[Halle Pumas] The Wallflower บทที่ 2

The Wallflower

[Halle Pumas Series]

by Dana Marie Bell





บทที่ 2



<เอ็มม่าพลิกป้ายให้เป็น “ปิด” ดึงม่านบังตาลงก่อนจะล๊อกประตูหน้าร้าน เธอถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข

ท่านบาทหลวงรักมาดอนน่าของไซมอน เธอสงสัยว่ามีเธอแค่คนเดียวหรือเปล่าที่สังเกตเห็นว่าภาพมาดอนนามีอะไรบางอย่างที่เหมือนเบ็คกี้ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอกล้ามากพอที่จะเข้าไปคุยกับแมกซ์ สิ่งนั้นกับสีหน้าของเบ็คกี้เวลาที่มองไซมอน แน่นอนว่าการที่ไซมอนตามติดเบ็คกี้ทุกฝีก้าวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

ทันทีที่เธอก้าวข้ามความขลาดอายที่ห่อหุ้มเธอไปได้ เอ็มม่าก็พบว่าแมกซ์คุยด้วยง่ายจนน่าประหลาดใจ การที่ได้ใกล้ชิดกับเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว ลิ้นแทบจะพันกันเป็นปมเหมือนที่เธอเป็นเสมอเมื่อพบเขา จนกระทั่งเขาประกาศออกมาอย่างน่าขันว่าไซมอนไม่เหมาะกับเธอ

ไม่หรอก ไซมอนน่ะเหมาะกับเบ็คกี้ต่างหาก

เธอดึงม่านบังตาลูกไม้สีครีมลงปิดหน้าต่างโชว์ร้านบานใหญ่ บดบังแสงยามเย็นที่ส่องเข้ามาในร้านจนหมด เมื่อเอ็มม่าปิดหน้าร้านเสร็จ เบ็คกี้ก็ตรวจนับเงินเสร็จพอดีและกำลังนั่งทำบัญชีอย่างมีความสุขอยู่ที่หลังร้าน มีหม้อกาแฟและกล่องไก่ผัดขิงใบใหญ่วางอยู่ตรงข้อศอก

เธอรักช่วงเวลานี้ของยามเย็น ถนนทั้งสายว่างโล่งมีคนไม่กี่คนกำลังเดินทางกลับบ้านหรือไปร้านอาหารร้านโปรดเพื่อทานมื้อเย็น แสงสลัวของยามโพล้เพล้ทาบทาให้ทุกอย่างกลายเป็นสีแดง ทำให้สิ่งต่างๆดูนุ่มนวลลงและโรแมนติกมากขึ้น เอ็มม่าถอนใจพลางเดินเข้าไปหลังร้าน หยิบเสื้อโค้ทและกระเป๋าถือ โบกมือให้เบ็คกี้ที่โบกส้อมกลับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปทางหลังร้าน

“เอ็มม่า”

เอ็มม่ากรีดร้องพร้อมกับผงะถอยไป เธอดึงกระป๋องสเปรย์พริกไทยออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะรับรู้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ในเงาคนนั้นคือแมกซ์ “ให้ตายสิ แมกซ์!”

“ผมขอโทษ” เขาไม่ได้ฟังรู้สึกผิดมากขนาดนั้น แต่ดูเหมือนกับเขาพยายามกลั้นหัวเราะมากกว่า “อย่าเพิ่งมาตัดไอ้หนูของผมนะ”

หัวใจของเธอยังคงเต้นระรัวเมื่อเก็บกระป๋องสเปรย์ลงกระเป๋าพลางมองเขา “มีธุระอะไรคะ?”

“ไม่เอาน่า นี่คุณทักคนที่จะมาช่วยคุณอย่างนี้น่ะหรือ?”

เอ็มม่าวางมือทาบอก เหลือบของเขาในแสงสลัว ผู้ชายคนนี้กำลังหัวเราะเธอ “จะมาช่วยอะไรฉัน?”

“จับคู่เบ็คกี้กับไซมอนไง แน่นอนอยู่แล้ว”

“หือ?” เขาดูดิบเถื่อนมากเกินไปเมื่อเดินเข้าหาเธอ

“คุณอยากจับคู่ไซมอนกับเบ็คกี้ไม่ใช่หรือ ผมช่วยคุณได้นะ” เขาจับแขนของเธอขึ้นคล้องแขนของเขา กักขังมือของเธอให้อยู่ใต้มือเขา แล้วจู่ๆก็ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ “ว่าแต่เบ็คกี้อยู่ไหนล่ะนี่?”

“ยังอยู่ข้างในค่ะ นั่งทำบัญชีอยู่” เธอตอบอย่างเลื่อนลอย หันเหความสนใจไปยังความรู้สึกของแขนที่อยู่ใต้แขนเธอชั่วคราว แขนของเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับแท่งหิน ทั้งแข็งแรงและแข็งแกร่ง ท่าทางเธอจะขยับมันไม่ได้เลย

สีหน้าของแมกซ์ว่างเปล่า “คุณออกมาข้างนอกนี่ ตอนกลางคืน คนเดียว”

เขาไม่ได้ถาม แต่พูดย้ำราวกับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน

“ใช่ ฉันก็ทำแบบนี้อยู่ทุกคืน ฉันจอดรถเอาไว้ตรงโน้นน่ะค่ะ” เธอชี้ด้วยมือข้างที่ว่างและพยายามดึงมืออีกข้างออกจากมือที่กลายเป็นคีมเหล็กไปโดยกะทันหันอย่างนุ่มนวล เบ็คกี้พักอยู่ในอพาร์ทเมนต์ชั้นบนของร้านส่วนเอ็มม่าพักในอพาร์ทเมนต์ในย่านธุรกิจที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง ถ้าเบ็คกี้จัดการกับบัญชีและอาหารจีนของเธอเสร็จแล้ว เธอก็น่าจะขึ้นไปยังอพาร์ทเมนต์เล็กๆข้างบนแล้วนั่งดูทีวีเล่น

“คุณพกสเปรย์พริกไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าแถวนี้น่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นบ้าง”

เธอพยักหน้ารับช้าๆ “อันตรายก็มีอยู่ทุกที่นั่นล่ะ แม้แต่ที่ๆอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยอย่างที่นี่”

เขาเริ่มจะเป็นห่วงเธอแล้ว สีหน้าของเขายังคงว่างเปล่าแต่มีบางอย่างในดวงตาของเขาที่เปลี่ยนไป มันส่องประกายแปลกประหลาดราวกับว่าเขากำลังโกรธ เธอตัดสินใจที่จะไม่บอกเขาว่าทำไมถึงพกสเปรย์พริกไทย

“มีคนทำร้ายคุณแถวๆนี้มาก่อนหรือ?”

เธอชะงักและพยายามกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วด้วยการพูดพล่ามไปเรื่อยๆ “ที่นี่ปลอดภัยมากเลยนะคะ แล้วเบ็คกี้ก็จะคอยฟังเสียงรถของฉัน ตอนนี้เธออาจจะกำลังวิ่งลงมาดู เตรียมตัวจะจัดการกับใครก็ตามที่บังอาจมารังแกฉัน เพราะฉะนั้นคุณควรจะปล่อยแขนฉันได้แล้ว!” ตอนนี้สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแสดงความเจ็บปวดเพราะเขาบีบแขนของเธอแน่นขึ้นอีก

เขาปล่อยมือและมองเธอ เอ็มม่าสาบานว่าเธอเห็นดวงตาของเขาเป็นสีทองท่ามกลางแสงจันทร์ก่อนที่เขาจะกระพริบตา ภาพลวงตาเลือนหายไป ดวงตาของเขากลับไปเป็นดวงตาสีฟ้าคู่เดิมเมื่อเขาเดินย่างสามขุมอยู่รอบตัวเธอ เดินวนรอบเธอราวกับนักล่า “ใครทำร้ายคุณ เอ็มม่า?”

“นี่คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย?” เอ็มม่าดึงมือกลับมานวด สงสัยว่ามันจะช้ำหรือเปล่า เธอเหลือบขึ้นมองเขารอคอยคำตอบ

แมกซ์ขมวดคิ้วอย่างดุร้าย “ผมต้องการรู้ว่าใครทำร้ายคุณ เอ็มม่า ผมต้องการรู้เดี๋ยวนี้”

สุ่มเสียงแบบออกคำสั่งของเขาเป็นแบบที่เธอไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อน เขาคาดคั้นคำตอบจากเธอด้วยวิธีที่ป่าเถื่อน ไล่ล่าด้วยร่างกายของเขาจนหลังเธอชนกำแพงหินของร้าน โอบล้อมเธอในแบบที่ทั้งขมขู่และปลุกปลอบเธอ ส่วนหนึ่งของเธอต้องการจะค้อมหัวให้เขาอย่างยอมจำนนและตอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาถาม เอ็มม่าต้องใช้พลังใจทุกหยาดหยดเพื่อกลั้นสะอื้นก่อนจะตอบเขา “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

เธอเห็นเขาช็อกเมื่อเธอหันหน้าหนีเขา กีดกันเขาออกจากเธอ เอ็มม่ามุดลอดแขนเขาแล้วเดินหลังตรง เชิดหน้าไปยังรถของเธอ “คุณรู้อะไรไหม ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกนะที่ชอบพฤติกรรมแบบคนถ้ำ ทำไมคุณไม่ลองเอาวิธีนี้ไปใช้กับลิเวียดูล่ะ ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องชอบแน่ๆ!”

เธออ้าปากค้างเมื่อร่างของเธอถูกกระชากเข้าสู่ความแข็งแกร่งของเขา เธอรู้สึกถึงทุกๆอะตอมของเขาราวกับว่าเขาตั้งใจตีตราประทับตัวเขาลงไปที่ตรงนั้น “ถ้าผมเองรู้สึกแบบนี้ คุณคิดว่าไซมอนจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าเบ็คกี้อยู่ที่นี่คนเดียว?”

เอ็มม่ากลืนน้ำลาย ใครน่ะเบ็คกี้? เธอเลื่อนมือขึ้นมาจับแขนที่อยู่รอบเอวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ จิกเล็บด้วยความพึงพอใจในความแข็งแกร่งของมัน

“หืม ไม่รู้สิคะ?” ให้ตายสิ สมองของเธอกำลังปั่นเร็วจี๋และนั่นก็คือทั้งหมดที่เธอทำได้ “เอาไม้ตีหัวเธอแล้วดึงผมลากเธอไปมั้ง? เขาไม่จำเป็นต้องห่วงขนาดนั้นเสียหน่อย เบ็คกี้พักอยู่บนร้านนะ ให้ตายสิ”

เขาโน้มตัวลงปัดริมฝีปากกับหูเธอ ผมของเขาระไปกับผมของเธอ ผสมผสานไปกับเธอ มืออีกข้างของเขาโอบเอวเธอ รัดร่างของเธอเข้ากับตัวเขาแน่นเข้ากว่าเดิม เอ็มม่ารู้สึกไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง รู้สึกถึงความตื่นตัวของเขาที่บั้นท้ายของเธอ เร่าร้องและแข็งขึงราวกับท่อนเหล็ก เธอกลืนน้ำลาย “ทำไมคุณถึงพกสเปรย์พริกไทย เอ็มม่า?”

