คนไทย จอประสาทตาเสื่อมก่อนวัย


คนไทยจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัย เพราะแสงแดด และรังสี UV ทำร้ายผิวอยู่ทุกวัน ทำให้หลาย ๆ คนต้องหาวิธีมาบำรุงผิวกันสารพัด ทั้งทาครีมกันแดด ครีมบำรุงผิว ชโลมกันทั้งเช้า กลางวัน เย็น แต่ลืมนึกไปว่า ในแต่ละวัน "ดวงตา" ของเราก็ถูกทำร้ายไม่น้อยไปกว่าผิว เช่นกัน นั่นจึงทำให้ "ดวงตา" คู่สวยขาดการบำรุงรักษา จนอาจส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อมก่อนวัย เอ...สงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่า "ดวงตา" ของเราถูกทำร้ายได้อย่างไร? ลองคิดดูสิคะ แต่ละวันเราเองต้องเผชิญกับทั้งแสงแดด รังสี UV ฝุ่นควัน มลภาวะต่าง ๆ มิหนำซ้ำในเวลาทำงาน เราก็ต้องคอยเพ่ง จด ๆ จ้อง ๆ อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ วันละหลาย ๆ ชั่วโมง ทำให้ดวงตาต้องเกร็ง เกิดความตึงเครียด ล้า แสบตา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้นั่นเองค่ะ ที่เป็นตัวเร่งทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ที่ มาทำร้ายจอประสาทตา ทำให้เห็นภาพบริเวณตรงกลางไม่ชัด มองเห็นเป็นจุดมัว ๆ ตรงกลาง เอาล่ะสิ ศัตรูตัวฉกาจของดวงตาคู่สวย มีทั้งแสงแดด ฝุ่นควัน หน้าจอคอมพิวเตอร์ แถมยังเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียด้วย แล้วจะทำอย่างไรดี? ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเรามีตัวช่วย นั่นคือ "ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่" ที่มีการวิจัยพบว่า สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้เป็นอย่างดี เพราะในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานตรงต่อดวงตา ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา ป้องกันเซลล์ตาไม่ให้ถูกทำร้ายจากอนุมูลอิสระ, ช่วยในการมองเห็นในที่ ๆ มีแสงน้อย, ป้องกันการเกิดต้อกระจก และยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดในดวงตา ลดการเกิดเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติในจอตา ที่เป็นสาเหตุทำให้มองภาพไม่ชัดเจน ได้อีกด้วย ว้าว...เห็นแล้วใช่ไหมล่ะว่า สารแอนโธไซยานิน ในเบอร์รี่มีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาแค่ไหน แล้วลองมาดูซิว่า มีเบอร์รี่อะไรบ้าง ที่จะมาช่วยปกป้องดวงตาของเราได้อย่างดีสุด ๆ บิลเบอร์รี่ : ผลไม้สีน้ำเงินม่วง อุดมด้วยแอนโธไซยานิน ช่วยในการมองเห็น ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตาและจ อประสาทตา อะซาอิเบอร์รี่ : มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกากลางและใต้ แถบลุ่มน้ำอเมซอน มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเลนส์ตาและจอประสาทตา แบลคเคอร์แรนต : ช่วยให้ตารับภาพในที่ ๆ มีแสงน้อยได้ดี เพราะเนื้อเยื่อในจอรับภาพจะใช้สารสีม่วงในแบลคเคอร์แรนตสังเคราะห์โรดอปซิน ซึ่งเป็นสารตัวสำคัญในการมองเห็น แครนเบอร์รี่ : ช่วยบำรุงสุขภาพตา และยังมีผลงานวิจัยรับรองว่าช่วยป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ด้วย โช้คเบอร์รี่ : ช่วยปกป้องหลอดเลือด และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอวเดอร์เบอร์รี่ : มีแอนโธไซยานินช่วยบำรุงดวงตา และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน สตรอเบอร์รี่ : ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องเซลล์ประสาทตา เรียกได้ว่า เบอร์รี่ทั้ง 7 ชนิดนี้ เป็นผลไม้ที่เกิดมาเพื่อดวงตาโดยเฉพาะจริง ๆ เพราะฉะนั้น ใครที่ต้องเผชิญกับศัตรูตัวร้ายของดวงตาอยู่เป็นประจำโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลไปแล้วล่ะค่ะ ลองให้เจ้าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้ง 7 ชนิดนี้ ช่วยปกป้องดวงตาคู่สวยให้คุณสิคะเอกสารอ้างอิง : 1. Young RW. The family of sunlight-related eye disease. Optom Vis Sci 1994 2. Clayton Blehm et al. Computer Vision Syndrome: A Review. Survey of Ophthalmology 2005 3. อุบลรัตน์ ประดิษฐ์กุล. บิลเบอร์รี่กับสุขภาพ. วารสารเภสัชกรรมโรงพยาบาล. ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2545 4. Antal DS et al. The Anthocyans: Biologically-active substances of food and pharmaceutics interest. The Annals of the University Dunarea de jos of Galati Fascicle VI-Food technology 2003 5. Schauss AG. Et al. Antioxidant Capacity and Other Bioactivities of the Freeze-Dried Amazonian Palm Berry. Euterpe oleranceae Mart. (Acai). J Agric Food Chem 2006 6. Nakaishi H.et al. Effects of Black Currant anthocyanoside intake on dark adaptation and VDT work-included transient refractive alteration in healthy humans. Altem Med Rev 2000




