Group Blog
 
All blogs
 
Chapter 5 น้อง

ปัง!!

เสียงดังมาจากประตูเรือนน้อยที่ถูกเปิดออกอย่างแรง แต่เสียงที่ดังกลับไม่ส่งผลต่อเสียงโกโตะที่ถูกดีดโดยเจ้าของบ้าน ไม่...แม้แต่จะกระตุก เหมือนจะรับทราบเป็นอย่างดีว่าแขกที่มาเยือนเป็นใครแม้จะไม่ต้องเหลียวหลังมองก็ตาม

“สิ่งใดกันหนอที่ทำให้ท่านเรียวโกคุผู้เย่อหยิ่งยอมเหยียบย่างมาบนเรือนน้อยแห่งนี้...”

เจ้าของเสียงหวานถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย มุมปากแดงยกยิ้มขึ้นมานิดหนึ่งเหมือนจะเยาะ ตรงกันข้ามกับเสียงโกโตะที่ยังรุนแรงกระชั้นไม่เปลี่ยนพอๆ กับอารมณ์ของผู้มาเยือนที่ยิ่งโหมกระพือเมื่อเจ้าของบ้านยังแสดงท่าทางที่เรียบเฉยต่อเขา

“เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ ฟูจิโนะมิยะ!”

“รู้? ข้ายังจะสามารถรู้สิ่งใดได้กัน นับตั้งแต่วันที่ข้ากับลูกถูกไล่ออกมาจากบ้านท่าน ถูกคนรอบข้างดูถูกเหยียดหยาม ข้ายังจะสามารถรู้สิ่งได้อีก?”

“ข้าไม่ได้มาเพื่อฟังคำยอกย้อน!”

“หึ! ทนรับฟังความจริงไม่ได้รึไงกัน ท่านเรียวโกคุผู้สูงส่ง” ตลอดเวลาที่ทั้งสองโต้แย้งกัน เสียงเพลงก็ยังดังเรื่อยๆ ไม่สะดุด แม้คนดีดจะหยุดเล่นไปแล้วก็ตาม

“หยุดซะทีฟูจิ! หากเจ้าคิดว่าการเบี่ยงประเด็น จะช่วยให้เจ้ารอดได้ในวันนี้ก็อย่าหวังเลย!”

เสียงโกโตะเงียบลงก่อนที่เจ้าของเรือนผมยาวสีทอง จะหันมามองเขาด้วยสายตาสีเดียวกับสีผม

“หากข้าคิดจะเอาตัวรอดจากความผิดที่ท่านกำลังจะกล่าวหา ข้าก็คงไม่นั่งรอท่านที่นี่หรอก”

‘หากข้าเลือกที่จะไม่เจ็บปวด...ก็คงไม่เลือกที่จะรักท่านหรอก’

“คนอื่นอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่หญิงที่ไร้ศีลธรรมเช่นเจ้าคงจะไม่ละอายต่อบาป ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดต่างหาก”

‘แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อข้าเลือกแล้ว...เลือกที่จะรักท่าน ข้าก็ต้องยอมรับผลในการเลือกครั้งนั้น’ ร่างบางได้แต่คิดอย่างขมขื่น แต่ที่ทำได้ก็เพียงแค่กล่าวออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเคย

“หากข้าไร้ยางอายถึงเพียงนั้น คงร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเองและลูกไปแล้ว และคงไม่ปล่อยสิทธิที่ควรจะเป็นของข้าและลูกให้คนที่มาทีหลังเช่นนาง...ท่านน่าจะยินดีนะ ที่ข้ายังหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเพียงพอ ไม่ไปร้องเรียกให้ท่านต้องลำบากใจ”

“ลูก? เด็กธาตุไฟคนนั้นน่ะหรือลูกข้า! หากเจ้าไม่ไร้ยางอายจริง คงไม่ยัดเยียดลูกคนอื่นให้ข้าต้องรับผิดชอบหรอกกระมัง?” กล่าวหาอย่างเหยียดหยามพร้อมหัวเราะเยาะอย่างดูถูก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงดุอย่างเหี้ยมเกรียม! “และลูกของข้ามีเพียงชินเรคนเดียวเท่านั้น!! เด็กที่เกิดจากซากุระหญิงคนเดียวที่ข้ารัก และเด็กที่ใช้น้ำเช่นเดียวกันกับข้า ไม่ใช่ลูกชู้!!”

“นั่นคือสิ่งที่ท่านเลือกที่จะรับรู้ต่างหาก...เพื่อลบความรู้สึกผิดจากการนอกใจซากุระในตอน...”

“ฟูจิโนะมิยะ!!”