“คุณจะสนใจไปทำไม แมกซ์?” เธอพยายามจะไม่สนใจริมฝีปากของเขาที่กำลัง—

นั่นเขาเพิ่งจะจูบหูฉันใช่ไหม?

“เอ็มม่า บอกสิ่งที่ผมอยากรู้มา”

“แล้วคุณจะปล่อยฉันไปหรือคะ?” เธอพยายามเมินเฉยความรู้สึกอันแสนวิเศษเมื่อเขาโยกตัวเธออย่างอ่อนโยนในอ้อมแขน ใช่เลย นั่นล่ะ แล้วเดี๋ยวฉันก็จะละลายแล้ว ใกล้แล้ว...

“บ้าสิ ไม่มีทาง” เขาหัวเราะเสียงกระด้าง เขาแนบแก้มเข้ากับหัวของเธอโดยที่ยังคงโยกตัวเธอต่อไป ก่อนจะยืนนิ่งเมื่อท้องของเธอร้องออกมาอย่างน่าอับอายอยู่ใต้มือเขา “นี่เอ็มม่า ผมขวางทางการไปกินมื้อเย็นของคุณหรือเปล่า?”

“พูดถึงเรื่องนี้นะ คุณขวางทางการไปกินมื้อเย็นและขนมมื้อดึกของฉัน”

“หืมมมมม ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า บางหลังจากที่คุณอิ่มแล้ว คุณอาจจะอยากบอกเรื่องที่ผมอยากรู้มากขึ้นก็ได้” เสียงของเขาฟังดูร่าเริงและมั่นอกมั่นใจเมื่อเขาคว้ามือเธอ เหวี่ยงเธอ และเกือบๆลากเธอไปยังรถของเขา

“หูย พ่อกัปตันมนุษย์ถ้ำ ใจเย็นหน่อยได้ไหม? ฉันไม่ได้ตกลงจะไปทานมื้อเย็นกับคุณเลยนะ”

เขาสำลักหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถเอสยูวีของเขา “ไม่ไปรถคุณด้วย!” เขาอุ้มเธอขึ้นนั่งบนรถอย่างนุ่มนวล “กินก่อนแล้วค่อยมาเถียงกัน ตกลงไหม?” เขายิ้มพลางดันขาเธอเข้าไปในรถก่อนจะปิดประตู

เธอคิดจะเปิดประตูและกระโดดออกไป แต่ส่วนหนึ่งของเธอ (โอเค ส่วนใหญ่ของเธอ) อยากจะรู้ว่าแมกซ์เป็นอะไรไปกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้น นี่! มื้อเย็นกับแมกซ์เชียวนะ! มันจะมีอะไรเสียหายตรงไหนกัน?

เธอคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อเขาก้าวขึ้นรถ เธอไม่ได้สนุกกับการเถียงกับใครสักคนมากขนาดนี้มานานแล้ว “อย่าคิดว่าคุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการแค่เพราะว่าคุณเลี้ยงมื้อเย็นฉันนะ”

“ผมไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ” แมกซ์คำรามเสียงแผ่วเมื่อเขาสตาทร์รถ

“โอ้ย บ้าจริง” เอ็มม่าบ่นพึมพำ เมื่อแมกซ์สำลักหัวเราะออกมาอีก ก่อนจะขับรถออกไปจากลานจอนรถ





แมกซ์เลี้ยวรถมาจอดยังร้านอาหารร้านโปรดของเขา ร้านโนอาส์ เขาลงจากรถ ตั้งใจเต็มที่ที่จะเปิดประตูให้เอ็มม่าและช่วยเธอลงจากรถ แต่เธอกลับทำลายความตั้งของเขาด้วยการกระโดดลงจากรถอย่างง่ายดาย

“นี่คุณแม่ของคุณไม่เคยสอนหรือยังไงว่าให้ผู้ชายเป็นคนเปิดประตูให้น่ะ?” เขาถามอย่างขบขัน ขณะที่เดินตามเธอไปยังประตูร้าน

เธอเหลือบตามองเขาข้ามไหล่ “ก็ไม่ใช่ว่าเราเดทกันอยู่นี่ แมกซ์” เธอปัดผมหางม้าของเธอออกจากไหล่ด้วยมือข้างที่มีร่องรอยแห่งความดื้อดึงของเธอปรากฏอยู่ “นี่เหมือนกับการลักพาตัวแบบแถมมื้อเย็นมากกว่า”

เขาจำต้องเม้มปากเข้าหากันแน่นเพื่อกันไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาดังๆ “คุณอยากให้ผมช่วยเรื่องไซมอนกับเบ็คกี้หรือเปล่าล่ะ?”

