Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน เชียงใหม่ เสน่ห์ปลายฝนบนดินแดนล้านนา (ตอนที่ 2: เส้นทางดอยสุเทพ)


สถานที่ท่องเที่ยว : วัดผาลาด, เชียงใหม่ Thailand
พิกัด GPS : 18° 47' 57.48" N 98° 56' 3.13" E

ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในเมืองเชียงใหม่ หลายคนคงจะนึกถึงดอยสุเทพ แต่แม้ว่าดอยสุเทพจะเป็นสัญลักษณ์ และเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมือง แต่หลายคนรวมทั้งตัวผมที่มาเชียงใหม่นับครั้งไม่ถ้วน กลับไม่เคยมาดอยสุเทพเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทริปนี้ผมเลยหมายมั่นไว้ว่า จะต้องขึ้นมาที่นี่ให้ได้ครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ ตอนแรกผมกะว่าจะนั่งรถแดงขึ้นมาที่ดอยสุเทพครับ แต่พอคิดไปคิดมา ในเมื่อมาเที่ยวทั้งที อยากแวะเที่ยวหลายๆที่รอบตัวเมืองเชียงใหม่ ผมเลยตัดสินใจเหมารถแดงจากเพจ รถแดงนำเที่ยวเชียงใหม่ by chan ซึ่งเค้าคิดราคาค่ารถอยู่ที่ 1,200 บาทต่อวันรวมทุกอย่างแล้ว ซึ่งโปรแกรมจะพาเที่ยวหลายที่ตามรูปข้างล่างนี้ ยกเว้น พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิดครับ

 

 
ถ้าใครสนใจรถแดงนำเที่ยวเจ้านี้ ติดต่อได้ที่เพจนี้ครับ https://www.facebook.com/redcarchiangmai99/

วันที่สอง

ทริปนี้เริ่มออกเดินทาง 9 โมงเช้าครับ รถแดงที่เราติดต่อไว้จะมารับที่โรงแรมที่เราพักเลย สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกที่เรามาแวะก็คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ครับ

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ตั้งอยู่ภายในเขต อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,046 เมตร ทำให้อากาศบนนี้เย็นสบาย แม้ว่าจะไม่ใช่หน้าหนาวก็ตาม

 

วัดพระธาตุดอยสุเทพสร้างขึ้นในรัชสมัย พญากือนา กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนา เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ พระสุมนเถระ อัญเชิญมาจากสุโขทัย

การเข้าถึงพระธาตุดอยสุเทพต้องเดินขึ้นบันได 185 ขั้น แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินก็สามารถขึ้นรถรางได้ในราคา 20 บาทครับ (ใครจะมา แนะนำให้ขาขึ้นนั่งรถราง ส่วนขาลงลงบันได)

 

ด้านบนจะพบกับองค์เจดีย์สีทอง แลนด์มาร์คสำคัญของตัวเมืองเชียงใหม่ครับ
 

จากดอยสุเทพ พอมองลงไปจะเห็นวิวตัวเมืองเชียงใหม่ และถ้ามาถูกช่วง เราจะได้เห็นเครื่องบินขึ้นลงจากบนนี้ด้วยครับ
 

 

จากดอยสุเทพ เราก็นั่งรถต่อไปอีกไม่ไกล เพื่อไปยัง ดอยปุย ซึ่งเป็นหมู่บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้ง เรียกว่า บ้านม้งดอยปุย
 

 
ไฮไลท์ของบ้านม้งดอยปุยจะเป็นสวนดอกไม้ที่นักท่องเที่ยวมักจะใส่ชุดม้งไปถ่ายรูปกันในช่วงหน้าหนาว แต่ตอนที่ผมไปเป็นหน้าฝน ดอกไม้เลยยังไม่มี แต่จะมีป่าเขียวขจีให้เราเดินถ่ายรูปเที่ยวเล่นกันแบบนี้ครับ
 

 



นอกจากมุมถ่ายรูปแล้ว ใครที่มาดอยปุย ผมขอแนะนำให้ลองแวะทานข้าวซอยที่ ร้านข้าวซอยลุงสุรินทร์ ด้วยครับ ข้าวซอยที่นี่เป็นข้าวซอยอิสลาม น้ำข้น รสชาติจัดกว่าในตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนตัวผมว่าเป็นข้าวซอยที่อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่่เคยกินมาเลยครับ
 

จุดต่อมาก็คือ วัดผาลาด ซึ่งเป็นวัดสุดอันซีนที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก แต่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนชอบมาก (ต้องขอบคุณคนขับของเราเลยครับที่แนะนำวัดนี้ให้เรา)

วัดผาลาดเป็นวัดที่เงียบสงบและเก่าแก่ สร้างขึ้นในรัชสมัย พญากือนา ช่วงเดียวกับที่สร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพ

จุดเด่นของวัดนี้ก็คงเป็นศิลปะภายในวัดครับ

 







การมาเที่ยววัดนี้ในช่วงหน้าฝน จะทำให้ได้บรรยากาศที่เขียวขจี สดชื่น แต่ดูมีมนต์ขลังแบบเจดีย์องค์นี้ครับ
 