“หึ...ความจริงมันเจ็บปวดมากข้ารู้ ที่ข้าต้องมีชีวิตเช่นนี้ก็คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน...” ความจริงว่าถึงแม้ตัวท่านจะเป็นเช่นไร ข้าก็ยังภักดีไม่เปลี่ยนแปลง

“เจ้ายังจะยืนยันอยู่หรือว่า ‘เด็กคนนั้น’ คือลูกข้า ทั้งที่แทบไม่มีอะไรเหมือนข้าเลย” แม้แต่ชื่อท่านยังไม่ยอมจะเรียกเลย แต่..ในเมื่อไม่สนใจ...ใยจึงรู้ว่าไม่เหมือน

“ข้าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดนอกจากท่าน”

ดวงตาสีทองมองตรงมาที่เขาอย่างนิ่งแน่วเช่นเคย เหมือนกับวันนั้น วันที่เด็กคลอดออกมาเป็นเด็กธาตุไฟ แววตาของผู้เป็นแม่กลับมองมาอย่างสงบราวกับจะยืนยันว่า เด็กนั่นเป็นลูกของเขาแววตาที่เขาไม่สามารถมองสบตรงๆ ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“หาก...เด็กนั่น ...เป็นลูกข้าจริง หากเจ้าเคียดแค้นข้าจริง ใยเจ้าถึงไม่นำมาลงที่ข้า ทำไม ....ถึงต้องฆ่า..ฆ่า...ซากุระ” ปลายประโยค น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ เมื่อสำนึกได้ว่า หญิงอันเป็นที่รักได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ สัมผัสสุดท้ายจากกลีบดอกซากุระเขายังจำได้เป็นอย่างดี

“........”

ร่างบางได้แต่นั่งนิ่งอึ้ง ไม่สามารถกล่าวคำใดได้ เพราะถึงแม้จะได้ยิน ‘ข่าว’ มาบ้างแล้ว แต่ความเป็นจริงกลับทำให้ตกตะลึงยิ่งกว่า

‘ทำไมกัน...ในเมื่อ...ไม่กี่วันก่อน...พวกเรายัง...’

“ตอบมา!! ฟูจิโนะมิยะ” เสียงเข้มตวาดก้องเมื่อเห็นร่างตรงหน้าได้แต่นั่งนิ่งเฉย

“หากข้าตอบว่าไม่ได้ทำ แล้วท่านยังจะเชื่อหรือ?”

โครม!!

“แล้วนี่มันอะไรกัน!!”

กล่องไม้สีดำที่ฉลุลายเป็นช่อฟูจิสีทองถูกโยนโครมมาข้างหน้า

“นั่นมัน...”

“ของเจ้าใช่หรือไม่! ช่อฟูจิสีทองเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเจ้า” ขณะที่ร่างบางมัวแต่นิ่งอึ้งร่างสูงก็กล่าวต่อไปอย่างเกรี้ยวกราด

“นาคามุระไม่ได้นำขนมมาฝากซากุระ แต่คนที่เขานำมาฝากคือเจ้า! แล้วขนมมันไปอยู่ที่บ้านข้าได้อย่างไรกัน”

“ข้าแค่...นำไปฝาก...ซากุระ” คนพูดเองก็เริ่มหน้าซีด เพราะคิดว่าคนฟังก็คงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าลับหลังเขาภรรยาทั้งสองคนกลับมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

“ฝากซากุระ? หึ! พวกเจ้าสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนกัน จะโกหกก็เลือกเหตุผลที่มันน่าเชื่อหน่อยฟูจิ!!” ตวาดแล้วก็กล่าวกับร่างบางต่อ “และคำทำนายจากท่านโทคิโตะก็บอกไว้แล้วว่า ซากุระจะตายเพราะเจ้า! และลูกข้าจะตายเพราะลูกเจ้า!!”

เคโคคุก็ลูกท่านเหมือนกันไม่ไม่ใช่หรือไร...

แต่...สิ่งที่นางกลัวเริ่มจะเป็นจริงแล้ว ภัยต่อลูกน้อยของนางเริ่มย่างกรายเข้ามาโดยที่นางไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ในเมื่อนางก็รู้ว่าชายตรงหน้าซื่อสัตย์ต่อตระกูลมากเพียงใด คำทำนายของท่านโทคิโตะที่ซากุระได้นำมาบอก คนตรงหน้าก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าจะเกิดขึ้น คำทำนาย....ที่ไม่เคยผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ข้าไม่ได้ฆ่าซากุระ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ”

“จนป่านนี้เจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ!!” เสียงตวาดดังขึ้นอย่างโกรธแค้น

แต่ร่างตรงหน้าก็ได้แต่มองมานิ่งๆ เช่นเคย มองมาด้วยสายตาที่เขาเอาชนะไม่ได้ แต่คราวนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เขา...ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจะต้องไม่หวั่นไหว

“หากเจ้ายืนยันว่าบริสุทธิ์ใจจริง ก็ส่งเด็กนั่นมาให้ข้า”

ใบหน้าหวานปรากฏแววหวาดระแวงปนวิตกขึ้นมาทันที

“ท่านจะทำอะไรลูก!”

“หากเจ้ายืนยันว่า ‘เคโคคุ’ เป็นลูกข้าจริง ข้า...ซึ่งเป็นผู้ให้ชีวิต ก็ย่อมต้องมีสิทธิเอาชีวิตคืนได้เช่นกัน”

อึก! สิ่งที่นางหวั่นใจเป็นจริงแล้ว ร่างบางเริ่มสั่นสะท้าน ทั้งกายแทบจะลุกไหม้ด้วยเพลิงแห่งความโกรธและเจ็บปวด ตอนที่นางยืนยันแทบตายก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี แต่ตอนนี้กลับยอมรับเพียงเพื่อต้องการปลิดชีวิต!