“ก็ถ้าลองคิดดูว่าเราคงอายุเก้าสิบแล้วกว่าที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันล่ะก็ ใช่ อะไรที่ช่วยให้สองคนนั่นสมหวังเร็วขึ้นก็ดีทั้งนั้น”

เขาตั้งใจไปถึงประตูก่อนเธอเพื่อเปิดประตูให้เธอและแตะมือที่หลังเธอเมื่อเธอเดินเข้าร้าน เขาไม่ยอมเอามือออก เพลิดเพลินกับแผ่นหลังนุ่มเนียนแต่แข็งแรงของเธอเมื่อพาเธอเดินไปหาพนักงานต้อนรับคนหนึ่ง

“แมกซ์! ดีใจจังที่ได้เจอคุณ”

แมกซ์ยิ้มแบบที่เขาเรียนว่ายิ้มเข้าสังคมให้กับเบลินดา แคมบ์เบล พนักงานต้อนรับประจำร้านโนอาส์ และเมินสายตาอยากรู้อยากเห็นของเธอไปอย่างง่ายดาย ความสนใจของเขาทั้งหมดมุ่งตรงไปยังผู้หญิงที่อยู่ใต้มือเขา

“สองที่ เบลินดา”

“ได้เลย แมกซ์” ริมฝีปากอิ่มสีแดงของเธอหยัดขึ้นแฝงรอยดูถูก “ทำงานหรือแมกซ์?”

แมกซ์หรี่ตามองเบลินดา ดวงตาของเขาวาบสีทองขึ้นครู่หนึ่งเป็นการเตือน “ส่วนตัว”

พร้อมกับที่เอ็มม่าพูดขึ้นว่า “งาน”

แมกซ์หันความสนใจกลับมายังเอ็มม่าอีกครั้ง ดูจากท่าทางที่เธอเชิดหน้าและยิ้มแล้ว เธอยังคงโกรธเรื่องที่โดน‘ลักพาตัว’อยู่ “อาจจะทั้งสองอย่างนั่นล่ะ”

คิ้วของเบลินดาเลิกขึ้นด้วยความไม่เชื่อถือขณะที่เธอหยิบเมนูเตรียมให้พวกเขา “ทางนี้เลยค่ะ”

ขณะที่เธอเยื้องย่างตัดผ่านร้านไปยังโต๊ะตัวโปรดของแมกซ์นั้น เอ็มม่าก็กระซิบว่า “หูย ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอไม่ชอบฉัน”

“ผมไม่กังวลว่าเบลินดาจะชอบคุณหรือเปล่า” แมกซ์กระซิบกลับขณะที่ช่วยเธอถอดเสื้อเจ็คเก็ตตัวบางและเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง เขาโน้มตัวลงกระซิบข้างหูเธอ พอใจที่เห็นเธอตัวสั่น “กังวลว่าผมชอบคุณหรือเปล่าดีกว่า”

เขานั่งลงตรงข้ามเธอ มีความสุขที่เห็นสีจัดบนแก้มของเธอ เมื่อเธอกระแอมแล้วหยิบเมนูที่วางระหว่างพวกเขาขึ้นมาเปิดดู เขาก็แทบคำรามด้วยความขัดใจ การได้มองดูใบหน้าของเธอ อารมณ์ของเธอ ดวงตาของเธอไม่ว่ายามที่ลุกโชนหรือฝันหวาน ต่างก็น่าหลงใหลทั้งนั้น

ยิ่งเขาใช้เวลาอยู่กับเธอนานขึ้นเท่าไร เธอก็ทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเท่านั้น เธอหยอกล้อเขาด้วยสติปัญญา ยั่วยวนเขาด้วยแววตา ทำให้เขาสับสนด้วยการเมินเฉย และบังคับให้เขาปฏิบัติต่อเธอด้วยวิธีที่น้อยคนนักที่จะทำได้ ตอนที่เขาใช้พลังของเขาบังคับให้เธอตอบคำถามของเขาในตรอกนั้น เธอกลับเดินเชิดหน้าหนีเขาไป หันหลังให้เขา

เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาอยากจะปล้ำเธอหรือว่าตีเธอดีสำหรับกิริยานั้นของเธอ

ถ้าเขาเดินเกมไปได้ถูกทาง เขาน่าจะได้ทำทั้งสองอย่างนั่น





“สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสทะเลของที่นี่น่าอร่อยดีนะคะ” เอ็มม่าคาดคะเน เธอเลือกตรึงสายตาของเธออยู่กับรายการอาหารเย็นตรงหน้าดีกว่าให้มองอาหารเย็นที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แมกซ์ก็ตอบว่า “ผมชอบอะไรแบบพื้นๆมากกว่า ผมว่าผมเอามะกะโรนีอบชีสก็แล้วกัน” เขาวางเมนูในมือลงก่อนจะดึงเมนูออกจากมือเธออย่างนุ่มนวล “สลัดหรือว่าซุปดีครับ?”

“อืมม สลัดดีกว่าค่ะ”

แมกซ์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อพนักงานเดินผ่านมาเขาก็สั่งอาหารอย่างรวดเร็วพร้อมกับสั่งไวน์มาดื่มคู่กัน เขาสั่งไวน์ขาวให้เธอและไวน์แดงสำหรับตัวเขาเอง

เธอนั่งกอดอกมองเขา “ถ้าเกิดฉันอยากดื่มอย่างอื่นล่ะคะ?”

“ผมคิดว่าหลังจากที่คุณผ่านความกลัวในตรอกนั้นมาแล้ว คุณคงจะไม่ปฏิเสธอะไรที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบขึ้นหน่อย” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มยั่วยวนของนักล่าที่เกือบทำให้เธอตกเก้าอี้ “ใจเย็นๆสิ เอ็มม่า ผ่อนคลายบ้างก็ได้”

ก่อนที่จะทันคิด เธอก็พูดสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอออกมาทันที “นี่คุณกำลังจีบฉันอยู่หรือเปล่า?”

