พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดี

มีหญิงสาวผู้หนึ่ง ร่ำรวยและสวย ใส่เสื้อผ้าราคาแพง แต่ว่าหน้าตาหม่นหมอง เธอมีความทุกข์ใจมากจนต้องไปหาจิตแพทย์ เธอเล่าว่า เธอไม่มีความสุขเลย รู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่า ไร้คุณค่า จนเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตาย จิตแพทย์คนนี้แทนที่จะให้ยาเหมือนกับหมอทั่ว ๆ ไป เขากลับบอกผู้หญิงคนนี้ว่า อยากจะให้คุณฟังเรื่องราวของคนคนหนึ่ง คุณสนใจไหม เธอก็พยักหน้า
หมอจึงเรียกคุณป้าคนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดอยู่ บอกว่าคุณป้าช่วยมาเล่าเรื่องของคุณป้าให้คุณผู้หญิงคนนี้ฟังหน่อย คุณป้าจึงวางไม้กวาดแล้วเล่าว่า เมื่อปีที่แล้วเธอสูญเสียสามี เขาตายด้วยโรคมาลาเรีย หลังจากนั้น ๓ เดือนลูกชายคนเดียวของเธอก็ตายเพราะถูกรถชน เธอไม่เหลือใครแล้ว เธอรู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เธอกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป แล้ววันหนึ่งเธอก็คิดถึงการฆ่าตัวตาย
แต่เย็นวันหนึ่งขณะที่เธอเดินกลับจากที่ทำงาน มีลูกแมวผอมโซตัวหนึ่งตามเธอมาจนถึงบ้านของเธอ เธอเห็นว่าข้างนอกหนาว สงสารแมว จึงอุ้มมันมันเข้ามาในบ้าน แล้วก็เอานมให้กิน แมวเลียนมจนหมดจาน มันมีความสุขมาก เข้ามานัวเนีย พันแข้งพันขาเธอ เธอเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นยิ้มแรกของเธอในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นเองที่เธอฉุกคิดขึ้นมาว่า ถ้าการช่วยลูกแมวทำให้ฉันยิ้มได้ การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนก็น่าจะทำให้ฉันมีความสุขได้
วันรุ่งขึ้นเธอก็อบขนมปังไปให้เพื่อนบ้านของเธอที่กำลังป่วย เพื่อนบ้านมีความสุข เธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย นับแต่นั้นมาทุกวันเธอพยายามทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ผู้อื่น ช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากเดือดร้อน เธอรู้สึกมีความสุขมากขึ้น เพราะเห็นคนอื่นมีความสุข เดี๋ยวนี้เธอกินได้นอนหลับและยิ้มได้
เธอถึงกับบอกว่า คนที่จะมีความสุขเท่าฉันคงจะมีไม่มากหรอกนะ จากคนที่บอกว่าชีวิตไม่เหลืออะไรจนอยากฆ่าตัวตาย ตอนนี้กลับมีความสุขอย่างมาก เธอมีความสุขเพราะอะไร เธอมีความสุขเพราะช่วยให้ผู้อื่นมีความสุข
การช่วยผู้อื่นเป็นวิธีเยียวยาความโศกเศร้าที่ดีมาก เพราะเมื่อเราลงมือหรือแม้แต่คิดช่วยผู้อื่น เมตตากรุณาก็ถูกปลุกขึ้นในใจเรา เมตตากรุณาเมื่อเกิดขึ้น มันช่วยขับไล่ความเศร้า ความหดหู่ออกไปจากใจได้ นอกจากนั้นการออกไปช่วยคนที่เดือดร้อน ทำให้เราได้คิดว่า คนอื่นที่ลำบากกว่าเรามีอีกเยอะ เวลาเรามีความทุกข์ เรามักคิดว่าความทุกข์ของฉันมันยิ่งใหญ่ร้ายแรงเหลือเกิน ไม่มีใครทุกข์เท่าฉัน แต่พอเราออกไปเจอผู้เจอคนที่เดือดร้อน เราจะพบว่าคนที่ทุกข์กว่าฉันมีอีกเยอะ ความทุกข์ของฉันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจจะรู้สึกโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่ทุกข์มากเหมือนคนอื่น
