แก้นิสัยลูกดูดนิ้ว


ครอบครัว

หากิจกรรมอื่นให้เจ้าตัวเล็กทำ
 
         อายุก็เกิน 2 ขวบไปแล้ว แต่เจ้าลูกคนดี..ทำไมยังดูดนิ้วเหมือนเป็นเบบี๋ อย่างนี้นะจะทำไงดีล่ะเนี่ย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าน้องหนูเริ่มติดการดูดนิ้วเข้าให้แล้ว ซึ่งจริงๆ การดูดนิ้วเป็นเรื่องปกติในเด็กเล็กที่มักจะดูดนิ้วเพื่อความเพลิดเพลิน สบายใจและคลายความกังวลบางอย่าง ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง วิธีแก้ก็ไม่ยาก
 
         อย่าปล่อยให้ลูกดูดนิ้วจนหลับ เวลาที่ลูกหลับควรเอานิ้วออกจากปากทุกครั้งแต่ต้องทำอย่างเบามืออย่าให้ลูกสะดุ้งตื่นได้
 
 
 
         ลูกอาจเบื่อ เหงา พยายามหากิจกรรมให้ลูกเล่น ให้เวลาพูดคุยและเล่นกับลูกให้มากขึ้นอีกนิด อย่าปล่อยให้เจ้าหนูเบื่ออยู่อย่างนั้น
 
         บอกและอธิบายให้ลูกเข้าใจ อย่าล้อเลียนหรือสนใจพฤติกรรมนี้มากเกินไปนัก 3 วิธีง่ายๆ ลองนำไปปรับใช้กับเจ้าตัวเล็กดู
 
 
 
 
ที่มา: มัมมี่พีเดีย
 
 
 




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 4 เมษายน 2553 2:01:33 น.   
Counter : 625 Pageviews.  

สสส.หนุนทุนสร้างสุขภาพ 53



ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงโลกร้อน
 
          ภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นปัญหาหนักอึ้งของคนทั้งโลกและของประเทศไทยเวลานี้ ผลกระทบหนีไม่พ้นสุขภาพกายและใจอย่างแน่นอน กระทบยังไงน่าจะพอมองเห็นภาพ ผลกระทบนั้นมีผลตรงๆ กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ปัจจัยหนึ่งที่ผสมโรงทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเร็วขึ้นคือการทำลายธรรมชาติเพื่อนำไปใช้ในด้านพลังงานทั้งๆ ที่มีพลังงานทางเลือกให้อีกมากมาย ถ้าไม่เห็นแก่ตัว มักง่ายกันเกินไปคำนึงถึงประโยชน์แก่คนทั้งโลกภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ยากที่สุด
 
          นั่นจึงเป็นที่มาของ สสส.เปิดรับโครงการ "วิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน" โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนทุนให้นักวิจัยและชุมชน ได้ร่วมคิดค้นสร้างสรรค์งานวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อสุขภาพเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชุมชนอย่างยั่งยืนและสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
 
          โครงการจะต้องมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความจำเป็นของชุมชน และอธิบายความเกี่ยวโยงกับสุขภาพได้ ทั้งนี้ หากมีการร่วมทุนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือแหล่งทุนอื่นๆ เพื่อความยั่งยืนจะได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
 
          สืบเนื่องจากปี 2551 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และสุขภาวะ จึงได้สนับสนุนทุนโครงการวิจัยและพัฒนาด้าน "พลังงานทดแทน/พลังงานทางเลือกเพื่อสุขภาพในชุมชน" เพื่อค้นคว้าทดสอบ พัฒนาสาธิตตลอดจนส่งเสริม เผยแพร่ และใช้ประโยชน์พลังงานทดแทน/พลังงานทางเลือกในชุมชนซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชน องค์กรท้องถิ่นและสถาบันการศึกษาในพื้นที่เพื่อให้ชุมชนเกิดความตระหนักในปัญหาร่วมค้นคว้าและสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในชุมชน
 
          ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาและสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยจำนวน 23 โครงการผลการดำเนินงานพบว่าหลายโครงการประสบความสำเร็จในการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทำงานของโครงการสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อชุมชนหรือครัวเรือน
 