เขากระพริบตาปริบแล้วก็หัวเราะเสียงนุ่มแผ่วๆ กุมมือเธอเอาไว้ ลูบไล้ฝ่ามือเธอด้วยนิ้วโป้งของเขาอย่างแผ่วเบา เธอรู้สึกถึงสัมผัสของเขาลงไปถึงท้องน้อย “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

“ฉันคิดว่าฉันอยากได้ไวน์เพิ่ม” เธอพูดออกมาหน้าตาเฉยด้วยอาการตกตะลึง

แมกซ์ แคนนอนกำลังจีบเธอ

เมื่อแมกซ์หัวเราะหึๆ เธอก็พยายามดึงมือออกจากมือเขาอย่างไร้ประโยชน์ เธอจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อสายตาเร่าร้อนของเขาด้วยการพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “ตกลงว่าคุณวางแผนจะช่วยฉันเรื่องไซมอนกับเบ็คกี้ยังไงคะ?” เธอเลิกคิ้วสั่งเงียบๆ เรียกร้องคำตอบจากเขาในขณะที่พยายามซ่อนความเป็นจริงที่ว่าเธอกำลังหลอมละลายอยู่ภายใน

เขาพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับถอนใจ “จริงๆแล้วผมหวังว่าคุณจะมีแผนสักแผนหนึ่งอยู่แล้ว เหลือแค่ให้ผมเข้าไปช่วยก็พอ”

“ฉันรู้ว่าไซมอนจะไปงานเลี้ยงสวมหน้ากากคืนวันเสาร์นี้ คุณรู้ไหมว่าเขาจะใส่ชุดอะไรไป?”

แมกซ์ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “โดยหลักการแล้ว ชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงควรจะเป็นความลับ”

“คุณจะใส่ชุดซอร์โรไป”

“คุณไปได้ยินเรื่องนั้นมาจากไหนน่ะ?”

“ลิเวียกับแมรี่เมาท์กันเรื่องนี้ที่ร้านขายของชำตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น” เอ็มม่าทำหน้ายู่ คิดถึงว่าวันนี้ลิเวียทำกับเธออย่างไรบ้าง กึ่งเสแสร้งแกล้งทำเป็นสงสารผสมกับดูถูกเหยียดหยาม ลิเวียกับเบลินดาเป็นเพื่อนรักของกันและกัน นั่นหมายความว่าอีกไม่นานนักลิเวียจะรู้ว่าเธอมากินข้าวกับแมกซ์เรื่อง “งาน” เล็กๆนี่ นั่นหมายความว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับลิเวียในอนาคตอันใกล้นี้แน่ เอ็มม่าถอนใจ การต้องรับมือกับลิเวียไม่ใช่เรื่องสนุกเลย

แมกซ์ส่ายหัว “เชื่อข่าวลือพวกนี้ด้วยหรือเอ็มม่า?”

ใบหน้าของเขาเศร้าโศกอย่างเสแสร้ง แววขบขันนั้นทำให้เธอคิดออก เธอแทบจะสามารถได้ยินเสียงเปิดหลอดไฟดังปิ๊งอยู่ในหัวของเธอด้วยซ้ำ “ให้ฉันเดานะไซมอนแต่งเป็นซอร์โร”

“ทายครั้งเดียวถูกเลยนะ”

“ว้าว ลิเวียจะต้องผิดหวังมากแน่ๆ” เอ็มม่าพยายามจะกลั้นหัวเราะแต่ก็หลุดออกมาจนได้

“ผมว่าผมมีชีวิตอยู่บนความผิดหวังของลิเวียได้นะ” เขาเลี้ยงแก้วเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างยังคงกุมมือเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา แมกซ์จิบไวน์ ดูเขามีความสุขกับตัวเองมาก “ให้ผมเดานะ เธอรีบไปซื้อชุดสาวสเปนมาทันทีเลย”

“มีหวีประดับแบบสเปน ผ้าคลุมผม และก็พัดแบบครบชุดเลย”

แมกซ์บังคับตัวเองไม่ให้ส่ายหน้าเมื่อพนักงานนำอาหารมาเสริฟ์ เมื่อพนักงานกลับไปแล้วเขาจึงปล่อยมือเธอเพื่อให้พวกเขาทั้งสองคนกินอาหารได้ “แล้วคุณจะใส่ชุดอะไรไปล่ะ?”

น้ำเสียงของเขาฟังดูสบายๆ แต่สายตาของเขากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น “ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ เบ็คกี้กับฉันยังไม่ได้มีโอกาสไปช๊อปปิงกันเลย”

แมกซ์หยุดกินไปครู่หนึ่ง เขามองเธอ ใบหน้าของเขาฉาบด้วยความรื่นเริงที่ชั่วร้าย “ผมคิดได้อย่างหนึ่งแล้ว”

เอ็มม่าเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อเธอเลียซอสสปาเก็ตตี้ที่ติดอยู่ที่ส้อมของเธอ “คิดอะไรได้คะ?”

แมกซ์มองริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเขาเข้มขึ้นด้วยความปรารถนาอย่างไม่ปิดบัง “เมื้อกี้ว่าอะไรนะ?”

เอ็มม่าดีดนิ้วตรงหน้าเขา “คิดอะไรได้คะ?”

เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ความเร่าร้อนในดวงตาของเขาแทบจะแผดเผาเธอให้เป็นจุล “ผมคิดได้หลายอย่างเลยล่ะ” เขาครางเสียงแผ่ว “คุณอยากฟังอันไหนก่อนล่ะ?”