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 2:54:08 น.   
Counter : 329 Pageviews.  

ทำไมเรียกขนมจีน


ขนมจีน เป็นอาหารคาวอย่างหนึ่งของไทย ประกอบด้วยเส้นเรียกว่า เส้นขนมจีน และน้ำยา หรือน้ำยาขนมจีน เป็นที่นิยมทุกท้องถิ่นของไทย แต่มีการปรุงน้ำยาแตกต่างกัน.....แม้ว่า ขนมจีน จะมีคำว่า "ขนม" แต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับขนมใดๆ ขณะเดียวกัน แม้จะมีคำว่า "จีน" แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารของจีน ภาษาเหนือเรียก ขนมเส้น ภาษาอิสาน เรียก ข้าวปุ้น จะมีขนมจีนชนิดหนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับขนม คือ ขนมจีนซาวน้ำ เพราะมีรสหวานประวัติคำว่า "ขนมจีน" ไม่ใช่อาหารจีน แต่คำว่า "จีน" ที่ต่อท้ายขนมนี้สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากมอญซึ่งเรียกขนมจีนว่า "คนอมจิน" หมายถึง "สุก 2 ครั้ง" พิศาล บุญปลูก ชาวไทยเชื้อสายรามัญผู้สนใจศึกษาอาหารและวัฒนธรรมมอญกล่าวว่า " จริง ๆ แล้ว ขนมจีนเป็นอาหารของคนมอญหรือรามัญ คนมอญเรียกขนมจีนว่า คนอมจิน คนอม หมายความว่าจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนจินแปลว่าทำให้สุก" นอกจากนี้ "คนอม" นั้นสันนิษฐานว่าน่าจะใกล้เคียงกับคำไทย "เข้าหนม" แปลว่าข้าวที่นำมานวดให้เป็นแป้งเสียก่อน ซึ่งภายหลังกร่อนเป็น "ขนม" จริง ๆ แล้ว ขนม ในความหมายดั้งเดิมจึงมิใช่ของหวานอย่างที่เข้าใจในปัจจุบัน ขนม หรือ หนม ในภาษาเขมร หรือ คนอมในภาษามอญหมายถึงอาหารที่ทำจากแป้ง ดังนั้นขนมจีน จึงน่าจะเพี้ยนมาจาก คนอมจิน ซึ่งทำให้เกิดสมมุติฐานตามมาอีกว่า ดั้งเดิมทีเดียวขนมจีนเป็นอาหารมอญ แล้วจึงแพร่หลายไปสู่ชนชาติอื่น ๆ ในสุวรรณภูมิตั้งแต่โบราณกาล จนเป็นอาหารที่ทำงานและมีความนิยมสูง สามารถหาทานได้ทั่วไป




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 2:38:09 น.   
Counter : 369 Pageviews.  