          นั่นคือ ช่วยลดรายจ่ายของครัวเรือนโดยเฉพาะรายจ่ายด้านพลังงาน และยังช่วยเพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ประโยชน์ตลอดจนก่อให้เกิดผลกระทบทางบวกต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพทางกายสุขภาพทางจิต สุขภาพทางสังคม และสุขภาพทางปัญญา เนื่องจากนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ หรือเป็นการแก้ไขปัญหาทางสุขภาพโดยตรงเช่น ปัญหากลิ่นจากมูลสัตว์ หรือกลิ่นจากน้ำเสียต่างๆ
 
          เกิดเป็นทุนทางสังคม ที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
 
          นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดพลังทางปัญญาในการร่วมเรียนรู้ และนำภูมิปัญญามาใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน เป็นผลเชื่อมโยงประโยชน์ไปยังสังคมโดยรวมที่กว้างขวางยิ่งขึ้นไปด้วย
 
          สสส.มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนทุนต่อเนื่องให้นักวิจัยและชุมชนได้ร่วมคิดค้นสร้างสรรค์งานวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนโดยเป้าหมายหลัก "เพื่อสุขภาพ" เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการ"สร้างเสริมสุขภาพ" ของชุมชนอย่างยั่งยืน และสามารถพึ่งตนเองได้ในวิถีแห่งเศรษฐกิจพอเพียงในระยะยาวต่อไป
 
          ระยะเวลาเปิดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่31 มกราคม 2553 เวลา 17.00 น.
 
          สามารถดูตัวอย่างและวิธีเสนอโครงการได้ที่ //www.energygreenhealth.com/www.thaihealt.or.th หรือโทร 02-298-0500 ต่อ 1515, 1114 มูลนิธินโยบายสุขภาวะ 02-920-9691
 
          เสนอโครงการได้ที่สำนักสนับสนุนโครงการเปิดรับทั่วไป สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)979/116-120 อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ชั้น 34 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนในเขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 วงเล็บมุมซองเสนอเอกสารเชิงหลักการโครงการวิจัยพลังงานทางเลือกฯ
 
          ทุนสนับสนุนไม่เกินโครงการละ 200,000 บาท
 
          อย่างนี้ต้องเชิญชวนคนมีหัวใจจิตอาสาเพื่อประโยชน์แก่สังคมชาติบ้านเมืองคนไทยทั้งประเทศที่จะมีสุขภาพกายใจดีงามมาร่วมกันคิดค้นคว้าหาวิธีคิดค้นพลังงานทางเลือกเพื่อสุขภาพระดมกันมาให้เยอะๆ
 
 
 
 
 
 
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
 
 




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 4 เมษายน 2553 1:42:53 น.   
Counter : 222 Pageviews.  

ยังนอนไ่ม่หลับอยู่หรือเปล่า?



 
             จากการสำรวจขององค์กรเพื่อการนอนหลับในสหรัฐอเมริกา พบว่า 74% ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่กำลังประสบกับปัญหาการนอน 39% ใช้เวลาในการนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงในแต่ละคืนและ 37% รู้สึกง่วงนอนในช่วงกลางวัน ซึ่งส่งผลเสียต่อการงานหรือการทำกิจกรรมอื่นๆ แล้วคุณล่ะ กำลังประสบกับปัญหาการนอนไม่หลับอยู่หรือเปล่า?
 

 
ก่อนอื่น ลองตอบคำถามเหล่านี้ว่าจริงหรือไม่
 
             1. 5 ชั่งโมงคือเวลาที่พอเหมาะพอดีของการนอนในช่วงเวลากลางคืน
             2. นอนให้น้อยลงในช่วงที่มีงานเร่งด่วน และค่อยนอนชดเชยในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์
             3. ผลจากการอดนอนเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ขอบตาดำคล้ำ เหนื่อยง่าย หรือมีจุดด่างดำขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งไม่มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
             4. การดื่มกาแฟในช่วงเย็นไม่มีผลกระทบต่อการนอนในช่วงเวลากลางคืน
             5. เปิดโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ในห้องนอน ไม่มีผลต่อการนอนหลับ
             6. ระยะเวลาในการนอนไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวแม้แต่น้อย
 
             หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตอบคำถามเหล่านี้ว่า “ใช่” 2 ข้อขึ้นไป คุณอาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นในแต่ละคืน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของตัวคุณเอง
 
             ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าโดยปกติทั่วไปควรใช้เวลาในการนอนหลับแต่ละคืนอยู่ที่ 7-9 ชั่วโมง แต่ในบางคนอาจต้องการเวลาในการนอนหลับเพียง 6 ชั่วโมง ในขณะผู้ที่กำลังป่วยอาจจะต้องการเวลาในการนอนหลับมากกว่าคนปกติ ดังนั้นคุณจะทราบได้อย่างไรว่าตัวคุณเองมีเวลาในการนอนหลับอย่างเพียงพอ สำหรับผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอเป็นระยะเวลาติดต่อกันอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความง่วงนอนได้ในช่วงกลางวันอย่างไม่รู้ตัว พวกเขามักจะขาดสมาธิในการทำงาน มีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ ทำให้ป่วยได้ง่ายกว่าคนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ
 

 
ลองมาดูวิธีที่จะทำให้คุณนอนหลับในช่วงเวลากลางคืนได้เพียงพอเพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง
 
         1. หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์ก่อนนอน โดยเฉพาะการนอนดูบนเตียงนอน งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีโทรทัศน์ไว้ในห้องนอนและใช้โทรทัศน์เป็นตัวช่วยกล่อมให้นอนหลับ
 
         2. เปลี่ยนหมอนหรือเบาะที่นอน หมอนหรือเบาะที่นอนที่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่นทำให้ปวดหลัง ควรเลือกเบาะที่นอนให้มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนคน และหมั่นทำความสะอาดที่นอนอยู่เสมอๆ
 
         3. หลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วงเย็น คุณทราบหรือไม่ว่าการได้รับปริมาณคาเฟอีนก่อนนอน 10-12 ชั่วโมงอาจเป็นสาเหตุให้คุณนอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืน จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ หรือช็อกโกแลต เป็นต้น
 
         4. ฟังเพลงก่อนนอน นับเป็นกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายก่อนนอน ทำให้คุณหลับได้สบายขึ้น เสียงเพลงจะช่วยให้จิตใจสงบลงได้มากขึ้น
 
         5. จัดเวลาเพื่อการนอน สมองและร่างกายของคุณควรจะได้รับการผ่อนคลายและจำกัดความเครียดก่อนที่จะเข้านอน การจัดการกิจกรรมก่อนเข้านอนจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่น การออกกำลังกาย การอาบน้ำ ซึ่งควรจะปฏิบัติในช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละวัน จะทำให้จิตใจและร่างกายปรับตัวเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น
 
         6. นอนหลับด้วยธรรมชาติ สำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับรุนแรง และหากวิธีที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่ได้ผล ลองใช้ธรรมชาติเข้าช่วย อาจทำให้คุณหายจากอาการนอนไม่หลับได้
 
             หลายคนอาจแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการรับประทานยานอนหลับ แต่นั่นไม่สามารถแก้ปัญหาให้คุณในระยะยาวได้ และยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย
 
 
 
 
ที่มา : HealthArticle
 
 
 




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 4 เมษายน 2553 1:20:36 น.   
Counter : 230 Pageviews.  