“ข้าจำเป็นต้องทำเพื่อตระกูล หากเจ้ายอม ข้าก็จะรับเจ้ากลับบ้าน เพราะซากุระก็...ตายไปแล้ว ตำแหน่งนายหญิงก็ว่างลง เมื่อไม่มีคนดูแล บ้านก็คงจะวุ่นวาย และเจ้าเองก็เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว”

ในเมื่อสิ่งที่นางต้องการเป็นจริงแล้วคือได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์...จนชายคนรักมารับนางกลับไป แต่แต่ละคำพูดของชายตรงหน้า กลับค่อยๆ เชือดเฉือนจิตใจนางลงไปทีละนิดๆ

เมื่อเห็นร่างตรงหน้ายังนั่งนิ่งเฉย ร่างสูงก็คิดว่าร่างบางเริ่มจะยอมรับแล้ว จึงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูสีหน้าคนฟังเลยแม้แต่น้อย

“ลูกจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในเมื่อชินเรเป็นลูกชายคนโต และยังเป็นลูกของข้ากับซากุระ ดังนั้นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ย่อมต้องเป็นชินเร หวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจ”

‘ลูกชายของข้ากับซากุระ’ ช่างเป็นคำที่เสียดแทงหัวใจได้ดีแท้ แล้วเคโคคุล่ะ คือลูกของข้ากับใคร? ท่านไม่รู้จริงๆ หรือ ไม่เข้าใจจริงๆ หรือ ว่าสิ่งที่ข้าต้องการจากท่านมีเพียงสิ่งเดียวคือการยอมรับ ว่าเคโคคุเป็นลูกของข้ากับท่าน...เพียงเท่านั้นจริงๆ...ไม่ใช่ตำแหน่งนายหญิง...ที่ข้าไม่เคยอยากจะได้เลย

ร่างสูงเว้นระยะนิดหนึ่งเพราะเห็นร่างตรงหน้ายังนั่งก้มหน้านิ่ง มือเรียวกำชายกิโมโนสีม่วงเข้มแน่น....จนเมื่อคิดว่านางน่าจะตัดสินใจได้แล้วที่จะเลือกในสิ่งที่ดีกว่า จึงได้กล่าวสรุปขึ้นว่า

“งั้นก็จงส่ง ‘เด็กนั่น’ มาให้ข้าเถอะ ข้าสัญญาว่า ‘ลูกเจ้า’ จะไปอย่างสงบ”

สิ้นคำ...เสียงโกโตะที่น่าจะหยุดไปแล้ว กลับบรรเลงขึ้นโดยปราศจากผู้เล่น ใบไม้ร่วงในสวนที่แปรสภาพกลายเป็นของมีคมไม่ต่างจากใบมีดก็ลอยพุ่งเข้ามาโจมตีแขกอย่างรวดเร็ว

“หากท่านต้องการชีวิต ‘ลูกข้า’ ก็ผ่านศพข้าไปก่อนละกัน!!”

ร่างบางตะโกนก้องขึ้นมาอย่างเหลืออด ก่อนจะลุกขึ้นคว้าโกโตะที่น่าจะหนักขึ้นมาถืออย่างสบาย พลางมือเรียวก็ดีดด้วยจังหวะที่เร่งเร้า ไม่เพียงแต่ใบไม้ในสวนเท่านั้น ของแทบทุกอย่างในบ้านก็ลอยเข้าจู่โจมแขกเป็นจุดเดียว

ในตอนแรกเรียวโกคุได้แต่กางบาเรียน้ำขึ้นมาป้องกันตัวเองอย่างแปลกใจ ใบไม้ที่ลอยมาก็แปรสภาพกลายเป็นใบมีดที่พยายามจะดึงดันทะลุเข้ามาในบาเรียให้ได้และเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเร่งจังหวะขึ้นอีก ใบไม้นั้นก็หลุดเข้ามาจนได้ แถมยังลอยเฉียดผ่านใบหน้าร่างสูงไป เรียกเลือดหยดเล็กๆ ออกมาจากใบหน้าหล่อเหลา ถึงตอนนี้ความอดทนของร่างสูงก็เริ่มจะหมดลงแล้ว

“หยุดนะ! ฟูจิโนะมิยะ!!” ตวาดก้องพร้อมกับรวบรวมสมาธิเปลี่ยนจากบาเรียน้ำกลายเป็นบาเรียน้ำแข็งหนาขึ้นมาทันที

“เจ้าคิดจะทำอะไร! แค่ส่งเด็กนั่นมาให้ข้าก็พอแล้ว”

“ไม่มีแม่ที่ไหนยอมแลกเกียรติยศชื่อเสียงด้วยชีวิตลูกของตนหรอกนะ! และหากข้าทำเช่นนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบใครได้...แม้แต่ตัวข้าเอง!”

ร่างบางยังพยายามจะบอกแม้ตัวเองแทบจะแย่แล้วก็ตาม เพราะแม้จะมีความสามารถควบคุมคลื่นได้เป็นเลิศ แต่ความแข็งแกร่งของบาเรียจากชายตรงหน้าที่เริ่มแผ่คลอบคลุมได้ทำให้มือนางแข็งจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แต่กระนั้นใบหน้าหวานที่เริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นก็ยังแสดงความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ พลางพยายามตั้งสมาธิเพื่อเรียกพลังเฮือกสุดท้ายออกมา มือเรียวเริ่มดีดโกโตะด้วยความเร็วจนแทบแยกเสียงไม่ออก จนในที่สุดบาเรียน้ำแข็งที่แข็งแกร่งก็เริ่มร้าวแตกดังเปรี๊ยะ!

