือขนาดใหญ่เป็นร้อยไร่ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
Mont






 

Create Date : 18 ธันวาคม 2550   
Last Update : 24 ธันวาคม 2550 21:44:59 น.   
Counter : 517 Pageviews.  

1  2  

mont20
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เกษตรปลอดสารพิษวันละนิด ชีวิตจะแจ่มใส
[Add mont20's blog to your web]