เอ็มม่าอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอสะท้านด้วยความตกใจก่อนจะปิดปากลงแล้วหันไปให้ความสนใจกับอาหารเย็นของเธออีกครั้งเพื่อหลบรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจของบุรุษเ พศจากอีกฟากของโต๊ะ

หลังจากเงียบไป 2 – 3 นาที เอ็มม่าก็รู้สึกมีแรงพอที่จะพูดอีกครั้ง “แล้วคุณคิดอะไรได้คะ?” เมื่อเขามองเธอราวกับต้องการจะกลืนกินเธอ เอ็มม่าก็รีบพูดต่อทันที “เรื่องงานเลี้ยงน่ะ!”

“ให้เบ็คกี้ใส่ชุดซอร์โรสาวไป แต่ถ้าเบ็คกี้ไม่อยากใส่ชุดนั้น เราให้ไซมอนเปลี่ยนชุดก็ได้เพื่อให้ทั้งสองคนนั่นใส่ชุดเข้ากัน”

เอ็มม่าเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด “เบ็คกี้เคยพูดว่าอาจจะใส่ชุดโจรสลัดสาว—”

“ไม่”

เอ็มม่ากระพริบตาช้าๆ ไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธหรือว่าขบขันกับคำสั่งเฉียบขาดนั้นดี “ก็ได้” เธอลากเสียง “แล้วคำแนะนำของคุณคือ?”

“ชุดสาวบาร์แบบคาวบอยเป็นยังไง?”

เอ็มม่าสำลักไวน์ “เอ่อ สาวบาร์แบบคาวบอยหรือคะ?”

“ใช่ ไซมอนจะได้แต่งเป็นคาวบอย ชุดนี้มีปัญหาหรือไง?”

เอ็มม่าเม้มปาก “ก็อาจจะ” ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องเปลี่ยนใจเขาด้วยสิ่งแรกที่เธอคิดออกให้ได้ เบ็คกี้ไม่มีวันใส่ชุดสาวบาร์แบบคาวบอยต่อหน้าคนอื่นแน่! เบ็คกี้เก็บรูปตัวเธอใส่ชุดนั้นเอาไว้ที่กรอบเตาผิงเท่านั้น “เป็นความคิดส่วนตัวของเบ็คกี้ที่เธอคิดว่าเธอไม่มี...คุณสมบัติ”

แมกซ์ท่าทางสับสน “คุณสมบัติ?”

เอ็มม่ารู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดง “หน่มน๊ม” เธอขู่ฟ่อ มองไปรอบๆว่ามีใครได้ยินที่เธอพูดรึเปล่า

แมกซ์สำลัก “เธอกังวลเรื่องขนาดหน้าอกของเธออย่างนั้นหรือ?”

เอ็มม่าพยักหน้า เอานิ้วจุ๊ปากให้เขาเบาเสียงลง

แมกซ์ถอนใจ “ก็ได้ งั้นชุดตรงๆเรียบๆแบบแฟลบเปอร์เป็นไง ไซมอนน่าจะหาชุดแบบพวกแกงสเตอร์ได้นะผมว่า”

เอ็มม่าคิดถึงไซมอนในภาพพจน์ที่ดำมืดแสนอันตรายแล้วพยักหน้า ทันใดนั้นเธอก็เขย่ามือของเขาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอนึกถึงชุดที่เธอเห็นในอินเตอร์เน็ตขึ้นมาได้ “จริงสิ! ชุดนางฟ้าตกสวรรค์เป็นยังไงคะ? ฉันว่าชุดนี้เซ็กซี่ทีเดียว เบ็คกี้ใส่แล้วจะต้องดูดีมากแน่ๆ!”

“แล้วคุณเคยเห็นชุดปีศาจของผู้ชายไหม มันน่าหม่ำมากเลยล่ะ” แมกซ์ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “ไม่ เราต้องหาสักชุดหนึ่งที่ทั้งสองคนใส่ได้อย่างสะดวกใจ”

เอ็มม่ายิ้ม “ฉันเห็นปีกค้างคาวที่เขาใส่ไว้ที่ไหล่ได้ ให้เขาใส่โค้ทรุ่งริ่งติดปีก กางเกงหนัง เปลือยอก...” เอ็มม่าโบกมือข้างหนึ่งไปมาตรงหน้าเธอ ทำให้แมกซ์ถึงกับแยกเขี้ยว “เชื่อฉันสิ พวกผู้หญิงจะพากันเป็นลมจากความเร่าร้อนนั่นแน่ๆ”

แมกซ์จับมือเธอข้างหนึ่งแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “จริงหรือ?” เขาถามเสียงแผ่วด้วยท่วงท่าที่เรื่อยเฉื่อยแต่งดงาม ดึงมือเธอไปจรดริมฝีปากและงับข้อนิ้วของเธอเล่นเบาๆ

เป็นอีกครั้งที่เอ็มม่ารู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่าว “หยุดเลยนะ!” เธอกระฉากมือกลับไปวางบนตักเพื่อความปลอดภัย เธอกระแอมและพยายามดึงสมาธิกลับมาที่เรื่องเสื้อผ้า “เบ็คกี้เป็นคนที่ชอบความโรแมนติกเอามากๆ เราน่าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้”

“อืม ชุดโรบินฮู๊ดกับสาวใช้แมเรียมเป็นไง?”

“ให้ตายก็ไม่ใส่”

“ชุดแวมไพร์คู่ก็เหมือนกันงั้นสิ?”