ทำไมถึงเรียกขนาดตู้เย็นว่า คิว


การคิดขนาดของตู้เย็นนั้น เขาคำนวณจากความจุของเนื้อที่ภายในตู้เย็น ซึ่งสามารถคิดพื้นที่คร่าว ๆ ได้โดยวัดความกว้าง ความสูง และความลึกภายในตู้เย็นเป็นฟุตแล้วนำมาคูณกัน .....การคิดขนาดของตู้เย็นนั้น เขาคำนวณจากความจุของเนื้อที่ภายในตู้เย็น ซึ่งสามารถคิดพื้นที่คร่าว ๆ ได้โดยวัดความกว้าง ความสูง และความลึกภายในตู้เย็นเป็นฟุตแล้วนำมาคูณกันขนาดของตู้เย็นที่เรียกว่า "คิว" จึงมาจากคำเต็มว่า คิวบิกฟุต (ฟุต3) เช่นตู้เย็นตู้หนึ่งวัดได้ขนาดกว้าง 1 ฟุต 7 นิ้ว สูง 3 ฟุต 9 นิ้ว ลึก 1 ฟุต 7 นิ้ว เมื่อนำมาคูณกันในหน่วยฟุต =(1+7/12)(3+9/12)(1+7/12)ก็จะเป็นขนาดของตู้เย็น 9.4 คิว(บิกฟุต)นั่นเอง




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 2:22:18 น.   
Counter : 318 Pageviews.  

เตือนภัย"อีเมล์"ลวงโลก


กสิกรฯ เตือนภัย"อีเมล์"ลวงโลกธนาคารกสิกรไทยออกประกาศเตือนภัยกลุ่มมิจฉาชีพไฮเทค ใช้กลลวงประเภท "ฟิชชิ่ง" จัดทำเว็บไซต์และอีเมล์ปลอม ต้มตุ๋นลูกค้ากสิกรที่ใช้บริการ K-Cyber Bankingรายงานข่าวจากกสิกรไทยระบุว่า ขณะนี้มีอีเมล์หลอกลวงจากมิจฉาชีพส่งถึงบุคคลทั่วไป โดยแจ้งว่าบัญชีของท่านมีปัญหา หรือธนาคารมีการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ และร้องขอให้ท่านทำรายการ/แก้ปัญหาด้วยการคลิกลิงก์ในอีเมล์ดังกล่าว ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ปลอม ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับหน้าจอ K-Cyber Banking ทุกประการ แต่ URL หรือที่อยู่เว็บไซต์ไม่ใช่ของธนาคาร เช่น greenmonsterarts.co.uk, ad-park.com/catalog/Access หรือชื่ออื่นๆ ที่อาจจะมีชื่อคล้ายคลึง URL ของธนาคาร"ธนาคารขอย้ำว่าไม่มีนโยบาย ส่งอีเมล์ที่มีลิงก์ให้ท่านคลิกเพื่อเข้าสู่ระบบใดๆ หรือสอบถามข้อมูลส่วนตัวใดๆ ผ่านทางอีเมล์ หากท่านต้องการเข้าสู่ระบบ K-Cyber Banking หรือระบบใดๆ ของธนาคาร ท่านจะต้องใช้ Shortcut (Favorite) ท่านสร้างด้วยตนเองหรือพิมพ์URL ด้วยตัวท่านเองเท่านั้น หากท่านได้กรอกข้อมูลลงไปใน Websiteปลอมแล้ว กรุณาติดต่อ K-Contact Center 0-2888-8888 โดยด่วน เพื่อเปลี่ยนรหัสลับ หรือรีบอายัดบัญชี" ธ.กสิกรไทย แถลง




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 2:06:32 น.   
Counter : 236 Pageviews.  

ใบไม้เปลี่ยนสี ที่ โซรักซาน


ใบไม้เปลี่ยนสี ที่ โซรักซาน



ทางเดินไปวัดชินอึนซา เบื้องหลังเห็นเทือกเขาโอโซรัก

ใบไม้เปลี่ยนสี ที่ "โซรักซาน" (มติชน)
โดย นงลักษณ์ ธนวัฒนกุล
           เป็นความตั้งใจของพวกเราที่อยากเห็นป่าเปลี่ยนสี
เตรียมทิ้งใบเข้าสู่หน้าหนาว . . . เราเลือกเดินทางอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม
เป้าหมายที่ "โซรักซาน"
อุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่เหนือที่สุดของประเทศเกาหลีใต้
ในเขตเมืองซกโช (Sokcho) จังหวัดคังวานโด ตั้งอยู่ภาคตะวันออกของประเทศ

