|
|
“มุมนมแม่ต้นแบบ” ในสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ข้อมูลภาคี
เพราะนมแม่ คือ หยดแรกของสายใยรักแห่งครอบครัว และอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกน้อย โดยในแต่ละปี มีเด็กไทย เกิดใหม่ถึง 8 แสนคน หากเด็ก ๆ ทุกคนได้ดื่มนมแม่ เชื่อว่า ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ แต่!! ในความเป็นจริงแล้วมีเด็กเพียง 136,000 คนเท่านั้น ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างเดียว ไปจนถึงอายุ 6 เดือน เนื่องจากคุณแม่ยุคใหม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ส่งผลให้มีเด็กกว่า 6 แสนคน ไม่ได้กินนมแม่!!! เพื่อช่วยเหลือคุณแม่ทำงานที่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงผุดโครงการ “มุมนมแม่ในสถานประกอบการ” ขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดสถานที่ที่คุณแม่สามารถบีบ กัก ตุน น้ำนม กลับไปให้ลูกที่บ้านได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่ศูนย์นมแม่ฯ ได้ขยายโครงการดี ๆ นี้ไปยังองค์กร โรงงาน และหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขานรับ จึงจัดให้มี “ห้องคุณแม่” ขึ้น ซึ่งถือได้ว่า เป็นธนาคารในกลุ่มสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดแห่งแรกที่จัดให้มี “มุมนมแม่” ในสถานประกอบการ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเอ็ด สารสาส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารกลาง และบริหารทรัพย์สิน เล่าให้ฟังว่า “มุมนมแม่” มีจุดเริ่มต้นจากพนักงานหญิงที่คลอดบุตรแล้วกลับมาทำงาน แต่มีความประสงค์อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ไม่สะดวกในการกัก ตุนน้ำนมให้ลูก จึงรวมตัวกันมาปรึกษาฝ่ายบริหาร ธนาคารจึงมีมติให้จัด “ห้องคุณแม่” และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 “ธนาคารได้จัดเตรียมสถานที่อย่างถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย สะอาด และจัดเครื่องอำนวยความสะดวกไว้ให้ เช่น ตู้เย็น เก้าอี้ เอกสาความรู้เรื่องนมแม่ นิตยสารเกี่ยวกับแม่และเด็ก และเจลล้างมือ เป็นต้น นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องของความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ให้หญิงตั้งครรภ์ทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยหัวหน้างานจะต้องประเมินความเสี่ยงตามลักษณะงานของพนักงานหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง จะต้องปรับเปลี่ยนหน้าที่ในการทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการทำงานระหว่างตั้งครรภ์อีกด้วย” นายเอ็ด เล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นายเอ็ด ยังบอกอีกว่า ในช่วงแรกที่ได้จัดทำห้องคุณแม่ ธนาคารยังไม่ได้คำนึงถึงความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่นัก เพียงแต่จัดสถานที่ให้เท่านั้น ต่อมาทางศูนย์นมแม่ได้แจ้งความประสงค์จะเยี่ยมชม ซึ่งการเยี่ยมชมนี้เองทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างศูนย์นมแม่และธนาคาร ในการปรับปรุงห้องคุณแม่ให้ดีขึ้น โดยจัดรณรงค์ให้ความรู้ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อาทิ บอร์ดประชาสัมพันธ์ แผ่นพับ นอกจากนี้ยังได้ถอดเอกสารที่เคยได้รับมาจากบริษัทขายนมผสมออกทั้งหมด “ประโยชน์ที่ธนาคารได้รับจากการจัดทำห้องคุณแม่ อาจไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ แต่สามารถวัดได้จากความรู้สึก ที่พนักงานรู้สึกดีต่อองค์กรที่ให้ความสำคัญแก่พนักงานและลูก ทำให้พนักงายคลายความกังวลใจ และตั้งใจทำงานมากขึ้น หากมองในแง่ของสังคม สิ่งที่ธนาคารทำถือเป็นการช่วยปลูกฝังพื้นฐานที่ดีของครอบครัวรวมถึงความผูกพันระหว่างแม่ลูก ทั้งหมดนี้ส่งผลให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย” นายเอ็ด