“ใช่ นี่รู้ไหม บางทีชุดเลดี้ซอร์โรอาจจะไม่เลวนักก็ได้ แล้วก็อาจจะดีกว่าด้วย เบ็คกี้ฟันดาบเป็นนิดหน่อยเพราะฉะนั้นเธอไม่มีปัญหาเรื่องพกดาบแน่”

“เธอจะได้ใช้ดาบฟันไซมอนถ้าเกิดเขาไม่รับรู้ข้อความที่เธอส่งให้ด้วยใช่ไหม?”

“ประมาณนั้น” เอ็มม่าพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งเมื่อพนักงานเดินมาที่โต๊ะของพวกเขา ทั้งสองเลือกของหวาน เอ็มม่าสั่งพายฝรั่งเศสกับไวน์อีกแก้วหนึ่ง ส่วนแมกซ์เลือกราซเบอร์รี่ชีสเค้กกับกาแฟ

“อีกอย่างที่เบ็คกี้สนใจก็คือทรินิตี้จากเดอะแมททริกซ์ คุณคิดว่าไซมอนจะอยากเป็นนีโอไหม?”

แมกซ์ส่ายหัว “ยากพอๆกับการที่ต้องไปหลอกให้เบ็คกี้ใส่ชุดนางแมวเลย ผมว่าไซมอนน่าจะอยากแต่งเป็นซอร์โรมากกว่า”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ลงตัวแล้วนะคะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องชุดของเบ็คกี้เอง”

“อย่าลำบากเรื่องนั้นเลย เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปเลือกชุดของเบ็คกี้ตอนที่ผมไปเลือกชุดของคุณให้เอง”

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เธออยากจะบีบคอเขา “แล้วฉันจะได้ใส่ชุดอะไรหรือคะ?”
แมกซ์ยิ้มกว้าง “เซอร์ไพรส์น่ะ”

“เซอร์ไพรส์หรือ?”

แมกซ์หยิบมือเธอมางับเล่นอีกครั้ง ทำให้สมองของเธอปิดการทำงานลงโดยสิ้นเชิง “อือฮึ”

“อ้อ”

แมกซ์วางมือของเธอลงบนโต๊ะตามเดิมพลางมองด้วยความพึงพอใจ “คุณจะกินของหวานต่อใช่ไหม?”

เอ็มม่ามองพายของเธอแล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าไม่อยากกินต่ออีก เธอหายใจเข้าลึกแล้วถามคำถามที่เธอรู้ว่าตัวเองจะต้องถามตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าร้าน “ฉันจะหาคุณพบในงานเลี้ยงได้ยังไง?” เมื่อเขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเธอก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ถ้าเราอยากจะแน่ใจว่าไซมอนกับเบ็คกี้จะเจอกันในงาน เราก็จำเป็นต้องแน่ใจว่าเราต้องหากันเจอเหมือนกัน”

“อย่าห่วงไปเลย นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก”

เสียงครางแผ่วของแมกซ์ทำให้เธอสั่นไปทั้งร่าง “ค่ะ” เอ็มม่าขบริมฝีปาก เธอสงสัยว่าควรจะถามคำถามต่อไปดีไหม “คนรักของคุณจะว่าอะไรไหมคะที่คุณมาช่วยฉันอย่างนี้? ฉันหมายความว่าฉันไม่อยากจะสร้างความลำบากใจระหว่างคุณกับแฟนคนปัจจุบันของคุณ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม”

“คุณคิดว่าผมชวนคุณมาทานอาหารเย็นทั้งที่ผมคบกับใครอยู่อย่างนั้นหรือ เอ็มม่า?”

เอ็มม่าเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ท่าทางสนุกเต็มที่ “ก็ ถ้าคุณชวนฉัน...”

“เอ็มม่า”

“ฉันหมายความว่ามื้อเย็นระหว่างการลักพาตัวนี่ดีจัง”

“เยี่ยมไปเลย ก็ได้ ผมจะพยายามหว่านเสน่ห์กับคุณอย่างนั้นหรือถ้าผมคบกับใครอยู่?”

เอ็มม่าอ้าปากจะแสดงความคิดเห็นแรกที่วิ่งมาที่ปากของเธอ แต่เมื่อเห็นความจริงจังบนใบหน้าของเขาเธอจึงเก็บมันกลับ แล้วแสดงความคิดเห็นที่สองออกไปแทน “ไม่รู้สิคะ คุณหายไปนานมาก แล้วเท่าที่ฉันรู้ คุณเป็นเกย์”

คราวนี้แมกซ์เป็นฝ่ายพูดไม่ออกบ้าง

เอ็มม่ายกมือขึ้นเรียกพนักงาน “คิดเงินด้วยค่ะ”





“ผมไม่ได้เป็นเกย์” แมกซ์เดินกระแทกเท้าไปยังรถ พยายามไม่ตัดสินใจว่าเขาโดนดูถูกอยู่รึเปล่า

เอ็มม่ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “งั้นก็เสือไบ”

“เอ็มม่า!”