“สสารคือคลื่น คลื่นคือสสาร หากท่านไม่ต้องการให้บาเรียและตัวท่านสลายกลายเป็นคลื่นไปล่ะก็...สัญญากับข้าเดี๋ยวนี้! ว่าท่านจะไม่ยุ่งกับเคโคคุอีก” สิ้นเสียง! มวลอากาศรอบตัวก็สั่นสะเทือนตามจังหวะของเสียงโกโตะที่ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

เรียวโกคุเริ่มรับรู้ได้ถึงอนุภาคในตัวเขาที่เริ่มสั่นสะเทือนไปตามจังหวะที่ร่างบางกำหนด หากสั่นด้วยความถี่มากกว่านี้จนเข้าใกล้ความถี่ธรรมชาติล่ะก็...บางทีตัวเขาอาจจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ก็ได้ กำแพงน้ำแข็งตอนนี้ได้เริ่มพังทลายลงแล้วด้วย และหากการต่อสู้นี้เขาไม่ยอมเอาจริง ตัวเขาเองคงจะพ่ายแพ้ให้กับร่างตรงหน้าเป็นแน่ คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็รวบรวมสมาธิและพลังเพื่อต่อต้านคลื่นความถี่สูงจากร่างบาง

“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะฟูจิ! ถ้าเจ้าไม่หยุด...ข้าก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ”

ทันใด! เรือนน้อยทั้งหลังก็แปรสภาพกลายเป็นน้ำแข็ง! ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ต้นไม้ในสวนและบริเวณรอบๆ บ้าน ก็ถูกแช่เย็นด้วยน้ำแข็งเย็นเฉียบ ไม่มีมีสิ่งใดที่จะกระดิกได้จากม่านน้ำแข็งมายาที่สมบูรณ์แบบของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน!

แม้แต่ร่างระหงเองก็ขยับไม่ได้ ไม่ใช่เพราะถูกแช่แข็งหากแต่เป็นดาบน้ำแข็งคมกริบที่จรดอยู่ที่หน้าอกนางต่างหาก

“ยอมแพ้ได้แล้วฟูจิ...หากเจ้าไม่ได้ฆ่าซากุระจริง ข้าก็ไม่อยากฆ่าเจ้า เพียงแต่ส่งเด็กนั่นออกมาเท่านั้น ไม่ยากเลยใช่ไหม?”

‘นางแพ้แล้ว!’ ร่างระหงได้แต่คิดน้อยใจในพลังของตนเองด้วยความขมขื่น ก่อนจะช้อนสายตาเจ็บปวด มองร่างของชายผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นสามี ที่กำลังจะหยิบยื่นความตายของลูกน้อยให้

“ท่านจะปักใจเชื่อคำทำนาย...จนถึงกับต้องฆ่าลูกเลยหรือ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมไข่มุกเม็ดแล้วเม็ดเล่า ที่หลุดลงมาจากตาเรียวงาม

“ท่านโทคิโตะไม่เคยทำนายผิด และอย่างที่บอก...ลูก....จะมีเมื่อไหร่ก็ได้” ท้ายประโยคเสียงกล่าวอ่อนลงเล็กน้อยเพราะน้ำตาของร่างตรงหน้าไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นคือตอนที่ไม่ยอมรับว่าเคโคคุเป็นลูกนั่นล่ะ

“ลูก...จะมีกี่คนก็คือลูก หากท่านทำเพื่อชินเรที่เป็นลูกท่าน ใยถึงไม่ทำเพื่อเคโคคุที่เป็นลูกท่านเช่นกันบ้าง? ”

ร่างสูงตรงหน้าได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่สายตาคมกลับมีร่องรอยของความเคลือบแคลงสงสัย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นเช่นเดิม ร่างบางได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาตามแก้มนวล พลางคิดอย่างเจ็บปวดใจ

‘จนแล้วจนรอด ท่านก็ยังไม่ยอมเชื่อสักทีสินะ ว่าเคโคคุเป็นลูกท่าน’

“การที่ท่านเชื่อมั่นในตัวเอง ยึดความคิดของตัวเองเป็นหลัก มันอาจจะทำให้ท่านเป็นผู้นำตระกูลที่มั่นคง ไม่หวั่นไหว หูเบาไปกับคนรอบข้างง่ายๆ...” ร่างบางพูดไปก็ยิ้มไปมองร่างสูงด้วยดวงตาที่พร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา รอยยิ้มทั้งน้ำตาของดวงหน้าหวานเล่นเอาจังหวะการเต้นของหัวใจของร่างสูงกระตุกโดยไม่รู้ตัว

“แต่ข้อดีนั้นมันก็เป็นข้อเสียได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้ท่านสูญเสียหลายๆ อย่างที่ท่านไม่ยอมจะเชื่อไป...”

เสียงเรียบเรื่อยดังก้องกังวาน สะท้อนกับม่านน้ำแข็งรอบๆ ราวกับเสียงระฆังใส เรียกให้หัวใจที่มั่นคงเริ่มแกว่งไกวขึ้นมาได้บ้าง นางใส่อะไรเข้าไปในคลื่นเสียงของนางกันนะ?