ระวัง เงินกู้นอกระบบ


คุณภาพชีวิต

สินเชื่อส่วนบุคคลที่ถูกกฎหมาย คืออะไร
 
           การให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลธรรมดา โดยสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง โดยกู้เพื่อนำไปใช้ส่วนตัว กู้เพื่อผ่อนชำระสินค้าและกู้โดยไม่มีหลักประกัน
 

กู้ได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี เมื่อรวมค่าธรรมเนียมอื่นแล้วต้องไม่เกิน 28% ต่อปี โดยคำนวณแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

 
สถาบันที่ให้สินเชื่อที่ถูกกฎหมาย
สถาบันการเงิน
 

ธนาคารพาณิชย์
บริษัทเงินทุน
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

 
ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง (น็อนแบงก์)
 

บริษัทธุรกิจบัตรเครดิต
บริษัทธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

 
บุคคลธรรมดาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
 
ข้อดีของการกู้เงินจากสถาบันที่ให้สินเชื่อที่ถูกกฎหมาย
 

ทางการควบคุมดูแล
ได้รับเงินกู้เต็มจำนวน
ดอกเบี้ยถูกกว่ากู้นอนระบบ
โปร่งใส ตรวจสอบได้
ไม่เสี่ยงต่อการถูกทำรายร่างกาย

 
พฤติกรรมผิดกฎหมายของนายทุน/นายหน้าเงินกู้นอกระบบ
 

นายทุน/นายหน้า ให้กู้ยืมโดยตรง คิดดอกเบี้ยแพง ทวงถามหนี้ด้วยความรุนแรง
นายทุน/นายหน้า ให้กู้ยืมโดยพาผู้กู้ไปทำบัตรผ่อนชำระสินค้าเงินผ่อน หรือใช้บัตรซื้อสินค้าเงินผ่อนที่ผู้กู้มีอยู่ ทำสัญญาซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า ได้รับเป็นเงินสด โดยหักค่านายหน้าร้อยละ 20-30 ของมูลค่าสินค้า

 
ไม่อยากเป็นเหยื่อเงินกู้นอกระบบ อย่าหลงเชื่อโฆษณา
 

เงินสด เงินด่วน ดอกเบี้ยต่ำ
บัตรเครดิตวงเงินเต็มก็กู้ได้
อนุมัติทันที อนุมัติง่าย เงื่อนไขน้อย
ไม่มีบัตรเครดิตก็กู้ได้
มีบัตรผ่อนสินค้าทุกชนิดก็กู้ได้
ให้กู้โดยไม่ยืดบัตร ATM
ไม่ต้องมีผู้ค่ำประกัน
รับปรึกษาปัญหาทางการเงิน

 
เงินกู้นอกระบบ เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยแพง
 
 
 
 
ที่มา : กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
 
 




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 4 เมษายน 2553 1:01:11 น.   
Counter : 340 Pageviews.  

เรื่องน่ารู้สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์


คุณภาพชีวิต

รู้ไว้ใช่ว่า!!
 
           พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2550 พ.ร.บ.ฉบับนี้แบ่งเป็นสองหมวดหลัก คือ หมวดที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และหมวดที่ 2 ว่าด้วยอำนาจหน้าที่และบทบาทของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หรือใช้อินเทอร์เน็ตได้เข้าใจและมีความตระหนักเพื่อกระทำการใดๆที่ขัดต่อพ.ร.บ.ฉบับนี้ในบทวามนี้กล่าวถึงเฉพาะหมวดที่ 1 ซึ่งมีประเด็นต่างๆที่สำคัญดังนี้
 

 
           การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ: การแอบเข้าระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน เช่นมีพาสเวิร์ดป้องกันการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ โดยการเจาะระบบหรือกระทำการใดที่ได้พาสเวิร์ด เพื่อเข้าใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา5) ข้อควรระวัง อย่าใช้ล็อกอินและพาสเวิร์ดของผู้อื่นเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และอย่าเข้าไปใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยเจ้าของไม่อนุญาต
 
           การเปิดเผยข้อมูลมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ: การแอบรู้การเข้าระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกัน เช่น ทราบข้อมูลพาสเวิร์ดเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท แล้วนำไปเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา6) ข้อควรระวัง ทราบล็อกอินหรือพาสเวิร์ดของเพื่อนหรือของผู้อื่น อย่านำไปเผยแพร่
 
           การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ: การเข้าไปดูข้อมูลหรือขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไปเกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท ไม่บอกหรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา7) ข้อควรระวัง ไม่บอกล็อกอินหรือพาสเวิร์ดของตนเองให้ผู้อื่นทราบ
 
           การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น: ผู้ไม่หวังดีแอบไปติดตั้งโปรแกรมเพื่อดักจับข้อมูลการทำธุรกรรม เมื่อท่านไปใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ เช่น ในห้องสมุด สนามบิน หรือร้านกาแฟ อาจโดนดักรับข้อมูล ต้องระวางโทษจำคุกไปเกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท ไม่บอกหรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา8) ข้อควรระวัง อย่ากด “remember me”หรือ“remember password” ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะและอย่า log-in เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินที่เครื่องสาธารณะและอย่าใช้ WiFi (Wireless LAN) ที่เปิดให้ใช้ฟรี โดยปราศจากการเข้ารหัสลับข้อมูล ข้อมูลทางการเงินที่เป็นความลับอาจโดนดักจับข้อมูลได้จึงควรใช้ WiFi ที่มีรหัสลับป้องกัน# การทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ: การป้อนโปรแกรมที่มีไวรัสทำลายข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ประสงค์ร้าย เข้าไปในระบบเพื่อขโมยของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เข้าไปลบ เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล หรือกระทำการใดๆอันทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์เสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา9) ข้อควรระวัง ควรลงโปรแกรมป้องกันไวรัสและสปายแวร์ที่เรื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน เพื่อป้องกันไวรัสที่เข้ามาทำความเสียหายกับข้อมูลของท่าน
 
           การกระทำเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ: ผู้ที่แอบสร้างไวรัส เช่น ไวรัสประเภทที่ติดต่อผ่านแฟลชไดร์ฟ เพื่อนำไปใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์รวน ทำงานช้าลงหรือทำให้เกิดความรำคาญให้กับผู้ใช้จำนวนมากในประเทศไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา10) ข้อควรระวัง ควรลงโปรแกรมป้องกันไวรัสและสปายแวร์ที่เรื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน เพื่อไม่ให้ท่านมีส่วนในการเผยแพร่ไวรัสและทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา
 
           การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืจดหมายอิเล็กทรอนิกส์รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยปกติสุข: การส่งอีเมล์ที่โฆษณาภาพสินค้า โดยไม่ระบุแหล่งที่มา หรือปลอมแปลงแหล่งที่มา บางทีส่งมาจนเต็มที่เก็บอีเมล์ทำให้เกิดความยุ่งยากหรือรบกวนการใช้งานคอมพิวเตอร์(Spam Mail)แต่ถ้าอีเมล์ที่ส่งมาระบุแหล่งที่มาก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด หากทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท (มาตรา10) ข้อควรระวัง หากต้องการส่งอีเมล์จำนวนมากให้ระบุชื่อ ที่อยู่ แหล่งที่มาให้ชัดเจน ถ้าไม่มีการตอบรับจากผู้รับอีเมล์ให้ยกเลิกการส่งเมล์นั้น
 
           หากกระทำตามข้อ 5 (มาตรา9) หรือ 6 (มาตรา10) แล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท หากความเสียหายกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือการบริการสาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นถึงสามแสนบาท และถ้าการกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี (ผิดมาตรา12)
 
           การเจตนาจำหน่ายหรือเผยแพร่โปรแกรมที่ใช้เป็นเครื่องมือการกระทำความผิด เช่น โปรแกรมดักรับข้อมูล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา14)
 


           การโพสต์ข้อวามที่เป็นเท็จหรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสมหลอกลวงประชาชน ทำให้คนอื่นเสียหายโดยข้อมูลอันเป็นเท็จคือข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อประเทศ ทำให้เกิดการตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการก่อการร้าย ข้อมูลลามกอนาจาร ความผิดนี้มีผลทั้งผู้นำข้อมูลคอมพิวเตอร์เข้าระบบคอมพิวเตอร์และผู้เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา 14)ข้อควรระวัง หากท่านได้รับข้อความ หรือภาพเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพลามกอนาจาร,ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา,หมิ่นพระบรมราชานุภาพ,สร้างปัญหาต่อความมั่นคง,ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ไม่ควรส่งต่อให้ผู้อื่นหรือเก็บไว้ที่ระบบคอมพิวเตอร์
 