เขาจำเป็นต้องหยุดเดินเมื่อเธอลงไปหัวเราะคิกคักราวกับเด็กสาวๆอยู่ข้างรถ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ระหว่างหยุดพักจากการหัวเราะคือ “โอ พระเจ้า ดูหน้าคุณสิ”

แมกซ์ส่ายหัว เขาสงสัยทั้งที่รู้ดีว่าเธอไม่รู้เลยว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าล้อเล่นกับเขา นี่เขาพลาดผู้หญิงคนนี้ไปตั้งหลายปีได้อย่างไรกัน ตอนนั้นเขาน่าจะเดทกับเอ็มม่าแทนที่จะเป็นลิเวีย แล้วเขาก็จะมีเอ็มม่าอยู่เคียงข้างตลอดหลายปีนี้หัวเราะกับเขา ล้อเล่นกับเขา ทำให้เขาเป็นบ้า การคิดถึงความตาบอดของเขาเองทั้งๆที่เธออยู่ตรงนั้นมาตลอดทำให้เขากัดฟัดด้วยความเกรี้ยวกราด

ไม่อีกแล้ว เขาจะไม่มีปล่อยให้ตัวเองอยู่โดยไม่มีเอ็มม่าอีกแล้ว

แมกซ์ยืนกอดอกพิงประตูรถรอให้เธอหยุดหัวเราะ “เสร็จหรือยัง?” เขาถามอย่างเอื้อเฟื้อ หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะแปลกๆเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ

เธอปาดน้ำตาออกพร้อมกับหัวเราะอีกหนึ่งครั้ง “ค่ะ คิดว่างั้น”

“ดี” ด้วยความว่องไวที่มีแต่เสือพูม่าเท่านั้นที่จะเทียบได้ แมกซ์ดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงจูบเธอ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะอ้าปากหายใจด้วยซ้ำ

เสียงหอบเล็กๆแสดงความตกใจนั่นทำให้เขาเข้าถึงเธอได้ทันที เขาโลมลูบภายในปากของเธอเนิบช้าและล้ำลึกราวกับว่าเขาต้องการครอบครองเธอ เขาดื่มกินรสชาติของเธอ ไวน์ ช๊อกโกแลต และความเป็นผู้หญิงจากเธอ หัวของเขาหมุนคว้างเมื่อในที่สุดริมฝีปากของเธอก็เริ่มขยับไปกับเขา เขาคราง ความแข็งแกร่งของเขาเกร็งขึงราวกับว่าเธอได้ลูบไล้ที่ตรงนั้นด้วยความเร่าร้อนเปียกชื้นของเธอ ลิ้นของเธอฟาดฟันกับเขาอย่างขลาดอายซึ่งปลุกสัญชาตญาณในการปกป้องของเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขาพลิกตัวให้เธอยืนพิงรถโดยไม่เสียเวลาคิด หลังและไหล่กว้างของเขาบดบังเธอจากสายตาของคนที่อยู่ในร้านอาหาร

นอกจากเขาแล้วจะต้องไม่มีใครได้เห็นความปรารถนาของเธออีก

เขาอยากเปิดประตูรถ วางเธอลงบนเบาะแล้วทึ้งเสื้อผ้าออกจนเธอเปลือยเปล่า เขาต้องการฝังตัวเองล้ำลึกในร่างของเธอเพื่อให้เธอสามารถลิ้มรสของเขาได้ เขาต้องการตีตราเธอเอาไว้ด้วยกลิ่นของเขา เมล็ดพันธุ์ของเขา และเขี้ยวของเขามากจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน

แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ริมถนน อยู่ด้านนอกของร้านอาหารที่มีคนผ่านไปมา เขาไม่สามารถจะทำอะไรที่เขาอยากทำเป็นที่สุดได้เว้นแต่...

เขาคำรามเมื่อถอนริมฝีปากออกจากเธอก่อนกดลงไปที่ลำคอของเธอแทน
“แมกซ์” เธอกระซิบด้วยเสียงเซ๊กซี่แผ่วเบานั่น

เขาดูดดึง ณ จุดอ่อนไหวตรงช่วงระหว่างคอกับไหล่ของเธอจนกระทั่งเอ็มม่ายืนหอบนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฝังใบหน้าของเธอเข้ากับไหล่ของเขา แมกซ์ครูดเขี้ยวกับผิวของเธออย่างนุ่มนวลเพื่อเตรียมเธอให้พร้อม มือหนึ่งเคลื่อนไปกอบกุมบั้นท้ายของเธอ เพลิดเพลินไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ มืออีกข้างหนึ่งรัดรอบแผ่นหลังบอบบางเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาจำต้องตั้งสมาธิไม่ให้ฝังกรงเล็บเข้าเคล้าคลึงเธอ แทรกเข่าเข้าระหว่างขาของเธอจนกระทั่งเธอนั่งอยู่บนขาของเขา แมกซ์ส่งเสียงครางแผ่วก่อนจะฝังเขี้ยวลงไป เรียกเลือดและปล่อยเอนไซมน์ที่จะเปลี่ยนเธอ ตีตราเธอให้เป็นของเขาไปตลอดกาล เสื้อของเขาดูดซับเสียงร้องไห้และน้ำตาของเธอ อาการสั่นสะท้านของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอได้พบกับความสุขสมที่เป็นผลมาจากการโดนเขากัด เธอนั่งอยู่บนขาของเขาเมื่อทั้งสองผสานตัวตนเข้าด้วยกัน

เขาเลียแผลเล็กๆนั่น ไม่แปลกใจที่เห็นแผลปิดแล้ว หลังจากตีตราเธอให้เป็นของเขาและเธอได้พบกับจุดสุดยอดแล้ว ความรีบร้อนในตัวเขาก็หายไป เธอเป็นของเขาแล้ว



Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2554 18:16:14 น.
Counter : 1214 Pageviews.

1 comments
  
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:10:41:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

schwazen_wolf
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ใครชม ใครชอบ..ช่างเถิด
ใครเชิด ใครแช่ง...ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น...ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น...เป็นพอ
Photobucket
MY VIP Friend