นิพพาน
หลักโอวาทปาฏิโมกข์นั้น ไม่สอนหรือไม่ยอมให้การประพฤติการกระทำของเรา ไปสิ้นสุดลงเพียงแค่ทำความดี ศาสนาอื่น ลัทธิเขาสอน ส่วนมากก็ยุติลงแค่ทำความดี ทำความดีสูงสุด แล้วก็ยุติ ก็จบเรื่องกัน แต่พุทธศาสนาสอนมากกว่านั้น คือสอนให้มีจิตใจไม่ยึดติดอยู่ในความดี เรียกว่า "เหนือชั่ว เหนือดี" นี่ฟังให้ดี ๆ กลัวว่าท่านทั้งหลายจะกำลังประพฤติ ปฏิบัติผิดอยู่ ผิดกันอยู่ต่อหลักการอันนี้ ข้อที่ ๑ ว่าไม่ทำชั่วทั้งปวง สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่ทำชั่วทุกอย่าง ข้อที่ ๒ ว่า กุสลัสสูปะสัมปะทา ทำความดีให้ถึงพร้อม ข้อที่ ๓ ว่า สะจิตตะปะริโยทะปะณัง ทำจิตให้ขาวรอบ ทำไมเล่าถึงว่า เมื่อทำดี ถึงพร้อม ครบถ้วนแล้ว ทำไมยังจะต้องทำจิตให้ขาวรอบเล่า? นั่นแหละเป็นใจความสำคัญ กลัวว่าจะติดตันอยู่เพียงแค่ว่าทำความดี แล้วจิตใจมันไม่ขาวรอบ ไม่ขาวรอบเพราะเหตุอะไร ไม่ขาวรอบก็เพราะเหตุว่า มันบ้าดี มันหลงดี มันเมาดี แล้วมันก็อวดดี เรื่องก็จบกัน ถ้ามันถึงขนาดหลงดี บ้าดี เมาดี อวดดี อย่างนี้เรียกว่าจิตไม่ขาวรอบ ทำดีถึงที่สุดแล้ว จิตไม่ต้อง บ้าดี หลงดี เมาดี หรืออวดดี มีจิตอยู่เหนืออิทธิพลของความดี เหนือความหมายของความดี เหนือคุณค่าของความดี ก็คือไม่ยึดมั่นในความดี ให้หนักอยู่ในจิต ในวิญญาณ เหมือนคนที่บ้าดี เมาดี อวดดี นี่คือใจความสำคัญ ที่ต้องการจะเตือนกันไว้ ให้เป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ทุกศาสนาสอนให้ทำดีนั้นถูกแล้ว ๆ แต่พระพุทธศาสนาสอนเลยไปกว่านั้น คือให้มีจิตใจบริสุทธิ์ เหนือความหมายหรืออิทธิพลของความดี ข้อนี้จะรู้ได้ต่อเมื่อได้สังเกตดูว่า เมื่อคนบ้าดี หลงดี เมาดี นั้นมันเป็นอย่างไร มันเป็นบ้าชนิดหนึ่งใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้น เราจะต้องทำดี ชนิดที่ว่าไม่บ้าดี ไม่หลงดี ไม่เมาดี แล้วไม่อวดดี ความรู้สึกบ้าดี หลงดี เมาดี อวดดีนี้ เป็นสัญชาตญาณอันหนึ่งด้วย ในบรรดาสัญชาตญาณทั้งหลาย สัญชาตญาณของสิ่งที่มีชีวิต คือสัญชาตญาณของความมีตัวตน คือมีความรู้สึกว่ามีตัวกู หรือมีของกู นี้พูดกันโดยตรง ๆ ตามความรู้สึกที่แท้จริง เมื่อมีตัวกูมีของกู มันก็มีสัญชาตญาณที่จะยกตัวกู จะอวดตัวกู มันก็เลยชอบการยกตัวเอง ให้มันดีกว่าคนอื่น แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังทำเป็น #จดหมายเหตุพุทธทาส ที่มา : มาฆบูชาเทศนา พ.ศ. ๒๕๒๙ เรื่อง พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้หยุดหรือติดอยู่ที่ความดี
Create Date : 26 กันยายน 2563 |
Last Update : 26 กันยายน 2563 10:33:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 216 Pageviews. |
|
|
|
| |