 
จากวัดผาลาด ตรงเชิงดอยสุเทพจะมี อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ซึ่งตอนแรกตามโปรแกรมไม่มีที่นี่ครับ แต่เนื่องจากเราเห็นว่าเป็นทางผ่านและเวลาเหลือ เลยขอแวะซะหน่อย

ครูบาศรีวิชัย เป็นพระเถระชาวลำพูน และเป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนา โดยท่านเป็นผู้สร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพจึงมีการสร้างอนุสาวรีย์ของท่านขึ้นที่นี่

 



 
เนื่องจากในอดีต ครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ ทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ (เช่น ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง) และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ เพื่อรอส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ

มีคำบอกเล่ากันว่า ครูบาศรีวิชัยได้กล่าวอมตะวาจาไว้ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อครั้งที่ท่านถูกอธิกรณ์เมื่อ พ.ศ. 2478 ว่า “หากน้ำปิงไม่ไหลย้อนขึ้นเหนือ จะไม่ขอไปเหยียบแผ่นดินเชียงใหม่” ดังนั้น พอสร้างอนุสาวรีย์เสร็จและจะทำการขนย้ายอนุสาวรีย์ขึ้นมาประดิษฐานบนดอยสุเทพกลับไม่สามารถขนย้ายอนุสาวรีย์ลงมาจากรถได้ จนเมื่อมีการสร้างเขื่อนภูมิพลทำให้แม่น้ำปิงไหลย้อนขึ้นไปท่วมแถบอำเภอดอยเต่า จึงสามารถอัญเชิญรูปเหมือนกลับมาประดิษฐานที่เชิงดอยสุเทพได้จนถึงทุกวันนี้

 
 
วัดอุโมงค์ เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัย พญามังราย เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ พระกัสสปะเถระ ที่พระองค์นิมนต์มาจากลังกาเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนาครับ
 



 
ปัจจุบัน วัดอุโมงค์กลายเป็นสถานปฏิบัติธรรม สถานที่ที่คนมาแสวงหาความสงบ รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามแปลกตาของเชียงใหม่ เมื่อมาเยือนที่วัดอุโมงค์จะได้พบกับความร่มรื่นและความเงียบสงบภายในวัด 
 



ช่วงเวลาเย็นๆ แดดร่มลมตก เรามาต่อที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ครับ

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี รัฐบาลในสมัยนั้นได้จัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ตรงบริเวณที่เป็นอุทยานหลวงแห่งนี้นั่นเองครับ

 
 

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน บริเวณนี้เคยมีการจัดแสดงสวนนานาชาติ เช่น สวนจากประเทศภูฎาน โมร็อคโก เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ปัจจุบันไม่เหลือต้นไม้แล้ว เหลือแต่ตัวโครงสร้างให้เราได้นึกถึงวันเก่าๆ
 





 
สิ่งที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ก็คือ หอคำหลวง ซึ่งถ้าใครเคยดูละครเรื่อง เพลิงพระนาง คงจำหอคำแห่งนี้ได้ใช่ไหมครับ

หอคำนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นล้านนา จำลองมาจากหอคำหลวงของเจ้าเมืองเชียงใหม่ในอดีตที่ปัจจุบันไม่เหลือแล้ว

 



 
ภายในหอคำหลวง
 

 
ที่นี่มีค่าเข้า 100 บาทครับ เอาตรงๆผมว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะการบำรุงรักษาไม่ค่อยดี ใครมีเวลาน้อย ตัดที่นี่ไปเลยก็ได้ครับ

มาถึงสถานที่สุดท้ายในทริปนี้ คือ วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งป็นวัดเก่าแก่ที่สุด ในบรรดาวัดที่ไปมาทั้งหมดในวันนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.1230 ในรัชสมัย พระนางจามเทวี แห่ง อาณาจักรหริภุญชัย เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

 



 
ในส่วนของรีวิวทัวร์รถแดงวันนี้ ส่วนตัวผมว่าค่อนข้างคุ้มกับเงิน 1,200 บาท เพราะเที่ยวได้หลายที่ เก็บได้ครบเกือบหมด ถ้าใครมาเชียงใหม่แล้วสนใจจะขึ้นมาเที่ยวดอยสุเทพ ผมแนะนำให้เหมารถแดงเที่ยวตามรูทนี้เลย เท่าที่ผมถามมาหลายๆเจ้า ราคาจะอยู่ประมาณนี้เท่ากันหมดครับ

สำหรับรีวิวในตอนนี้ก็ของจบเพียงเท่านี้นะครับ ในตอนหน้าเราจะพาขึ้นดอยอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของไทยนั่นก็คือ ดอยอินทนนท์ นอกจากนี้ เรายังได้ไปแวะไปเที่ยว บ้านป่าบงเปียง ซึ่งเป็นนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทยอีกด้วย ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ

บล็อกที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 26 เมษายน 2567 22:10:49 น. 1 comments
Counter : 5072 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณKavanich96, คุณTui Laksi


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:5:15:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.