เรื่องนี้ยังไม่จบ หลังจากที่ได้ฟังคุณป้าเล่าเรื่องของเธอ หญิงสาวคนนั้นก็ร้องไห้ เธอบอกว่าเธอมีทุกอย่างที่เงินซื้อได้ แต่สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ เธอไม่มีเลยสักอย่าง
ที่เธอพูดว่าเธอไม่มีเลยสักอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ เธอหมายถึงความสุขด้วย เงินซื้อความสุขไม่ได้ มันแค่เช่าได้เท่านั้น เงินแค่เช่าความสุข แต่อะไรที่เราเช่ามาล้วนอยู่กับเราเพียงชั่วคราว ไม่นานก็ต้องคืนเขาไป อย่างผู้หญิงคนนี้มีเงินเยอะ ความสุขก็มีชั่วคราว แต่ไม่นานความสุขก็จางไป เพราะว่าเบื่อสิ่งที่มี
ความสุขจากวัตถุนั้น เสน่ห์ของมันคือเกิดขึ้นเร็ว แต่ข้อเสียคือจืดจางเร็ว พอหายไป ชีวิตก็รู้สึกว่างเปล่า แต่พอได้ไปช่วยผู้อื่น ความสุขก็จะเกิดขึ้น เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง เป็นความสุขที่ได้ช่วยผู้อื่น ซึ่งต่างจากความสุขจากการเสพ ความสุขแบบนี้คนไม่เคยตระหนักว่าสามารถจะเกิดขึ้นได้จากการไปช่วยผู้อื่น
อาตมารู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนเธอเป็นเด็กชีวิตลำบากมาก เรียกว่าปากกัดตีนถีบ หาเงินส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัย เธอเก่งมากในเรื่องการทำมาค้าขาย ขายทุกอย่างไม่ว่าหวย เหล้า สินค้าแบรนด์เนม จบแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน เธอฉลาดมากในการหาเงินและเก็บเงิน ฐานะจึงดีขึ้นตั้งแต่อายุแค่ ๒๐ กว่า แต่วันหนึ่งเธอพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอด แต่เธอก็ใจสู้ ดิ้นรน ทำทุกอย่างเพื่อรักษามะเร็ง ไม่ว่า ฉีดคีโม ฉายแสง และผ่าตัด รวมทั้งคุมอาหาร ออกกำลังกาย ปรากฏว่ามะเร็งหายไป เธอก็ดีใจ
ต่อมาเธอก็ตั้งตัวเองเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคมะเร็ง แนะนำใครต่อใครเรื่องการเยียวยามะเร็ง แต่ผ่านไป ๗ ปี ปรากฏว่ามะเร็งปอดกลับมาใหม่ คราวนี้หนักกว่าเดิม หมอบอกว่าเธออยู่ได้ไม่เกิน ๒ ปี เธอรู้สึกห่อเหี่ยว หมดอาลัยตายอยาก แต่เธอก็พยายามตั้งหลักใหม่ พยายามปรับจิตปรับใจ และเปลี่ยนวิถีชีวิต โชคดีที่เธอมีเพื่อนดี ความรักความใส่ใจของเพื่อนทำให้เธอเห็นคุณค่าของความรัก เธอเกิดความคิดที่จะให้ความรักและความสุขแก่ผู้อื่น เธอจึงตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
วันหนึ่งเธอไปที่โรงพยาบาลและบอกเจ้าหน้าที่ว่าอยากทำงานช่วยเหลือผู้ป่วย เขาจึงให้เธอไปทำงานกับเด็กป่วย หลังจากที่เธอเป็นจิตอาสาเยี่ยมเด็กป่วยไม่นาน เธอก็พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจเธอ เธอมีความสุข รู้สึกมีชีวิตชีวาจึงไปเยี่ยมเด็กเป็นประจำ กลายเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาลคุ้นเคยมาก
ที่อัศจรรย์ก็คือ ไม่นานมะเร็งปอดก็หายไป เธอประหลาดใจมาก เธอไม่ได้ทำอะไรกับมะเร็งนั้นเลย เพราะว่ารู้ว่าคงทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่คุมอาหาร กินอาหารสุขภาพอย่างที่เธอเคยกิน