“ในเมื่อข้าเลือกที่จะรักท่านแล้ว ข้าก็ต้องยอมรับในการกระทำนั้น ซึ่งข้าจะไม่นึกเสียใจ เพราะหากข้าไม่รักท่าน...ก็คงไม่มีตัวข้าในตอนนี้ และไม่มีลูกน้อยที่ข้ารักอย่างสุดหัวใจ”

เสียงใสเรียบเรื่อยราวกับน้ำใสไหลรินที่ค่อยๆ ซึมซาบเข้ามายังหัวใจแกร่งทีละนิดๆ แสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนกระทบกับพื้นระเบียงที่ถูกหุ้มด้วยน้ำแข็ง หักเหกระทบน้ำแข็งที่ผนังไปมา ส่งผลให้ร่างระหงที่มีเรือนผมสีทองยาวตรงหน้าสว่างไสวและเปราะบางราวกับจะสูญสลายได้

“ข้าเข้าใจในจุดยืนของท่าน ดังนั้นข้าก็จะไม่บังคับท่าน แต่จุดยืนของข้า ข้าก็ไม่อาจละได้เช่นกัน ดังนั้นสิบปีหลังจากนี้ ข้าขอแลกเวลาของเคโคคุกับ....”

ร่างบางเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา รอยยิ้ม...ที่เขาไม่ได้เห็นจากร่างตรงหน้ามานานมากแล้ว รอยยิ้มที่สวยงามปานนางฟ้าราวกับจะหยุดจังหวะการเต้นของหัวใจคนมอง

“ชีวิตข้า!”

สิ้นคำ! มือเรียวยาวก็ยกขึ้นมาจับดาบน้ำแข็งตรงหน้าด้วยมือเปล่า กุมและกระชากดาบคมให้แทงเข้าที่หน้าอกตัวเองจนแทบทะลุ ก่อนที่ร่างบางจะกระตุกและค่อยๆ หมดแรงล้มลงกองกับพื้น เลือดสีแดงสดไหลซึมผ่านกิโมโนสีม่วงเข้ม

“.......”

จวบจนร่างระหงกระแทกพื้นน้ำแข็งส่งเสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วเรือนหลังเล็กนั่นล่ะถึงทำให้ชายเจ้าของดาบหายจากอาการตกตะลึง รีบก้มตัวโอบร่างตรงหน้าที่ผมทองแผ่กระจายเต็มพื้นและดวงหน้าซีดขาวที่เริ่มมีเลือดไหลซึมมาจากมุมปาก

“ฟูจิโนะมิยะ!!”

ร่างสูง ตวาดก้องด้วยความตกใจเพราะเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอในตอนนี้นี่เอง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปแตะที่หน้าผากมนเพื่อพยายามถ่ายพลังชีวิตให้ร่างบาง แต่คงเพราะเจ้าตัวใช้พลังไปค่อนข้างมากในการกางม่านน้ำแข็งมายา ดังนั้นซักพักหน้าคมก็เริ่มซีดและเหงื่อเม็ดเล็กก็เริ่มหยดลงมาจากใบหน้า

แต่ถึงอย่างนั้น...เลือดก็ไหลจากร่างบางไม่หยุดอยู่ดี!

ใบหน้าหวานมองใบหน้าที่ลุกลี้ลุกลนในการพยายามรักษานางด้วยความรู้สึกอ่อนโยน มือน้อยยกมือขึ้นไปจับมือแกร่งเอาไว้ ก่อนจะรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อกล่าวกับชายตรงหน้า

“พอเถอะ! อึก...ไม่มี..ประโยชน์หรอก...ในชีวิต...นี่จะเป็นคำขอ...ครั้งสุดท้าย...ของข้า...” เลือดสีแดงสดเริ่มไหลทะลักออกมาจากมุมปากงามมากขึ้น

“...ได้โปรด...สิบปี...ให้ลูก...ท่าน..อึก..ให้ข้า...ได้หรือไม่...ท่านพี่...”

ถึงใครจะว่าโง่ แต่เพราะนางเชื่อมั่นในชายตรงหน้า เชื่อในความใจดีที่น้อยคนนักจะรู้ เนื่องจากเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้น นางจึงเชื่อว่าการเสียสละครั้งนี้...จะไม่สูญเปล่า

“อย่าพูดอย่างนี้นะ! เจ้าจะต้องไม่ตาย!” ตวาดพลางเร่งถ่ายพลังให้ร่างบาง

“ได้โปรด...ท่านพี่...” ยิ่งพูดเลือดยิ่งไหลจากมุมปากบางไม่หยุด

“ข้าให้สัญญา! ฟูจิ ข้าให้สัญญา แต่เจ้าห้ามตายนะ ซากุระก็ตายไปแล้ว...เจ้าจะทิ้งข้าไปอีกคนไม่ได้นะ!”

ดวงหน้างามได้แต่ยิ้มอย่างปลอบโยน

‘แม่คงไม่ได้เห็นเจ้าตอนโตสินะ’

ก่อนที่เปลือกตาบางจะปิดลง.... ปิดสนิท....และไม่ลืมขึ้นมาอีกเลย....