           ซกโช เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ
ชายแดนติดเกาหลีเหนือ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งหาดนักซาน
วัดนักซานซา ยงเพียงสกีรีสอร์ท โซรักวอเตอร์เพีย
พระใหญ่ก่อนถึงวัดชินอึนซา
                     มีคนเปรียบยอดเขา "โซรักซาน" เหมือนหิมะไม่เคยละลาย
เพราะมียอดหินสีขาวเหมือนมีหิมะปกคลุมอยู่ทั้งปี มีความงามในฤดูใบไม้ร่วงเหมือน "คลีโอพัตรา" ใบไม้จะหลากสีสันทั้งแดงเข้ม แดงอ่อน เหลือง เขียว
อวดตัวราวกับอัญมณี

           โซรักซาน
ประกอบไปด้วย เทือกเขาโอซอรัก เทือกเขาเนเชอรัก
และเทือกเขานัมซอรัก เรียงซ้อนจากด้านนอกเข้ามาด้านในและลงใต้
คนเกาหลีนิยมไปชมความงามของป่าโดยวิธีการเดิน
แต่มือใหม่อย่างเราเลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุด คือเส้นทาง Gwangeumseong-Sinheungsa Temple คู่มือบอกว่า
จากสถานีเคเบิลคาร์เดินไปยังยอดโซรักซานใช้เวลา 30 นาที
น้ำตก Biryong
                     เราจองที่พักที่ Soraksan YHA
ในหมู่บ้านโซรักดง ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติโซรักซาน ที่พักราคาไม่แพง สะดวก
และอยู่ติดลำธาร

           ยามเช้าอากาศสดชื่น พอฟ้าเริ่มสาง พวกเราเดินหาร้านอาหาร
โดยท่องคำว่า "อูรีนึล
สวีโกกิรึล อันมอกโกโย" ความหมายว่า
พวกเราไม่กินเนื้อวัว (สำเนียงถูกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ)
คุณป้าเจ้าของร้านจัดเมนูเป็นซุปไข่ กิมจิจิแกหรือซุปกิมจิ รสชาติเหมือนแกงส้ม
กินกับเครื่องเคียงคือกิมจิหลายๆ ชนิด อากาศเย็นๆ กินของร้อนๆ มีความสุขจริงๆ

           เรานั่งรถเมล์ประจำหมู่บ้านสาย 7 ไปปากทางเข้าอุทยาน
รถวิ่งเลียบลำธารน้ำใส ป่าเปลี่ยนสีตื่นมารับแสงสีทองจากดวงอาทิตย์สวยจับใจ
เห็นโค้งลำธารตัดกับป่าสีสันฉูดฉาด

           รถจอดให้ลงหน้าอุทยานแห่งชาติโซรักซาน คนเยอะมาก
พวกอาจูม่า อาจอชี (คุณป้า คุณลุง) อยู่ในชุดเตรียมพร้อม trekking รองเท้า
เสื้อผ้าร่ม ถุงมือกันลื่น หมวก แต่พวกเราแต่งตัวตามสบายประสามือใหม่

           ต่อคิวซื้อตั๋วขึ้นเคเบิลคาร์ได้รอบ 11.10 น.
มีเวลาอีกเกือบ 2 ชม. เลยไปเที่ยววัดชินฮึงซา (Shinheugsa) เดินไปแค่ 10
นาทีเท่านั้นเอง
หอระฆังวัดชินอึนซา
                     ก่อนถึงวัดชินฮึงซา
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่และเจดีย์ สวยมาก ไหว้พระแล้วเดินเลียบลำธาร
เห็นประตูวัดเขียนว่า "ภูเขาส่งความสุข"
มีทวารบาลทั้งสี่ยืนเฝ้าประตู เราเข้าไปไหว้พระ เดินชมวัด
แล้วบริจาคซื้อหลังคากระเบื้องแผ่นละ 10,000 วอน (เกือบ 400 บาท) ทำบุญร่วมสร้าง 4
คน พร้อมกับเขียนข้อความอธิษฐาน

           ได้เวลาขึ้นเคเบิลคาร์
ขณะรอคิวกลุ่มอาจูม่าประมาณชมรมคนแก่รักสุขภาพ ร้องรำทำเพลง เต้นระบำพื้นบ้าน
พ่อแม่พาลูกเล็กมาเที่ยว