ผ่านมา ๑๐ ปีแล้ว มะเร็งไม่ได้กลับมาอีก เธอคิดว่านี้เป็นผลจากการเป็นจิตอาสา เธอถึงกับบอกว่า “จิตอาสาคือคีโมขนานเอก” คีโมหรือเคมีบำบัดอะไรก็ไม่วิเศษเท่ากับการเป็นจิตอาสา หมายถึงอะไร ก็คือการไปเยี่ยมเยียนผู้คน ไปช่วยเหลือผู้คน อันนี้เป็นเรื่องแปลก แต่เชื่อว่าว่าเป็นประสบการณ์ที่เกิดกับหลายคน โรคนี้เยียวยาได้ด้วยการไปช่วยเหลือผู้อื่น อาจจะเป็นเพราะว่าการไปช่วยเหลือผู้อื่นทำให้ตัวเองมีความสุข พอมีความสุขก็มีสารหลายตัวที่หลั่งออกมา โดยเฉพาะสารสื่อประสาท เช่น โดพามีน เอ็นโดฟิน เซโรโทนิน ซึ่งคงช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น
คนเราพอมีความสุข โดยเฉพาะสุขจากการทำความดี ภูมิคุ้มกันร่างกายก็ดีขึ้น พอภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น มันก็ไปจัดการกับเซลล์มะเร็ง จนกระทั่งหดหายไปในที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าการช่วยผู้อื่นกลับกลายเป็นการช่วยตัวเอง แต่นี่เป็นกฎทางธรรมชาติ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข แต่ต้องเป็นการให้ด้วยเจตนาดี ให้ด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ให้เพื่อจะเอา แต่ให้เพื่อจะให้จริง ๆ ให้เพราะอยากจะช่วยเขาจริง ๆ จึงทำให้จิตใจมีความสุข
มีอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอติดเชื้อ HIV จากสามี เพราะสามีไปเที่ยวผู้หญิงมาแล้วก็เอาเชื้อมาให้เธอ เธอไม่ได้โกรธสามี แถมยังดูแลสามีจนตาย สามีตายเพราะเอดส์ พอสามีตายเธอก็นึกถึงผู้หญิงติดเชื้อคนอื่น ๆ ที่มีชะตากรรมเหมือนเธอ เธอก็ไปช่วยคนเหล่านี้ เป็นจิตอาสาไปแนะนำให้ความรู้เรื่องการรักษาตัวเอง ตอนหลังก็ไปเป็นวิทยากรตามโรงเรียนต่าง ๆ สอน แนะนำเด็กมัธยม เด็กวัยรุ่น ให้รู้จักการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ตอนหลังก็ไปช่วยทำงานพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านมีโอกาสและมีอาชีพที่ดี ไม่ต้องไปขายตัวถ้าเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่ต้องไปขายแรงงาน เธอทำหลายอย่าง เป็นจิตอาสา เป็นวิทยากร ช่วยงานพัฒนาชุมชน เธอทำต่อเนื่องมาประมาณ ๒๐ ปี ปรากฏว่าเธอก็ยังมีสุขภาพดี ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กินยาต้านเชื้อเลย
เคยมีคนถามเธอว่า พี่ช่วยคนอื่นมาก ๆ แบบนี้ พี่ไม่กลัวป่วยเหรอ ที่จริงเขาคงอยากจะถามตรง ๆ มากกว่าว่า พี่ช่วยคนเยอะ ๆ แบบนี้ พี่ไม่กลัวตายเหรอ เพราะว่าถ้าช่วยมาก ๆ ร่างกายจะเหนื่อยอ่อน เชื้ออาจจะลุกลามได้ เธอตอบดี เธอตอบว่า “ถ้าคิดแต่เรื่องของตัวเองก็ป่วยไปนานแล้ว”
เธอมีสุขภาพดีได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้กินยาต้านเชื้อ คงเป็นเพราะว่าภูมิคุ้มกันร่างกายของเธอทำงานได้ดี ซึ่งเกิดจากความมีเมตตากรุณา เกิดจากความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือผู้อื่นทำให้คนเราได้รางวัล คือความสุข ไม่ใช่แค่สุขใจ แต่สุขกายด้วย จึงกล่าวได้ว่าการช่วยผู้อื่นทำให้ชีวิตได้รับการเติมเต็มไปด้วย


Create Date : 08 ตุลาคม 2563
Last Update : 8 ตุลาคม 2563 18:48:40 น. 0 comments
Counter : 179 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.