อยู่อย่างเข้มแข็ง-มีความสุขในสังคมของการแข่งขัน



ตั้งสติในทุกเรื่องแล้วจะอยู่รอด

 
          คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความสบายทางกายเท่านั้น แต่ไม่ได้รับประกันว่าคนในปัจจุบันจะมีความสุขทางใจมากกว่าคนในอดีต เพราะสังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขัน ผลลัพธ์ที่เห็นชัดคือมีคนสุขกายเกลื่อนเมือง แต่คนที่สุขใจกลับหาแทบไม่ได้
 
          นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า สาเหตุที่คนเราไม่มีความสุข เกิดความทุกข์อยู่ตลอดเวลาเป็นเพราะมนุษย์มีการแข่งขันกันตลอดเวลาตั้งแต่ก่อนเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เริ่มจากการตั้งครรภ์ที่แม่ต้องแย่งคิวฝากท้องกับหมอที่มีชื่อเสียง ต้องรีบจองคิวเนอร์สเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาลชื่อดังตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง เด็กสมัยนี้จบอนุบาจะเข้าประถม 1 ก็ต้องกวดวิชาสอบเข้า ไม่ค่อยมีเวลาวิ่งเล่น สนุกสนานเหมือนเด็กยุคก่อนๆ โดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัย การแข่งขันยิ่งรุนแรงเรียนกวดวิชาเตรียมสอบล่วงหน้าเป็นปีๆ จบออกมาก็ต้องแย่งงานดีๆ กันทำ ทำงานแล้วยังต้องข่งขันเปรียบเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันว่า ใครจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า เร็วกว่า
 
          นพ.ประเวศ ตันติพิวัฒนสกุล ในฐานะผู้จัดการแผนสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า พ่อแม่ผู้ปกครองควรรับรู้ว่าการให้ความรักอย่างเดียวคงไม่พอเพราะบางครั้งความรักก็ส่งผลเสียต่อลูก วิธีที่ได้ผลที่สุดคือผู้ใหญ่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ปูพื้นฐานให้เด็กเติบโตด้วยความมั่นใจ ภูมิใจในตัวเอง และสามารถแก้ปัญหาของตัวเองได้เมื่อยามที่ต้องเผชิญต่อสถานการณ์ที่เลวร้าย
 
          จิตแพทย์ระบุว่าความจริงชีวิตคนเรามีสิ่งที่จำเป็นพื้นฐาน (Need) ไม่มากกว่าปัจจัยสี่เท่าใดนัก แต่สิ่งที่คนเราต้องการ (Want) ในชีวิตนั้นไม่มีที่สิ้นสุด และเหตุผลก็คือเป็นไปเพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย ความสนุกสนานและเสริมความมั่นใจในเรื่องของภาพลักษณ์ หน้าตา ศักดิ์ศรี เกียรติยศ
 
          ชื่อเสียง อำนาจ ซึ่งคนจำนวนมากยอมทุ่มเทชีวิตเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มาจนกระทั่งลืมไปว่า เป้าหมายของชีวิตคืออะไร ชีวิตขาดสมดุล ครอบครัวล้มเหลว สุขภาพทรุดโทรมหรือแม้แต่สังคมและสภาพแวดล้อมก็เสื่อมถอยเพราะผู้คนมุ่งประโยชน์ส่วนตน
 
          ทว่ายัง ไม่สายเกินไปหากจะแก้ไข โดย นพ.ไกรสิทธิ์ ได้แนะวิธีการสร้างสุขอย่างยั่งยืนเพื่อให้สามารถอยู่ท่ามกลาง
 
          สังคมที่มีแต่การแข่งขันว่า เริ่มจากการปรับความคิดพยายามทำให้ตนเองรู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบทุกคน แต่ละคนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตัวเราเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกัน ต้องคิดเสมอว่าตัวเรามีคุณค่ามีประโยชน์ และต้องพยายามรักษาข้อดี ปรับปรุงข้อเสียของตนเอง พยายามลดจุดอ่อน ข้อบกพร่อง และต้องยอมรับตนเองในแบบที่ตนเองเป็น
 
          ที่สำคัญคืออย่าวิ่งหนีปัญหา และกลบจุดอ่อนปมด้อยตัวเอง อย่าคิดที่จะต้องเอาชนะคนอื่น นำหน้าหรืออยู่เหนือผู้อื่น เพราะจะช่วยทำให้ความคิดที่ต้องการไขว่คว้าหาความมั่นคงจากปัจจัยภายนอกลดลง ความต้องกรแก่งแย่งแข่งขันก็จะน้อยลง ทำให้ชีวิตมีความเรียบง่ายขึ้น พยายามมองโลกแง่บวก รูจักให้อภัยผูอื่น ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ต้องอาศัยทั้งความรู้และความเข้าใจ จึงจะสามารถปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมแห่งการแข่งขันกันได้ สุดท้ายคือตองหมั่นฝึกฝนปฏิบัติทบทวนเพื่อเตือนสติตนเองว่า คนเราก็มีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่นอย่างสูงจึงจะสำเร็จ
 
          ถ้าทุกคนหันมาให้ความนใจกับแนวทางนี้ ตั้งสติและทบทวนปฏิบัติได้ คงไม่ยากเกินไปที่โลกใบนี้จะกลับมาน่าอยู่เหมือนเดิม
 
 
 
 
 
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
 
 
 



Create Date : 23 มีนาคม 2553
Last Update : 23 มีนาคม 2553 3:28:14 น. 0 comments
Counter : 307 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

beaushi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add beaushi's blog to your web]