           วิวที่มองจากเคเบิลคาร์สวยสุดใจ
มองเห็นลำธารผ่านป่าสลับสี เสียดายปีนี้ลมหนาวมาช้ากว่าทุกปี ซ้ำยังมีฝนอีกต่างหาก
เป็นเพราะลานินญ่าแท้ๆ

           ถึงสถานี มีร้านค้าขายกาแฟ มันเผา
และขนมหน้าตาเหมือนแป้งทอดไส้ถั่วแดงราดซอสหวาน กินพออุ่นท้องแล้วลุยต่อ

           ป้ายชี้บอกทางโซรักซานพีค เส้นทางง่ายๆ
เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ตลอดทางปูยางกันลื่น แม้มีใบไม้ร่วงก็ไม่ลื่น

           เดินผ่านต้นเมเปิ้ลแดงเป็นระยะๆ ถึงลานหินกว้าง
จุดพักสุดท้ายก่อนขึ้นยอดโซรักซาน พักถ่ายรูปเย็นๆ ใจ ตะโกนบอกรัก ฮยอนบิน
เลียนแบบซัมซุนแล้วปีนต่อ
อาณาจักรศิลปินจีเร
บ้านตระกูลคิม อายุ 400 ปี
                     ทางขึ้นช่วงสุดท้ายไม่ยากแต่เสียว ห้ามหันมามองเด็ดขาด
ห้ามสวนทาง พอมีคนลงก็ต้องหลบให้ลงสลับกับช่วงขาขึ้น

           ยิ่งสูงยิ่งไม่หนาวแฮะ เพราะร่างกายอุ่นจากการใช้แรงปีน
ปลดผ้าพันคอและหมวกออก รับลมหนาวสดชื่น เจ้าหน้าที่ Northface Korea บอกว่า
ถ้าท้องฟ้าเปิดจะมองเห็นไปถึงเกาหลีเหนือ นั่งมองเทือกเขาโอซอรักประทับไว้ในใจ แล้วก็ตัดใจลงดีกว่า
ก่อนเจอกองทัพอาจูม่า

           ลงจากเคเบิลคาร์ยังไม่อยากจากโซรักซานไปเลย
ก็เลยเดินเลียบลำธารไปเรื่อยๆ เข้าไปในป่าเย็น มีอาจูม่าขายของป่าข้างทาง
เห็นป้ายน้ำตก Bryong ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร เดินๆ ไปมีห้องน้ำกลางป่า
มีร้านขายส้มตำ ไก่ย่าง อุ๊ย..ไม่ใช่ขายด็อกบ็อกกิ (แท่งแป้งผัดซอสพริก)
แป้งเสียบไม้ต้มในน้ำซุปเหมือนโอเด้ง มีก๋วยเตี๋ยวขาย เราเดินต่อ

           ช่วงนี้ขึ้นเขาอย่างเดียว เหนื่อยนิดๆ ดีนะที่อากาศเย็น
ไม่งั้นลงไปนานแล้ว
ป้ายหินบอกชื่อบ้านใน
อาณาจักรศิลปินจีเร
                     กำลังหามุมถ่ายรูปอยู่ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด อาจอชี
(คุณลุง) 2 คน คนนึงล้มหัวฟาดพื้นที่ซอกหิน หญิงไทยใจงามรีบไปพยุง
เอายาแก้ปวดเมื่อยทาให้พร้อมติดพลาสเตอร์ ทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมสุดฤทธิ์
แล้วรีบประกาศตัว "อูรีนึล แทกุกซาราม" (เราเป็นคนไทย)

           พอถึงน้ำตก คุณลุงถามว่า บ้านเรามีน้ำตกอย่างนี้ไหม
ไม่อยากจะคุย มีเยอะแยะ แต่เดินยากกว่านี้เยอะ ไม่มีทางปูยางกันลื่น
ไม่มีราวให้จับยึดหรอก

           น้ำตกน้ำใสมาก มองไปรอบๆ ตัว เห็นเมเบิ้ลสีแดงเพลิง
นั่งดูเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา แล้วบอกลาโซรักซาน มีโอกาสเราคงพบกันทุกฤดูกาล