ลมหายใจที่หยุดลงไปแล้วของร่างในอ้อมแขน ทำให้ร่างสูงแทบจะแข็งไปทั้งตัว พร้อมกับตวาดก้องอย่างเจ็บปวด

“ฟูจิโนะมิยะ!!” มือแกร่งเขย่าร่างตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง “พี่สั่งให้เจ้าฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้! .....ฟื้นขึ้นมาสิ...ฟื้นขึ้นมา...”

‘ท่านพี่คะ ฟูจิจะเอาดอกไม้ดอกนั้น ปีนขึ้นไปเก็บให้ฟูจิทีนะคะ นะ นะ’

‘ท่านพี่! ไม่สบายเหรอคะ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฟูจิจะจับมือไว้ตลอดเลย ท่านพี่จะได้อุ่น จะได้หายหวัดเร็วๆ...หายเร็วๆ น้า...แล้วจะได้ไปเล่นกับฟูจิอีก...’

‘กระต่าย! ท่านพี่ยกกระต่ายตัวนี้ให้ฟูจิจริงๆ เหรอคะ ว้าว! มันน่ารักมากๆ เลยเป็นของขวัญวันเกิดที่ฟูจิชอบที่สุดเลย...’

‘ท่านพี่...ฮือๆ.... เจ้ากระต่ายน้อยมันไม่ขยับแล้ว... ฮือๆๆ... ทำยังไงดี เจ้ากระต่ายมันจะตายหรือเปล่าคะ ฟูจิไม่ยอมนะ...ก็มันเป็นของขวัญที่ท่านพี่ให้ฟูจินี่นา...ฟูจิไม่ให้มันตายนะ!’

‘โอ้โห! หิ่งห้อย! ท่านพี่ไปเอามาจากไหนเหรอคะ ..สวยจังเลย......จริงเหรอ!! ยกให้ฟูจิจริงๆ เหรอคะ ยกให้จริงๆ นะ ห้ามทวงคืนด้วยล่ะ! ...รักท่านพี่ที่สุดเลย....’

‘ท่านพี่! พี่เรียว! รอฟูจิด้วยสิ! ให้ฟูจิไปเล่นด้วยคน โอ๊ย! ฮือๆๆๆ อย่าทิ้งฟูจิน้า แต่ก่อนฟูจิก็เล่นด้วยได้นี่ ฮือๆ ทำไม เดี๋ยวนี้ชอบทิ้งฟูจิประจำเลย....อย่าทิ้งฟูจิไว้ตรงนี้สิ...อย่าทิ้งนะๆๆๆ.....’

เสียงใสๆ ของเด็กน้อยวัยสิบขวบข้างบ้านที่เป็นเหมือนน้องสาวของเขา ผุดขึ้นมาในความคิดนานเท่าไหร่แล้วนะที่ร่างป้อมๆ วิ่งตามเขาต้อยๆ ยึดเขาเป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนเล่นไปในตัว

“แต่ตอนนี้เจ้ากำลังจะทิ้งพี่...” ร่างสูงกระซิบขึ้นมาอย่างขมขื่น

“ทำไมๆๆๆ ...นี่ข้าทำอะไรลงไป...ถ้าเจ้าทิ้งข้าไปอีกคน...แล้วข้าจะเหลือใครฟูจิ...ข้าจะเหลือใครอีก...” กอดร่างไร้ลมหายใจตรงหน้าแล้วพร่ำร้องไห้ราวจะขาดใจเป็นครั้งที่สองของวัน

...........ตราบเมื่อสูญเสีย....จึงจะรู้ค่า................

แต่ซักพัก เหมือนร่างสูงจะนึกอะไรออกจึงวางร่างบางลงที่พื้น แล้วลุกหันหลังเดินจากไป โดยไม่หันกลับมาอีกเลย

‘ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าสลายไปต่อหน้าต่อตาเหมือนซากุระ ดังนั้น...ข้าจะถือว่าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าจะอยู่ตรงนี้ฟูจิ! เจ้าจะคอยข้าอยู่ตรงนี้เสมอ...’ มือแกร่งกำแน่น น้ำตาไหลอาบใบหน้าคมจนเปียกไปทั้งหน้า ขายาวๆ ก้าวด้วยจังหวะที่คงที่

‘เจ้าจะหาย.... ถึงใครพูด...ข้าก็จะไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าเจ้าตาย ในเมื่อเจ้าบอกว่าการไม่ฟังใครก็เป็นข้อดีของข้า ข้าก็จะเชื่อเช่นนั้น เจ้ายังไม่ตาย ฟูจิโนะมิยะ! ’

ลับหลังร่างสูงได้ไม่นาน ร่างน้อยที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้หน้าบ้าน ก็วิ่งตรงกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง ใช่ว่าเคโคคุจะไม่ได้ทำตามที่มารดาบอก แต่หลังจากเด็กน้อยออกจากบ้านไปได้ซักพักก็เริ่มหลงทาง เมื่อไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี เด็กน้อยก็ ‘วิ่ง’ กลับมายังบ้านเพื่อเริ่มต้นใหม่โดยอาศัย ‘กลิ่น’ ของดอกฟูจิที่ลอยมาตามลมเป็นเครื่องชี้ทาง