           หากมีผู้เข้ามาโพสต์ข้อความหรือข้อมูลที่เป็นเท็จหรือโพสต์รูปโป๊หรือข้อความที่ก่อการร้าย แล้วผู้ให้บริการหรือผู้ดูแลเว็บทราบว่ามีการกระทำผิดแต่ไม่ตรวจสอบหรือปล่อยให้มีการกระทำผิดดังกล่าว แสดงว่าผู้ให้บริการสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดมาตรา 14 (ผิดมาตรา15)
 
           การตัดต่อภาพของนางแบบ,เพื่อน หรือบุคคลใดๆ แล้วนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่คนทั่วไปสามารถเห็นได้ ก่อให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นจากผู้อื่นถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผิดมาตรา16) โดยความผิดนี้สามารถยอมความได้ แต่หากกระทำโดยสุจริตไม่ถือว่าเป็นความผิด ข้อควรระวัง ไม่ตัดต่อหรือเผยแพร่ภาพตัดต่อของผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสียหายหรือเสียชื่อเสียง หากจำเป็นต้องตัดต่อ เพิ่มเติมดีดแปลงภาพ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพก่อน
 
           จากตัวอย่างการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ท่านได้อ่านแล้วนั้น สรุปข้อควรระวังเพื่อไม่ให้ท่านตกเป็นผู้กระทำผิดหรือตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี มีดังนี้
 
?         ไม่บอกล็อกอินและพาสเวิร์ดให้ผู้อื่นทราบ และไม่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านจำพาสเวิร์ดของท่าน ไม่เช่นนั้น ผู้ไม่ประสงค์ดีจะแอบอ้างเป็นท่านและไปกระทำผิดตามมาตรา 5-16 ได้ทุกรูปแบบทำให้ท่านตกเป็นผู้กระทำความผิดโดยไม่เจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
?         ควรอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดก่อนการดาวน์โหลดโปรแกรมหรือข้อมูลทางเว็บไซต์
?         ไม่ควรส่งอีเมล์ที่มีข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ภาพอนาจาร หรือข้อความที่กระทบต่อบุคคลอื่น กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความมั่นคงของเศรษฐกิจ
?         ไม่แชทกับคนแปลกหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ท่านหลงเชื่อและบอกข้อมูลส่วนตัวของท่าน เช่น พาสเวิร์ด,ข้อมูลทางการเงิน เพื่อเอาไปใช้ในทางที่ผิด
?         ไม่ควรทำธุรกรรมทางการเงินในเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ เพราะเสี่ยงในการถูกดักรับข้อมูลได้
?         ควรลงโปรแกรมป้องกันไวรัสและสปายแวร์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านและตรวจสอบปรับปรุงข้อมูลไวรัสให้ทันสมัยอยู่เสมอ
?         ไม่ควรทดลองโปรแกรมที่สร้างขึ้นหรือได้มาใหม่โดยไม่ทราบการทำงานของโปรแกรมอย่างชัดเจน อาจทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทท่านมีปัญหาได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ดูแลระบบ
 
           หากท่านมีข้อสงสัยสอบถามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่หมายเลขโทรศัพท์ 1111 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมและอ่านพ.ร.บ.ฉบับเต็มและฉบับการ์ตูนที่  หากท่านศึกษาและเข้าใจ พ.ร.บ. และปฎิบัติจนเป็นความเคยชินท่านจะไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลที่จะทำขัดต่อพ.ร.บ.ฉบับนี้
 
 
 
เอกสารอ้างอิง
 
           - พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
           - ทำความรู้จักพระราชบัญญติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
           - ทวีศักดิ์ กออนันตกูล.สิ่งที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ควรทำ 
           - พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (โดยสรุป)
           - พรเพชร วิชิตชลชัย.คำอธิบายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
 
 
 
ที่มา : สำนักพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์บริการ โทร 0 2201 7494
 
 
 




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 4 เมษายน 2553 0:40:37 น.   
Counter : 199 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

beaushi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add beaushi's blog to your web]