เล่าด้วยรอยยิ้ม นับตั้งแต่มีการตั้ง “ห้องคุณแม่” ขึ้นมา มีพนักงานหญิงจำนวนทั้งสิ้น 81 คนที่เข้ามาใช้บริการ โดยมีสถิติของพนักงานหญิงที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานที่สุดถึง 12 เดือน 5 คน และระหว่าง 6-11 เดือน 55 คน เลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยที่สุด 5 เดือน จำนวน 21 คน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการมีนโยบายที่ชัดเจนจากผู้บริหารระดับสูงในการให้เวลางานไปปั้มนมให้ลูก รวมถึงความเข้าใจของพนักงานทุกคนในองค์กร นางกฤติยา วัชรเธียรสกุล พนักงานธนาคาร เป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และได้เข้าใช้บริการห้องคุณแม่ บอกว่า ที่ตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เริ่มมาจากการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล คุณหมอก็คอยให้ความรู้และสร้างเข้าใจ บวกกับที่ทำงานอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่และเวลาให้พนักงานสามารถเข้าห้องคุณแม่ได้ตลอด ทำให้ง่ายต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ “สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือ ลูกจะอารมณ์ดี ไม่งอแง ร่างกายก็แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่ไข้ ที่สำคัญคือ ลูกจะมีความสุขมาก เวลาป้อนนม คุณแม่เองก็มีความสุข ถือเป็นการเชื่อมสายใยรักระหว่างแม่สู่ลูกได้อีกทางหนึ่ง” คุณแม่ลูกหนึ่ง กล่าวอย่างอารมณ์ดี ในส่วนของ พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เล่าถึงความรู้สึกว่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อทราบว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้จัด “ห้องคุณแม่” ให้พนักงานที่เป็นแม่มาปั๊มเก็บน้ำนมไว้ให้ลูก ทางศูนย์นมแม่ฯ จึงได้มาขอเยี่ยมชม และได้เล่าให้ผู้บริหารของธนาคารทราบถึงพระปณิธานของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อันเนื่องมาจาก “โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว” และพระดำริเรื่องแม่ทำงานที่ทรงสนับสนุนให้มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ต่อเนื่อง ทางผู้บริหารของธนาคารจึงได้น้อมนำพระดำริมาดำเนินการ และตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงได้พัฒนา “ห้องคุณแม่” หรือที่เรียกกันว่า “มุมนมแม่” ให้เป็นมาตรฐาน นอกจากนั้นยังได้ให้คำแนะนำกับศูนย์นมแม่ฯ ในการขยายผลไปยังธนาคารต่างๆ ในระดับประเทศ รวมถึงให้คำแนะนำและวิธีการดำเนินงานจนทำให้ธนาคารหลายๆ แห่งสามารถจัดตั้งมุมนมแม่ได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้ ศูนย์นมแม่ จึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อทูลเชิญเสด็จทอดพระเนตรความสำเร็จดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งยังความปลื้มปิติแก่พนักงานหญิงของธนาคารที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างสุดซึ้ง ขวัญและกำลังใจนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้ “มุมนมแม่” ถูกผลักดันให้เกิดเป็นกระแส และขยายออกไปอย่างกว้างขวาง เพราะเมื่อพนักงานมีความสุข พนักงานก็จะนำความสุขนั้นมาที่ทำงาน ความสุขเหล่านี้เองที่ช่วยลดอัตราความผิดพลาดในการทำงาน พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอัตราการเจ็บป่วย การลาน้อยลง สิ่งที่เราได้เห็นก็คือ พนักงานก็จะรักองค์กร อยากทำงานกับบริษัทไปนาน ๆ...^^ บรรยากาศภายในงาน
ดาวน์โหลดภาพงานทั้งหมด คลิกที่นี่ ที่มา : Team content //www.thaihealth.or.th
Create Date : 13 มีนาคม 2553 |
Last Update : 13 มีนาคม 2553 14:04:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 599 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
beaushi |
|
|
|
|