แต่ร่างป้อมก็ทันมาเห็น ‘ผู้ชายคนนั้น’ เดินเข้าไปในบ้านพอดี ร่างน้อยไม่อยากพบหน้า ‘ชายผู้ให้กำเนิด’ จึงได้แต่ยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ รอให้ ‘ผู้ชายคนนั้น’ กลับไปก่อน รอจนเริ่มมีเสียงดังเกิดขึ้นในบ้านแล้วซักพัก เสียงนั้นก็เงียบหายไป แต่น้ำแข็งที่ไหนก็ไม่รู้ก็โอบล้อมรอบตัวเขาและต้นไม้แทบจะกระดิกตัวไม่ได้ ร่างน้อยค่อยๆ รวบรวมพลังเรียกไฟในร่างกายเพื่อสลายน้ำแข็ง จนเมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย ก็พอดีกับที่ ‘ผู้ชายคนนั้น’ เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจรอบข้างพอดี

เมื่อเคโคคุวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อจะถามทาง ก็ต้องชะงักกึกอยู่ตรงประตูเพราะมองเห็นร่างของมารดานอนนิ่งอยู่ในบ้าน ดาบน้ำแข็งที่ปักอยู่ตรงหัวใจเริ่มละลายกลายเป็นน้ำ น้ำแข็งที่เกาะอยู่รอบๆ ตัวบ้านก็เริ่มละลายเช่นเดียวกัน ภาพตรงหน้าร่างน้อยบอกอะไรๆ ได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กเดินไปนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ร่างของมารดาที่เริ่มสลายกลายเป็นกลีบฟูจิสีม่วง มือน้อยเอื้อมไปแตะดาบน้ำแข็งก่อนจะสลายดาบนั้นให้กลายเป็นน้ำด้วยความร้อนจากเจ้าตัว นั่นเป็นครั้งแรกที่เคโคคุเริ่มเกลียดน้ำอย่างจับใจ ‘น้ำ’ ที่พรากชีวิตของมารดา

แต่เด็กน้อยรู้ดี...ว่าตัวเขาในตอนนี้ยังไม่มีกำลังเพียงพอที่จะแก้แค้น สักวัน! เมื่อตัวเขาเข้มแข็งที่สุดในมิบุแล้ว เขาจะทวงความแค้นนี้แน่!!

ไม่นาน...ร่างของฟูจิโนะมิยะก็เริ่มสลายกลายเป็นกลีบฟูจิและละอองสีทองลอยอยู่รอบตัวลูกน้อยของนางจนหมด พลันโต๊ะไม้ ผนังห้องรวมไปถึงเรือนน้อยหลังนี้ก็เริ่มติดไฟจนลุกไหม้! ละลายน้ำแข็งที่เกาะอยู่ให้กลายเป็นน้ำและไอน้ำสลายไป .....

ร่างน้อยหยิบกิโมโนของมารดาขึ้นมากอดไว้แนบอก ความโกรธแค้นและเจ็บปวดของเจ้าตัวยิ่งส่งผลให้ไฟโหมกระพือลุกไหม้สิ่งรอบตัวจนแทบไม่เหลือซาก ใบหน้าน้อยแหงนเงยขึ้นปลดปล่อยไฟในตัวเป็นครั้งแรกด้วยอายุเพียงหกขวบ น้ำตาไหลรินผ่านร่องแก้มน้อย ก่อนจะหยดลงบนพื้นและสลายกลายเป็นไอไปด้วยความร้อน

“มันจะเป็นหยดแรกและหยดสุดท้ายเพื่อท่าน....ท่านแม่”

ร่างเล็กนั่งอยู่อย่างนั้น แม้รอบข้างจะมืดลง ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว จวบจนกระทั่งดวงดาวที่เปล่งแสงกระพริบพร่างพราวราวหิ่งห้อยบนท้องฟ้า ร่างน้อยก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มือน้อยกอดกิโมโนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และมีเพียงสถานที่ที่เด็กน้อยนั่งอยู่เท่านั้นที่ยังปกติดี แต่พื้นที่รอบๆ บ้านถูกไฟไหม้ไปทั้งแถบจนกลายเป็นสีดำไปทั่วบริเวณ!!

..................................................................................................................................................................

“ท่านแม่อยู่ที่ไหนกันนะ?”

นั่นคือคำถามที่ดังขึ้นมาจากร่างป้อมที่นั่งห้อยขาอยู่ตรงระเบียง ชินเรในชุดไว้ทุกข์สีขาวแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า เหมือนกับจะไล่ดูว่า...เมฆก้อนไหนที่มารดาอยู่

“ท่านแม่จะมองเห็นชินเรไหมนะ...”

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ร่วงหล่นมาจากดวงตากลมโต ก่อนจะไหลอาบไปบนใบหน้าและซอกคอ

“ชินเรอยู่ตรงนี้นะขอรับท่านแม่ ท่านแม่มองเห็นชินเรบ้างไหมขอรับ”

“หากเจ้ามัวแต่แหงนมองท้องฟ้า จะมองเห็นมารดาที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร?” เสียงกล่าวมาพร้อมกับผ้าสีฟ้าผืนเดิมที่คนข้างหลังได้คลี่ห่มให้ร่างน้อย

“ท่านลุง...” ร่างน้อยหันกลับมามอง แล้วจึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ “แต่ท่านแม่...ฮึก...อยู่บน...ฮึก....สวรรค์นี่ขอรับ...ทำไม...ท่าน...”