           บ่าย 4 โมงกว่าแล้ว ถ้าเดินกลับที่พักคงเข้านอนเลย
ตัดสินใจนั่งรถเมล์ไปเที่ยว "วัดนักซานซา" ซึ่งอยู่ใกล้ๆ หาดนักซาน
วัดนี้ในไก๊ด์บุ๊กบอกว่า มีระฆังเก่าแก่สมัยอาณาจักร Shilla

           นั่งรถเมล์สาย 7 มาลงถนนใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 7
แวะซื้อนมรสเกาลัดดื่ม ถือโอกาสถามอาจูม่าว่าขึ้นเมล์ฝั่งไหน
ร้านนี้ยังขายตั๋วรถเมล์ด้วย ราคา 1,000 วอน
อาจูม่าขายของป่า
                     เราก็นั่งรถเมล์สาย 9 ไปทางเมือง Yangyang นั่งไป 1
ป้ายลุงคนขับก็ให้ลง ถามทางจากร้านค้า ได้ความว่า
ให้ข้ามถนนแล้วเดินไปตามทางจากที่จอดรถ ขึ้นเนินอีกแล้ว

           เจอนักเรียนกลุ่มเดิมมาทัศนศึกษา
เด็กๆ ก็ทัก "หนีห่าว" เราก็บอกว่าไม่ใช่คนจีน
"แทกุกซาราม" (เราเป็นคนไทย) เด็กน่ารักชวนคุยเป็นภาษาเกาหลี
เราพูดเกาหลีก็ไม่ได้ คุยกลับเป็นภาษาอังกฤษ เด็กๆ หัวเราะเขินๆ
ยิ้มสยามใช้ได้ทุกที่

           เดินพอเหนื่อย ก็ไปเจอซากวัดที่โดนไฟป่า เศร้าใจจัง
กราบเจ้าแม่กวนอิมที่หันหน้าออกทะเล สัญลักษณ์ของวัดนักซานซา แล้วอำลากลับ

           เจอนักเรียนขาแพลงร้องไห้เดินโขยกเขยกลงเขา มีเพื่อนๆ
ช่วยกันพยุง พวกเรามองดูความทุลักทุเล แล้วตัดใจใช้วิชาเนตรนารี
จับแขนไขว้กันให้น้องนั่งลงจากเขา แล้วก็รู้ว่า คิดผิด น้องตัวหนักมาก เดินได้ประมาณ 20
เมตร ท่าทางพี่จะไม่รอด คุณครูมาพอดี หันไปส่งภาษากันสักครู่
คุณครูแบกใส่หลังดีกว่า

           แล้วความดีที่ทำก็ส่งผล พอถึงตีนเขา
คุณครูประชาสัมพันธ์กับเพื่อนครูว่า พวกเราช่วยนักเรียนคนนี้แบกลงจากเขา ช่วยทายา
ช่วยถอดรองเท้าให้ คุณครูบอกให้นักเรียนตั้งแถวขอบคุณ ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
ปลื้มใจจัง
หอยต้ม และดักแด้ต้ม
                     แวะไปหาดนักซาน
แล้วก็นั่งรถเมล์กลับเข้าที่พัก หาข้าวเย็นกินที่ร้านเดิม ซุปไข่ ซุปกิมจิ เหมือนเดิม
และอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เนื้อวัว กินเสร็จก็เข้าที่พักแช่เท้าในน้ำอุ่นๆ
เตรียมตัวหลับฝันดี

           รุ่งขึ้นเดินทางไปอันดงโดยรถไฟ เจอคุณป้าใจดี
คุยกับเราตลอดเป็นภาษาเกาหลี เราฟังไม่รู้เรื่องเลย
แต่รู้สึกเกรงใจที่คุณป้าอยากคุยด้วย เพื่อนต้องช่วยกันเปิดดิคชันนารี บอกว่า
"อูรีนึล แทกุกซาราม" อาจูม่าเห็นเราแกะไข่ต้มกินก็แบ่งขนมปังให้ แล้วก็ชวนคุย
เราขอให้เขียนใส่กระดาษ จะได้เปิดดิคฯ คุณป้าเขียนข้อความแปลว่า
เราหน้าเหมือนลูกสาว

           เราก็เลยบอกว่า "อาจูมอนี
ชินจอล ฮาดะ" แปลว่า คุณป้าใจดีมาก คุณป้าก็แทบจะเข้ามากอด
แล้วก็พูดภาษาเกาหลีใส่เป็นชุด เราก็เลยเขียนว่า "อาจูมอนี แฮงอุนอึลพิลดะ"
ขอให้คุณป้าโชคดี