“ซากุระอยู่ตรงหน้าเจ้าต่างหาก”

‘ท่านลุง’ ชี้นิ้วไปที่กลุ่มต้นซากุระที่ปลูกอยู่ในสวน แต่ซากุระในฤดูนี้มีเพียงแค่ใบสีเขียวเต็มต้นเท่านั้น ชินเรก็อยากจะไปดูซากุระที่สวนฮารุอยู่หรอก แต่เพราะต้องไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ 100 วันชินเรจึงยังออกจากบ้านไม่ได้

ก่อนที่ร่างน้อยจะหันกลับมาตัดพ้อร่างสูงข้างหลัง ทันใดนั้น! ใบซากุระสีเขียวก็ค่อยๆ ร่วงลง! ดอกซากุระสีชมพูที่เริ่มเป็นดอกตูมเล็กๆ ได้งอกขึ้นมาจากแต่ละกิ่งและค่อยๆ บานออก จนในที่สุดใบไม้ก็ร่วงหมดต้นและซากุระสีชมพูก็บานสะพรั่งเต็มสวน!!

ชินเรมองต้นซากุระที่กำลังบานทุกต้นในสวนอย่างตกตะลึง แล้วก็รู้สึกว่าร่างของตนถูกอุ้มโดยท่านลุงพาเดินเหล่าต้นซากุระที่กำลังบานนั้น

“ไปหาซากุระกัน”

เมื่อมาหยุดยืนใต้ต้น ซากุระดอกแล้วดอกเล่าก็ร่วงหล่นลงมาบนพื้น บางดอกก็ร่วงลงผ่านหน้าชินเร ร่างน้อยแบมือรองรับดอกซากุระดอกหนึ่งที่กำลังตกลงมา มองดอกไม้แสนสวยในมือแล้วก็กล่าวต่ออย่างตื่นเต้น

“ดอกซากุระ! ท่านลุง! ท่านแม่! ท่านแม่...”

“ถูกแล้ว ชากุระก็จะอยู่กับชินเรตรงนี้ไงล่ะ และก็จะคอยมองชินเรตลอดไปไง ดังนั้น...เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ เดี๋ยวซากุระจะไม่สบายใจ” ขณะที่พูดปลอบเด็กน้อยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม แน่นอน...การถ่ายพลังชีวิตให้ซากุระต้นเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่การถ่ายพลังชีวิตให้ซากุระบานทั้งสวนกลับไม่ใช่เรื่องง่าย! ยิ่งเร่งให้ดอกซากุระบานภายในเวลาอันรวดเร็วด้วยแล้ว ทำให้ในตอนนี้ร่างสูงแทบจะหมดแรงทีเดียว แต่กระนั้นวงแขนแข็งแกร่งทั้งคู่ก็ยังกอดร่างน้อยแนบอกไม่เปลี่ยนแปลง

“ท่านลุงเหงื่อออกเยอะจัง ร้อนหรือขอรับ...” ถามพลางก็ยกชายผ้าสีขาวตรงแขนเสื้อของตนขึ้นมาซับหน้าเข้มๆ ของท่านลุงที่เริ่มซีดลง ดวงตาสีสวยของท่านลุงยังมองมาที่ชินเรอย่างอ่อนโยน...ราวกับจะปลอบโยน...รอยยิ้มตรงหน้าช่างเหมือน...เหมือนกับรอยยิ้มของท่านแม่

ร่างน้อยโอบแขนรอบคอร่างสูงก่อนจะซบหน้าลงไปบนไหล่หนา กล่าวกระซิบกับเจ้าของอ้อมกอด

“ชินเรไม่เป็นไรแล้วขอรับ ท่านแม่ก็อยู่ตรงนี้ ชินเรจะไม่ร้องไห้แล้วนะขอรับ ท่านลุงอย่าห่วงชินเรเลย” ก่อนจะยื่นจมูก ไปหอมแก้มใบหน้าเข้มแล้วยิ้มแป้นให้อย่างเอาใจ

“เห็นมั้ย...ชินเรไม่เป็นไรแล้วนะ.... ขอบพระคุณขอรับท่านลุง....”

‘ช่างคุ้มกับค่าเหนื่อยที่ลงแรงไปวันนี้จริงๆ ’ ร่างสูงคิดพลางก็กอดร่างน้อยแน่นขึ้น

‘ข้าจะดูแลเองซากุระ จะดูแลลูกเจ้าแทนเจ้าเอง ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะ หลับให้สบายเถอะ...หลับให้สบาย... ’

ทันใดลมก็พัดดอกซากุระที่อยู่บนพื้นลอยคว้างเป็นม่านซากุระรอบตัว ชินเรยิ้มและมองดูต้นซากุระเหล่านั้นด้วยความสุขใจ

“สวยจัง” แล้วกอดคอท่านลุงแน่นขึ้น

เห็นซากุระแล้วคิดถึงเคโคคุ เฮ้อ...ชินเรอยากเจอ.... ตอนนี้เคจังอยู่ที่ไหนกันนะ ชินเรออกจากบ้านไม่ได้ด้วยสิ ถ้าอยู่บ้านเดียวกันก็คงดี จะได้เล่นด้วยกันที่สวนซากุระแห่งนี้ทุกวันๆ เคจังอยู่ไหนน้า...อยากเจอเคจังจังเลย....


อยากเจอจัง






Create Date : 30 ธันวาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 19:15:43 น. 0 comments
Counter : 145 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ryoshin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ryoshin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.