           แค่นั้นแหละ ตอนลงรถไฟคุณป้าบอกคนที่นั่งข้างๆ ข้างหน้า
ข้างหลังให้บ๊ายบายพวกเราที่สถานีรถไฟอันดง

          
ไกลบ้านแต่อบอุ่นชะมัดกับความมีน้ำใจที่ให้กับคนแปลกหน้า
วิวที่มองจากยอดเขาโซรักซาน
เห็นลำธารไหลไปเห็นหมู่บ้านโซรักดง
                    "อันดง"
เมืองมรดกโลกที่บอกเล่าความเป็นเกาหลีที่ดีที่สุด

           ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบขงจื๊อ
เหมือนกับประเพณีของคนจีนในบ้านเรา ไม่ว่าจะประเพณีเกี่ยวกับการเกิด การศึกษา
การแต่งงาน การตาย อายุครบ 60 ปี (แซยิด) ก็มีงานแซยิด

           ถึงอันดงควรไปชม Andong Folk Museum ในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าถึงประเพณี ความเชื่อ การดำเนินชีวิตของชาวเกาหลี
จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ชุดแต่งกาย ฯลฯ

           ใกล้ๆ กันมี KBS set drama
สถานที่ถ่ายละครย้อนยุคให้เดินชมด้วย

          
คืนนี้พวกเราจะพักโฮมสเตย์ที่อาณาจักรศิลปินจีเร อยู่ในหุบเขา ไกลจากเมืองมาก
เหมือนเดินทางจากเชียงใหม่ไป อ.ปาย ในแม่ฮ่องสอน

           ตลอดเส้นทางผ่านเขื่อน ผ่านสวนผักสวนแอปเปิ้ล
กว่าจะถึงบ้านศาสตราจารย์คิมแทบแย่ อากาศหนาวสุดสุด 8.5 องศา แต่บ้านอุ่นมาก
เพราะพื้นแบบเกาหลีเดินท่อน้ำร้อนใต้พื้นบ้าน
เส้นทางเดิน
Gwangeumseong
                     บ้านหลังที่เราพักอายุ 400 ปี เป็นมรดกตกทอด
คืนนี้หลับแบบอุ่นสบาย

           เช้าแจ่มใสกับสายหมอก
อิ่มกับอาหารพื้นเมืองที่เน้นกิมจิหลายชนิด ทั้งโสม ตังกุย ไชเท้า ผักกาด
ซุปถั่วงอก

           ถ่ายรูปเล่นแล้วก็พูดคุยกับเพื่อนร่วมสถานที่
เป็นคนเกาหลีที่เคยมาทำงานที่บริษัทเครื่องไฟฟ้าในเมืองไทย

           แม้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
แต่ก็พยายามที่จะสื่อสาร แล้วยังอาสาพาเราเที่ยว แต่ดูกระเป๋าพวกเราแล้ว
คิดว่ารถเขาอาจจะพัง ก็เลยกล่าวอำลาด้วยความขอบคุณ ก่อนจะเดินทางกลับโซล

           ไม่อยากกลับบ้านเลย หัวใจถูกทิ้งไว้ที่โซรักซานและอันดง
ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 9 วัน
แต่เรากลับยืนยันได้ว่าคนเกาหลีไม่ได้ใจร้ายเหมือนคำบอกกล่าวเลย  . .  .

"เคล็ดลับในการเดินทาง"

           คนเกาหลีใจดีมาก เต็มใจช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
แต่ภาษาอาจเป็นอุปสรรคบ้าง ดังนั้นเวลาสอบถามข้อมูลจาก information
สัญลักษณ์รูปตัว I ควรเก็บแผนที่ภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษไว้ใช้คู่กัน

           ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวควรเตรียมไปจากเมืองไทย
นอกเมืองหาข้อมูลภาษาอังกฤษได้ยาก ในเว็บไซต์ tour2korea.com มีข้อมูลละเอียดมาก
อธิบายการเดินทางละเอียด
รวมถึงหมายเลขรถเมล์ท้องถิ่นด้วย
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
 
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 








 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 1:50:33 น.   
Counter : 408 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  

beaushi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add beaushi's blog to your web]